บทความทั้งหมด

30/06/2563

เครื่องประดับไทยสดใสในตลาดจีน


ตลาดเครื่องประดับจีน เป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลักที่มีกำลังซื้อสูงอย่างกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ เมืองเซินเจิ้น เมืองกวางโจว เป็นต้น โดยเครื่องประดับทองได้รับความนิยมมากที่สุดอันดับหนึ่งเพราะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย เป็นสินค้าบ่งบอกสถานะทางสังคม คนหนุ่มสาวจีนสนใจเครื่องประดับทองที่มีลวดลายสวยงาม มีความทันสมัยใหม่ ดีไซด์แปลกใหม่และเครื่องประดับเงินที่ราคาไม่แพงอีกด้วยปัจจุบันการซื้อขายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในจีนเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนเริ่มคลี่คลาย ประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น คาดว่าจะทำให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกครั้ง โดยสินค้าที่มีโอกาสขยายตัวสูงและกำลังได้รับความนิยมในตลาดจีนมาก คือ พลอยสี ทับทิม ไพลิน เพราะมีคุณภาพ ความประณีต ความคงทน และเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือนใคร ในขณะที่เครื่องประดับเงิน ที่มีดีไซน์และลวดลายทันสมัย ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ในส่วนของการทำตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศจันนั้น ผู้ส่งออกชาวไทยจะต้องทำความเข้าใจตลาดและความต้องการของผู้บริโภคอย่างถ่องแท้ และกำหนดกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมจึงจะช่วยให้การขยายตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในจีนประสบความสำเร็จ เพราะแม้จีนจะเป็นตลาดใหญ่แต่ก็มีการแข่งขันสูงทั้งจากผู้ประกอบการท้องถิ่นเองและแบรนด์ดังระดับโลก อีกทั้งหลังการระบาดของ COVID-19 ผู้บริโภคชาวจีนก็มีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จึงเป็นอีกความท้าทายหนึ่งของผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยในการออกแบบเครื่องประดับดีไซด์ใหม่ๆเพื่อเอาชนะผู้บริโภคชาวจีนที่จัดว่ายังมีกำลังซื้อสูงแม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจอย่างในปัจจุบันก็ตาม ทั้งนี้ มีงานวิจัยของ China Luxury Report 2019 ยืนยันว่า การบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับในจีนมีมูลค่าสูงถึง 5.85 แสนล้านหยวนในปี 2561 ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้บริโภคที่เกิดในยุค 80 ประมาณ 54% กลุ่มผู้บริโภคที่เกิดในยุค 65-70 ประมาณ 24% และกลุ่มที่เกิดในยุค 90 ประมาณ 22% โดยแต่ละกลุ่มมีรสนิยมการเลือกซื้อสินค้าแตกต่างกันไป เช่น กลุ่มผู้บริโภคยุค 65-70 ให้ความสำคัญกับแบรนด์สินค้า ขณะที่ประมาณ 50% ของกลุ่มผู้บริโภคยุค 90 พร้อมเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ หากมีข้อเสนอดี เช่น ดีไซน์ถูกใจ โปรโมชั่นราคาดี

Read More

30/06/2563

ซื้อขายทองคำแบบ New Normal


ในช่วงการแพร่ระบาดของCOVID – 19 ที่จำเป็นต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อหยุดการแพร่เชื้อนั้น พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนจากการออกจากบ้านไปซื้อของที่ร้านมาเป็นการซื้อแบบออนไลน์มากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งการซื้อขายทองคำ ทั้งการซื้อในรูปแบบของการลงทุนและการซื้อเพื่อเป็นของขวัญและเครื่องประดับ ที่ผ่านมาธุรกิจร้านทองถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆเนื่องจากผู้ซื้อมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมน้อย เขาเหล่านั้นยังต้องการซื้อทองผ่านร้านตู้แดงแม้จะมีการซื้อขายผ่านออนไลน์บ้างแต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย ที่สำคัญตัวร้านทองเองที่เป็นลักษณะธุรกิจครอบครัวที่มีแนวทางปฏิบัติที่ทำสืบต่อกันมา แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ทุกธุรกิจปัจจุบันการซื้อทองคำเพื่อสะสมหรือลงทุนในรูปแบบของการซื้อออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากมีความสะดวก ปลอดภัย เพราะสามารถซื้อได้ในเวลาเดียวกับตลาดต่างประเทศเปิดทำการซื้อขาย และยังสามารถฝากทองไว้กับผู้ค้าได้อีกด้วย ในขณะที่บางร้านปรับระบบการให้บริการเพื่อรับพฤติกรรมในของผู้บริโภคแบบ New Normal โดยการให้บริการแบบดิลิเวอรี รวมถึงให้บริการผ่านไปรษณีย์ที่มีการรับรองด้านความปลอดภัยพร้อมใบรับประกันให้ลูกค้าเพื่อความมั่นใจ ในขณะเดียวกันหากลูกค้าได้รับสินค้าแล้วไม่พอใจก็สามารถส่งกลับมาที่ร้านแบบดิลิเวอรีได้ด้วย โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาเปลี่ยนที่หน้าร้านด้วยตัวเอง บางร้านเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง สามารถซื้อทองและจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที โดยราคาของการซื้อขายออนไลน์ก็เป็นไปตามที่สมาคมค้าทองคำประกาศในแต่ละวัน การซื้อขายผ่านออนไลน์สร้างความปลอดภัยให้ลูกค้าไม่ต้องเสี่ยงเดินทางมาพบปะผู้คน จึงกลายเป็นNew Normal ของธุรกิจค้าทองคำ ส่วนขนาดทองคำที่ขายก็ถูกปรับให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจมากขึ้นเช่นสามารถสั่งซื้อทองคำแท่งมูลค่า 1,000 บาท เพื่อให้เป็นของขวัญได้ด้วย ถือเป็นมิติใหม่ของร้านขายทองที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่ในปัจจุบัน นอกจากนี้การที่ราคาทองคำยังอยู่ในขาขึ้นนี้ก็สนับสนุนให้การซื้อ-ขาย ผ่านออนไลน์ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น เพราะนักลงทุนสามารถสั่งซื้อได้ตามปริมาณที่ต้องการ และสามารถส่งคำสั่งขายได้ทันทีเมื่อถึงจุดที่พอใจ ทั้งนี้ภาพการลงทุนในทองคำนั้น ในระยะยาวราคาทองคำก็ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น ตราบเท่าที่ยังไม่สามารถผลิตวัคซีนป้องกัน COVID – 19ได้มากเพียงพอ รวมถึงธนาคารกลางและหลายประเทศทั่วโลกยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งทางการเงินและการคลังอย่างต่อเนื่อง

Read More

30/06/2563

ราคาทองขาขึ้น อาจถึง 30,000 บาทใน1-2 ปีนี้


“ทองคำ” เป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก การถือทองคำไว้มีค่ามากกว่าถือเงินตราสกุลต่างๆเพราะ “ทองคำ” มีมูลค่าในตัวเองไม่วาจะอยู่ในรูปแบบใด (ทองก้อน ทองแท่ง ทองรูปพรรณ) ในสมัยก่อนเมื่อ 40 -50 ปีที่แล้วทองคำ1 บาทมีมูลค่า เพียง 400- 500 บาท ปัจจุบันราคาทองมีมูลค่ามากกว่า 25,000 บาท อีกทั้งธนาคารทั่วโลก ยังถือทองคำไว้เป็นส่วนหนึ่งของเงินสำรองระหว่างประเทศ ทองคำจึงถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยมาก และคาดการว่าในระยะ 1-2 ปีนี้ทองคำหนัก 1 บาทจะมีมูลค่าขึ้นไปถึง30,000 บาทเลยทีเดียว นักวิเคราะห์ชี้ว่าปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นต่อเนื่องมาเหตุมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือ อัตราดอกเบี้ยในตลาดทั่วโลกที่ต่ำมาก ในบางประเทศการฝากเงินมีอัตราดอกเบี้ยติดลบแล้ว เช่นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเดนมาร์ก นักลงทุนจึงต้องหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า อีกทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นก็ค่อนข้างเสี่ยงมากเกินไป ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกจากการระบาดของไวรัสโดวิด-19 และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทำให้เงินลงทุนไหลมาที่ตลาดทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาดนอกจากนี้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะ จีน อินเดีย และรัสเซีย เริ่มสะสมทองคำเพิ่มมากขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยในระหว่างปี 2015-2018 เฉพาะธนาคารกลางรัสเซียซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในปริมาณที่มากกว่า 200 ตันต่อปี โดยล่าสุดในปี 2019 ธนาคารกลางรัสเซียถือครองทองคำเพิ่มขึ้นถึง 158.1 ตันเลยทีเดียว ไม่เฉพาะประเทศใหญ่ๆเท่านั้น ธนาคารกลางของประเทศต่างๆทั่วโลกก็มีแนวโน้มว่าจะสะสมทองคำเพิ่มขึ้น โดยสภาทองคำโลก (World Gold Council) ได้ทำการสำรวจความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศในตลาดเกิดใหม่ พบว่า ธนาคารกลางกว่า 1 ใน 5 หรือคดเป็น 20% เตรียมจะเพิ่มปริมาณทองคำสำรองของประเทศในอีก 12 เดือนข้างหน้า และผลสำรวจยังบ่งชี้อีกว่า ปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ธนาคารกลางใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเพิ่มทองคำสำรอง ได้แก่ สภาวะอัตราดอกเบี้ยติดลบ, ประสิทธิภาพของทองคำในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติ และการที่ทองคำปราศจากความเสี่ยงของการผิดนัดชำระ อีกปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อราคาทองคำคือความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าหลักๆของโลก เช่น น้ำมัน ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เช่น จีนมีการซื้อน้ำมันจากประเทศคู่ค้าโดยใช้สกุลเงินหยวนในการซื้อขายทำให้ความต้องการและการถือครองเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐลดลง เพราะค่อนค้างมีความเสี่ยงในระยะยาวที่เงินดอลลาร์จะด้อยค่าลง นักลงทุนจึงหันไปถือครองทองคำเพื่อลดความเสี่ยงมากขึ้นเหล่านี้เป็นปัจจัยหนุนที่คาดว่าจะทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามหรือความไม่สงบในระดับโลกก็เริ่มมีมากขึ้น จึงน่าจะทำให้ราคาทองคำจะขึ้นไปจนถึงบาทละ 30,000 บาทภายใน 1-2 ปีนี้

Read More

30/06/2563

ขุดพบวัตถุโบราณกว่า2,000 ชิ้นริมแม่น้ำเหลืองประเทศจีน


ที่เมืองซานเหมินเสีย มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน คณะนักโบราณคดีขุดพบวัตถุโบราณกว่า 2,030 มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา เครื่องทองสัมฤทธิ์ เครื่องประดับทองและเงิน ศิลปวัตถุที่ทำจากหยก รวมถึงโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมหายาก เช่น กาน้ำสัมฤทธิ์พร้อมที่จับรูปคอหงส์อายุกว่า 2,000 ปีถูกฝังอยู่ในหลุมศพโบราณกว่า 600 หลุม บนพื้นที่ 367,000 ตารางเมตรหรือประมาณ 23.5 ไร่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเหลือง การขุดค้นพื้นที่นี้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี2560 สถาบันโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมและโบราณคดีของซานเหมินเสีย ระบุว่าเกือบครึ่งหนึ่งของหลุมศพที่ค้นพบเชื่อกันว่ามีความเก่าแก่ถึงยุคจ้านกั๋ว หรือประมาณ 475-221 ปีก่อนคริสตกาล ถึงยุคราชวงศ์ฮั่นหรือ 202 ปีก่อนคริสตกาลถึงช่วง ค.ศ.220 ส่วนที่เหลือมีความเก่าแก่จากหลากหลายยุค เช่นราชวงศ์ถัง ช่วง ค.ศ.618-907 ราชวงศ์ซ่ง ช่วง ค.ศ.960-1276 ราชวงศ์หมิง ช่วง ค.ศ.1368-1644 และราชวงศ์ชิง ช่วง ค.ศ.1644-1911การขุดค้นพบหลุมศพนี้เกิดขึ้นระหว่างตรวจสอบพื้นที่โครงการปรับปรุงชุมชน นอกจากเป็นการเผยข้อมูลอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับวิวัฒนาการของหลุมฝังศพในพื้นที่ซานเหมินเสียแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองด้วยซานเหมินเสียตั้งอยู่ระหว่างนครซีอานและเมืองลั่วหยาง สองเมืองหลวงโบราณในประวัติศาสตร์จีน เคยถูกใช้เป็นเส้นทางการทหารและคมนาคมสำหรับประชาชนทั่วไป เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดอารยธรรมของชนชาติจีน และยังมีการค้นพบหลักฐานวัฒนธรรมยางเซา(Yangshao) เป็นครั้งแรก ณ เมืองนี้ด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในเมืองนี้มีทั้ง พระราชวังไท่ชู(Taichu), ด่านฮานกู่ (Hangu)ด่านปราการทางทหารโบราณ สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์Qing พิพิธภัณฑ์รถรบและม้าศึกแห่งรัฐ Guo ซึ่งเป็นกลุ่มสุสานสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก แหล่งวัฒนธรรมของลัทธิเต๋า และเขตอนุรักษ์นกหงส์ขาว

Read More

30/06/2563

เทศกาลหนังเบอร์ลิน ยิ่งใหญ่ไม่แพ้คานส์


เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน (Berlin International Film Festival) เป็น 1 ใน 3 เทศกาลภาพยนตร์ชั้นนำของโลกนอกเหนือจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสและเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ เริ่มจัดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1951โดยจะมีการประกาศรางวัลในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี มีภาพยนตร์จากทุกภูมิภาคในโลกเข้าฉายในเทศกาล ผู้ชนะจะได้รับรางวัล หมีทองคำ(โกลเดนแบร์) และหมีเงิน(ซิลเวอร์แบร์) เนื่องจากหมี เป็นสัญลักษณ์ของนครเบอร์ลินนั่นเองจุดเด่นของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเบอร์ลิน อยู่ตรงที่จำนวนผู้เข้าร่วมงาน ที่มีมากกว่า 500,000 คนทุกปี จนได้รับการยกย่องให้เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่มีผู้เข้าร่วมงานมากที่สุดในโลก สำหรับรางวัลหมีทองคำที่มอบให้ผู้ชนะมีสองประเภทคือ รางวัลหมีทองคำ สำหรับ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Motion Picture) และ รางวัลหมีทองคำเกียรติยศ สำหรับ ผู้ที่อุทิศชีวิตให้กับภาพยนตร์ (Lifetime Achivement) ส่วนรางวัลหมีเงินมอบให้กับสาขาย่อยอื่น ๆ เช่น ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงยอดเยี่ยม เป็นต้นในส่วนของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส หรือ Venice International Film Festival ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ถือเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เริ่มจัดเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปีค.ศ.1932 บนเกาะลิโด้ โดยรางวัลที่มีการมอบให้ในเทศกาลนี้ เรียกว่า Golden Lion หรือสิงโตทองคำ ส่วนรางวัลสำหรับผู้กำกับยอดเยี่ยม จะเรียกว่า Silver Lion หรือ สิงโตเงิน และรางวัลสำหรับนักแสดงนำชายหรือหญิงยอดเยี่ยม จะเรียกว่า Volpi Cupในขณะที่ฝั่งเอเชียก็มีการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์อีกหลายงาน ที่โดดเด่นได้แก่ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงโตเกียว หรือ Tokyo International Film Festival ในญี่ปุ่น ที่เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 1985 เป็นหนึ่งในเทศกาลภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย และมีผู้เข้าร่วมงานในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก เอกลักษณ์ของเทศกาลภาพยนตร์นี้ ก็คือการจัดงานสัมมนา ควบคู่ไปกับการฉายภาพยนตร์ ที่มีทั้งในโรงภาพยนตร์และการฉายกลางแจ้ง สำหรับรางวัลที่มีการมอบในงานนี้เรียกว่า Tokyo Sakura Grand Prix เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ หรือ Shanghai International Film Festival ประเทศจีน เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 1993 โดยภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมถึงนักแสดงและผู้กำกับยอดเยี่ยม จะได้รับรางวัลจอกทองคำ หรือ "Golden Goblet" ปิดท้ายด้วยเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน หรือ Busan International Film Festival ประเทศเกาหลีใต้ เทศกาลภาพยนตร์นี้ เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี1996 จุดเด่นคือการเน้นฉายภาพยนตร์ของผู้กำกับหน้าใหม่ และการเน้นกลุ่มผู้ชมที่เป็นคนรุ่นใหม่ เน้นการมอบรางวัลให้กับภาพยนตร์เกาหลี และภาพยนตร์จากเอเชีย พร้อมกับเงินรางวัลเพื่อเป็นทุนให้มีการสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ชิ้นใหม่ๆ

Read More

30/06/2563

โควิดไม่มีผลกระทบต่อการจับจ่ายของเศรษฐีในจีน


สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า -19 ที่เกิดขึ้นทำให้หลายธุรกิจปิดตัวลงและผู้คนตกงานจำนวนมาก คาดการณ์กันว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้กำลังซื้อลดลง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มฟุ่มเฟือยอย่างสินค้าหรู แบรนด์แนม และเครื่องประดับต่างๆ แต่ข้อกังวลนี้ใช้ไม่ได้กับกลุ่มลูกค้าชาวจีน เพราะทันทีที่รัฐบาลจีนปลดล็อคดาวน์ร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2563 ยอดขายสินค้าแบรนด์เนมและเครื่องประดับก็ทำยอดขายได้ถล่มทลายทันทีจีนเป็นตลาดหลักสำหรับสินค้าหรู ชาวจีนใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าแบรนด์เนมคิดเป็นสัดส่วน 35% ของผู้ซื้อทั่วโลก และมีอัตราการเติบโตของตลาดในจีนมากถึง 90% ในปี 2562 เว็บไซต์แฟชั่น WWD รายงานว่า หลังสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์สินค้าแบรนด์เนมกลับมาทำยอดข่ายถล่มทลายอีกครั้ง เช่น Hermes แบรนด์แฟชั่นหรูจากฝรั่งเศสที่เปิดสาขาในเมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สามารถทำยอดขายได้ถึง 19 ล้านหยวน หรือราว 87.90 ล้านบาทภายในวันเดียว ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายที่สูงที่สุดสำหรับร้านค้าร้านเดียวในจีน แม้จะมีการคาดการณ์ว่ายอดขายสินค้าหรูของโลกจะลดลงราว 25-30% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และตลาดสินค้าหรูทั่วโลกจะสูญเสียรายได้ราว 65,000-75,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ โดยคาดว่าตลาดสินค้าหรูจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2564 แต่สำหรับประเทศจีน ดูเหมือนตลาดสินค้าหรูจะฟื้นตัวก่อนใคร อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมคือการมองหาแบรนด์หรือธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น การสนับสนุนแบรนด์เหล่านี้จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจว่ากำลังได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น แบรนด์เครื่องประดับหรูของโลกที่ประสบความสำเร็จ อย่าง Tiffany&Co. ที่ตลอดห่วงโซ่การผลิตเครื่องประดับมีแหล่งที่มาของวัตุดิยที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นแร่ทองคำ แพลตตินั่ม และอัญมณีต้างๆ นอกจากนี้ยังมีการระดมทุนช่วยเหลือสังคมหรือชุมชนอย่างชัดเจน ซึ่งการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของผู้บริโภคจะเพิ่มความสำคัญมากขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป

