สงครามการค้า จีน-สหรัฐ กับผลกระทบต่อตลาดเครื่องประดับ(ทองคำ)ของไทย

05 / 03 / 2562 18:37

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจีนส่งออกเครื่องประดับทองไปยังสหรัฐฯในสัดส่วนราวร้อยละ 70 ของมูลค่าการส่งออกเกือบ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน ในขณะที่จีนนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับจากสหรัฐฯ เฉลี่ยในรอบ 5 ปีไม่ถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนำเข้าโลหะเงินเป็นหลักราวร้อยละ 30 รองลงมาเป็นเครื่องประดับหุ้มหรือติดด้วยโลหะมีค่า และเครื่องประดับทองตามลำดับ

ทั้งนี้ ปัจจุบันภาษีนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากจีนไปยังสหรัฐฯ มีอัตราต่าสุดคือ ร้อยละ 0 และอัตราสูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 17.9  เช่น ไข่มุกเสียภาษีนำเข้า 0%  โลหะแพลทินัม10%  เพชร0-10%  ทองคำที่หุ้มติดด้วย แพลทินัม20%  เครื่องทองหรือเครื่องเงิน 12.7-17.9%  โลหะที่หุ้มติดด้วยทองคำ16%  และทองคำ10-14.1%  เป็นต้น

ซึ่งการทำส่งครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งในแง่บวกและลบต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวคือ

ในระยะสั้นไทยจะได้รับทั้งผลดีและผลเสียจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยผลดีที่ไทยจะได้รับนั้นอาจทำให้มูลค่าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะสหรัฐฯ อาจนำเข้าสินค้าจากไทยทดแทนจีน ในขณะเดียวกันไทยก็จะได้รับผลเสียทำให้ไทยอาจส่งออกพลอยสีไปยังจีนได้ลดลง เพราะจีนน่าจะส่งออกเครื่องประดับไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ได้น้อยลง ก็จะลดการนำเข้าสินค้ากึ่งวัตถุดิบอย่างพลอยสีที่จะนาไปประกอบเป็นเครื่องประดับจากไทยลดลงตามไปด้วย

ในระยะยาวไทยจะได้รับผลกระทบในทางลบเพียงอย่างเดียว หากสงครามการค้ายืดเยื้อและทวีความรุนแรงจนทำให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหยุดชะงัก ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัว การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยไปยังตลาดโลกก็อาจเติบโตในอัตราลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น บริหารสต๊อกวัตถุดิบและสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้ใช้สร้างโอกาสทางการค้าได้ถูกจังหวะเวลา รวมถึงกระจายความเสี่ยงด้วยการส่งออกไปยังตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น


เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่ https://www.aagold-th.com/gold-rate/