UAE ถูกขึ้นบัญชีเฝ้าระวังประเทศที่มีความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน

05 / 04 / 2565 10:28

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือUAE  ไม่เพียงเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกเท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อสร้างรายและลดการพึ่งพาน้ำมัน ทั้งการส่งเสริมการค้าการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสำหรับชาวต่างชาติ การส่งเสริมให้นครดูไบ เป็นศูนย์กลางการค้าทองคำที่สำคัญของโลก ทำให้UAEกลายเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาค และด้วยกฎระเบียบการเปิดเสรีทางการค้านี้เองได้กลายเป็นช่องทางให้มีการใช้UAEเป็นแหล่งฟอกเงินและลักลอบค้าทอง

ในต้นเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมาคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงินและการสนับสนุนด้านการเงินแก่การก่อการร้าย (Financial Action Task Force : FATF)ได้ประกาศบัญชีเฝ้าระวังประเทศที่มีความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน (Grey List) ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศแอลเบเนีย บาร์เบโดส บูร์กินาฟาโซ กัมพูชา หมู่เกาะเคย์แมน เฮติ จาเมกา จอร์แดน มาลี มอลตา โมร็อกโก เมียนมา นิการากัว ปากีสถาน ปานามา ฟิลิปปินส์ เซเนกัล ซูดานใต้ ซีเรีย ตุรกี ยูกันดา และเยเมน และประเทศที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในครั้งนี้ คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

ทั้งนี้ การที่มีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ปรากฏในรายชื่อดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าในทันที แต่อาจเป็นอุปสรรคที่เพิ่มขึ้นในการทำธุรกิจโดยเฉพาะในดูไบที่เป็นแหล่งเขตปลอดภาษีราว 75% ของทั้งประเทศ ซึ่งดูไบไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การค้าทองคำ แต่ยังเป็นศูนย์กลางการค้าเพชรก้อนที่สำคัญไม่แพ้ Antwerp ในเบลเยียมอีกด้วย นอกจากนี้ Jewelers Vigilance Committee (JVC) ในสหรัฐอเมริกา ได้ให้ความเห็นว่า ควรต้องมีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นในประเด็นการฟอกเงิน ถ้ากิจการมีหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ตั้งอยู่ในประเทศที่มีรายชื่อในบัญชีเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นแผนกตรวจสอบของธนาคารจะต้องสอดส่องรายการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทในสหรัฐอเมริกากับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างเข้มงวดด้วย

ทั้งนี้ ในปี 2564 ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คิดเป็นมูลค่า 192.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องประดับทอง เพชรเจียระไน และพลอยเนื้อแข็งเจียระไน ในสัดส่วน 59.05%, 33.74% และ 2.42% ตามลำดับ