Read More

30/06/2563

ทองบางสะพาน คุณค่ามากกว่าทองคำ


แหล่งแร่ทองคำที่มีชื่อเสียง และรู้จักกันดีในประเทศไทย มีด้วยกัน ๓ แหล่ง ได้แก่แหล่งแร่ทองคำกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี แหล่งแร่ทองคำสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และแหล่งแร่ทองคำบางสะพาน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ที่ได้ฉายาว่าเป็น “ทองนพคุณหรือทองเนื้อเก้า” ที่เชื่อกันว่าป้องกันภยันตรายและภูตผีปีศาจได้“ทองบางสะพาน” หรือ “ทองบางตะพาน” มีชื่อเสียงและเป็นที่กล่าวขานว่าทองคำจากแหล่งบางสะพานนี้ “เป็นทองคำเนื้อดีที่สุดของเมืองไทยและดีที่สุดในโลก” โดยสามารถร่อนหาแร่ทองคำได้โดยไม่ต้องถลุง มีสีเหลือง สุกปลั่งและเนื้ออ่อน เป็นทองร้อยเปอร์เซ็นต์ เรียกว่า “ทองนพคุณหรือทองเนื้อเก้า” ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าการขุดและร่อนทองที่บางสะพานเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด แต่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันว่า ในปี พ.ศ. ๒๒๘๙ สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าเมืองกุยได้ทองคำที่ร่อนหาได้ในพื้นที่หนัก ๓ ตำลึง ไปถวายแด่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หลังจากนั้นพระองค์จึงเกณฑ์ไพร่จำนวน ๒,๐๐๐ คน ไปร่อนทองที่บางสะพานเป็นเวลาปีเศษ ได้ทองคำ ๙๐ ชั่งเศษ เป็นน้ำหนัก ๕๔ กิโลกรัม หรือคิดเป็นน้ำหนัก ๓,๖๐๐ บาท และได้นำทองที่ร่อนได้ทั้งหมดไปหุ้มยอดมณฑป รอยพระพุทธบาทสระบุรี แต่น่าเสียดายที่เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ (พ.ศ.๒๓๑๐)ยอดมณฑปนี้ถูกโจรจีนเผาหลอมทองเอาไปทั้งหมด อำเภอบางสะพานเดิมชื่อ เมืองกำเนิดนพคุณ ตัวเมืองตั้งอยู่ที่ท่ามะนาว ฝั่งขวาของลำน้ำแม่รำพึง ต่อมาย้ายมาตั้งที่ท่ากะหลอ ปัจจุบันเรียกว่าบ้านหลักเมือง อยู่ริมฝั่งขวาลำน้ำบางสะพาน ซึ่งยังมีเสาหินหลักเมืองเป็นหลักฐานปรากฏอยู่ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในกลุ่มวิสาหกิจชุมชน รับซื้อทองบางสะพานที่ชาวบ้านร่อนได้ในคลองทองพื้นที่ ต.ร่อนทอง แล้วนำมาผลิตเป็นล็อกเก็ตขนาดเล็กภายในบรรจุทองบางสะพานเพื่อจำหน่าย กำลังเป็นที่นิยมถึงขนาดต้องมีการสั่งจองล่วงหน้าเพราะเชื่อว่าทองบางสะพานมีพุทธคุณช่วยให้การเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัยและเป็นของหายาก โดยจะมีการออกใบรับประกันจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนว่า เนื้อทองในล็อกเก็ตเป็นทองบางสะพานแท้ที่ได้จากการร่อนในคลองทอง ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นจริงทั้งนี้"ทองนพคุณหรือทองเนื้อเก้า” ในหนังสือประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ อธิบายความไว้ว่า ทองคำที่ซื้อขายกันนั้น เรียกตามเนื้อและตามราคา เช่น ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๔ บาท เรียกว่า เนื้อสี่ ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๕ บาท เรียกว่า เนื้อห้า ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๖ บาท เรียกว่า เนื้อหก ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๗ บาทเรียกว่า เนื้อเจ็ด ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๘ บาทเรียกว่า เนื้อแปด ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๘ บาท ๒ สลึง เรียกว่า ทองเนื้อแปดสองขา ทองหนักบาทหนึ่งเป็นเงิน ๙ บาท เรียกว่า เรียกว่าทองเนื้อเก้า หรือ ทองนพคุณเก้าน้ำ เรียกสั้น ๆ ว่า ทองนพคุณ ทองธรรมชาติ ทองเนื้อแท้ หรือ ทองชมพูนุท ก็เรียก.

Read More

30/06/2563

เครื่องประดับสำหรับกษัตริย์และราชวงศ์


ในสมัยกรุงศรีอยุธยา กษัตริย์ได้รับการยกย่องเสมือนเป็นสมมติเทพ ดังนั้น กษัตริย์ พระมเหสี และพระราชวงศ์ จึงต้องมีเครื่องประดับ ที่ดูสง่างาม โดยเฉพาะในเวลาที่มีพระราชพิธีสำคัญหรือเวลาเสด็จออกว่าราชการ โดยเครื่องประดับต่างๆ มักสร้างขึ้นด้วยอัญมณีมีค่าและทองคำ โดยรูปแบบได้รับอิทธิพลจากอินเดีย เปอร์เซีย และชาวตะวันตก มีการนำวัสดุและวิธีการทำเครื่องประดับของชาวต่างชาติ เข้ามาผสมผสานกับการทำเครื่องประดับของไทย ให้แปลกใหม่ออกไปกว่าเดิมเครื่องประดับสำหรับกษัตริย์ มเหสี พระราชวงศ์ ที่ระบุไว้ในกฎมณเฑียรบาล ที่สำคัญมีดังนี้๑. มงกุฎ และชฎา ราชาศัพท์เรียกว่า "พระมงกุฎ" และ "พระชฎา" เป็นเครื่องประดับประเภทศิราภรณ์ ใช้สำหรับกษัตริย์และมเหสี หากมียอดแหลมตรงขึ้นไป เรียกว่า "มงกุฎ" หากมียอดหลายยอดปัดไปทางด้านหลัง โดยแยกเป็นหาง ไหลออกไปหลายหาง เรียกว่า "ชฎา"๒. เทริด (อ่านว่า เซิด) เป็นศิราภรณ์สำหรับกษัตริย์ หรือพระราชวงศ์ และเทวรูป มีรูปเป็นมงกุฎทรงเตี้ย๓. เกี้ยว ราชาศัพท์เรียกว่า "พระเกี้ยว" มีลักษณะเป็นวงคล้ายกับพวงมาลัย ใช้สำหรับรัดผมหรือรัดจุก๔. กุณฑล ราชาศัพท์เรียกว่า "พระกุณฑล" คือ ตุ้มหู หรือต่างหู๕. สังวาล ราชาศัพท์เรียกว่า "พระสังวาล" หรือ "สร้อยเฉวียงพระองค์" เป็นสร้อยที่คล้องลงมาจากบ่าทั้ง ๒ ข้าง๕.สร้อยคอ ราชาศัพท์เรียกว่า "สร้อยพระศอ" เป็นสร้อยสวมไว้ที่คอ๖. กำไลต้นแขน ราชาศัพท์เรียกว่า "พระพาหุรัด" หรือ "พาหุรัด" เป็นกำไลรัดที่ต้นแขน๗. กำไลข้อมือ ราชาศัพท์เรียกว่า "ทองพระกร" หรือ "ทองกร" เป็นกำไลสวมที่ข้อมือ๘. กำไลข้อเท้า ราชาศัพท์เรียกว่า "ทองพระบาท" เป็นกำไลสวมที่ข้อเท้า นิยมใส่เฉพาะสตรี๙.แหวน ราชาศัพท์เรียกว่า "พระธำมรงค์" หรือ "ธำมรงค์" เป็นแหวนสวมที่นิ้วมือ วัฒนธรรมการใช้เครื่องประดับยังสืบต่อมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ - รัชกาลที่ ๓ และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงรัชกาลที่ ๔ เมื่อมีการติดต่อสัมพันธไมตรีกับประเทศทางตะวันตกมากขึ้น และมีการใช้เครื่องประดับที่เรียกว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้น เพื่อพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบ ในราชการ หรือส่วนพระองค์ รวมทั้งพระราชทานให้แก่ประมุขของรัฐต่างประเทศ ที่มีสัมพันธไมตรีอันดีกับประเทศไทยแทนเครื่องประดับตามกฎมณเฑียรบาลในสมัยกรุงศรีอยุธยา

Read More

30/06/2563

Hoop Earrings ต่างหูห่วง เทรนด์เครื่องประดับแห่งปี 2020


สถาบันจัดอันดับด้านแฟชั่นหลายๆแห่ง จัดให้“Hoop Earrings” หรือ “ต่างหูห่วง”เป็นเทรนด์เครื่องประดับมาแรงในปี 2020 เพราะมันถูกนำมาให้นางแบบนิตยสารแฟชั่นชั้นนำสวมใส่ อีกทั้งแบรนด์ดังๆไม่ว่าจะเป็น Proenza Schouler, Bottega Veneta ไปจนถึงแบรนด์ Versace, Gucci, Chanel, Balenciaga ล้วนเทใจให้กับ Hoop Earringsนอกจากนางแบบชั้นนำแล้วคนดัง เหล่าบรรดาเซเลบริตี้และศิลปินชั้นก็นำหันมาสวมใส่ต่างหูห่วงกันมากขึ้น อาทิ Kendall Jenner, Bella Hadid, Jennifer Lopez, Beyoncé และอีกมากมาย นั่นแสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมที่กำลังหวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งอย่าง นอกจากนี้Erica Russo รองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นของเครื่องประดับและความงามประจำ Bloomingdales ยังมองว่าในปี 2020 ต่างหูห่วงโดยเฉพาะห่วงที่มีขนาดใหญ่จะเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะขนาด ที่ใหญ่จะเป็นส่วนเสริมที่สมบูรณ์แบบสำหรับชุด ไม่ว่าจะสวมใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์หรือจะแต่งตัวอย่างเป็นทางการ ในส่วนของวงการอัญมณีและเครื่องประดับ ต่างหูห่วงเป็นเครื่องประดับที่อยู่คู่กับวงการนี้มาโดยตลอด ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายและแฝงไปด้วยความคลาสสิก จึงทำให้แบรนด์ต่างๆ ได้นำต่างหูห่วงมาประดับประดาด้วยอัญมณีอยู่เสมอ เช่น ต่างหูห่วงทองคำ 18K ประดับเพชรของ Cartier, ต่างหูห่วงทองขาว 18K ประดับเพชรของ Bvlgari,ต่างหูห่วงทองคำ 18K ของ Buccellati.ต่างหูห่วง Pink Gold 18K ของ Van Cleef & Arpels เป็น ต่างหูห่วงเป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่เก่าแก่ที่สุดในโลกตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ถูกสวมใส่โดยราชินีและกษัตริย์เพื่อแสดงถึงสถานะทางสังคมและอำนาจ นอกจากนั้นยังเป็นวิธีระบุการเป็นสมาชิกของชนเผ่าในเอเชียโบราณอีกด้วย ต่อมาในยุคกลางมีความเชื่อว่าต่างหูห่วงสามารถปกป้องผู้สวมใส่ให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางทะเล ส่วนมากจึงมักเห็นในหมู่โจรสลัดในยุคนั้น ปัจจุบันต่างหูห่วงเป็นเครื่องประดับประจำวัฒนธรรมละตินในฐานะชนกลุ่มน้อยและผู้อพยพ เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและการต่อต้านการเลือกปฏิบัติ สำหรับหญิงสาวชาวละตินเป็นเรื่องปกติที่จะได้รับต่างหูห่วงจากแม่หรือยายและสวมใส่ต่างหูนั้นตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ในมุมมองของคนทั่วไปต่างหูห่วงเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความไม่มีที่สิ้นสุด ต่างหูห่วงนับเป็นส่วนหนึ่งของอดีตที่แม้เวลาจะผ่านไปสักเท่าไหร่ ต่างหูห่วงก็ยังคงมีมนต์เสน่ห์และถูกหยิบยกขึ้นมาสวมใส่อยู่เสมอจนถึงปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

30/06/2563

3 ปัจจัยกำหนดราคาทองในปัจจุบัน


ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี ที่ 1,747 ดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ 14 เมษายน 2563 ทำให้เริ่มคิดว่าราคาทองคำอาจขยับไปถึงจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเดือนกันยายน 2011 โดยมองว่ามี 3 ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้แก่ 1.ความเสี่ยงจากสถานการณ์โรคระบาด แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยุโรปจะเริ่มคลี่คลายลง และสหรัฐฯก็เริ่มหาจังหวะที่เหมาะสมที่จะคลายมาตรการล็อคดาวน์ต่างๆ ซึ่งน่าจะให้ธุรกิจบางประเภทกลับมาดำเนินกิจการได้แต่ผลกระทบจากการแพร่ระบาดต่อเศรษฐกิจก็จะยังคงอยู่ และต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวยาวนาน อีกทั้งการระบาดระลอกใหม่ก็พร้อมที่จะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลา จากสถานการณ์เหล่านี้ทำให้นักลงทุนยังคงเข้าไปถือครองทองคำมากขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง จึงเป็นปัจจัยหนุนหลักให้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงต่อไป2.ภาวะดอกเบี้ยต่ำจนติดลบ การดำเนินนโยบายลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ถึง 2 ครั้งในช่วงเดือนมีนาคม ทำให้ดอกเบี้ยลงมาอยู่ในระดับต่ำที่สุดที่ 0-0.25%รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้ และการอัดวงเงินสูงถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในสหรัฐฯ มีผลกระทบทำให้อัตราดอกเบี้ยโลก และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงอยู่ในระดับต่ำอย่างมาก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของญี่ปุ่นและยุโรป ปรับลดลงจนติดลบและมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นจึงส่งผลให้ทองคำได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าทองคำจะเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ไม่ได้สร้างกระแสเงินสดให้ แต่ก็สามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว3.กระแสเงินลงทุนไหลเข้า ETF ทองคำต่อเนื่องหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลบวกกับราคาทองคำในระยะสั้นและกลาง คือ กระแสเงินลงทุนที่ไหลไปสู่สินทรัพย์ที่มีโอกาสในการทำกำไร หนึ่งในนั้นคือกองทุนรวม ETFs ทองคำ โดยข้อมูลจาก World Gold Council ล่าสุดพบว่า มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิในเดือนมีนาคม 2020 สำหรับ ETF ทองคำสูงถึง 8,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว ทั้งนี้ราคาทองคำเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดในช่วงเดือนกันยายน 2011 ที่ระดับ 1,920 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากนั้นก็ปรับตัวลดลงตลอดไปต่ำสุดบริเวณ 1,046 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม 2015 ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวมาในระดับปัจจุบัน ข้อมูล: SCBS Wealth Research /the standard

Read More

30/06/2563

เงินทุนไหลเข้าGold ETFไม่หยุด รับราคาทองพุ่งต่อเนื่อง


สภาทองคำโลก (World Gold Council) รายงานว่าการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ (Gold ETF) จะยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดการลงทุนประเภทอื่นๆ นับเป็นการเพิ่มการถือครองทองมากขึ้นกว่า 100% (หลังจากการล้มละลายของ Lehman ในปี 2551)ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 600% จากระดับต่ำสุดถึงระดับสูงสุด และการที่กระแสเงินทุนไหลเข้า ETFs ทองคำอย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ราคาทองคำในปีนี้YLG บริษัทผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย ได้ออกมายืนยันกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ากองทุน ETFs ทองคำ ว่านับตั้งแต่ต้นปี 2563 ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีครึ่งที่ 1,747 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อออนซ์ วันที่ 14 เมษายน 2563 ซึ่งแม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ไม่กระทบต่อราคาทองคำมากนัก และราคายังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง และยังมีแนวโน้มราคาทองคำจะเป็นทิศทางขาขึ้นต่อไป ทำให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETFs ทองคำทั่วโลกกว่า 298 ตัน ถือเป็นการถือครองทองคำเพิ่มในรูปแบบตันที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 มีรายงานว่าเฉพาะเดือนมีนาคมเดือนเดียว กองทุนรวมทองคำ (Gold ETF) ทั่วโลกถือครองทองคำเพิ่มมากถึง 151 ตัน ส่งผลให้การถือครองทองคำของ ETFs ทองคำทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 3,185 ตัน นำโดยกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่จดทะเบียนในอเมริกาเหนือ และเป็นกองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำเพิ่มในช่วงไตรมาสแรกของปี 73.75 ตัน ก่อนที่จะถือครองทองคำเพิ่มในช่วงครึ่งแรกของเดือน เมษายน อีกจำนวน 54.69 ตัน ทำให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 20 เมษายน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 136.34 ตัน จากระดับ 893.25 ตันสู่ระดับ 1,029.59 ตัน แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม ปี 2556 มากกว่าประเทศอย่างญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ประเทศที่ถือครองทองคำเป็นทุนสำรองมากในระดับทอปเท็นของโลกเสียอีกทั้งนี้ ETF คือ กองทุนเปิดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ซื้อขายได้สะดวกเหมือนหุ้น ใช้เงินน้อย ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายต่ำ บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซึ่งมีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง (Passive Fund) โดยสามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท เช่น หุ้นในประเทศ , หุ้นต่างประเทศ หรือ ทองคำ เป็นต้นโดยกองทุนรวมทองคำในประเทศไทยส่วนใหญ่เน้นลงทุนในกองทุนรวมของต่างประเทศ ซึ่งกองทุนรวมที่กองทุนรวมในไทยนิยมไปลงทุนก็คือ กองทุน SPDR Gold Trust เป็นกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในทองคำแท่งจริงๆ และเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง

