อาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ ถวายแด่สมเด็จพระสันตะปาปา

27 / 11 / 2562 15:27

ในการเสด็จเยือนประเทศไทยของพระสันตปะปาฟรานซิส ระหว่างวันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ทูลเกล้าฯ ถวายฉลองพระองค์อาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ (holy vestment) ที่เรียกว่าเสื้อกาสุลา เพื่อเป็นของที่ระลึก และทรงสวมในการประกอบพิธีมิสซา โดยแผนกอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์และศาสนภัณฑ์  คณะภคินีพระหฤทัยแห่งกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบในการตัดเย็บมี 2 ชุดตือ ชุด“สีทอง”และชุด“สีแดง” 

ฉลองพระองค์ของพระสันตะปาปาทั้ง 2 ชุด เป็นผ้าไหมไทยซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นุ่ม มีน้ำหนัก
และมีความมันวาวในตัว ดูสง่างาม โดยชุดสีทองนั้นใช้ในวันงานที่สนามศุภชลาศัยวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เพราะสีทองและสีขาวแสดงถึงความบริสุทธิ์และความชื่นชมยินดี ตรงกับวันระลึกถึงแม่พระถวายพระองค์ที่พระวิหาร ส่วนชุดสีแดงใช้ในวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ โดยสีแดงเป็นการระลึกถึงนักบุญเซซีลีอา ซึ่งเป็นมรณสักขี หรือนักบุญผู้พลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในพระเจ้า จึงใช้สีแดงที่สะท้อนถึงความรักและโลหิตที่หลั่งออกมาเพราะความรักต่อพระเจ้า

ชุดกาสุลา ของ “สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส”ทั้งสีทองและสีแดงมีความพิเศษ การปักลวดลายกระหนกลงบนเนื้อผ้า เพื่อสื่อถึงความอ่อนช้อยแบบไทย เรียบง่ายแต่สง่างาม สะท้อนวัฒนธรรมไทยให้ทั่วโลกได้เห็น ซึ่งนอกจากอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของพระสันตะปาปาแล้ว ทีมงานยังต้องตัดเย็บอาภรณ์ของบรรดามุขนายก สีทอง 120 ชุด และ สีแดง 76 ชุด โดยใช้วิธี “พิมพ์แบบซัพพลีเมนชั่น” คือการใช้ความร้อนพิมพ์ลายบนผ้าแทนการปักเพื่อความรวดเร็วในการผลิตและประหยัดต้นทุน

นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังได้จัดทำอาภรณ์ศักด์สิทธิ์เพื่อถวายเป็นที่ระลึดแด่องค์พระสันตประปาอีก 4 ชุดซึ่งออกแบบโดย อธิวัฒน์ ชื่นวุฒิ นักออกแบบอาภรณ์ในพิธีกรรม โดยเลือกใช้ผ้าแพรวาจากอีสาน ในการตัดเย็บเพราะต้องการสนองพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงเป็นผู้นำการเผยแพร่ผ้าไหมไทยสู่ประชาคมโลก และเพื่อระลึกถึงบุญราศีและมรณสักขีชาวไทยอีสานทั้ง 7 ท่านแห่งสองคอน (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร) ที่ได้ยืนหยัดในความเชื่อทางศาสนาของตนแม้จะต้องพลีชีวิตก็ตาม

ส่วนลวดลายที่ปักประกอบไปด้วยลายไม้กางเขน รวงข้าว และเถาองุ่น อันเป็นลายสัญลักษณ์ทางศาสนาคริสต์ ไม้กางเขนหมายถึงการไถ่บาปให้มนุษย์ของพระเยซูเจ้าด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระองค์, รวงข้าวและเถาองุ่น ยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญในพิธีมิสซา นอกจากนี้ยังมีลวดลายอีสาน และลวดลายไทยประยุกต์ต่างๆ อาทิเช่น ลายขอท้องปุ้ง ลายขอไต่เครือ ลายขอไต่น้อย ลายบันไดสวรรค์ ลายกระหนก ลายประจำยาม ฯลฯ เพื่อสื่อถึงความเป็นไทย

สำหรับสีของอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ชุด เป็นสีแบบไทยโบราณหรือที่เรียกกันว่า Thai Tone ได้แก่
    • ชุดสีขาว ตัวชุดเลือกใช้ผ้าโทนสีสังข์ ปักแถบกลางและปกคอเป็นสีฝาด ซึ่งสีขาวในคริสตศาสนามีความหมายถึงพระเยซู เแม่พระ และนักบุญที่ไม่เป็นมรณสักขี ใช้สำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาสและอีสเตอร์
    • ชุดสีแดงผ้าตัวชุดใช้ผ้าสีแดงตัด ผ้าปักแถบกลางและคอปกเป็นสีก้านดอกกรรณิการ์ ซึ่งสีแดงสื่อความหมายถึงเลือด แสดงถึงความรักและการเสียสละชีวิตเพื่อพระศาสนา
    • ชุดสีเขียว ผ้าตัวชุดใช้ผ้าสีเขียวตองอ่อน ผ้าปักแถบกลางและคอปกเป็นสีเขียวไพร สีเขียวสื่อถึงความเจริญเติบโต มีชีวิตชีวา ใช้ในเทศกาลธรรมดา
    • สีม่วงผ้าตัวชุดใช้ผ้าสีม่วงเม็ดมะปราง ผ้าปักแถบกลางและคอปกเป็นสีลูกหว้าเม็ดมะปราง สีม่วงเป็นสีที่ใช้ในพิธีมิสซา เทศกาลมหาพรต 

ทั้งนี้ปกตินักบวชในศาสนาคริสต์จะใส่ชุดเสื้อผ้าสีขาว เหมือนกับเป็นเครื่องแบบปกติ แต่ในพิธีกรรมของคาทอลิก จะมีการใช้อาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์สีต่างๆ 5 สี คือ สีขาว, เขียว, แดง, ม่วง และชมพู ที่มีการใช้แตกต่างกันไปตามที่ปฏิทินคาทอลิกกำหนดไว้   

นอกจากนี้ยังมีหมวกทรงสูง หรือ Mitre หนึ่งในอาภรณ์ของบรรดามุขนายก ที่ใช้เป็นเครื่องแต่งกายร่วมในพิธีพร้อมกับ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสด้วย 

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. 2562 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลไทยและสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสเชิญเฉลิมฉลอง 350 ปี แห่งการสถาปนามิสซังสยาม และฉลอง 50 ปีแห่งสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและนครรัฐวาติกัน