ราคาทองขาขึ้น อาจถึง 30,000 บาทใน1-2 ปีนี้

30 / 06 / 2563 16:35

“ทองคำ” เป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก  การถือทองคำไว้มีค่ามากกว่าถือเงินตราสกุลต่างๆเพราะ  “ทองคำ” มีมูลค่าในตัวเองไม่วาจะอยู่ในรูปแบบใด (ทองก้อน ทองแท่ง ทองรูปพรรณ) ในสมัยก่อนเมื่อ 40 -50 ปีที่แล้วทองคำ1 บาทมีมูลค่า เพียง 400-  500 บาท  ปัจจุบันราคาทองมีมูลค่ามากกว่า  25,000 บาท อีกทั้งธนาคารทั่วโลก ยังถือทองคำไว้เป็นส่วนหนึ่งของเงินสำรองระหว่างประเทศ ทองคำจึงถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยมาก และคาดการว่าในระยะ  1-2  ปีนี้ทองคำหนัก 1 บาทจะมีมูลค่าขึ้นไปถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว

นักวิเคราะห์ชี้ว่าปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นต่อเนื่องมาเหตุมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ  อัตราดอกเบี้ยในตลาดทั่วโลกที่ต่ำมาก ในบางประเทศการฝากเงินมีอัตราดอกเบี้ยติดลบแล้ว เช่นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเดนมาร์ก นักลงทุนจึงต้องหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า อีกทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นก็ค่อนข้างเสี่ยงมากเกินไป ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกจากการระบาดของไวรัสโดวิด-19 และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทำให้เงินลงทุนไหลมาที่ตลาดทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด

นอกจากนี้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะ จีน อินเดีย และรัสเซีย เริ่มสะสมทองคำเพิ่มมากขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยในระหว่างปี 2015-2018 เฉพาะธนาคารกลางรัสเซียซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในปริมาณที่มากกว่า 200 ตันต่อปี โดยล่าสุดในปี 2019 ธนาคารกลางรัสเซียถือครองทองคำเพิ่มขึ้นถึง 158.1 ตันเลยทีเดียว ไม่เฉพาะประเทศใหญ่ๆเท่านั้น ธนาคารกลางของประเทศต่างๆทั่วโลกก็มีแนวโน้มว่าจะสะสมทองคำเพิ่มขึ้น โดยสภาทองคำโลก (World Gold Council) ได้ทำการสำรวจความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศในตลาดเกิดใหม่ พบว่า ธนาคารกลางกว่า  1 ใน 5 หรือคดเป็น  20% เตรียมจะเพิ่มปริมาณทองคำสำรองของประเทศในอีก 12 เดือนข้างหน้า และผลสำรวจยังบ่งชี้อีกว่า ปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ธนาคารกลางใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเพิ่มทองคำสำรอง ได้แก่ สภาวะอัตราดอกเบี้ยติดลบ, ประสิทธิภาพของทองคำในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติ และการที่ทองคำปราศจากความเสี่ยงของการผิดนัดชำระ 

อีกปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อราคาทองคำคือ ความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าหลักๆของโลก เช่น น้ำมัน ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น  จีนมีการซื้อน้ำมันจากประเทศคู่ค้าโดยใช้สกุลเงินหยวนในการซื้อขายทำให้ความต้องการและการถือครองเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐลดลง เพราะค่อนค้างมีความเสี่ยงในระยะยาวที่เงินดอลลาร์จะด้อยค่าลง นักลงทุนจึงหันไปถือครองทองคำเพื่อลดความเสี่ยงมากขึ้น

เหล่านี้เป็นปัจจัยหนุนที่คาดว่าจะทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามหรือความไม่สงบในระดับโลกก็เริ่มมีมากขึ้น จึงน่าจะทำให้ราคาทองคำจะขึ้นไปจนถึงบาทละ 30,000 บาทภายใน 1-2 ปีนี้