OBOR เชื่อมต่อเส้นทางพาณิชย์ใหญ่ที่สุดในโลก

25 / 12 / 2562 15:50

OBOR เป็นชื่อเรียกของเส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ 21 ย่อมาจาก คำว่า “One Belt One Rode” หรือ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” หรือที่เราได้ยินกันบ่อยๆว่า “วงแหวนเศรษฐกิจ” เป็นโครงการที่นำแนวคิดมาจากเส้นทางสายไหมเมื่อ 2000 ปีก่อนมาใช้ เพื่อเชื่อมโยงการค้า การคมนาคมและโลจิสติกส์ระหว่าง 60 ประเทศหรือมากกว่านั้น เป็นระบบเชื่อมต่อทางพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และจะส่งผลต่อความต้องการขายสินค้าทั้ง เหล็ก ทองแดง สังกะสี คอนกรีต รวมถึงทองคำและเงินในอนาคต

ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา มีการพูดถึงการเชื่อมต่อโดยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น เงิน กับทองคำ และเงิน ว่าจะเป็นองค์ประกอบใหม่ที่สำคัญเพื่อสร้างมูลค่าให้กับเงินดิจิตอล ซึ่งปัจจุบันมีการผูกเงินดิจิตอลไว้กับดอลล่าร์สหรัฐอยู่แล้ว และต่อไปมีแผนที่จะผูกเงินดิจิตอลกับทองคำ เช่น  กำหนดให้ 1 token หรือ 1 เหรียญโทเคน มีค่าเท่ากับ 0.01 กรัมทองคำ หรือ 100 token มีค่าเท่ากับ 1 กรัมทองคำ เป็นต้น โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายบนแพลตฟอร์มปกติของสถาบันการลงทุนทั่วไป จากการรวบรวมข้อมูลพบว่าปัจจุบันมีบริษัทไม่น้อยกว่า 20 แห่งทั่วโลกกำลังวางแผนพัฒนาเพื่อออกผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “gold-backed cryptocurrencies

หากนักลงทุนหันมาซื้อขายบนระบบที่มีการใช้ทองคำเป็นตัวสนับสนุนเช่นนี้ ระบบ“OBOR : One Belt One Rode” ที่กำลังพัฒนาอยู่นี้จะกลายเป็นหัวใจของระบบโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมต่อตะวันตกกับตะวันออกไปในทันที ด้วยจะมีการขนย้ายทองคำได้ง่ายขึ้น

อนึ่ง One Belt One Road (OBOR) เป็นยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่ที่เสนอแนวคิดโดย นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน มีเป้าหมายเพื่อความเชื่อมโยงทางด้านคมนาคม ด้านโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการสร้างความมั่นคงในเส้นทางการค้าทั้งทางบก และทางทะเลของจีน เป็นกรอบการทำงานที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับพหุภาคีของจีน

โครงการOne Belt One Road เริ่มขึ้นเมื่อปี 2556 เป็นเส้นทางการค้า การคมนาคมขนส่งที่จะเชื่อมจีนกับยุโรป ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานผ่านเส้นทางถนนและทางรถไฟ มีทั้งเส้นทางบกและเส้นทางทะเล ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 60 ประเทศ ในเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกาตะวันออกและเหนือ แน่นอนว่าโครงการระดับนี้ต้องใช้งบลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างรางรถไฟ ถนน โรงไฟฟ้า ท่อส่งพลังงาน ฯลฯ โดยมีการประมาณการไว้ว่าต้องใช้เงินราว 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดการณ์กันว่าจะแล้วเสร็จในปี 2592 (ค.ศ. 2049 หรือ 30 ปีข้างหน้า)
โครงการเส้นทางสายไหมศตวรรษ 21นี้ จะส่งผลต่อ 65% ของประชากรโลก มีผลกระทบต่อ 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกและ 1 ใน 4 ของการค้าโลก