Read More

30/06/2563

Shanghai Gold Exchange (SGE) เปิดศักราชใหม่ยุคการค้าทองคำของจีน


การก่อตั้ง Shanghai Gold Exchange (SGE) ของรัฐบาลจีนในปี 2545 ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของยุคการค้าทองคำและตลาดค้าทองคำเสรี ในประเทศจีน ภายใต้การดูแลของธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Bank of China : PBoC) โดยมีสภาประชาชนแห่งชาติ (State Council) และเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้เป็นผู้สนับสนุน นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนยุคใหม่หลังจากเปิดประเทศเมื่อปี ค.ศ.1978 หรือ พ.ศ. 2521 ภายใต้การนำของเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำรุ่นที่ 2 ของพรรคคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ. 2526 รัฐบาลจีนได้มีประกาศกฎหมายเพื่อการควบคุมและบริหารจัดการการซื้อขาย รวมถึงการนำเข้าและส่งออกทองคำและเงิน ภายใต้ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน(PBoC) มาก่อนแล้ว แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 ภายใต้นโยบายเปิดการค้าเสรีของตลาดทองคำ กฎหมายควบคุม ทองคำและเงินนี้ก็ได้ถูกยกเลิกไป และได้มีการก่อตั้งสมาคมทองคำแห่งประเทศจีนขึ้นเรียกว่าChina Gold Association (CGA) และมีการก่อตั้ง Shanghai Gold Exchange (SGE) ในอีกหนึ่งปีต่อมา และทำให้ SGE เป็นองค์กรแลกเปลี่ยนซื้อขายทองคำแบบการรับมอบและส่งมอบทองคำจริง (physicalgold) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกวิวัฒนาการตลาดการค้าทองคำของจีนต้องย้อนกลับไปในช่วงก่อนการปิดประเทศเมื่อเซี่ยงไฮ้กลายเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นตลาดการค้าที่เชื่อมต่อจีนกับโลกภายนอก ชาติตะวันตกได้เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในยุครัฐบาลเจียงไคเชก จากพรรคก๊กมินตั๋ง โดยการตั้งตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ที่เรียกว่าThe Shanghai Stock and Commodities Exchangeขึ้นในปีค.ศ. 1920 หรือ พ.ศ. 2463 หลังจากนั้น ก็มีการก่อตั้ง Shanghai Gold Business Exchange จนกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าทองคำที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออก จนถึงปี ค.ศ. 1949 หรือ พ.ศ. 2492 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้กลับมามีอำนาจและผลักดันให้เจียง ไคเชก ออกจากประเทศไป (เขาขนย้ายพลเมืองรวมทั้งทองคำไปอยู่ที่เกาะไต้หวัน) และเหมา เจ๋อตง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ได้อ่านประกาศเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ People’s Republic of China หลังจากนั้น จีนก็แทบไม่มีการติดต่อการค้ากับต่างประเทศอีกเลยนับเป็นเวลากว่า30 ปี จีนมีแหล่งทองคำกระจายอยู่ทั่วไป เนื่องจากพื้นที่ของประเทศมีมากถึง 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร มีแนวชายฝั่งติดทะเลยาวกว่า 14,500 กิโลเมตร จึงยังมีทรัพยากรอยู่มากมาย ล่าสุดในปี 2560 มีการค้นพบเหมืองทองคำที่มณฑลชานตง ที่ประมาณการว่าจะมีทองคำอยู่ถึง 550 ตัน ซึ่งจะนับว่าเป็นเหมืองทองใหญ่ที่สุดของจีน โดย Shandong Gold Group ที่ถือเป็นผู้ผลิตทองคำอันดับสองของจีน ทั้งนี้หน่วยงานที่มีความสำคัญในตลาดทองคำของจีนประกอบไปด้วย 4 ธนาคารใหญ่ของจีนคือ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC), Bank of China (BoC), China Construction Bank (CCB) และ Agriculture Bank of China (ABC)

Read More

11/05/2563

เมสไอนัค(Mes Aynak) แหล่งแร่ทองแดงใหญ่ที่สุดในโลก


จากการสำรวจของนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ ได้ออกรายงานเมื่อปี 2550 ว่าประเทศอัฟกานิสถานมีทรัพยากรแร่ทองแดงราว 60 ล้านตัน เฉพาะที่เมืองเมสไอนัค(Mes Aynak)นี้คาดการณ์ว่ามีปริมาณแร่ทองแดงอยู่ราว 11.33 ล้านตันซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นแหล่งแร่ทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกระทรวงเหมืองแร่และปิโตรเลียมของประเทศอัฟกานิสถานได้ประกาศให้สัมปทานบริษัทเหมืองแร่จากจีนทำการสำรวจแหล่งแร่ทองแดงแห่งนี้ด้วยตัวเลขกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้แร่ทองแดงของจีนที่พุ่งสูงขึ้นเมืองเมสไอนัค(Mes Aynak)ตั้งอยู่ห่างจากเมืองคาบูล(Kabul)ราว 30 กิโลเมตร บริษัทที่ได้รับสัมปทานจากจีนได้เริ่มเข้าไปบุกเบิกและสำรวจมาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของอาฟกานิสถาน และจะเป็นโปรเจกต์ที่ทำให้เกิดการจ้างงานถึงราว 10,000 คน ในปัจจุบันเหมืองแห่งนี้มีปริมาณแร่ทองแดงกว่า 10 ล้านตัน และอาจจะมีมากถึง 20 ล้านตันในอนาคต ซึ่งหากคำนวณตามราคาและปริมาณในปัจจุบัน ทองแดงเหล่านี้มีมูลค่าถึง 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯเลยทีเดียวทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ราคาของทองแดงในตลาดโลกได้ถีบตัวขึ้นกว่า 2 เท่า ผลประโยชน์อันมหาศาลนี้ได้ดึงดูดให้บรรดาอุตสาหกรรมแร่จากทั่วโลกแห่เข้ามาเพื่อที่จะ “ขุดทองแดง” ที่อาฟกานิสถาน อย่างเช่นในการประมูลที่เหมือง Mes Aynak นี้ ได้มีบริษัทมากมายจากประเทศแคนาดา รัสเซีย สหรัฐฯ อินเดีย และจีนที่เข้ามาสู่การประมูลปัจจุบันประเทศจีนบริโภคทองแดงมากที่สุดในโลก หรือราว 22% ของการใช้ทองแดงทั่วโลก ทว่าทรัพยากรทองแดงที่มีในจีนนั้น กลับมีปริมาณไม่เพียงพอในระยะยาว และกว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมดยังต้องอาศัยการนำเข้าจากต่างประเทศการเข้าประมูลเพื่อให้ได้สัมปทานในเหมืองแร่ทองแดงของอัฟกานิสถานนครั้งนี้จรึงเป็นการวางแผนระยะยาวเพื่ออนาคตนั่นเองอย่างไรก็ตามโครงการเหมืองทองแดงนี้ได้โดนประท้วงจาก“พิทักษ์เมสไอนัค” (Saving Mes Aynak)มาโดยตลอด เนื่องจากเมสไอนัคเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์เก่าแก่นับ 5,000 ปี เป็นที่ตั้งของรูปปั้นและรูปแกะสลักพระพุทธรูปโบราณกว่า 200 องค์ สถูป และศาสนสถานทางพุทธศาสนาอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การขุดเหมืองทองแดง จะทำลายแหล่งโบราณสถานที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้

Read More

11/05/2563

COVID-19ผลกระทบต่อ Supply Chain ทองคำทั่วโลก


การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจการค้าทองคำที่โควิด-19 เข้ามาทำให้ห่วงโซ่อุปทานหรือ Supply Chainทองคำทั่วโลกได้รับผลกระทบ นับตั้งแต่กระบวนการผลิต การสกัด กระบวนการซื้อขายในตลาด กระบวนการแปรรูปในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ การเข้าสู่ตลาดการเงิน จนกระทั่งการส่งถึงผู้บริโภคขั้นสุดท้าย ขณะที่กระบวนการผลิตติดขัด กระบวนการขนส่งก็มีปัญหาเนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้เที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศถูกยกเลิก ขณะที่การประกาศปิดเมือง (Lockdown) ในหลายประเทศกระทบกับการขนส่งทางบกเมื่อระบบโลจิสติกส์หยุดชะงักจึงทำให้ห่วงโซ่อุปทานทองคำได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์ COVID-19ยังทำให้การผลิตทองคำและการส่งมอบทองคำของผู้ผลิตในต่างประเทศทำได้ยาก โดยผู้ผลิตทองในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนอิตาลี และมีคนงาน 2 ใน 3 ของทั้งหมดเป็นชาวอิตาลี ซึ่งมีการผลิตทองคำราว 1,500 ตันต่อปี หรือเทียบเท่า 1 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก ถูกสั่งระงับการผลิตชั่วคราว เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 สิ่งเหล่านี้ ก่อให้เกิดปัญหาต่อผู้ประกอบการค้าทองคำทั่วโลก ในเรื่องของสภาพคล่อง เนื่องจากส่งของไปไม่ได้ ปลายทางก็ไม่จ่ายเงิน เมื่อไม่จ่ายเงิน ก็ไม่มีเงินมารับซื้อทำให้ธุรกิจหยุดชะงักกันไปทั้งโลกในส่วนของผู้ประกอบการค้าทองคำของไทย เริ่มทยอยแก้ไขปัญหาการส่งออก จนสามารถส่งออกได้บ้างบางส่วนแล้ว แต่ไม่ใช่ทั้งหมด โดยยังคงติดขัดปัญหา เมื่อส่งทองคำออกไปแล้ว จะต้องรอเงินอีก 7 วันทำการ (จากปกติไม่เกิน 1-2 วัน) ซึ่งบริษัทผู้ค้าทองคำในต่างประเทศจะชำระเพียง 80% เท่านั้น อีก 20% ที่เหลือ จะชำระหลังจากรีไฟน์เสร็จ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 7 วัน รวมแล้วใช้เวลาอีก 14 วัน ถึงจะได้เงินทั้งหมด จะเห็นว่าปัญหาเรื่องสภาพคล่องยังคงมีอยู่ แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าในช่วงแรกของสถานการณ์ COVID-19 และหากนักลงทุนมองว่าในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ การซื้อขายทองทำได้ยากลำบาก ก็ควรชะลอการซื้อขาย และกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้งเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

Read More

11/05/2563

ทองคำสำรองของประเทศในอาเซียน


ทองคำสำรอง หรือ gold reserve เป็นสินทรัพย์ชนิดหนึ่งที่ธนาคารกลางของประเทศหรือองค์กรทางการเงินระหว่างประเทศซื้อเก็บสะสมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อเป็นการลงทุนและหลักประกันทางการเงินของประเทศและองค์กรนั้นๆ ข้อมูลของสภาทองคำโลกระบุว่าประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซี่ยนที่มีปริมาณทองคำสำรองมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย โดยประเทศไทยถือครองทองคำเป็นอันดับ 3 มาโดยตลอด แต่ในปี 2554 เป็นต้นมา ปริมาณทองคำสำรองของไทยเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 152.41 ตัน ส่งผลให้ปริมาณทองคำสำรองของไทยมากเป็นอันดับสองรองจากฟิลิปปินส์และเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ ปีธันวาคท 2562 ไทยมีทองคำสำรอง 154 ตัน)เมื่อพิจารณาสัดส่วนปริมาณทองคำสำรองต่อประชากรจากข้อมูลในปี 2562 พบว่า สิงคโปร์มีประมาณทองคำสำรองต่อจำนวนประชากรสูงที่สุด(127.40 ตัน/ประชากร 5.681คน) รองลงมาคือไทย (153.94 ตัน/ประชากร 67.913 คน) และฟิลิปปินส์ (194.93 ตัน/ประชากร 108.732 คน)ทั้งนี้เมื่อดูปริมาณทองคำสองรองทั่วโลกพบว่า ประเทศที่มีสัดส่วนปริมาณทองคำสำรองต่อประชากรสูงที่สุดได้แก่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งนำอันดับ 1 มาโดยตลอด คือมีปริมาณทองคำสำรองมากถึง 121 กรัมต่อประชาการ 1 คน สะท้อนให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจของสวิสเซอร์แลนด์มีเสถียรภาพมาก ขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่มีปริมาณทองคำสำรองต่อประชากรสูงที่สุด โดยอยู่ในอันดับ 10 ของโลกตารางแสดงปริมาณทองคำสำรองและจำนวนประชากรของประเทศต่างๆในอาเซียน

Read More

11/05/2563

เลือกแหวนหมั้น-แต่งงานให้เหมาะกับราศี


ค่านิยมในการเลือกแหวนแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงานมักจะต้องเป็นแหวนเพชรบนตัวเรือนทองคำ หรือแพลตตินั่มเพราะดูแพงและสื่อความหมายของความมั่นคง แต่ปัจจุบันการเลือกแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงานไม่จำเป็นต้องเป็นเพชรเสมอไปแล้ว คู่รักอาจเลือกแหวนที่เหมาะสมจากราศีเกิดได้ด้วย ซึ่งนอกจากถูกเงินกว่าแหวนเพชรแล้ว ยังถูกโฉลก แถมเชื่อว่าเมื่อสวมแล้วจะทำให้รักกันยั่งยืนอีกด้วยโกเมน อัญมณีสีแดงเลือดนกประจำราศีมังกร (14 ม.ค.-13 ก.พ.) มีความโดดเด่นอยู่ที่สีแดงสดหลายเฉดช่วยปรับสมดุลด้านความรู้สึก และยังช่วยเพิ่มบารมีให้มีความสุขอีกด้วย อเมทีสต์ พลอยสีม่วงใส อัญมณีประจำราศีกุมภ์ (14 ก.พ.-13 มี.ค.)หากนำมาคู่กับตัวเรือนสีเงินจะทำให้พลอยดูโดดเด่น กันว่าสวมแล้วจะทำให้ปราดเปรื่อง มีความคิดสร้างสรรค์ และช่วยคุ้มครองให้พ้นจากอบายมุขที่เข้ามายั่วยุ อความารีน อัญมณีแห่งสายน้ำประจำราศีมีน (14 มี.ค.-13 เม.ย.)โดดเด่นด้วยสีฟ้าน้ำทะเลสดใส ที่สามารถเข้าคู่ได้เป็นอย่างดีกับตัวเรือนทองคำขาว และหากนำมาจับคู่กับเพชรน้ำงามด้วยแล้ว บอกได้เลยว่าดูสวยสุดๆ เพชร อัญมณีประจำราศีเมษ (14 เม.ย.-13 พ.ค.)ด้วยสีที่ใสสะอาดและมีความแข็งแรงสวยงามทำให้สาวๆ ทั่วโลกต่างใฝ่ฝันที่จะมีในครอบครอง เหมาะกับชาวราศีเมษ เพราะมีวามเป็นนักริเริ่ม นักบุกเบิกที่แข็งแกร่ง มรกต อัญมณีสีเขียวประจำราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.) อันเป็นเอกลักษณ์ที่มีโทนสีให้เลือกตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีเข้ม เชื่อกันอีกว่าพลอยสีเขียวจะทำให้ผู้สวมใส่เกิดความศรัทธาที่มั่นคงและกล้าหาญอีกด้วยมุกดาหาร อัญมณีสีหมอกมัวประจำราศีเมถุน (14 มิ.ย.-13 ก.ค.)เป็นสีที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ ความสดชื่น อายุยืนยาวสามารถจับเข้าตัวเรือนได้ทั้งสีทองและสีเงิน สวมแล้วจะช่วยส่งเสริมดวงให้สดใส และช่วยลดอารมณ์ที่ชอบแปรปรวนได้ ทับทิม อัญมณีประจำราศีกรกฎ (14 ก.ค.-13 ส.ค.)ทับทิมเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความกล้าแสดงออกโดดเด่นด้วยสีแดงกล่ำ ที่สามารถนำมาเข้าได้ทั้งตัวเรือนทองคำขาวและทองชมพู เพอริโดต์ อัญมณีประจำราศีสิงห์ (14 ส.ค.-13 ก.ย.) อัญมณีเนื้ออ่อนสีเขียวใสสามารถนำมาจับคู่ได้ทั้งกับตัวเรือนสีทองและสีขาว เชื่อว่าสามารถขับไล่วิญญาณของภูติผีปีศาจได้ ไพลิน อัญมณีสีน้ำเงินเข้มประจำราศีกันย์ (14 ก.ย.-13 ต.ค.) เป็นอัญมณีที่สามารถนำมาทำแหวนได้หลากหลายทรงที่สามารถเข้ากับตัวเรือนทองคำขาวมากที่สุด ไพลินเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความเมตตากรุณา และความเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่ทัวร์มาลีน อัญมณีประจำราศีตุลย์ (14 ต.ค.-13 พ.ย.)เป็นอัญมณีที่มีหลายสีmyh’สีเขียว ดำ และชมพู หรืออาจเป็นแบบสีผสมก็ได้ ซึ่งทั้งสีเขียวและดำเหมาะกับตัวเรือนสีดำส่วนสีชมพูเหมาะกับตัวเรือนสีพิ้งโกลด์ ซึ่งทัวร์มาลีนสามารถสร้างพลังบวกและทำลายพลังงานลบ กระตุ้นการสื่อความเข้าใจและให้ความร่วมมือระหว่างขั้วที่แตกต่างกันได้ บุษราคัม อัญมณีประจำราศีพิจิก (14 พ.ย.-13 ธ.ค.)เป็นพลอยที่มีให้เลือกตั้งแต่โทนสีเหลืองอ่อนไปจนถึงโทนสีเข้ม เหมาะกับตัวเรือนสีทอง เชื่อกันว่าบุษราคัมเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความรอบคอบ การปกป้องจากความทุกข์เข็ญ ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเป่า ความกล้าหาญ และที่สำคัญยังช่วยรักษาความสมดุลแห่งอารมณ์ทางเพศได้อีกด้วย เทอร์คอยส์ อัญมณีประจำราศีธนู (14 ธ.ค.-13 ม.ค.)เทอร์คอยส์หรือหินมูลนกการเวก โดดเด่นด้วยสีโทนเขียวอมฟ้า เหมาะกับตัวเรือนทองคำขาว สามารถทำเป็นแหวนได้ทั้งแบบโชว์เม็ดเดี่ยวและแบบล้อมเพชรก็ได้ เทอร์คอยส์มีพลังอำนาจเสริมดวงทำให้สวมใส่แล้วมีความสุขุมเยือกเย็น อีกทั้งยังช่วยให้ประสบความสำเร็จและช่วยเสริมบารมีชีวิตให้ก้าวหน้าอีกด้วย ข้อมูล : แพรว

Read More

11/05/2563

ประตูเงิน ประตูทอง


ในประเพณีการแต่งงานของคนไทย นอกจากสินสอดทองหมั้น พิธีสงฆ์ การหลั่งน้ำสังข์แล้ว ลำดับพิธีสำคัญที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือ ขบวนขันหมาก ซึ่งในการแห่ขันหมากมาบ้านเจ้าสาวนั้นขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวจะต้องผ่านการกั้นประตูเงินประตูทอง ของฝ่ายเจ้าสาวเสียก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวมายืนกั้นประตูมากบ้างน้อยบาง ทำให้เกิดความสงสัยว่าประเพณีการกั้นประตูเงินประตูทองมีเพื่ออะไร และในสมัยโบราณมีการกั้นมากน้อยแค่ไหน ตามประเพณีดั้งเดิมขอไทยเราเมื่อมีงานแต่งงานมักจะนิยมกั้นประตู 3 ประตู ได้แก่ ประตูชัย ประตูเงิน และประตูทอง เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงเรือนเจ้าสาว ก่อนที่จะได้พบปะกับคนรักก็จะต้องผ่าน 3 ประตูนี้เสียก่อน แต่จะผ่านแต่ละประตูได้ก็จะต้องมีซองเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้คนกั้นประตู ซึ่งเขาเรียกซองพวกนี้ว่า “ของแถมพก” โดยผู้ที่ให้ซองนี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นหน้าที่ของเจ้าบ่าว บางครั้งก็มีเถ้าแก่และเพื่อนเจ้าบ่าวช่วยกันหยอกล้อและต่อรองขอผ่านประตูเข้าไปหาเจ้าสาวประตูแรกที่เจ้าบ่าวจะต้องเจอก็คือ “ประตูชัย” โดยผู้กั้นประตูจะถือชายผ้าคนละข้าง เรียกกันว่า “การปิดประตูขั้นหมาก” จากนั้นก็จะมีการต่อรองเกิดขึ้นตามแต่บรรยากาศจะพาไป สุดท้ายก่อนจะผ่านประตูเข้าไป ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองเงินแก่ผู้กัน เรียกว่า “ของแถมพกอย่างตรี” ประตูที่สองได้แก่ “ประตูเงิน” ผู้กั้นประตูจะถือชายผ้าแพรคนละข้าง หรือเป็นผ้าที่มีเนื้อดีกว่าผ้าที่ใช้กั้นประตูชัย มีการต่อรองขอผ่านประตูเช่นเดียวกับประตูชัย แต่ซองเงินที่ให้จะต้องมีค่าสูงกว่า เรียกว่า “ของแถมพกอย่างโท” ประตูสุดท้ายเป็น “ประตูทอง” ผู้กั้นจะถือชายผ้าแพรอย่างดี หรือถ้าเป็นบ้านที่มีฐานะดีก็จะใช้สร้อยทองสำหรับกั้นประตู และเช่นเดียวกันกับสองประตูที่ผ่านมาคือ จะต้องมีการหยอกล้อ ต่อรองเพื่อขอให้เจ้าบ่าวผ่านประตูไปรับเจ้าสาว แต่อาจจะผ่านยากสักหน่อย และอาจต้องมีเงินในซองมากกว่าสองประตูแรกเรียกว่า “ของแถมพกอย่างเอก” ถึงแม้ว่าประเพณีดั้งเดิมของไทยจะมีเพียงแค่ 3 ประตู และวัสดุที่นำมาใช้กั้นก็เป็นเพียงแค่ผ้าแพรเท่านั้น ยกเว้นประตูทองที่อาจใช้สร้อยทองกั้น แต่ในปัจจุบันงานแต่งหลายงานก็ประยุกต์ใช้ทั้งกระดาษ ผ้า หรือดอกไม้นำมาตัดแต่งร้อยเรียงจนสวยงามแล้วนำมากั้นประตู ที่สำคัญมีมากมายหลายประตูจนฝ่ายเจ้าบ่าวแจกซองจนเหงื่อตกเลยทีเดียวข้อมูล : แพรว

Read More

11/05/2563

ทองแท้ หรือ ทองปลอม ทดสอบเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง


การซื้อเครื่องประดับทองถ้าจะให้มั่นใจว่าได้ของแท้ก็ต้องซื้อจากร้านทองที่ได้มาตรฐาน แต่ถ้าหากได้มาจากแหล่งอื่นๆแล้วอยากทดสอบว่าเครื่องประดับทองที่ได้มาเป็นของแท้หรือไม่ก็สามารถทำได้ในเบื้องต้นด้วยวิธีต่างๆดังต่อไปนี้การทดสอบด้วยแม่เหล็ก อาจใช้แม่เหล็กที่หาได้จากจากลำโพง หรือของเล่นต่างๆ เอาไปวางไว้ใกล้ๆ กับเครื่องประดับทอง แล้วสังเกตแรงดึงดูดที่เกิดขึ้น หากเป็นเครื่องประดับทองแท้ จะไม่เกิดแรงดึงดูดกับแม่เหล็กแต่ถ้าเป็นของปลอมทื่ทำจากเหล็กหรือสแตนเลส รวมทั้งโคบอล จะเกิดแรงดึงดูดกับแม่เหล็ก การทดสอบด้วยแม่เหล็กนี้เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลอย่างรวดเร็วเหมาะกับการทดสอบเครื่องประดับที่เป็นงานชุบ แต่ก็มีข้อควรระวังว่าหากมีการใช้เงินและทองแดงเป็นตัวชุบก็จะไม่เกิดแรงดึงดูดกับแม่เหล็กเหมือนกันการทดสอบน้ำหนัก อาจใช้การชั่งด้วยมือโดยวางเครื่องประดับที่สงสัยในมือข้างหนึ่งแล้วมืออีกข้างหนึ่งวางเครื่องประดับที่เป็นของจริง ทำการชั่งเปรียบเทียบกัน ถ้าน้ำหนักแตกต่างกันก็แสดงว่าอาจเป็นของปลอมหรือเป็นการชุบตีโป่งก็ได้ การทดสอบสี เป็นการสังเกตสีของเครื่องประดับว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณข้อต่อ สลัก ขอเกี่ยว และตัวเรือน หากต้องการทดสอบเพื่อความแน่ใจให้ทำการตะไบเบาๆ แล้วลองเปรียบเทียบสีดู ซึ่งการทดสอบสีนี้ทำให้เราสามารถจำแนกได้ว่าเป็นเครื่องประดับอะไรหรือมีความบริสุทธิ์มากน้อยแค่ไหน เช่นถ้ามีส่วนผสมของทองแดงมากสีของเครื่องประดับก็จะเข้มกว่าเครื่องประดับที่มีทองแดงผสมอยู่น้อยกว่าเป็นต้นดูตราประทับกะรัตและความบริสุทธิ์ ซึ่งตราประทับนั้นสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าหากไม่มีตราประทับให้สันนิฐานไว้ก่อนเลยว่าเครื่องประดับทองนั้นอาจไม่ใช่ของจริง การประทับตรากะรัตและความบริสุทธิ์บนเครื่องประดับประเภทสร้อย ส่วนใหญ่จะประทับไว้บนตะขอเกี่ยว สลัก หรือข้อต่อ ถ้าเป็นพวกต่างหูจำเป็นต้องใช้แว่นขยายในการสังเกต ห่างเป็นแหวนหรือกำไลจะประทับไว้บริเวณใต้ท้องของแหวนและกำไลต่างๆ อย่างไรก็ตามการมีตราประทับกะรัตหรือความบริสุทธิ์บนเครื่องประดับไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าเครื่องประดับเหล่านั้นเป็นของจริงเพราะอาจมีการเลียนแบบได้แต่เครื่องประดับที่เป็นทอง จำเป็นต้องมีตราประทับกะรัตและความบริสุทธิ์ทุกชิ้น เพื่อง่ายต่อผู้บริโภคในการสังเกต ดูตราประทับผู้ผลิต ในส่วนของตราประทับผู้ผลิตก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะทำให้ทราบแหล่งที่มาและอาจทำให้ราคาของเครื่องประดับแตกต่างกันออกไป เช่น Italy 18K เป็นทองคำของอิตาลีก็จะทำให้ราคาของเครื่องประดับนั้นแพงขึ้นไปอีกเป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการทดสอบเบื้องต้นแต่ถ้าให้มั่นใจควรให้ร้านทองตรวจสอบให้ ก็จะได้ผลที่ถูกต้องที่สุด แต่ทางที่ดีคือควรซื้อเครื่องประดับทองจากร้านทองที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

Read More

11/05/2563

ชาร์มกับความเชื่อ


ชาวไอยคุปต์หรือชาวอียิปต์โบราณเป็นผู้นิยมความสวยงาม หรูหรา และค่อนข้างพิถีพิถันในเรื่องการแต่งกาย ชายหญิงทุกชนชั้นยังนิยมแต่งเติมร่างกายด้วยเครื่องประดับนานาชนิดไม่ว่าจะเป็น แหวน ต่างหู กำไลข้อมือ และสร้อยคอ ซึ่งอาจทำจากไม้ เปลือกหอย หรือแร่ทองคำ แต่นอกจากเพื่อความสวยงามแล้วการใส่เครื่องประดับยังเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกทางสัญลักษณ์ตามคติความเชื่อในแบบเทวนิยม เช่นการห้อยวัตถุขนาดเล็กที่เรียกว่า ‘ชาร์ม’ (Charm)เพื่อแสดงความศรัทธาต่อเหล่าเทพเจ้าอีกด้วยในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ชาร์ม หรือ จี้ประดับ มักทำมาจากเปลือกหอย กระดูกสัตว์ หรือดินเหนียว หลักจากนั้นเปลี่ยนเป็นอัญมณี ไม้ แร่หิน และแร่ทองคำ มีการพบเครื่องประดับชาร์มทำจากเปลือกหอยอายราว 75,000 ปีแถบทวีปแอฟริกา และชาร์มที่ทำจากงาช้างแมมมอธอายุราว 30,000 ปีที่ประเทศเยอรมณี นอกจากการประดับชาร์มเพื่อแสดงความศรัทธาต่อเทพเจ้าของชาวไอยคุปต์แล้ว ในยุคจักรวรรดิโรมันรุ่งเรืองชาวคริสก็มักจะมีชาร์มรูปปลาติดตัวไว้เสมอเพื่อแสดงถึงความเป็นคริสเตียน แม้แต่อัศวินในยุคกลางก็ยังห้อยชาร์มติดตัวเพื่อเป็นเครื่องรางคุ้มครองให้ปลอดภัยในยามออกศึกสงครามจากการมีชาร์มเพื่อความเชื่อและความศรัทธามาสู่การประดับชาร์มเพื่อความสวยงาม โดยมีการพบสร้อยช้อมือชาร์มชิ้นแรกอายุราว 400-600 ปีก่อนคริสตกาล สวมใส่โดยชาวอัสซีเรีย บาบิโลเนีย เปอร์เซียและฮิตไทน์ แต่ที่การสวมชาร์มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายก็คือในยุคของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ พระองค์ทรงรักการสวมสร้อยข้อมือชาร์มมากและยังเป็นผู้ที่ริเริ่มแฟชั่นชาร์มในยุโรปอีกด้วยพระองค์ทรงมีสร้อยชาร์มจำนวนมากแต่หนึ่งในสร้อยชาร์มเส้นโปรดของพระองค์คือ เส้นที่เจ้าชายอัลเบิร์ตมอบให้เป็นของขวัญในปีค.ศ.1840 เป็นสร้อยข้อมือประดับชาร์มรูปหัวใจ 9 ดวงเคลือบด้วยสีต่างๆไม่ซ้ำกัน 9 สี ซึ่งหัวใจแต่ละดวงเป็นตัวแทนของทั้งสองพระองค์ พระโอรส และพระธิดา หัวใจนี้สามารถเปิดออกได้ ด้านหนึ่งแกะสลักพระนามและวันพระสูติอีกด้านใส่เส้นพระเกศาของแต่ละพระองค์ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียมักจะมอบชาร์มเป็นของขวัญแก่เชื้อพระวงศ์และพระสหายตามโอกาสพิเศษต่างๆเสมอๆทำให้สร้อยข้อมือชาร์มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากนั้นเป็นต้นมา

Read More

11/05/2563

โควิด19 ดันตัวเลขส่งออกทองคำไทยพุ่ง


รายงานตัวเลขมูลค่าการส่งออกทองคำไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูปอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลกทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น สวนทางกับตัวเลขการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแท้ที่มีมูลค่าลดลงกว่า 18%จากช่วง 2 เดือนแรกของปีก่อนศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) รายงานว่าสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ คือ ทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูป ในสัดส่วนร้อยละ 69.96 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย และมีอัตราการขยายตัวกว่า 2.23 เท่า เมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนแรกของปี 2562 เนื่องมาจากการส่งออกเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การส่งออกเครื่องประดับทอง กลับหดตัวลงร้อยละ 15.63 เนื่องจากการส่งออกไปยังกาตาร์ อิตาลี และฮ่องกงลดลง ในขณะที่การส่งออก เครื่องประดับแท้ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับที่ 2 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.98 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยรวม ลดลงร้อยละ 15.24 เครื่องประดับ-เงิน ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.14 แต่เครื่องประดับแพลทินัม ยังเติบโตร้อยละ 11.42 การส่งออกพลอยสี ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 3 ก็มีมูลค่าลดลงร้อยละ 34.38 โดยพลอยเนื้อแข็งเจียระไน เช่น ทับทิม แซปไฟร์ และมรกต หดตัวลงมากถึงร้อยละ 43.48 เนื่องจากการส่งออกไปยังฮ่องกงและอิตาลี ตลาดในอันดับ 2 และ 3 ลดลงมาก ส่วนพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ปรับตัวลดลงร้อยละ 34.84 การส่งออกเพชร ก็มีมูลค่าลดลงร้อยละ 28.23 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ในส่วนของตลาดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย รวมถึงทองคำ ที่มีมูลค่าสูงสุดในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ในสัดส่วนร้อยละ 43.40 รองลงมาคือสิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และเยอรมณีตามลำดับอย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายประเทศ lockdown บางพื้นที่หรือทั้งประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ชะงักงัน และประชาชนส่วนใหญ่ก็ใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดารงชีพเท่านั้น น่าจะทำให้ตัวเลขการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในช่วงไตรมาส3ติดลบหนักขึ้น

Read More

11/05/2563

พิษโควิด19 ทำส่งออกเครื่องประดับไทยไปจีนสะดุด


มีรายงานตัวเลขการส่งออกออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยไปยังจีนในช่วงวิกฤติโควิค19 ว่าลดลงมากกว่า 80 %ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 แต่การที่ประชาชนจีนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยจากสถานการณ์ที่คลี่คลายจึงถือเป็นสัญญาณของการเริ่มฟื้นตัวซึ่งอาจจะส่งผลดีต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ตัวเลขการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13.86 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า83.19% โดยสินค้าส่งออกหลักอย่างเครื่องประดับเงินส่งออกได้มูลค่า 11.87 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 65.58% รองลงมาคือเครื่องประดับทองในมูลค่า 0.71 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 76.75% เครื่องประดับเทียมมูลค่า 0.34 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 51.60% และพลอยสีมูลค่า 0.31 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 72.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ในประเทศจีนคลีคลายลงมากจนเกือบเข้าสู่สภาวะปกติ ทำให้รัฐบาลประกาศปลดล็อคมาตรการต่างๆลง ประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ลูกจ้างเริ่มกลับเข้าทำงาน โรงงานอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาทำการผลิตอีกครั้ง ทั้งนี้รวมถึงผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับรายใหญ่ๆของจีนก็ได้เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการแล้วเช่นกัน Chow Tai Fook Jewellery Group Ltd. หนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับรายใหญ่ของจีนได้เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการแล้วประมาณ 85% ของร้านค้าในจีนหรือจำนวน 3,600 แห่ง เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หรือแบรนด์หรูอย่าง Hermes, Gucci และ Bottega Veneta ก็ได้เริ่มกลับมาเปิดร้านค้าในประเทศจีนตามเมืองต่างๆ แต่ยังคงมาตรการป้องกันการเข้าใช้บริการภายในร้านด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และจำกัดจำนวนคนที่จะเข้าภายในร้าน ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ของจีนรายงานว่าอัตราการกลับมาทำงานในจีนพุ่งทะลุ 70% และปัจจัยสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของจีนในช่วงที่เหลือของปี 2563 คือการบริโภคภายในประเทศที่จะเติบโตที่สุด นอกจากนี้ IHS Markit คาดการณ์ว่า GDP ของจีนจะเติบโต 3.9% ในปีนี้โดยมีอัตราลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่เติบโตถึง 6.8% ซึ่งหลังจากยอดผู้ติดเชื้อในประเทศจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจีนได้เริ่มผ่อนปรนมาตรการกักกันโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนเริ่มออกมาท่องเที่ยวและใช้จ่ายตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ ข้อมูล:ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

11/05/2563

ไม้ชัยพฤกษ์ลงรักปิดทอง เสาหลักเมืองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์


หลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกปราบดาภิเษกเสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ท่านทรงสั่งให้ย้ายเมืองหลวงจากกรุงธนบุรีฝั่งตะวันตกมาฝั่งตะวันออก เพื่อสถาปนาเป็นเมืองหลวงใหม่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้ทำพิธียกเสาหลักเมืองสถาปนาพระนครใหม่ขึ้นตามโบราณราชประเพณีที่การสร้างเมืองสำคัญจำเป็นต้องมีการยกหลักเมืองเสาหลักเมืองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทำจากไม้ชัยพฤกษ์ ประกอบด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 75 ซ. สูง 27 ซม. และกำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน 10 นิ้ว ฝังลงในดินลึก 79 นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ภายในมีช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมือง และโปรดเกล้าฯให้ทำพิธียกเสาหลักเมืองขึ้นในวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 ต่อมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงตรวจดวงพระชะตาของพระองค์พบว่าเป็นอริแก่ลัคนาดวงเมือง จึงโปรดเกล้าฯให้สร้างเสาหลักเมืองขึ้นใหม่อีก 1 ต้น เพื่อแก้เคล็ด พร้อมบรรจุดวงชะตาเมืองขึ้นมาใหม่ ให้ต้องตามดวงพระราชสมภพเสาหลักเมืองใหม่นี้ มีแกนเป็นไม้สัก และประกับนอกด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ส่วนยอดเป็นทรงมัณฑ์ โดยทำพิธียกเสาหลักเมืองใหม่เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2395ปัจจุบันเสาหลักเมืองประดิษฐานอยู่ในศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร รวมกับพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อเจตคุปต์ และเจ้าพ่อหอกลองซึ่งเป็นเทพารักษ์สำคัญ 5 องค์ที่ให้ความร่มเย็นแก่แผ่นดินและประชาชน ทำให้ศาลหลักเมืองกลายเป็นที่ชุมนุมสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่พึ่งทางใจของคนไทยทั่วไปเสาหลักเมือง หมายถึง เสาที่สร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของเมือง มักทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ เสาหลักเมืองถือเป็นหัวใจของเมือง เป็นที่สถิตของเทพยดาผู้ปกปักพิทักษ์บ้านเมือง มีธรรมเนียมว่าก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในที่ที่เป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น ส่วนคำว่า ศาลหลักเมือง หมายถึง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองและเป็นที่สถิตของเทพยดาผู้พิทักษ์เมืองซึ่งเรียกว่าพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ และพระกาฬไชยศรี

Read More

11/05/2563

การบังคับใช้ Hallmark บนเครื่องประดับทองในอินเดีย


ตั้งแต่ต้นปีหน้า (2021) รัฐบาลอินเดียออกกฎหมายบังคับให้เครื่องประดับทองและสินค้าที่ทำจากทองคำทุกชนิดที่ขายทั่วประเทศต้องได้รับการประทับตรา Hallmark เพื่อรับรองความบริสุทธิ์หลังจากให้ผู้ประกอบการประทับตรา Hallmarkตามความสมัครใจมาตั้งแต่ปี 2000การบังคับใช้กฎหมายในครั้งนี้ส่งผลให้ ผู้ขายเครื่องประดับทองทุกรายจะต้องลงทะเบียนกับ The Bureau of Indian Standards (BIS) ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2020 ที่ผ่านมาและในปีหน้าต้องขายแต่เครื่องประดับทองและสินค้าที่ทำด้วยทองคำที่ประทับตรา Hallmark แล้วเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องประดับทองราวร้อยละ 40 เท่านั้นที่ได้รับการประทับตรา Hallmark ทั้งนี้BIS ได้กำหนดมาตรฐานความบริสุทธิ์ของเครื่องประดับทองไว้สามระดับด้วยกัน คือ 14 กะรัต 18 กะรัต และ 22 กะรัต ซึ่งรัฐบาลอาจกำหนดให้ผู้ขายต้องแสดงราคาของทองคำทั้งสามระดับนี้ที่ร้านของตนด้วย โดยในปัจจุบันอินเดียมีศูนย์ตรวจรับรองและประทับตราทองคำอยู่ 877 แห่งใน 234 เขต และมีผู้ขายเครื่องประดับที่ได้ลงทะเบียนกับ BIS แล้ว 26,019 ราย จากผู้ขายเครื่องประดับทั้งหมดราว 200,000 รายในอินเดีย อย่างไรก็ดี รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะเปิดศูนย์ประทับตราเพิ่มขึ้นในทุกเขตของประเทศ และให้ผู้ขายเครื่องประดับทุกรายลงทะเบียนภายในกรอบเวลาหนึ่งปีนี้ การประทับตรา Hallmark บนเครื่องประดับทองจะระบุสัญลักษณ์รวม 5 สัญลักษณ์ ได้แก่ ตราสัญลักษณ์ BIS (BIS Standard Mark) ค่าความบริสุทธิ์ของทองคำในรูปแบบกะรัตและไฟน์เนส (Purity in Carat and Fineness) ตราของศูนย์ตรวจรับรอง (The Assaying Centre’s Identification Mark) และตราระบุตัวผู้ผลิตเครื่องประดับ (Jeweller’s Identification Mark) รวมถึงปีที่ประทับตรา อาทิเช่น ‘A’ ใช้สำหรับปี 2000 และ ‘J’ ใช้สำหรับปี 2008 เป็นต้น สำหรับการออกกฎบังคับให้เครื่องประดับทองและสินค้าที่ทำด้วยทองคำต้องได้รับการประทับตรา Hallmark มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค และช่วยให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะในเมืองเล็กและในระดับหมู่บ้านรับรู้เรื่องนี้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริโภคได้ซื้อเครื่องประดับทองที่มีค่าความบริสุทธิ์ตามที่กำหนด และยังช่วยลดกรณีการหลอกลวง เมื่อผู้ขายขายเครื่องประดับทองกะรัตต่ำลงโดยอ้างว่าสินค้าได้รับการประทับตราแล้ว ข้อมูล : ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

06/04/2563

แฟชั่นประดับฟัน 3 พันปี


เครื่องประดับชนิดหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของดาราศิลปิน ชาวฮิปฮอป และแรปเปอร์ทั้งหลาย คือ เครื่องประดับฟัน หรือที่เรียกว่าGrillz มีลักษณะเป็นวัสดุครอบบนฟันมีทั้งแบบฝังอัญมณีลงบนฟัน และแบบที่สามารถถอดออกได้ โดยทำจากโลหะมีค่าต่างๆ เช่นทองคำหรือเงิน ซึ่งเครื่องประดับฟันนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สะท้อนความมีสไตล์ ความมั่งคั่งและสถานะทางสังคม และมีมานานกว่าพันปีแล้วนักโบราณคดีได้ค้นพบหลักฐานเครื่องประดับฟันของมนุษย์โบราณในหลายพื้นที่ เช่นการพบกระดูกของชาวอีทรัสคันซึ่งอาศัยอยู่ในอิตาลีโบราณในช่วง 900ถึง 200 ปีก่อนคริสตกาล พบว่าที่ฟันถูกเคลือบด้วยทองแผ่นบางๆ และพบหัวกระโหลกของชาวมายาที่มีอัญมณีฝังไว้บริเวณฟัน ต่อมาในช่วงคริสต์ศักราช 1900 ยังพบว่าชนเผ่ามายาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโกและกัวเตมาลาก็ยังคงสืบทอดวัฒนธรรมการสวมใส่ที่ครอบฟันฝังด้วยอัญมณีอยู่ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าการประดับตกแต่งฟันด้วยโลหะมีค่าหรืออัญมณีนี้น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงามนั่นเอง ปัจจุบัน มีการทำเครื่องประดับฟันจำหน่ายและสวมใส่กันอย่างแพร่หลาย มีทั้งแบบสั่งทำและแบบสำเร็จรูปไม่เป็นที่ปรากฎแน่ชัดว่าบริษัทใดเป็นรายแรกที่ริเริ่มนำ Grillz มาทำเป็นเครื่องประดับ

Read More

06/04/2563

สรุปสถานการณ์ส่งออกเครื่องประดับไทย เดือน ม.ค.63


สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน) รายงานตัวเลขการส่งออกเครื่องประดับและอัญมณีของไทยในเดือนแรกของปี 2563 เติบโตขึ้น1.15 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูปมีมูลค่ารวมสูงสุดตัวเลขมูลค่าการส่งออกสูงสุดในช่วงเดือนแรกของปีนี้คือ ทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูป ด้วยสัดส่วนร้อยละ 69.52 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย และมีอัตราการขยายตัวกว่า 2.99 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนแรกของปี2562 เป็นการส่งออกเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา เนื่องด้วยราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับราคาเฉลี่ย 1,560.67เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราคาเดือนม.ค.) ทั้งนี้เนื่องจากตลาดมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโควิด19ส่วนมูลค่าการส่งออกเครื่องประดับประเภทอื่นๆมีดังนี้เครื่องประดับแท้เป็นสินค้าส่งออกสำคัญในอันดับที่ 2 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.49 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณี และเครื่องประดับโดยรวม เติบโตร้อยละ 6.89 ตัวเลขนี้เป็นการรวมตัวเลขการส่งออกเครื่องประดับทอง เครื่องประดับเงิน และเครื่องประดับแพลทินัม ไว้ด้วยกัน พลอยสีเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 3 ในสัดส่วน ร้อยละ 7.62 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.43 โดยสินค้าส่งออกหลักในหมวดนี้เป็น พลอยเนื้อแข็งเจียระไน (ทับทิม แซปไฟร์ และมรกต) และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพชร เป็นสินค้าส่งออกรายการสำคัญในอันดับ 4 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 5.49 หดตัวลงร้อยละ 10.98 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย โดยมีเพชร เจียระไนเป็นสินค้าส่งออกหลักในหมวดนี้ซึ่งมีมูลค่าลดลงร้อยละ 16.14 อันเนื่องมาจากการส่งออกไปยังหลักอย่างเบลเยียม ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกาลดลง ส่วนการส่งออกไปยังอินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขยายตัวสูงขึ้น เครื่องประดับเทียม เป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 5 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 1.79 จากการส่งออกไปยังลิกเตนสไตน์ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และ ฝรั่งเศส ทั้งนี้ตลาดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยรวมถึงทองคำ ที่มีมูลค่าสูงสุดในเดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ในสัดส่วนร้อยละ 41.92 เติบโตสูงกว่า 4.01 เท่า อันเนื่องมาจากการส่งออกเกือบทั้งหมดเป็นทองคำ ซึ่ง เพิ่มขึ้นกว่า 4.38 เท่า

Read More

06/04/2563

รูปแบบเงินตราในดินแดนสุวรรณภูมิ


ดินแดนสุวรรณภูมิเกิดขึ้นมาตั้งแต่​ก่อนพุทธศตวรรษจนถึงพุทธศตวรรษที่18 โดยมีอาณาจักรต่างๆกระจายอยู่ทั่วไป และแต่ละอาณาจักรต่างก็มีเงินตราเป็นของตนเอง​เพื่อใช้แลกเปลี่ยนกัน ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรฟูนัน อาณาจักรศรีเกษตร อาณาจักรทวารวดี และอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งเงินตราในแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกัน คือมีตั้งแต่เบี้ย เหรียญเงิน จนถึงเหรียญทอง เงินตราฟูนัน ราวพุทธศตวรรษที่ 6-12 ตั้งอยู่บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกของประเทศไทยไปจนถึงทางตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำโขง มีการใช้เหรียญเงินรูปอาทิตย์อุทัย มีลักษณะเป็นเหรียญเงินกลมมี 3 ขนาด ด้านหนึ่งภายในวงกลมชั้นในเป็นรูปอาทิตย์อุทัยครึ่งดวงแผ่รัศมีโดยรอบคั่นด้วยจุดไข่ปลา ส่วนวงกลมชั้นนอกประดับด้วยจุดไข่ปลาโดยรอบเช่นกัน อีกด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ศรีวัตสะ ด้านบนเป็นพระอาทิตย์และพระจันทร์ มีสวัสดิกะและภัทรบิฐขนาบที่ด้านข้าง ด้านล่างสุดเป็นจุดกลม 3 จุดเงินตราทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 12-16 ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง ใช้เหรียญเงินเป็นเงินตราสำคัญ ระบบการผลิตเป็นระบบการตอกตรา จึงทำให้เหรียญมีลักษณะโค้งแบบก้นกระทะ นอกจากเหรียญที่เป็นเงินแล้วยังผลิตเหรียญที่มีตัวอักษรซึ่งเข้าใจว่าเป็นเหรียญที่ระลึกอีกด้วย เงินตราทวารวดีมีลักษณะกลมมีทั้งชนิดเนื้อทองคำและเนื้อเงิน มีหลายรูปแบบและขนาด ส่วนมากประทับตราสังข์ล้อมด้วยจุดไข่ปลา อีกด้านหนึ่งเป็นรูปปราสาท มีวิวัชระอยู่ภายใน ประกอบด้วยแส้และขอช้างที่ด้านข้าง มีพระอาทิตย์และพระจันทร์อยู่ด้านบน มีปลาหรือน้ำอยู่ด้านล่าง เงินตราศรีเกษตร พุทธศตวรรษที่ 8-13 ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำอิรวดีในประเทศพม่าปัจจุบัน มีการใช้เหรียญเงินถึง 3 รูปแบบเป็นเงินตรา มีรูปบนเหรียญที่แสดงถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอินเดีย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางการปกครองและศาสนา การผลิตเหรียญใช้วิธีตอกตรา โดยตัดแผ่นเงินตามน้ำหนักแล้วสอดวางไว้บนทั่งที่มีแม่พิมพ์ด้านล่างและตอกแม่ตราด้านบนด้วยค้อน วิธีการนี้เป็นระบบการผลิตเหรียญของชาวลิเดียและกรีกสมัยโบราณ เงินตราศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 13-18 มีเมืองสำคัญ คือเมืองไชยา นครศรีธรรมราช ลงไปจนถึงเมืองปาเล็มบังในเกาะสุมาตรา อาณาจักรนี้ใช้เหรียญที่ผลิตจากโลหะทองคำเงินและอิเล็กตรัม ประทับตราดอกจันด้านหน้า อีกด้านหนึ่งมีอักษรสันสกฤตคำว่า วร เรียกว่า เงินดอกจัน มีลักษณะเหมือนเหรียญเงินของชาวลิเดีย เงินตราศรีวิชัยมีทั้งเนื้อเงิน ทอง และอิเล็กตรัมมี 3 ขนาดเช่นกัน โดยที่ยังไม่พบเงินตราในรูปแบบอื่นจึงเชื่อว่าอาณาจักรแห่งนี้ผลิตเงินตราขึ้นใช้เพียงแบบเดียว

Read More

06/04/2563

พระลากเงิน-พระลากทอง ณ หอพระพุทธสิหิงค์ เมืองนคร


ที่หอพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองนครนครแล้วยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร บุด้วยทองคำ และเงิน อย่างละองค์ ที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า พระลาก อีกด้วย"พระลาก" คือพระพุทธรูปที่นำมาประดิษฐานบนเรือพระ ถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญของวัด ส่วนใหญ่จะเป็นพระพุทธรูปปางประทับยืนยกพระหัตถ์ขึ้น 2 ข้าง หรืออาจเป็นปางอุ้มบาตรหรือปางลีลา พระลากจะมี 1 องค์ 2 องค์หรือ 3 องค์ก็ได้ แต่ไม่นิยมนำพระพุทธรูปปางประทับนั่งมาเป็นพระลาก หรือนำรูปพระเกจิอาจารย์มาตั้งบนเรือพระ ทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 พุทธบริษัทจะทำพิธีสรงน้ำพระและเปลี่ยนจีวรพระลาก แล้วอัญเชิญขึ้นบนบุษบก อันเป็นที่มาของประเพณีชักพระนั่นเอง โดยพระลากที่หอพระพุทธสิหิงค์เมืองนครนี้ ตามประวัติกล่าวว่าลากเงินพระลากทองปางอุ้มบาตรคู่นี้สร้างอุทิศขึ้นในสมัยเจ้าพระยาสุธรรมมนตรีศรีธรรมราช มาตยพงษ์สถาพร วรเดโชไชย อภัยพิริยบรมกรมพาหุ(หนูพร้อม ณ นคร) จางวางเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยนั้น ซึ่งตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นพระพุทธรูปคู่องค์พระพุทธสิหิงค์รูปแบบของพระพุทธรูปเป็นพระพุทธรูปประทับยืนอุ้มบาตรศิลปะรัตนะโกสินทร์สกุลช่างเมืองนคร บุด้วยเงินและทองคำเกือบทั้งองค์ ในส่วนของพระพุทธรูปบุทองคำพบว่าช่วงพระชานุ(เข่า)ลงไปไม่ได้รับการบุทองให้สมบูรณ์พบเพียงการทาครั่งหรือชันไว้ แต่ไม่ได้บุแผ่นทองลงไป ส่วนพุทธลักษณะและฝีมือการบุนั้นยังงามสู้พระบุบริเวณท่าวังไม่ได้ หอพระพุทธสิหิงค์ สถานที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ และพระลากเงิน พระลากทองนี้ ตั้งอยู่ระหว่างศาลากลางจังหวัดและศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เดิมเป็นหอพระประจำวังของ เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช อยู่ในบริเวณที่ตั้งวังเดิมของเจ้าพระยานคร (น้อย) พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวไทย สักการะบูชามาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลและมีอยู่หลายองค์ด้วยกันกระจายไป ตามจังหวัดต่าง ๆ แต่ที่ถือว่าเป็นองค์แท้จริงมีเพียง 3 องค์คือ 1. องค์แรกประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครองค์ 2. ที่สองประดิษฐาน ณ วิหารลายคำ วัดพระสิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ 3. และองค์ที่สามประดิษฐาน ณ หอพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พระพุทธสิหิงค์นี้เป็นที่เลื่อมใสบูชาของคนใด้โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราชเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าผู้ทุจริตคิดมิชอบ ทั้งหลายจะไม่กล้าสาบานต่อหน้าองค์พระเลย

Read More

06/04/2563

ฉลอง150ปี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถวายเครื่องราชฯน.ร.พระพุทธอังคีรส


เมื่อวันที่22มกราคม พ.ศ.2563เวลา16.57น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า​โปรด​กระ​หม่อ​มให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จแทนพระองค์มาทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธอังคีรส พระประธาน​พระอุโบสถ​เป็นราชสักการะพิเศษ​ เนื่องในศุภมงคลสมัย ๑๕๐ ปี แห่งการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และทรงเป็นประธานในการบำเพ็ญพระราชกุศลสมโภชพระอารามพระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หล่อจากกะไหล่ทองคำเนื้อ 8 หนัก180 บาท ซึ่งเป็นทองที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เมื่อยังทรงพระเยาว์ มีพุทธลักษณะงดงามไม่ซ้ำกับองค์ใด ด้วยการผสมสัดส่วนของมนุษย์ลงไปแบบครึ่งเทวดาครึ่งมนุษย์ และไม่มีพระเกตุมาลาหรืออุษณีษะ (ส่วนที่นูนขึ้นมาบนศีรษะ) ตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระพุทธอังคีรสนี้ถือ เป็นหนึ่งในการสร้างพระพุทธรูปแบบใหม่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในยุครัชกาลที่ 3 – 5 อันเป็นช่วงรุ่งเรืองถึงขีดสุดด้วยภูมิปัญญาและเทคนิคการหล่อของไทย ผลงานสร้างของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิฐวรการ การทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) เพื่อเป็นพุทธบูชาและราชสักการะพิเศษ เนื่องในศุภมงคลสมัย 150 ปี แห่งการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามนี้แสดงถึงพระราชศรัทธาของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพระพุทธศาสนา โดยเครื่องราช น.ร. สำรับนี้ ประกอบด้วยดารานพรัตน์รูปดารา 8 แฉก ทำด้วยเงินจำหลักเป็นเพชรสร่ง กลางเป็นดอกประจำยามฝังพลอย 8 อย่าง ใจกลางเป็นเพชร มหานพรัตน์รูปดอกประจำยาม 8 ดอก ประดับ ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย ไพฑูรย์ ใจกลางเป็นเพชร มีจุลมงกุฏประดับเพชรอยู่เบื้องบน ใช้ห้อยกับแพรแถบสีเหลืองขอบเขียว มีริ้วแดงและน้ำเงินคั่นระหว่างสีเหลืองและขอบสีเขียว อนึ่ง การถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธอังคีรส นี้เป็นโบราณราชประเพณีพิเศษที่แสดงถึงพระราชศรัทธาอันสูงยิ่งต่อพระบวรพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาที่จะทรงถวายเครื่องราชาภรณ์แด่พระพุทธรูปสำคัญต่อเนื่องมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธชินราช

