จากยุค Gold Rush สู่เมือง ghost town

07 / 12 / 2563 13:16

ในช่วงทศวรรษที่ 1840-1870 อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในสหรัฐอเมริกาถือว่ารุ่งเรืองมาก โดยเฉพาะใน ปีค.ศ. 1848 – 1855 เป็นยุคที่อุตสาหกรรมเมืองทองคำรุ่งเรืองที่สุดจนได้ชื่อว่าเป็น ยุคตื่นทองที่แคลิฟอร์เนีย (California Gold Rush) มีเหมืองทองคำกว่า 20 แห่งกระจายอยู่ทั่วเมือง มีประชาชนกว่า 300,000 คน จากทั่วสหรัฐอเมริกา และต่างประเทศ ให้เดินทางมายังแคลิฟอร์เนียเพื่อขุดทอง แต่เมื่อการทำเหมืองทองซบเซาลง แร่ทองคำหายากขึ้นจนแทบหมดไปจากพื้นที่ ผู้คนเริ่มทยอยทิ้งเมืองไปจนทำให้หลายเมืองกลายเป็นเมืองร้าง เหลือทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพัง หนึ่งในนั้นคือเมือง โบดี้ (Bodie)

Bodie ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา  เคยเป็นหัวใจสำคัญของเมืองชายแดนตะวันตก เพราะมีการทำเหมืองแร่ทองคำ จึงมีผู้คนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนี้กว่า 10,000 คน  มีร้านค้ามากมายและยังมีย่านไชน่าทาวน์อยู่กลางเมือง ทำให้เมืองโบดี้รุ่งเรืองและคึกคักมาก จนกระทั่งในปี 1879 อุตสาหกรรมเหมืองแร่ซบเซา เหมืองทองทยอยปิดตัวลงทำให้ชาวเมืองเริ่มทยอยย้ายออก ไป อีกทั้งเมืองโบดี้ได้ชื่อว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน มีการฆ่ากันเกิดขึ้นเป็นประจำ กฎหมายเข้าไม่ถึง ประกอบกับเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ลุกลามเผาทำลายบ้านเมืองและร้านค้าเกือบทั้งหมดเหลือไว้เพียงอาคารร้าง 150 หลังทำให้เมืองที่เคยคึกคัก กลายเป็นเมืองร้างจนได้ฉายาว่า "ghost town"

ปัจจุบันเมืองโบดี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติของรัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวชมปีละกว่า 200,000 คนเลยทีเดียว

นอกจากเมือง Bodie ยังมีอีกเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองร้างแห่งแคลิฟอร์เนีย นั่นก็คือ เมือง “Cerro Gordo” ตั้งอยู่ในหุบเขา Inyo ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1865 เคยรุ่งเรืองมากด้านการทำเหมืองเงิน และสังกะสี เป็นเมืองที่มีการขุดพบแร่เงินมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดเมืองนี้เจริญที่สุดเมืองCerro Gordo มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 5,000 คน ต่อมาการทำเหมืองค่อยๆ เสื่อมลง จนในที่สุดเมื่อปี 1950 เมืองนี้ก็ถูกทิ้งร้างไปโดยสมบูรณ์ 

ปัจจุบันเมืองCerro Gordo อยู่ภายใต้การครอบครองของนักธุรกิจชื่อ Brent Underwood ที่ตกหลุมรักเมืองร้างแห่งนี้ โดยไม่สนประวัติความเป็นมาของเมืองทุ่มเงินซื้อไปเมื่อปีค.ศ.2018 ในราคา 1.4 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 42 ล้านบาท ประกอบไปด้วยอาคารจำนวน 22 หลัง โบสถ์ที่ดัดแปลงเป็นทั้งโรงละคร และร้านขายของชำ Underwood วางแผนจะสร้างสตูดิโอดนตรี และจะเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมเมืองนี้ในอนาคตหากแผนการของเขาเป็นจริง เมืองนี้ก็อาจจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เก๋อีกแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา