ความต้องการทองคำของอิหร่านหลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตร

20 / 11 / 2561 15:03

มีความกังวลมากมายในตะวันออกกลางหลังจากสหรัฐอเมริกาถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำกันมาตั้งแต่ปี 2015 และประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบใหม่ต่ออิหร่าน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2018  ซึ่งส่งผลกระทบราคาน้ำมัน และคามต้องการทองคำของประชาชน
           
สภาทองคำโลก ( World Gold Council ) รายงานสถานการณ์ความต้องการทองคำในตะวันออกกลางว่า ในไตรมาสแรกของปี 2018 ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำของประเทศในแถบอ่าวเปอร์เซียทะยานขึ้นสู่ระดับ 9.3 ตัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ทั้งนี้เนื่องมาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันย่ำแย่ระหว่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกา

เฉพาะในประเทศอิหร่าน ประชาชนซื้อทองคำจำนวนมากขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยมียอดขายทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน(2017) มาอยู่ที่ 24.5 ตัน โดยทองคำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากประชาชนชาวอิหร่านคือเหรียญทองคำที่ออกโดยรัฐบาล เพราะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากการซื้อขายทองคำ ทำให้ราคาขายถูกกว่าราคาทองคำในตลาด

การขายเหรียญทองคำนี้ถือเป็นแหล่งรายได้โดยตรงของรัฐบาลอิหร่าน และมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบใหม่ ของสหรัฐ ทำให้ค่าเงินสกุล เรียลแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แม้รัฐบาลอิหร่านจะพยามใช้มาตรการต่างๆในการพยุงค่าเงินเรียล เมื่อแลกเปลี่ยนกับเงินดอลลาร์สหรัฐแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ดีชาวอิหร่านได้ออกมาร่วมกันปกป้องทรัพย์สินของตนเองด้วยการยกเลิกบัญชีธนาคารสกุลเงินดอลล่าร์ และหันมาซื้อเหรียญทองคำที่ออกโดยรัฐบาลแทนเงินดอลล่าร์แล้ว

ทั้งนี้มาตรการคว่ำบาตรที่รัฐบาล ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่านต้องเผชิญคือ ทางภาคยานยนต์ การค้าทองคำและโลหะมีค่า และการซื้อสินทรัพย์สหรัฐฯ เช่น ธนบัตร โดยรัฐบาลอิหร่าน เป็นต้น และ  ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2018 สหรัฐฯ จะกลับมาคว่ำบาตรในภาคพลังงาน การทำธุรกรรมเกี่ยวกับปิโตรเลียม และการบริการจัดจำหน่ายประกันของอิหร่าน เป็นต้น รวมถึงบทลงโทษทางการเงินกับประเทศที่ทำการค้าขายน้ำมันกับอิหร่านหลังจากนี้ด้วย
ผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่ออิหร่านจะไปจบที่ตรงไหน เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป


เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่  https://www.aagold-th.com/gold-rate/