อินทรีทอง (Golden Eagle)

02 / 08 / 2562 12:56

อินทรีทอง หนึ่งในนกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ ขนเป็นสีน้ำตาลแกมสีเหลืองทอง ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อ อินทรีสีทอง เป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความกล้าหาญ พบได้ทั่วไปในทวีปยุโรป ,เอเชีย กลาง และ อเมริกาเหนือ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของหลายๆประเทศ เช่นประเทศเม็กซิโก แอลเบเนีย และเยอรมนี

นกอินทรีทองจะมีอาณาเขตกว้างขวางประมาณ 200 ตารางกิโลเมตร หรือราว 77 ตารางไมล์  พวกมันจะสร้างรังขนาดใหญ่ บริเวณชะง่อนหินตามหน้าผา หรือบางครั้งอาจทำรังในทุ่งหญ้า อยู่กันเป็นคู่ บางครั้งมีคู่ครองเพียงตัวเดียวตลอดชีวิต เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักมากถึง 6 กิโลกรัม ปีกกว้างราวสองเมตร ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 30-45  กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะหนักกว่า  วางไข่ครั้งละ 2 ฟอง ปีละครั้ง ลูกนกอินทรีทองจะถูกเลี้ยงจนกระทั่งบินได้โดยใช้เวลาราว 3 เดือน หลังจากนั้นลูกนกจะเดินทางไปในฟ้ากว้างและสร้างเขตแดนของตัวเองเมื่ออายุได้4 ถึง 5 ปี

ในสมัยโบราณอินทรีชนิดนี้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของกองทหารโรมัน ส่วนชาวพื้นเมืองในเอเชียกลางจะฝึกนกชนิดนี้ไว้ใช้ในการล่าสัตว์จำพวก กระต่าย, สุนัขจิ้งจอก และกวาง โดยในการโจมตีเหยื่อขนาดใหญ่ นกอินทรีทองจะใช้กรงเล็บขยุ้มที่ส่วนหัวทำให้เหยื่อตายทันที

ครั้งหนึ่งนกอินทรีทองเคยอยู่อย่างแพร่หลายทั่วซีกโลกเหนือ แต่ปัจจุบันเริ่มมีจำนวนลดลงเนื่องจากเหยื่อของมันลดจำนวนลง อีกทั้งยังถูกคุกคามจากนักล่าสัตว์  ที่ประเทศมองโกลเลียซึ่งมีวิถีชีวิตผูกพันกับอินทรีทอง จะมีการจัดงาน เทศกาลนกอินทรีทอง  หรือเทศกาลมองโกเลียน อัลไต อีเกิ้ล (Mongolian Altai Eagle Festival) เป็นประจำทุกปี  ที่เมืองอูกริ โดยมีชาวคาซัคสถานและชาวมองโกเลีย นำนกอินทรีที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีออกมาประลอง ความเร็ว ความว่องไว และความแม่นยำในการล่าเหยื่อ  คนพื้นเมืองจะใส่เสื้อขนสุนัขจิ้งจอก มีเครื่องประดับเต็มชุด และที่แขนมีนกอินทรีทอง (Golden Eagle) เกาะอยู่ สำหรับปี 2019 เทศกาลนกอินทรีทอง จะจัดขึ้นในวันที่ 5-6 ตุลาคม 

ในอดีตเทศกาลอินทรีทองเป็นการแข่งขันจับจิ้งจอกจริงๆ ไม่ใช่การโชว์อย่างในปัจจุบัน โดยเจ้าของจะปล่อยนกอินทรีออกไปเมื่อเห็นเหยื่อซึ่งก็คือสุนัขจิ้งจอก  นกอินทรีจะถูกฝึกมาให้ล่า ความแข็งแรงของกรงเล็บ และความใหญ่ของตัวมัน ทำให้การจับจิ้งจอกทำได้ไม่ยากนัก และเมื่อจับได้นกอินทรีจะไม่ฆ่า แต่จะปล่อยให้เจ้าของมันมาจัดการถลกหนังออกเพื่อนำขนไปใช้ ทุกวันนี้การล่าเปลี่ยนรูปแบบไปเพื่อการท่องเที่ยว คือจะไม่ใช้จิ้งจอกตัวจริง แต่จะนำหนังติดเนื้อจิ้งจอกพาดไว้บนหลังม้าแล้วให้เจ้าของนกอินทรีเป็นคนขี่ส่วนผู้ช่วยเป็นคนปล่อยนกอินทรีจากที่สูงเท่านั้น