Read More

06/04/2563

ดิ้นทอง ดิ้นเงิน


“ดิ้น” หมายถึงสิ่งที่ใช้ปักเครื่องประดับมีลักษณะเป็นเส้นด้ายที่มีส่วนประกอบของโลหะ โดยส่วนที่เป็นโลหะจะเคลือบบนพลาสติกหรือเส้นด้ายแล้วพันรอบด้วยโลหะ สมัยโบราณมีการนำทองคำหรือเงินบริสุทธิ์มาทำเป็นเส้นด้ายเพื่อการประดับตกแต่ง เรียกว่าดิ้นทอง ดิ้นเงิน แต่ปัจจุบันทำจากวัสดุหลายประเภทเช่น ด้าย ไหม เป็นต้น“การปักดิ้นทอง ดิ้นเงิน”เป็นงานหัตถศิลป์อย่างหนึ่งของไทย เป็นการปักผ้าแบบโบราณที่พบได้บนเครื่องทรงของกษัตริย์ ราชวงศ์ชั้นสูง และเครื่องแต่งกายของนายทหารราชองครักษ์ระดับชั้นนายพล ปักโดยช่างที่มีทักษะชำนาญเพราะต้องใช้ฝีมือและความละเอียด ดิ้นที่ใช้ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีส่วนผสมของทองคำแท้และเงินแท้จึงมีราคาสูง ส่วนชุดเครื่องแบบทหารรักษาพระองค์ที่เดินสวนสนามในงานพระราชพิธี หรืองานพิธีต่างๆนั้นจะใช้วัสดุที่คุณภาพรองลงมา และปัจจุบันได้นำเอาดิ้นทองมาใช้ในการทำบ่าอินทรธนูประดับยศด้วยทั้งนี้ดิ้นทองดิ้นเงินที่นิยมใช้ในปัจจุบัน นำเข้ามาจาก 3 ประเทศซึ่งมีจุดเด่นจุดด้วยแตกต่างกันตามลักษณะการใช้งานและวัสดุที่นำมาทำ ได้แก่ ดิ้นอินเดีย ดิ้นฝรั่งเศส และดิ้นอิตาลี ดิ้นอินเดีย จะมีขนาดใหญ่ และน้ำหนักมากกว่าดิ้นพลาสติกทั่วๆไป บางครั้งไม่สามารถเอาเข้าหัวเข็มเครื่องจักรปักได้ จึงต้องใช้เทคนิคปักด้วยมืออย่างเดียว ราคาของดิ้นอินเดียมีตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักหมื่นบาท แตกต่างกันไปตามขนาดและเปอร์เซ็นต์ของทองที่ผสมอยู่ มีขายแบบเป็นไจ เป็นมัดๆ หรือชั่งขายเป็นกิโล ข้อด้วยของดิ้นอินเดีย คือ มีส่วนผสมของทอง จึงทำให้มีน้ำหนัก เป็นตัวนำไฟฟ้า และมีการหดตัวได้ตามสภาวะอากาศ มีการทำปฏิกิริยากับอากาศ และคราบเหงื่อ อาจทำให้ดำได้ นอกจากนี้ถ้าหักหรือนั่งทับนานๆจะงอ แม้ว่าจะนำมารีดก็ไม่สามารถคืนรูปได้ อีกทั้งยังมีความคมมากๆ ถ้าผู้ปักไม่ชำนาญคมดิ้นจะบาดผ้าจนขาด และอาจจะบาดมือได้หากรูดแรงๆ ดิ้นอิตาลี่ มีลักษณะคล้ายกับดิ้นอินเดีย แต่ความคงทนจะดีกว่า มีสีสม่ำเสมอเหลืองนวลสวยงาม และมีคุณภาพดีกว่าดิ้นอินเดียดิ้นฝรั่งเศส มีลักษณะคล้ายกับดิ้นอินเดีย และดิ้นอิตาลี่ แต่จะแตกต่างกันในส่วนผสม และเปอร์เซ็นต์ของทองคำ ดิ้นอินเดียจะออกสีเหลืองเข้ม ดิ้นอิตาลี่จะออกสีเหลืองนวล ส่วนดิ้นฝรั่งเศสจะออกสีเหลืองทอง การทอลายดิ้นละเอียดประณีตมีความคงทน แวววาว และสวยงามมากที่สุดในบรรดาดิ้นทั้ง3ชนิด

Read More

06/04/2563

ส่งออกเครื่องประดับไทยไปฮ่องกงทรุด


ส่งออกเครื่องประดับไทยไปฮ่องกงลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี เซ่นพิษประท้วงต่อเนื่องตลอดปีและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ที่ซ้ำเติมให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงเข้าสู่สภาวะถดถอยอย่างเต็มตัว โดยคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 GDP ของฮ่องกงอาจจะติดลบสูงถึง 8.4% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยต่อไปอีกอย่างแน่นอนจากสถานการณ์การประท้วงต่อเนื่องด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดค้าปลีกของฮ่องกงอย่างรุนแรงโดยเฉพาะสินค้าหรูที่ซบเซาลงอย่างมากเพราะชาวฮ่องกงหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านและซื้อสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปยังฮ่องกงก็ลดลงมาก โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหลักของฮ่องกงที่ล่าสุดเดินทางเข้าไปยังฮ่องกงลดลงถึง 99% สำงานงานสถิติแห่งชาติฮ่องกงได้รายงานว่า ในเดือนมกราคมปี 2563 ที่ ผ่านมา เครื่องประดับและสินค้าหรู อาทิ นาฬิกาและของขวัญที่มีมูลค่าสูง มียอดขายลดลงถึง 42% เมื่อเทียบกับ เดือนแรกของปี 2562 หรือมีมูลค่าราว 632.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดขายเสื้อผ้าลดลง 29% ส่วนยอดขายรองเท้า และแอคเซสซอรี่ลดลง 22% แต่เมื่อรวมการค้าปลีกทุกประเภทสินค้าพบว่ามียอดขายรวมลดลง 21% ซึ่งหากยังไม่ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19ได้ ก็คาดว่ายอดขายปลีกเครื่องประดับและสินค้าหรูในฮ่องกงจะลดลงอีก เดิมฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยใน 5 อันดับแรกมานานนับทศวรรษ โดยในปี 2562 ไทยส่งออกไปยังฮ่องกงเป็นอันดับที่ 2 รองจากสวิตเซอร์แลนด์ แต่ล่าสุดในเดือนมกราคม 2563 ไทยส่งออกไปยังฮ่องกงเป็นอันดับที่ 6 และมีมูลค่าการส่งออกลดลงเกือบ 20% ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดได้เมื่อไหร่ และเศรษฐกิจของฮ่องกงจะใช้เวลานานแค่ไหนในการฟื้นตัว อีกทั้งขณะนี้ไวรัสโควิด19 แพร่กระจายไปแล้วทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักของไทย จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับผลกระทบที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ฮ่องกงมียอดขายสินค้าหรูราว 5% ของยอดขายสินค้าหรูทั่วโลก และมีร้านค้าปลีกสินค้าหรูอยู่กว่า 1,000 แห่ง แต่จากสถานการณ์การประท้วงในปีที่แล้วจนถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ทำให้ร้านค้าสินค้าหรูปิดตัวไปแล้วราว 2% และมีแนวโน้มที่ร้านค้าปลีกเครื่องประดับและสินค้าหรูจะปิดตัวเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ นอกจากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับรวมถึงทองคำไปยังฮ่องกงจะมีมูลค่าลดลงถึงร้อยละ 14.10 แล้ว ตลาดอื่นๆในเอเชียทั้ง ญี่ปุ่น อาเซียน และ จีน ต่างก็มีมูลค่าลดลง ร้อยละ 12.22, ร้อยละ 19.78 และร้อยละ 48.95 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก เศรษฐกิจที่ซบเซาลงอันสืบเนื่องมาจากผลกระทบของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในประเทศเหล่านี้ ทั้งนี้ สินค้า หลักส่งออกไปยังฮ่องกงเป็นเพชรเจียระไน สินค้าส่งออกหลัก ไปยังญี่ปุ่นเป็นเครื่องประดับทอง และสินค้าหลักส่งออกไปยัง จีนเป็นเครื่องประดับเงิน ที่ต่างมีมูลค่าลดลงมาก

Read More

24/03/2563

Palladium คืออะไร ทำไมแพงกว่าทองคำ


ปี 2019 เกิดปรากฏการณ์ที่โลหะชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า พาลาเดียม(Palladium) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากราคาไม่ถึง 500 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเดือนมกราคม 2559 และไม่เคยมีราคาสูงเกินกว่า 1,100 ดอลลาร์เลย ดีดขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่ง ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าทองคำเกือบเท่าตัว ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และพาลาเดียมจะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจแทนทองคำในอนาคตหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยPalladium เป็นโลหะสีขาวมันวาวอยู่ในกลุ่มเดียวกับแพลตินั่ม (Platinum) หรือทองคำขาว เป็นแร่ที่หายากกว่าทองคำประมาณ 30 เท่า คาดว่า Palladium มากกว่า 80% ถูกใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วยคุณสมบัติสำคัญที่สามารถทำปฏิกิริยากับไอเสียต่างๆได้ดี จึงมีการนำมาใช้ในการผลิตเครื่องฟอกไอเสียในรถยนต์ หรือที่เรียกว่า Catalytic Converter เพราะสามารถเปลี่ยนไอเสียเช่น ไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอนออกไซด์ และ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ให้กลายมาเป็นไอที่มีพิษน้อยลงอย่าง ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ได้ปัจจุบันมีหลายประเทศที่ออกกฎระเบียบในการควบคุมปริมาณการปล่อยไอเสีย รวมไปถึงการเลิกใช้รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลมากขึ้น เช่น ประเทศจีน ส่งผลให้มีความต้องการ Palladium มากขึ้น และนอกจากอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว Palladiumยังถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิก ทันตกรรม และจิวเวอรี่ อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Palladium เป็นที่ต้องการของตลาด ประกอบกับการเป็นแร่ที่หายากส่วนใหญ่อยู่ในเหมืองหลักๆ ของประเทศรัสเซีย แอฟริกาใต้ และแคนาดา เท่านั้น และยังมีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนพาลาเดียมในอนาคต เนื่องจาก แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตประมาณ 40 %ของซัพพลายทั่วโลก ประกาศว่าการผลิตโลหะกลุ่มแพลตินั่ม ซึ่งรวมถึงพาลาเดียม จะลดลงประมาณ 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาของ Palladium แพงกว่าทองคำ นักวิเคราะห์มองว่ามีแนวโน้มว่าราคาพาลาเดียมน่าจะสูงขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ และการลงทุนในพาลาเดียมจึงเป็นการกระจายพอร์ตลงทุนที่ดีวิธีหนึ่ง แต่คงจะต้องลงทุนผ่าน ETF ในตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งต่างจากทองคำ ที่สามารถซื้อได้ทั้งทองคำแท่ง หรือผ่านกองทุนได้เลย

Read More

24/03/2563

หูฟังทองคำ Gadget ใหม่ของไฮโซ


Caviar แบรนด์ไฮเอ็นด์จากรัสเซียผู้ผลิตเครื่องประดับแบบคัสต้อมเมดสุดหรู เปิดตัวหูฟังไร้สายของ Apple ที่ความพิเศษไม่ใช่แค่เลือกสีได้หรือมีลวดลายใหม่แปลกใหม่ให้ได้ตื่นเต้นกัน แต่มันคือหูฟังที่ทำจากทองแท้ราคากว่า 2 ล้านบาท นับเป็น Gadget ที่หรูหราลักชัวรี่ที่สุดในเวลานี้AirPods Pro Gold Edition จากแบรนด์แดนหมีขาวนี้ทำมาจากทองคำ 18k ทั้งตัวเรือนและเคส โดยมีการปั๊มโลโก้ของแบรนด์ลงบนเคสด้วย ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 67,290 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,150,000 บาท ซึ่งเปิดให้ไฮโซสายแฟชั่นซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว นอกจากนี้ ทาง Caviar ยังมี AirPods Pro ในรูปแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากทองคำด้วย เป็นหูฟังรุ่น Caviar AirPods Pro Graceแบบที่ทำมาจากหนังจระเข้ในสีสันต่าง ๆ และแบบที่ทำจากหนังงู มีโลโก้ Caviar ทองคำบนเคส เคาะราคาเริ่มต้นที่ 1,320 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 42,000 บาทนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทใจกล้าจากรัสเซียเลือกผลิตสินค้าหรือ Gadget ของ Apple ในเวอร์ชั่นสุดลักชัวรี่ เพราะก่อนหน้านี้ได้เปิดตัว iPhone 11 Pro ที่ทำมาจากทองคำแท้น้ำหนักครึ่งกิโลกรัม ประดับเพชร 137 เม็ด พร้อมด้วยกลไกนาฬิกาสุดหรูตกแต่งไว้ด้านหลังโดยในกลไกนั้นมีการติดตั้ง “กรงดูบิยอง” (Tourbillon) ซึ่งจะมีเฉพาะในแบรนด์ระดังลักซ์ชัวรีเท่านั้น โดยราคาของ iPhone 11 Pro เครื่องนี้เปิดตัวมาในราคา 70,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,240,000 บาท บริษัท Caviar มักนำสมาร์ทโฟนมาทำใหม่ให้ดูหรูหราแปลกใหม่ขึ้น เช่นการแปลงโฉม iPhone X ใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากภาพ Adam และ Eve ในสวน Eden ยังปรับปรุงโลโก้ Apple ให้เป็นสีทองพร้อมกับลงขอบทองที่ส่วนของด้านหลังเครื่องทำให้เครื่องดูหรูและสวยงามมาก มาคู่กับอีกรุ่นชื่อว่า Temptation ด้านหลังทำจากหนังงูเหลือมสีดำ ลงขอบสีทอง และมีขอบสีทองตัดผ่านตรงกลางเครื่องด้วย ทั้งสองรุ่นราคาเริ่มต้นที่ 3,960 เหรียญสหรัฐและขยับขึ้นไปอีกที่ 4,830 เหรียญสหรัฐ

Read More

24/03/2563

ทำความสะอาดเครื่องประดับถูกวิธี ปลอดโรค ปลอดภัย


สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เตือนประชาชนล้างทำความสะอาดเครื่องประดับอย่างถูกต้องในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 เพราะเครื่องประดับที่มีซอกเล็กซอกน้อยซึ่งยากต่อการทำความสะอาดเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค และต้องล้างให้ถูกวิธีเพื่อไม่ให้เครื่องประดับได้รับความเสียหาย ดังนั้น เพื่อให้เครื่องประดับยังคงสวยงามและปลอดภัยไร้เชื้อโรค จึงจำเป็นที่จะต้องหมั่นทำความสะอาดเครื่องประดับนั้นอยู่เสมอ โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการในต่างประเทศหลายรายได้ส่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องประดับด้วยตนเองเข้าสู่ตลาด อาทิ GemSpa by kathy ireland อุปกรณ์ที่อาศัยแรงดันน้ำและน้ำยาฆ่าเชื้อโรคช่วยในการทำความสะอาด Jewelry Cleansing Foam โฟมทำความสะอาดเครื่องประดับอเนกประสงค์ที่ช่วยกำจัดสิ่งสกปรก สารตกค้าง และเชื้อโรคที่สะสมในเครื่องประดับ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ครอบครองเครื่องประดับทุกคนจะสามารถซื้อหาอุปกรณ์ต่างๆ มาใช้ได้ นี่จึงอาจเป็นจังหวะเหมาะสำหรับผู้ค้าปลีกเครื่องประดับไทยที่หากรายใดมีความพร้อมสามารถนำเสนอบริการรับทำความสะอาดเครื่องประดับแก่ลูกค้าในยามนี้ นอกจากจะสร้างความประทับใจให้แก่บรรดาคุณลูกค้าแล้ว ยังอาจเป็นโอกาสที่ดีในการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ในระหว่างที่ลูกค้ารอรับเครื่องประดับคืนไปด้วย นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าในภาวะโรคระบาดนี้ ผู้คนจำเป็นต้องล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค ดังนั้น สำหรับผู้ที่สวมใส่เครื่องประดับนั้น การหมั่นทำความสะอาดเครื่องประดับบ่อยกว่าปกติจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการทำความสะอาดมือด้วยสบู่หรือเจลในขณะที่สวมเครื่องประดับอยู่ อาจก่อให้เกิดไบโอฟิล์มบนเครื่องประดับที่เหมาะต่อการเติบโตและแพร่พันธุ์ของเชื้อโรคได้ ที่สำคัญก็คือ ในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคที่มือนั้น ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้อัญมณีบางชนิดซึ่งไม่ควรสัมผัสเจลที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมบ่อยๆ เช่น มรกตที่อุดน้ำมันในรอยแตก อาจทำให้เห็นรอยแตกชัดเจนขึ้น โอปอซึ่งเป็นพลอยที่มีรูพรุนสูง หากสัมผัสถูกแอลกอฮอล์ที่มีสี ก็อาจดูดซับสีทำให้สีเปลี่ยนไป อำพันที่เป็นยางไม้ ถูกทำลายได้ง่ายด้วยแอลกอฮอล์ เทอร์คอยส์ที่มักเติมสารโพลิเมอร์เพื่อเพิ่มความแข็ง การสัมผัสถูกแอลกอออล์อาจทำให้ผิวด้าน สูญเสียความแวววาว เช่นเดียวกับอัญมณีอินทรีย์อย่างไข่มุก ปะการัง ที่มีโปรตีนแทรกอยู่ในเนื้อ หากถูกแอลกอฮอล์บ่อยๆ จะทำให้ผิวด้านและมีความวาวลดลงเช่นกัน ข้อมูล : สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

