มาตรการคุมเข้มการนำเข้าของคำของจีน

10 / 09 / 2562 18:08

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา จีนออกมาตรการคุมเข้มการนำเข้าทองคำ เนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับวหรัฐที่รุนแรงขึ้น ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจท้องถิ่นร่วงลงมาเติบโตต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี กดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี จึงเป็นไปได้ว่าการนำ

มาตรการคุมเข้มการนำเข้าทองคำก็เพื่อสกัดกั้นการไหลออกของเงินดอลลาร์และหนุนค่าเงินหยวนนั่นเองแหล่งข่าวในอุสาหกรรมทองคำอ้างว่า จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาลดการนำเข้าทองคำลงมาราว 300-400 ตัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือลดลงราว 15,000-25,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ข้อมูลจากกรมศุลกากรของจีนแสดงให้เห็นว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าทองคำลดลง 308 ตัน คือจาก 883 ตันเหลือเพียง 575 ตัน ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีนนำเข้าทองคำเพียง 71 ตัน ลดลงจากจำนวน 157 ตันในเดือนเดียวกันของปี 2561 ส่วนในเดือนมิถุนายนการนำเข้าทองคำลดลงเหลือเพียง  78 ตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่นำเข้า 199 ตัน

นอกจากนี้แหล่งข่าวตลาดทองคำในอังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์และจีน ยังบอกด้วยว่าตามปกติธนาคารจีนจะเป็นผู้กำหนดโควตาการนำเข้าทองคำให้กับผู้นำเข้าทั้งหมด ทั้งธนาคารท้องถิ่นและบริษัทข้ามชาติ แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โควตาการนำเข้าลดลงอย่างมาก หรือไม่อนุญาตให้นำเข้าเลย
ทั้งนี้ จีน เคยออกมาตรการต่างๆเพื่อควบคุมเงินทุนไหลออดในช่วงที่เงินหยวนอ่อนค่ามาแล้ว เช่นการลดปริมาณจัดหาเงินหยวนในตลาดต่างประเทศ การกระตุ้นให้ธนาคารต่างๆส่งเงินดอลลาร์ที่ถือครองอยู่ในต่างแดนกลับประเทศ เป็นต้น โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 หลังเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างมาก ซึ่งการควบคุมที่ผ่านมาไม่ได้คุมเข้มมากเท่ากับครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก

ปัจจุบัน จีน เป็นประเทศผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ของโลก โดยเมื่อปี 2018 นำเข้าทองคำราว 1,500 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 60,000 ล้านออลลาร์ เทียบเท่ากับ 1 ใน 3 ของปริมาณการจัดหาทองคำทั่วโลก โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ความต้องการเครื่องประดับทองคำ เหรียญทองคำ และทองคำแท่งในจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากประชาชนมีความมั่งคั่งมากขึ้น อีกทั้งปริมาณทองคำสำรองก็พุ่งสูงขึ้นเกือบ 2,000 ตันอีกด้วย