ดอลลาร์แข็ง ทองคำร่วง

27 / 09 / 2561 12:05

สภาทองคำโลก(World Gold Council)  ระบุว่าความต้องการทองคำ ครึ่งปีแรกของปีนี้(2561)ลดลง 6 เปอร์เซ็นต์ ไมทำจึงเป็นเช่นนั้น อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ทองคำสินทรัพย์ปลอดภัยประเภทหนึ่งมีความต้องการลดลง และราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง

เป็นที่ทราบกันดีว่า ดอลลาร์สหรัฐ เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางราคาทองคำ น้ำมัน หรือแม้สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันเงินดอลลาร์แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 13 เดือน และยังยืนระยะต่อเนื่อง ประกอบกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จาก 0 เปอร์เซ็นต์ ปรับขึ้นมาเป็น 1.75 %และยังคาดว่าจะปรับขึ้นอีกถึง 2.25 % มาตรการลดภาษีของรัฐบาลเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การใช้จ่ายผู้บริโภคมากขึ้น การลงทุนจากเอกชนและรัฐดีขึ้น เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวเร็วสุดตั้งแต่ 2014  ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้ ทำให้เงินไม่ไหลออกไปซื้อสินทรัพย์อื่น ดอลลาร์จึงแข็งค่าส่งผลต่อราคาทองคำที่ดิ่งลงมากสุดในรอบ 19 เดือน และยังมองไม่เห็นปัจจัยอะไรที่จะดึงให้ราคาทองฟื้นตัว

ในขณะที่ราคาทองคำลดลงแทนที่จะช่วยกระตุ้นการลงทุนในทองคำ กลับทำให้นักลงทุนเทขายทองคำ แล้วหันไปถือดอลลาร์สหรัฐฯแทน ทำให้ความต้องการทองครึ่งปีนี้น้อยลงมาก อีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือความกังวลต่อวิกฤตค่าเงินและเศรษฐกิจตุรกี  นักวิเคราะห์มองว่าหากมีปัจจัยอะไรมาฉุดดอลลาร์สหรัฐฯ ให้อ่อนค่าลง ก็อาจทำให้ราคาทองปรับขึ้นได้บ้าง แต่ในมุมของผู้ค้าทองคำเชื่อว่าราคาทองไม่น่าจะต่ำลงไปกว่านี้มากนัก

ราคาทองคำตลาดโลกที่ตำลงนี้ส่งผลต่อราคาทองคำในบ้านเรา ร้านทองต้องปรับป้ายราคาหลายรอบต่อวัน  อีกทั้งค่าเงินบาทก็มีผลต่อราคาทองคำในบ้านเราด้วย ซึ่งในรอบเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาราคาทองถือว่าดิ่งลงมากที่สุดในรอบปี นับตั้งแต่ข่าววิกฤตเศรษฐกิจของตุรกี ราคาทองบ้านเราร่วงลงไปแล้ว 500 บาท แต่ถ้าเทียบตั้งแต่ต้นปี ราคาทองเปลี่ยนแปลงลดลงบาทละ 1,500   

ในสถานการณ์แบบนี้คงเกิดคำถามว่าควรซื้อ หรือขายออกดี สำหรับนักลงทุนควรรอให้สถานการณ์ราคานิ่งก่อนไม่ต้องรีบร้อน แต่ถ้าต้องการซื้อทองรูปพรรณเพื่อเป็นของขวัญหรือเครื่องประดับ ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะราคาทองต่ำสุดในรอบ 2-3 ปี  เลยทีเดียว


เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่  https://www.aagold-th.com/gold-rate/