ความต้องการทองคำในไทยลด สวนทางความต้องการทองคำโลก
14 / 07 / 2565 10:59
สภาทองคำโลกรายงานสถานการณ์ความต้องการทองคำในประเทศไทยว่า ในขณะที่ความต้องการทองคำทั่วโลกในไตรมาสที 1/65 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1,234 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี แต่ความต้องการซื้อทองคำของผู้บริโภคในประเทศไทยกลับลดลงจาก 8.3 ตันในไตรมาสแรกของปี 2564 ไปอยู่ที่ 3.8 ตันในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งนับว่าลดลงถึง 54% เลยทีเดียว
ผู้แทนสภาทองคำโลกประจำภูมิภาคสรุปว่า สาเหตุที่การบริโภคทองคำในประเทศไทยลดลงเนื่องจากผู้บริโภคทองคำในประเทศไทยมีแนวโน้มอ่อนไหวต่อราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะด้วยราคาขายภายในประเทศที่สูงนี้ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายทำกำไรเมื่อราคาถึงเป้าที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทองคำในประเทศไทยยังคงเผชิญกับคู่แข่งสำคัญอย่างการลงทุนแบบไม่ต้องถือครองผลิตภัณฑ์หรือที่เรียกว่า Paper Gold นั่นเอง
ดังนั้นภาพรวมการบริโภคทองคำของไทยจึงลดลง ทั้งการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญที่ลดลงถึง 74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จาก 6.2 ตันในไตรมาส 1/64 ไปอยู่ที่ 1.6 ตันในไตรมาส 1/65 แต่ความต้องการซื้อเครื่องประดับในกลุ่มผู้บริโภคขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแม้จะยังไม่กลับไปเท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดแต่การกลับมาเปิดประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวก็ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จาก 2.0 ตันในไตรมาส 1/64 ไปเป็น 2.2 ตัน ในไตรมาส 1/65
อนึ่ง การที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น ไปอยู่ที่ 2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเวลาสั้นๆ ในเดือนมีนาคม ทำให้ผู้บริโภคยังคงชะลอการซื้อทองคำไว้ก่อนและเลือกที่จะขายทำกำไรจากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นแต่โดยภาพรวมสภาทองคำโลก ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2565 ทองคำยังมีสถานะที่แข็งแกร่งเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความปลอดภัยสำหรับนักลงทุนและผู้บริโภครายย่อย