เครื่องประดับทองยังเป็นที่ต้องการในจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง

03 / 12 / 2564 07:08

สภาทองคำโลกหรือ World Gold Council (WGC) รายงานความต้องการเครื่องประดับทองทั่วโลกว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากช่วงเดียวกันของปี 2020 อยู่ที่ 443 ตัน โดยระบุสาเหตุว่ามาจากความต้องการของผู้บริโภคเครื่องประดับทองในจีน อินเดีย และตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดใหญ่และเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวหลังวิกฤติโควิด-19คลี่คลาย

ข้อมูลจากรายงาน Gold Demand Trends ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ของ WGC ระบุว่าความต้องการเครื่องประดับทองของตลาดตะวันออกกลางในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 46 จากช่วงเดียวกันของปี 2020 มาอยู่ที่ราว 40 ตัน เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวลดลงและค่อนข้างมีเสถียรภาพ ตลอดจนมีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด-19 ประกอบกับมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากอินเดียทำให้ปริมาณความต้องการเครื่องประดับทองในตลาดตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

ส่วนตลาดใหญ่อย่างจีนและอินเดียว ตัวเลขคว้าองการเครื่องประดับทองก็ขยับตัวสูงขึ้น โดยความต้องการเครื่องประดับทองของจีนในไตรมาสที่ 3 ของปี 2021เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เป็น 157 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุมาจากราคาทองคำที่เสถียรขึ้นและรายได้สุทธิที่สูงขึ้น 
            ในขณะเดียวกันความต้องการเครื่องประดับทองในอินเดียก็เพิ่มสูงขึ้นราวร้อยละ 58 จากช่วงเดียวกันของปี2020 มาอยู่ที่กว่า 96 ตัน เนื่องจากราคาทองคำที่ลดต่ำลงและเศรษฐกิจอินเดียโดยรวมที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นประกอบกับมีความต้องการตกค้างมาจากช่วงวิกฤติโรคระบาดอีกจำนวนหนึ่ง

ความต้องการเครื่องประดับทองในจีน อินเดีย และตะวันออกกลางนี้เติบโตควบคู่กับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดตะวันตก อย่างสหรัฐอเมริกาที่ขยายตัวร้อยละ 12 และตลาดเอเชียอย่างอินโดนีเซีย และไทยที่เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 56 และ 39 ตามลำดับ แต่ในมาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ความต้องการยังลดลงร้อยละ 46, ร้อยละ 14 และร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19

อย่างไรก็ตามแม้จะมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในจีน อินเดียและตะวันออกกลาง แต่ตัวเลขก็ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด19ในปี 2019 อยู่ร้อยละ 6 และตามหลังค่าเฉลี่ยรายไตรมาสในรอบ 5 ปีอยู่ร้อยละ 12 ส่วนในแง่มูลค่านั้นความต้องการเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เป็น 25,500 ล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นความต้องการช่วงไตรมาสที่ 3 ที่สูงที่สุดในรอบ 8 ปีเลยทีเดียว