
มองอนาคตราคาทองคำจากสถานการณ์ปัจจุบัน
29 / 09 / 2563 17:03
ที่ผ่านมาราคาทองคำต่างประเทศ (gold spot) ปรับขึ้นมาอยู่ที่มากกว่า 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบเกือบ 9 ปี (ปี 2011 ที่ราคาขึ้นไปถึง 1,912 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อไป ทั้งนี้ก็ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยืดเยื้อนำไปสู่การอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่าง ๆ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเสถียรภาพของค่าเงินและหันมาถือทองคำมากขึ้น
ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) พบว่า ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มอยากถือทองคำเพิ่มขึ้นที่ระดับ 20-30% จากปี 2562 ที่ 10% ขณะที่กองทุนทองคำโลก (SPDR) มีการซื้อสุทธิทองคำเพิ่มขึ้น 300 ตัน มาอยู่ที่ 1,200 ตัน จากต้นปีที่ถือทองคำ 900 ตัน ซึ่งแนวโน้มราคาทองคำต่างประเทศในช่วงต่อไปจากนี้ สมาคมค้าทองคำ มองว่าน่าจะอยู่ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ขึ้นไป และจะยังคงเป็นขาขึ้นมากกว่าขาลง เพราะโควิดคงจะยังไม่จบเร็วๆนี้ โดยคาดการณ์ว่ารัฐบาลต่าง ๆ อาจมีการกู้หนี้เพิ่มเพื่ออัดฉีดงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้ราคาทองมีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิมที่ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์
ในส่วนทองคำในประเทศนั้น คาดว่าน่าจะทะลุ 30,000 บาท/บาททองคำ บนสมมติฐานค่าเงินบาทที่ 31.20 บาท/ดอลลาร์ โดยตั้งแต่ต้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน ราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นแล้ว ประมาณ 19.5% หรือปรับขึ้นประมาณ 283 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นประมาณ 24% หรือ 5,200 บาท/บาททองคำ
อย่างไรก็ตามสภาทองคำโลกมองว่าความเสี่ยงและความไม่แน่นอน รวมถึงค่าใช้จ่ายและโอกาสในการลงทุน มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการลงทุนทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีนักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากตลาดทุนและค่าเงิน ทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นถึง 17% สูงกว่าสินทรัพย์หลักทั้งหมดอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในนรอบเกือบ 9 ปี ส่วนหนึ่งมาจากการบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป(อียู) วงเงิน 7.5 แสนล้านยูโรเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจของอียู จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บวกกับการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ก็เป็นแรงบวกให้ราคาทองคำยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต