ทองพลุ

15 / 07 / 2562 11:52

ทองพลุ เป็นชื่อที่เราคุ้นเคยในฐานะขนมไทยโบราณตระกูล “ทอง” แต่ทองพลุที่เป็นต้นไม้ให้ดอกสีสันเหลืองส้มสดใส หลายคนอาจยังไม่รู้จัก หรือเคยพบเห็นมาบ้างแต่ไม่รู้ว่าชื่อ “ทองพลุ” คิดไปว่าเป็นต้นหางนกยูงที่ปลูกกันแบบเกลื่อนกลาดในบ้านเราเพราะมีลักษณะคล้ายกัน เพียงแต่ทองพลุมีทรงพุ่มตรงๆขึ้นไป ไม่แบะออกในแนวนอนเหมือนกับหางนกยูง

ทองพลุ  มีชื่อสามัญว่า Colville’s Glory, Colvillea หรือ Whip Tree  เป็นไม้ดอกยืนต้นมีถิ่นกำเนิดมาจากเกาะมาดากัสการ์  มีทรงต้นที่สวยงาม ใบสวย  ดอกช่อยาวสีส้มแดง  สวยสดใส  เหมาะสำหรับการจัดสวนเป็นอย่างมาก

ทองพลุ  เมื่อโตเต็มที่จะสูงกว่า 15 เมตร เลี้ยงง่าย  ยอดจะแทงขึ้นไปตรงๆเพื่อแตกใบใหม่  ท้องใบมีสีม่วงเข้ม หลังใบสีเขียวปนม่วง  จะให้ดอกเมื่ออายุได้ประมาณ 4 ปีขึ้นไป ในช่วงหน้าแล้งจะทิ้งใบจนหมดต้น ชอบบริเวณที่รับแดดตลอดวัน ไม่ชอบที่น้ำขัง

ปัจจุบัน ต้นทองพลุมีขายทั่วไปตามร้านต้นไม้ราคาหลักร้อย ตั้งแต่ร้อยต้นๆถึงร้อยปลายๆ แล้วแต่ขนาดของต้น ส่วนใครสนใจที่จะเพาะเมล็ดเองก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีเทคนิคพอสมควร คือ ก่อนเพาะเมล็ดให้ใช้มุมกรรไกรตัดเล็บตัดเปลือกเมล็ดทองพลุนิดหน่อยแต่ระวังอย่าให้ลึกเกินไปเพื่อให้น้ำซึมเข้าไปในเมล็ดได้ง่ายขึ้นเนื่องจากเปลือกค่อนข้างแข็งน้ำเข้าไปได้ยาก จากนั้นแช่น้ำไว้หนึ่งคืน ขึ้นตอนต่อไปนำเมล็ดที่แช่น้ำออกมาฝนกับตะไบหรือกระดาษทรายหยาบจนเปลือกสึกหรือบางลง เป็นการกระตุ้นเมล็ดให้งอกไวขึ้น หรือจะใช้วิธีแช่ในน้ำร้อนสัก 30 วินาทีก็ได้ประมาณแล้วแช่น้ำต่ออีกหนึ่งคืน จากนั้นนำไปลงดินปลูก โดยฝังไม่ต้องลึกมากเพียง 1-1.50 นิ้วก็พอ จากนั้นก็รอเวลาให้ต้นออกงอกออกมาจากเมล็ดซึ่งใช้เวลานานพอสมควร อาจนานเกือบเดือนซึ่งต้นอ่อนมีลักษณะคล้ายต้นกระถิ่น การเพาะเมล็ดนี้อาจดูช้าไม่ทันใจเหมือนซื้อต้นที่โตแล้วจากร้านค้า แต่สิ่งที่ได้มาคือความสุขทางใจที่เห็นเมดล็ดพันธุ์ที่เราเพาะกับมือค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นทีละน้อย

ส่วน“ทองพลุ” ที่เป็นขนมนั้น เป็นขนมมงคลของไทย มีความหมายถึง “ความเจริญ มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนพลุ” ขนมชนิดนี้จริง ๆ มีต้นตำรับมาจากฝรั่งเศส ดัดแปลงมาจากขนมเอแคลร์ ต่างกันตรงที่ขนมเอแคลร์ใช้อบและมีไส้ ส่วนขนมทองพลุจะใช้วิธีทอด  ดังนั้นถ้าใครทำขนมเอแคลร์ได้ ก็ทำขนมทองพลุได้เช่นกัน
ขนมทองพลุถูกจัดเป็นขนมชาววัง เพราะสมัยก่อนคนที่จะได้กินขนมที่ใส่นมหรือเนยนั้น ก็มีแต่ชาววัง ข้าราชการชั้นสูงหรือระดับเจ้าสัวเท่านั้น ส่วนคนไทยแท้ดั้งเดิมที่เป็นไทยแท้ๆ พื้นบ้านที่ไม่ใช่ลูกแขกจะไม่ค่อยนิยมกินขนมชนิดนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า นมหรือเนยมีกลิ่นเหม็นคาว ปัจจุบันขนมทองพลุถูกดัดแปลงให้มีทั้งไส้หวานและเค็มและหารับประทานได้ง่ายขึ้น