24/03/2563

ธุรกิจเครื่องประดับปรับตัวรับปี 2020


ปี 2019 ที่ผ่านมาธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับได้รับผลกระทบอย่างแรงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ต่อเนื่องจนถึงการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงจนทำให้ยอดขายเครื่องประดับในจีนและฮ่องกงลดลงค่อนข้างมากแม้ช่วงสองสามเดือนสุดท้ายของปีมีสัญญาณว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะเพชรและพลอยสี แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม 2019 และยังไม่มีวี่แววว่าจะจบลงเมื่อใด ได้ส่งผลกระทบให้ไม่น้อยต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลกใน ดังนั้นตลอดปี 2020 ทั้งนี้จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า เครื่องประดับเพชร พลอย และทองคำแท้จะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวอย่างไร จึงจะเอาตัวรอดผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ ประธานสมาพันธ์เพชรโลก (World Federation of Diamond Bourses : WFDB) ประเมิณว่าเพชรจากห้องปฏิบัติการมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 2 - 4 ของสินค้าเพชรทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่น Millennial และธุรกิจเพชรจะต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องจากการนำเพชรสังเคราะห์มาปลอมปนกับเพชรธรรมชาติ ในขณะที่ธุรกิจพลอยสียังคงชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ในปี 2019 จากสถานการณ์ประท้วงในฮ่องกงและ ประเด็น Brexit ส่วนอัญมณีที่ทำผลงานสูงสุดในปี 2019 ได้แก่ สปิเนลสีแดง สีน้ำเงินโคบอลต์ และสีเทา อะความารีน โอปอ และพาราอิบา ทัวร์มาลีน ในขณะที่แซปไฟร์สีเขียวพาสเทล สีเหลือง สีชมพู และสีน้ำเงินก็ทำผลงานได้ดีเช่นเดียวกับแทนซาไนต์สีอ่อน มรกตก็ยังคงติดอันดับเป็นสินค้าที่ผู้ซื้อต้องการอยู่เสมอ ส่วนทับทิมโมซัมบิกก็ยังคงได้รับความสนใจ และคาดหวังว่าอัญมณีเหล่านี้มีแนวโน้มจะทำผลงานได้ดีในปี 2020 เมื่อสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายขณะเดียวกันอุตสาหกรรมอัญมณีจะยังคงส่งเสริมการจัดหาอัญมณีอย่างถูกต้อง ความโปร่งใส การให้ความรู้ ตลอดจนการกำหนดมาตรฐานในการจัดระดับคุณภาพอัญมณี แนวทางการปฏิบัติงาน และการเรียกชื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค Chow Tai Fook Jewellery Group Ltd.บริษัท เอกชนที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับอัญมณีให้ความเห็นว่า ผู้ขายเครื่องประดับยังคงพึ่งตลาดจีนในแง่การเติบโต เนื่องจากตลาดฮ่องกงและมาเก๊ายังคงมีความท้าทายอยู่ในระยะอันใกล้นี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับมือกับวิกฤติ และการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า เมื่อผู้บริโภคมีความต้องการที่ซับซ้อนและแยกย่อยมากขึ้น ผู้ขายเครื่องประดับก็จำเป็นต้องสร้างประสบการณ์ในการซื้อให้สอดคล้องกับว่าที่ลูกค้ายิ่งกว่าที่เคยเป็นมา จึงจะสามารถนำพาธุรกิจฝ่าวิกฤติครั้งสำคัญนี้ไปได้ข้อมูลจาก : ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

24/03/2563

พระราชทานพระโกศทองคำบรรจุสมเด็จพระอัฐิพระสังฆราช องค์ที่ 18


เมื่อวันจันทร์ ที่ 2 มีนาคม 2563 มีพระราชพิธีอัญเชิญพระโกศทองคำบรรจุพระอัฐิเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ พระราชอุปัธยาจารย์ พระสังฆราชองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมด้วยการสมโภชพระสุพรรณบัฏ พระราชทานถวายฉัตรตาดเหลือง ๕ ชั้นกางกั้นพระรูปที่บรรจุพระสรีรางคาร ณ ซุ้มคูหาพระเจดีย์ เข้าประดิษฐานในหอพระนาก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ การบำเพ็ญพระกุศลคล้ายวันประสูติเป็นปีที่ ๑๒๓ การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเข้าพระวิหารคด วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงยกฉัตรตาดเหลือง ๕ ชั้นกางกั้นถวายพระรูปเจ้าพระคุณ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า แล้วทรงยกฉัตรตาดเหลือง ๕ ชั้นกางกั้นถวายพระรูปเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ณ พระเจดีย์เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพระอุโบสถ ประทานพระอนุญาตให้เจ้าพนักงานเชิญสุพรรณบัฏและเครื่องประกอบสมณศักดิ์เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ฯลฯ มาถวายเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ซึ่งได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เพื่อร่วมในการบำเพ็ญพระกุศลสมโภช เป็นการโดยเสด็จพระราชกุศลด้วยจากนั้น ทรงบำเพ็ญพระกุศลในพระบรมราชูปถัมภ์ อุทิศถวายเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้น เสร็จแล้ว ประทานทุนมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) แก่องค์กรสาธารณกุศล จำนวน ๕๐ องค์กรจบแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ออกจากพระอุโบสถ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงพระดำเนินตามพระอัฐิไปส่งที่ไพทีหน้าพระอุโบสถ เจ้าพนักงานภูษามาลาอยู่งานกั้นพระกลดขาวลายทองถวายพระอัฐิ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดให้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ตามขบวนรถยนต์หลวงไปส่งพระอัฐิ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีคณะพุทธบริษัทพร้อมด้วยลูกเสือกองเกียรติยศและนักเรียนโรงเรียนวัดราชบพิธ รายแถวถวายสักการะพระอัฐิตลอดสองข้างวิถีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ มีพระนามเดิมว่า มัทรี นิลประภา ภายหลังเปลี่ยนพระนามเป็น วาสน์ ประสูติเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2440 ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 โดยมี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เป็นพระอุปัชฌาย์ และทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ในรัชกาลปัจจุบัน พระองค์สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคปับผาสะอักเสบ พระหทัยวาย ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ ๒27 สิงหาคม พ.ศ. 2531 สิริพระชันษา 91 ปี 178 วันข้อมูล : สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

Read More

24/03/2563

เกลือสินเธาว์ ทองคำสีขาว


“ทองคำ” ได้ชื่อว่าเป็นโลหะทีมีค่าเป็นสัญลักษณ์ของความความมั่ง รุ่งเรื่อง เป็นทรัพย์สินที่มั่นคงปลอดภัยและเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ นอกจากแร่ธาตุทองคำแล้ว พืชหลายชนิดก็ได้รับการยกย่องให้เป็น ทองคำสีเขียว ด้วยมีมูลค่าดังทองคำ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจกับหลายๆประเทศเช่น ใบยาสูบ และสาหร่ายทะเล เป็นต้น นอกจากนี้ในประวัติศาสตร์ยุคโบราณ ยังมีวัตถุอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “ทองคำสีขาว” เพราะมีทั้งคุณค่าและมูลค่าในกระบวนการแลกเปลี่ยนดุจทองคำนั่นก็คือ เกลือสินเธาว์ นั่นเอง ตามประวัติศาสตร์เกลือคือสัญลักษณ์ของอำนาจ มีคำกล่าวว่า ใครก็ตามที่ครอบครองแผ่นดินที่มีเกลือได้ นั่นหมายถึง "อำนาจ" ที่พวกเขาจะได้รับ ในประเทศไทยมีแหล่งเกลือสินเธาว์ที่สำคัญ 2 แหล่งใหญ่ๆคือ แหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ภูเขาเพียงแห่งเดียวของไทยที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน และแอ่งเกลือที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่กระจายตัวอยู่ในหลายๆ จังหวัด เช่น อุดรธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เป็นต้น เราเรียกแหล่งเกลือสินเธาว์หรือเกลือหิน (Rock Salt) นี้ว่า“โดมเกลือ”ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและนำความเจริญมายังดินแดนนี้มาช้าจนได้ชื่อว่าเป็นทองคำสีขาวของดินแดนอีสานเกลือสินเธาว์หมายถึงเกลือที่ได้จากดินเค็ม โดยนำเอาน้ำเกลือจากการละลายหินเกลือที่อยู่ใต้ดินมาต้มเคี่ยวจนได้เกลือเนื้อละเอียดสีขาว ในภาคอีสานมีชุมชนที่ผลิตเกลือในระดับอุตสาหกรรม มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดังหลักฐานทางโบราณคดีที่พบในบริเวณบ่อพันขัน เขตทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด และบริเวณลุ่มน้ำสงครามแอ่งสกลนคร โดยหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ในหน้าแล้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ตามท้องนาจะมีดินเอียดหรือที่ชาวอีสานเรียกว่าขี้ทา บนผิวดินให้เห็นเป็นสีขาวหรือสีเทา ชาวบ้านลงมือขูดดินเอียดเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการต้มเกลือ ก่อนต้มเกลือชาวบ้านจะทำพิธีบอกกล่าวเจ้าที่ เพื่อเป็นสิริมงคลขอให้การต้มเกลือไม่มีอุปสรรค และให้ได้ผลผลิตมากตามต้องการ จากนั้นจึงเริ่มการต้มเกลือปัจจุบันในภาคอีสานมีการผลิตเกลืออยู่ 3 รูปแบบ คือ 1. การผลิตเกลือแบบดั้งเดิม นิยมทำกันทั่วไปบริเวณจังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ แต่ปัจจุบันผู้ผลิตเกลือลักษณะนี้เริ่มลดจำนวนลง เนื่องจากสภาพสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติที่เปลี่ยนไป มีการใช้สารเคมีในการเกษตรมากขึ้นทำให้เกิดสารเคมีตกค้างในดินทำให้ไม่สามารถทำเกลือได้ 2. การผลิตเกลือโดยวิธีสูบน้ำเกลือจากใต้ดินขึ้นมาเคี่ยวหุงชุมชนที่ผลิตเกลือลักษณะนี้คือ บ่อเกลือหัวแฮด บ้านท่าสะอาด ตำบลท่าสะอาด อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ 3. การผลิตเกลือด้วยวิธีสูบน้ำเค็มจากใต้ดินขึ้นมาตากแดดที่เรียกว่านาเกลืออยู่ที่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี และอุตสาหกรรมเกลือบริสุทธิ์ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา กองเศรษฐกิจธรณีวิทยา ประมาณการว่าในพื้นที่ภาคอีสานน่าจะมีปริมาณเกลือสำรองราว 18 ล้านล้านตัน ซึ่งนับเป็นแหล่งเกลือสำรองที่มีปริมาณมากมายมหาศาล ถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ก่อให้เกิดอาชีพและสร้างรายได้ไม่น้อย

Read More

17/03/2563

ไทยแซงจีนขึ้นแท่นอันดับ 1 แหล่งนำเข้าเครื่องประดับและอัญมณีของชิลี


ชิลีเป็นประเทศที่นำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากประเทศจีนมากที่สุด รองลงมา คือ ไทย สหรัฐอเมริกา เปรู อิตาลี และสเปน ตามลำดับ แต่นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018 เป็นต้นมา ชิลีหันนำเข้าสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีจากไทยเพิ่มขึ้นจนทำให้แซงจีนขึ้นไปเป็นอันดับ 1 เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากความเข้มแข็งและศักยภาพของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย และสิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ความตกลงทางการค้าเสรีชิลี-ไทย(FTA)นั่นเอง ชิลีเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ทองแดง เงิน ทองคำ ซึ่งใช้เป็น วัตถุดิบในการทำเครื่องประดับและอัญมณีกระจายอยู่ทั่วประเทศ และยังมีหินลาพีซ ลาซูรี ซึ่งเป็นอัญมณีแซฟไฟร์สีฟ้าที่หายากชนิดหนึ่ง แต่ด้วย ข้อจำกัดของแรงงานภายในประเทศที่มีต้นทุนสูงและยังขาดฝีมือและทักษะในการ ออกแบบ เจียระไน และประกอบตัวเรือน ทำให้ต้องส่งออกวัตถุดิบและนำเข้าเครื่องประดับและอัญมณีสำเร็จรูปเข้ามาจำหน่ายในประเทศในส่วนของการเลือก ซื้อสินค้าและความนิยมใส่เครื่องประดับของชาวชิลีนั้น หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อดังของชิลีEl Mercurio ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า สตรีอายุระหว่าง 18-45 ปี จะนิยมเครื่องประดับเงิน เนื่องจากมีราคาไม่สูงนัก สามารถสวมใส่ได้ทุกวันและไม่อันตราย ในขณะที่ผู้มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป จะนิยมเครื่องประดับทองที่มีกะรัตไม่สูงมากนัก คือ ทองคำ 18-24 กะรัต เนื่องจากสีของทองคำที่มีกะรัตสูงนั้นดูเหลืองมากเกินไป จึงไม่เป็นที่นิยม ผู้ที่อยู่ในกลุ่มรายได้เฉลี่ยต่ำ มักนิยมเครื่องประดับเทียม เนื่องจากราคาถูก ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในกลุ่ม รายได้เฉลี่ยปานกลาง จะนิยมเครื่องประดับเงินและเครื่องประดับเทียมเนื่องจากสามารถเปลี่ยนได้บ่อย และ สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มรายได้เฉลี่ยสูง พบว่านิยมเครื่องประดับแท้ โดยอัญมณีที่เลือกซื้อ คือ เพชรและไข่มุกที่ตัว เรือนทำด้วยทองคำหรือแพลทินัม เครื่องประดับที่สุภาพสตรีชาวชิลีนิยมใส่มากที่สุด คือ ต่างหูและสร้อยคอ รองลงมาคือ แหวน และ กำไล ในส่วนของแหวนหมั้น ชาวชิลีนิยมแหวนที่ตัวเรือนทำจากแพลทินัมและประดับด้วย เพชรที่เม็ดไม่ใหญ่มาก แต่มีจำนวนหลายๆ เม็ด การออกแบบเรียบง่าย ซึ่งต่างจากคนไทยที่นิยมเพชรเม็ดใหญ่และเน้นการออกแบบที่ทันสมัยเป็นหลัก และในส่วนของแหวนแต่งงานจะเป็นทองคำเกลี้ยงโดยมักจะแกะสลักชื่อ บุคคลลงไปด้วย

Read More

17/03/2563

ผลกระทบจากซาร์-โควิด19 ต่อราคาทองคำ


หุ้นตก ราคาน้ำมันร่วง ในขณะที่ราคาทองคำทะยานขึ้นต่อเนื่อง น่าจะทำมองเห็นแนวโน้มและทิศทางสถาณการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ว่าส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรคระบาดส่งผลต่อราคาทองคำ เพราะเหตุการณ์นี้เกิดเกิดขึ้นแล้วเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์ ข้อมูลจากสภาทองคำโลก “World Gold Council” รายงานว่าในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์ ช่วงปลายปี 2002 - ต้นปี 2003ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนการระบาดที่ระดับ 320 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2003 โดยปรับขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 380 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2002และหลังจากนั้นจึงค่อยๆ ปรับตัวลงจนถึงช่วงสถานการณ์เริ่มคลี่คลายช่วงเดือนเมษายน 2003 ที่ระดับ 340 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในขณะที่การระบาดของโควิด 19 จากช่วงเริ่มต้นที่พบผู้ติดเชื้อราคาทองคำขึ้นมาทำจุดสูงสุดในวันที่ 31 มกราคม 2020 ที่ระดับ 1,584 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปรับตัวขึ้นมาจากปลายปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1,514 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และขณะนี้ (ปลายเดือนกพ.2020)ราคาทองปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1,643 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้ว จะพบว่าการระบาดของซาร์และโควิด19 แม้จะมีผลต่อราคาทองเหมือนกัน แต่ความรุนแรงต่างกัน โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า ในช่วงที่ซาร์ระบาดนั้นเศรษฐกิจจีนยังไม่ใหญ่และไม่ได้มีสัดส่วนที่จะส่งผลต่อทั้งโลกเหมือนปัจจุบันที่ขนาดเศรษฐกิจของประเทศจีนมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่า เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้บริโภคทองคำมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ทั้งนี้ ราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นในขณะนี้นักวิเคราะห์มองว่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเมื่อสถานการณ์คลี่คลายราคาทองคำก็จะปรับตัวลดลง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังยืดเยื้อออกไป ราคาทองคำก็อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

Read More

17/03/2563

วิวัฒนาการทองคำกับการเงินโลก


มีการพบทองคำครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ.1848 บริเวณไร่ของนาย John Sutter ที่แคลิฟอร์เนียร์ จนทำให้ผู้คนจากทุกสารทิศเดินทางมาขุดทองนับแสนคนจนกลายเป็นยุคตื่นทองในเวลาต่อมา และเมืองเล็กๆอย่างซานฟรานซิสโกก็ได้พัฒนากลายเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองในเวลาต่อมา และทองคำก็เข้ามามีบทบาทต่อสกุลเงินต่างๆทั่วโลกเริ่มจากสหรัฐปี ค.ศ.1,900 สภาคองเกรส แห่งสหรัฐฯ เห็นชอบการหนุนค่าเงินดอลลาร์ด้วยทองคำ จึงตั้งมาตรฐานทองคำ หรือที่เรียกว่า Gold Standard ขึ้นมา โดยกำหนดให้ราคาแลกเปลี่ยนทองคำเป็นค่าคงที่ อยู่ที่ 20.67 ดอลลาร์ต่อทองคำหนัก 1ออนซ์ ช่วงปี 1930s (The Great Depression) เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt แห่งสหรัฐอเมริกาพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยปรับเปลี่ยนราคาแลกเปลี่ยนทองคำเป็น 25.56 โดยปรับเพิ่มเรื่อยมาเป็น34.95ใน ปี 1,933และ35ดอลลาร์ต่อทองคำหนัก 1ออนซ์ในปีถัดมา พร้อมทั้งห้ามการส่งออกทองคำจากสหรัฐอเมริกา ห้ามประชาชนทั่วไป ถือครองทองคำ ทำให้ความต้องการในทองคำลดลงไปมาก ต่อมาในยุค 1,960 เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำต่อเนื่อง เงินดอลลาร์ไร้ค่าจนฝรั่งเศสเลือกถือทองคำเป็นเงินทุนสำรองแทนดอลลาร์ และสหรัฐฯเองก็ไม่มีทองคำเพียงพอที่จะรองรับหนี้ต่างประเทศ ทำให้สถานะ ความมั่นคงทางการเงินของสหรัฐฯ ตกต่ำลงไปมาก ปี 1,971ประธานาธิบดี Richard M. Nixon ประกาศเลิกรับแลกเงินดอลลาร์กับทองคำทำให้ความต้องการทองคำมากขึ้น จนในที่สุดสหรัฐอเมริกาต้องประกาศยกเลิกมาตรฐานทองคำ และปล่อยให้ราคาทองคำลอยตัว ทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นจาก 35 ดอลลาร์ต่อทองคำ1ออนซ์ปรับขึ้นไปถึง120ดอลลาร์ต่อทองคำ1ออนซ์ปลายยุค 1,970s ถึงต้น 1,980s ที่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นถึง 850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากนั้น จนถึงช่วงต้นปี 2,000 หลังการล่มสลายของตลาด Dot Com (หุ้นHi Technolgy)และเกิดเหตุการณ์ 9/11 งบประมาณจำนวนมากของสหรัฐฯถูกใช้จ่ายไปในเรื่องการทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ทำให้การขาดดุลเพิ่ม จนต้องพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาใช้โดยไม่มีทองคำมารองรับ ค่าเงินดอลลาร์จึงอ่อนลงและขาดความน่าเชื่อถือลงไปหลังปี 2000 ประเทศจีน มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้นและรัฐบาลอนุญาตให้ประชาชนถือครองทองคำได้จึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณ 250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปแตะที่1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปลายปี 2,007ปัจจุบันทองคำมีบทบาทมากขึ้นในฐานะเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน (Gold Investment) เป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนในทองคำแท่งจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา

