เมื่อเวียดนามจะกลายเป็นฐานการผลิตเครื่องประดับแทนไทย

13 / 11 / 2562 15:20

การที่สหรัฐตัดสิทธิพิเศษทางการค้ากับไทย ทำให้สินค้าหลายประเภทได้รับผลกระทบ รวมถึงสินค้าเครื่องประดับอัญมณี ทองคำและเงิน กระกอบกับปัจจุบันอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยกาลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงาน ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันไปไม่น้อย ซึ่งคู่แข่งในอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณีที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียนของไทยก็คือ เวียดนามนั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้เวียดนามได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกมาจากปัจจัยหลายอย่าง หนึ่งคือมีแรงงานจำนวนมากและมีค่าจ้างแรงงานไม่สูงมากเมื่อเทียบกับไทย โดยค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในเวียดนามซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค จะอยู่ที่ 2,920 – 4,180 ล้านดองต่อเดือนหรือ3,854.82 – 5,518.20 บาทต่อเดือน ส่วนไทยมีค่าจ้างขั้นต่ำสูงกว่าเวียดนามประมาณ 1.5-3 เท่าตัว อีกทั้งเวียดนามยังมีประชากรวัยแรงงานถึง 58 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนมากพอสำหรับการรองรับการลงทุนทั้งในปัจจุบันและอนาคต ที่สำคัญแรงงานเวียดนามนั้นมีความขยันและมีทักษะฝีมือที่สามารถพัฒนาได้ เนื่องจากมีพื้นฐานจากการเป็นประเทศที่ผลิตเครื่องประดับทองด้วยมืออยู่แล้ว

นอกจากนี้จากการที่เวียดนามวางเป้าหมายเป็นฐานการผลิตของโลกในปี 2563 รัฐบาลจึงได้มีการปรับปรุงกฎระเบียบและกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างมาก ที่สำคัญเวียดนามยังได้รับ สิทธิพิเศษทางการค้าจากความตกลงการค้าเสรีต่างๆ และสิทธิ์ GSP จากสหรัฐและสหภาพยุโรป จึงอาจดึงดูดให้ชาวต่างชาติเลือกเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตเครื่องประดับในเวียดนามแทนไทย และเวียดนามอาจกลายเป็นคู่แข่งของไทยในการลงทุนและส่งออกเครื่องประดับได้ในอนาคต แม้ว่าปัจจุบันเวียดนามจะมีบริษัทต่างชาติที่ตั้งโรงงานผลิตเครื่องประดับจานวนน้อยและเป็นรองไทยอยู่มากก็ตาม

ในอดีตอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับเวียดนามดำเนินการโดยผู้ประกอบการท้องถิ่นรายเล็ก ในลักษณะธุรกิจครอบครัว ผลิตสินค้าแบบดั้งเดิมที่ไม่มีตราสินค้าเป็นของตนเอง เน้นการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก แต่ในช่วงกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมาเวียดนามได้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ และเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ ผู้ประกอบธุรกิจท้องถิ่นหลายรายจึงได้เริ่มพัฒนาการลงทุนเป็นการผลิตแบบโรงงานขนาดใหญ่ มีการสร้างตราสินค้าเป็นของตนเองมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศแล้วยังส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วย 

สำหรับการลงทุนผลิตเครื่องประดับในเวียดนามไม่มีข้อจากัดมากนัก และต่างชาติสามารถจัดตั้งบริษัทโดยถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 100 หรือร่วมทุนกับคนท้องถิ่น ไม่จำกัดเงินทุนขั้นต่ำ แต่โดยทั่วไปเงินทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 เหรียญสหรัฐขึ้นไป แต่หากจะลงทุนผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับทองคำ ซึ่งนอกจากการขอใบรับรองการลงทุนและหนังสือรับรองการจดทะเบียนจากหน่วยงานของรัฐที่ทาหน้าที่รับจดทะเบียนการลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนยังจะต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจและใบรับรองจากธนาคารแห่งชาติเวียดนามด้วย