Read More

17/03/2563

ยุคทองของอียิปต์


อียิปต์เป็นหนึ่งในกลุ่มชนโบราณที่ประสบความสำเร็จในการสร้างและพัฒนาอารยะธรรมของตน เนื่องจากมีทะเลทรายซาฮาราเป็นปราการธรรมชาติป้องกันศัตรู และความสมบูรณ์ของแม่น้ำไนล์เป็นต้นทุน ทำให้การพัฒนาอารยะธรรมทำได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าพูดถึง “ยุคทองของอียิปต์” ก็ต้องหมายถึงราชวงศ์ที่สี่ ซึ่งปกครองอียิปต์เป็นเวลาประมาณ 119 ปี ในช่วง 2613 - 2494 เพราะเป็นช่วงเวลาของความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรืองของอารยะธรรมและการค้ากับต่างประเทศอาณาจักรอียิปต์ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 3100 ปีก่อนคริสต์ศักราช และมีความเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องมาโดยตลอด มีราชวงศ์ปกครองประมาณ 30 ราชวงศ์ แบ่งช่วงการปกครองเป็น 4 สมัย คือ สมัยราชอาณาจักรเก่า สมัยราชอาณาจักรกลาง สมัยราชอาณาจักรใหม่ และสมัยเสื่อมอำนาจ ราชวงศ์ที่ 4 อยู่ในยุคราชวงศ์เก่า (2,650 - 2,150 ปีก่อนคริสตกาล) เริ่มจากราชวงศ์ที่ 3 ถึงราชวงศ์ที่6 (ต่อมารวมถึงราชวงศ์ที่10) มีเมืองหลวงชื่อ เมมฟิสซึ่ง ได้ชื่อว่าเป็นยุคของปิรามิด เพราะมีการสร้างปิรามิดมากมายในยุคนี้ โดยเฉพาะราชวงศ์ที่ 4 ที่มีการสร้างปิรามิดที่สำคัญและยิ่งใหญ่มากมายจนหนึ่งในนั้นที่รู้จักกันดีคือมหาปิรามิดคูฟูที่เมืองเซห์ ซึ่งความเจริญรุ่งเรืองในยุคนี้ได้กลายเป็นรากฐานและแบบแผนของความเจริญของอียิปต์ในสมัยราชวงศ์ต่อๆมาจนราชวงศ์ที่ 4 ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของอียิปต์นั่นเอง พีระมิดคูฟูหรือ พีระมิดคีออปส์ นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า มหาพีระมิดแห่งกีซาร์ เป็นพีระมิดในประเทศอียิปต์ที่ใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุด ในหมู่พีระมิดทั้งสามแห่งกีซาร์ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์คูฟู (Khufu) แห่งราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพไว้รอการกลับมาคืนชีพ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้หลังจากหมดยุคราชวงศ์เก่าแล้วจึงเข้าสู่ช่วงยุคราชวงศ์กลาง (2,040 - 1,640 ปีก่อนคริสตกาล) ระหว่างราชวงศ์ที่ 11-13 ฟาโรห์ที่มีบทบาทในการสร้างความรุ่งเรืองให้กับอียิปต์ในยุคนี้ คืออเมนเนมเฮตที่หนึ่ง ยุคนี้ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของอียิปต์ด้านเศรษฐกิจ มีการขุดคลองไปถึงทะเลแดง สร้างเขื่อนกั้นน้ำ เป็นช่วงเดียวกันกับอารยธรรมบาบิโลนของพระเจ้าฮัมมูราบี แต่ความรุ่งเรืองของอียิปต์ก็หยุดชะงักลงจากการรุกรานพวกฮิกโซส (Hyksos) ยุคราชวงศ์ใหม่ (1,550 - 1,086 ปีก่อนคริสตกาล) ระหว่างราชวงศ์ที่ 18-31 เมื่อ ชาวอียิปต์ได้ก่อกบฏและมีชัยเหนือชาวฮิกโซส(ปกครองอียิปต์ช่วงรอยต่อยุคกลาง-ใหม่) จึงเริ่มราชวงศ์ที่ 18 และขยายอำนาจการปกครองไปยังดินแดนซีเรีย ปาเลสไตน์และฟินิเซีย เพาะมีอาณาเขตกว้างมากขึ้น ทำให้อำนาจการปกครองจากส่วนกลางค่อยลดลง เหล่าขุนนางที่ปกครองเมืองที่หางไกลก็เริ่มแข็งข้อและอำนาจมากขึ้นจนถึงประมาณ 700 ปีก่อนคริสตกาล อียิปต์ก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของเปอร์เซีย และประมาณ 332 ปีก่อนคริสตกาล ดินแดนอารยะธรรมทั้งเมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และอียิปต์ก็ได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช

Read More

17/03/2563

กรุสมบัติของชาวไซเธียน


การค้นพบหลุมฝังศพที่บริเวณเทือกเขาตาร์บากาไต(Tarbagatai)อันห่างไกล ของนักโบราณคดีในคาซัคสถานทำให้พบเครื่องเพชรพลอยและเครื่องประดับทองคำกว่า 3,000 ชิ้น ที่ถูกระบุว่ามีอายุมากถึง 2,800 ปี ทำให้เชื่อได้ว่าที่นี่อาจเป็นสุสานของสมาชิกราชวงศ์หรือชนชั้นสูงของชาวซากา (Saka)ชนเผ่าที่ปกครองในภูมิภาคเอเชียกลางเมื่อ 800 ปีก่อนก่อนคริสตกาลจากการศึกษาทำให้ทราบว่าเครื่องประดับทองคำที่พบนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นด้วยเทคนิควิธีที่ซับซ้อน บ่งบอกถึงทักษะการทำเครื่องประดับที่โดดเด่นในยุคนั้น ซึ่งการค้นพบนี้ช่วยเพิ่มมุมมองที่แตกต่างในทางประวัติศาสตร์ของชนเผ่าโบราณ ที่มีทักษะโดดเด่นในการทำเหมืองแร่ หรือสกัดแร่ รวมถึงการค้าขายและการทำอัญมณี และเชื่อว่าบนที่ราบสูง Eleke Sazy ทางตะวันออกของคาซัคสถานน่าจะมีสุสานแบบนี้อยู่อีกกว่า 200 แห่ง และหลายแห่งน่าจะถูกบุกรุกและขโมยของมีค่าไปหมดแล้ว ทั้งนี้ชาวซากานั้นก็เป็นกลุ่มย่อยของชาวไซเธียน (Scythians) ชนเผ่าเร่ร่อนที่ชอบสร้างกระโจมอาศัยในทุ่งหญ้าของเอเชียกลางไปถึงแถบไซบีเรีย.การค้นพบสมบัติของชาวซากานี้เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับทีมนักโบราณคดีจากสวิสเซอร์แลนด์และรัสเซีย ที่ประสบความสำเร็จในการค้นพบ เนินฝังศพ พร้อมทรัพย์สมบัติ ทองคำ อัญมณี อาวุธ และถ้วยเครื่องดื่มที่ตกแต่งอย่างสวยงาม กว่า 3,000 ชิ้นที่อายุมากกว่า 2,800 ทางตอนใต้ของไซบีเรีย เชื่อว่าเป็นสุสานไซเธียนโบราณที่ใหญ่ที่สุด (กว้างกว่าสนามฟุตบอล) และเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบ ไซเธียน(Scythians นักรบแห่งไซบีเรียโบราณ) คือชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้า เคยครองอำนาจในพื้นที่กว้างใหญ่ของทุ่งหญ้ายูเรเซียตอนกลาง เป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่มีความชำนาญในการทำสงคราม และมีชีวิตรุ่งเรืองอยู่ระหว่าง 900-200 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตามบันทึกระบุว่า ชนเผ่าไซเธียนเป็นนักรบที่น่าเกรงขาม หลังจากทำศึกได้ชัยชนะ นักรบจะถลกผิวหนังของศัตรูมาใช้ทำเสื้อ และใช้กะโหลกของเหยื่อมาเป็นถ้วยเครื่องดื่มอย่างไรก็ตาม ชนเผ่าไซเธียน ได้ทิ้งมรดกอารยธรรมของตนหลงเหลือในปัจจุบันไว้น้อยและแม้ว่าก่อนหน้านี้1970จะมีการขุดพบเนินสุสานไซเธียนหลายแห่ง ในมองโกเลียที่นักโบราณคดีเชื่อว่า ภายในอาจเต็มไปด้วยของมีค่ากว่า 9,000 ชิ้น แต่การล่าสมบัติในยุคนั้นกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ทำให้สมบัติมีค่ามากมายถูกลักลอบนำออกไป จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

Read More

17/03/2563

เมื่อเทพเจ้าซุสได้กลับสู่อิตาลี


การส่งคืนประติมากรรม “Statue of Zeus Enthroned” อนุสาวรีย์เทวรูปหินอ่อนขนาดเล็ก อายุประมาณ 100 ปีก่อนคริสตกาล จากพิพิธภัณฑ์ เจ. พอล เก็ตตี้ ในเมืองมาลิบู รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาให้แก่ประเทศอิตาลี ทำให้เรื่องราวของเทพเจ้าซุสและเทวรูปซูสที่โอลิมเปีย “Statue of Zeus at Olympia” เทวรูปไม้ประดับของคำขนาดใหญ่ถูกพูดถึงอีกครั้ง ประติมากรรม “Statue of Zeus Enthroned” เป็นอนุสาวรีย์เทวรูปหินอ่อนขนาดเล็ก อายุประมาณ 100 ปีก่อนคริสตกาล เป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าซุสนั่งอยู่บนบัลลังก์ มีความสูง 29 นิ้ว ไม่ปรากฏว่าเป็นผีมือของประติมากรรมคนใดได้แต่เพียงสันนิษฐานว่าเดิมนั้นอาจตั้งไว้เพื่อบูชาในคฤหาสน์ที่มั่งคั่งของชาวกรีกหรือโรมันโบราณ เทวรูปหินอ่อนมหาเทพซุสมีต้นแบบมาจากเทวรูปซูสที่โอลิมเปีย ชื่อ “Statue of Zeus at Olympia” เป็นฝีมือของไฟดิแอส (Pheidias)ประติมากรชาวกรีก สร้างจากไม้ ประดับด้วยทองคำและงาช้าง ลักษณะประทับนั่งอยู่บนฐานกว้าง 10.30 เมตร ตัวเทวรูปสูงประมาณ 12 เมตร พระหัตถ์ซ้ายถือคทา พระหัตถ์ขวารองรับไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะ มีเครื่องประดับที่ทำจากทองคำล้วน สร้างในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช เทวรูปนี้ประดิษฐานอยู่ในวิหารซูส ที่โอลิมเปีย ประเทศกรีซเป็นที่น่าเสียดายว่าเมื่อปี ค.ศ. 475 วิหารนี้ถูกไฟไหม้ไม่มีชิ้นส่วนใดๆของเทวรูปหลงเหลืออยู่เลยเหลือเพียงซากวิหารที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีซเท่านั้น แม้ว่าจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย (Statue of Zeus at Olympia) ก็ยังถูกยกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณที่ควรค่าแก่การเที่ยวชมอยู่ ทั้งนี้ไม่มีข้อมูลใดๆบ่งบอกว่าทำไมประติมากรรมรูปแบบกรีกชิ้นนี้จึงถูกส่งคืนประเทศอิตาลีที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตามการส่งกลับคืนประติมากรรม “Statue of Zeus Enthroned” จากสหรัฐอเมริกากลับสู่อิตาลีในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อภารกิจทางวัฒนธรรมที่ดี และกรอบความเข้าใจระหว่างทั้งสองประเทศ ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งการส่งคืนแหล่งกำเนิดของชิ้นงานต่างๆน่าจะทำให้การศึกษาทางประวัติศาสตร์ได้ข้อมูลใหม่ๆที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้นพิพิธภัณฑ์ เจ. พอล เกตตี้ เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชน เจ้าของชื่อ เจ. พอล เกตตี้ (J. Paul Getty) เศรษฐีน้ำมันที่ชื่นชอบงานศิลปะ จึงได้เก็บสะสมผลงานศิลปะดีๆ ไว้มากมาย ต่อมาจึงสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมฟรี

Read More

17/03/2563

สมบัติล้ำค่าจากอาณาจักรโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่


เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วที่มนุษย์รู้จักแร่ธาตุที่ชื่อว่า ทองคำ โดยในสมัยโบราณนั้นทองคำถูกนำมาใช้เป็นเครื่องตกแต่งในพิธีกรรมทางศาสนา เป็นสัญลักษณ์ของความมีอำนาจ และความความรุ่งเรืองของอาณาจักร โดยปรากฏให้เห็นในรูปแบบของเทวรูป สิ่งเคารพบูชา ข้าวของเครื่องใช้ และเครื่องประดับ และนี่คือสมบัติล้ำค่าของมนุยชาติที่ทำจากทองคำและได้ถูกค้นพบในอาณาจักรโบราณต่างๆทั่วโลก “Muisca Raft” นักโบราณคดีได้ค้นพบแพทองคำ(Muisca Raft) ในถ้ำใกล้ทะเลสาบกัวตาบีตา ทางตอนใต้ของกรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลัมเบีย เมื่อปี 1856 บนแพที่มีรูปสลักเป็นรูปคนซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกษัตริย์และข้าทาสนับสิบอยู่บนแพทั้งหมดทำจากทองคำ สันนิฐานว่าถูกสร้างขึ้นราวคริสตศักราช 600 – 1,600 พร้อมกับทองคำอีกหลายชิ้น ทำให้ความเชื่อที่ว่าที่นี่เคยเป็นมหานครแห่งทองคำ เอล-โดราโด มีน้ำหนักมากขึ้น “รูปปั้นเทพีแห่งความรัก”อายุ 2,000 ปีจากอาณาจักรกรีกโบราณ วัตถุโบราณที่ทำจากทองคำ ชิ้นนี้เป็นหนึ่งในจำนวนหลายพันชิ้นที่ถูกค้นพบในหลุมศพของชนเผ่าเร่ร่อนในอัฟกานิสถานเมื่อปี 1978 ซึ่งเชื่อกันว่าน่าถูกขโมยออกมาจากอาณาจักรแบ็กเตรีย(Bactrian อาณาจักรโบราณในเอเชียกลาง มีอำนาจอยู่ในราว 250 ปีก่อนคริสตกาล (พ.ศ. 293)และขยายอำนาจไปสู่อินเดียและจีนจนกระทั่งสิ้นสุดอำนาจลงไปอีก 125 ปีต่อมา (พ.ศ. 418)) “สมบัติจากหลุมศพของนักรบโมเช” นักโบราณคดีได้ปกป้องสุสานแห่งนี้จากพวกโจรล่าสมบัติ ในปี 1987ทำให้พบวัตถุโบราณอายุ 1,500 ปีจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “Lord of Sipan” มีทั้งมีดเครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้และโล่ทองคำ ทั้งนี้โมเชเป็นอารยธรรมโบราณแห่งแรกๆของลาตินอเมริกาหรืออเมริกาใต้ปัจจุบันอยู่ในแถบเทือกเขาแอ็นดีส ประเทศเปรูเป็น และต้นแบบของอารยธรรมอเมริกาใต้โบราณ เช่น นาซคา อินคา เป็นต้น“จี้ทองคำหุ้มด้วยผ้า”จากศตวรรษที่ 10 ถูกค้นพบเมื่อปี 2014 จากขุมสมบัติกัลโลเวย์ (Galloway เป็นภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงใต้ของสกอตแลนด์เป็นเมืองทางประติศาสตร์ทิศตะวันตกและทิศใต้ถูกโอบล้อมด้วยทะเล) เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นที่ซ่อนสมบัติของชาวไวกิ้งในสกอตแลนด์ “มงกุฎทองคำ”อายุ 2,000 ปี ของชาวไซเธียนโบราณ ค้นพบครั้งแรกในทศวรรษที่ 1800 โดยจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งต่อมามีการค้นพบเนินสุสานกษัตริย์ของชนชาวไซเธียรอายุกว่า 2800 ปีทางตอนใต้ของไซบีเรียอีกครั้ง คราวนี้พบข้าวของที่ทำจากทองคำอีกกว่า 9000 ชิ้น “นกทองคำ”ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตกแต่งปลายไม้เท้า คาดว่าถูกสร้างขึ้นในอายธรรม Sinu เมื่อหลายพันปีก่อนที่จะกลายมาเป็นดินแดนของโคลอมเบียในปัจจุบัน“หน้ากากทองคำ”ของฟาโรห์ตุตันคามุน น้ำหนัก 22 ปอนด์ หนึ่งในวัตถุโบราณที่โดดเด่นและน่าดึงดูดที่สุดเมื่อสุสานของพระองค์ถูกเปิดในปี 1923 และต้องใช้เวลาอีก 2 ปีต่อมากว่าหน้ากากชิ้นนี้จะถูกค้นพบในโลงศพของพระองค์ นี่คือสมบัติล้ำค่าจากอาณาจักรโบราณทั่วโลกที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรื่องและอารยธรรมของมนุษย์ที่มีมาต่อเนื่องหลายพันปี

Read More

17/03/2563

Central Market ย่านค้าทองในกัมพูชา


ตลาดจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกัมพูชามีชื่อว่า Central Market หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “Psah Thom Thmey” สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2480 ตั้งอยู่บนถนน Monivong Boulevard กรุงพนมเปญ มีร้านค้าอัญมณีและเครื่องประดับหลายสิบร้านจำหน่ายพลอย เครื่องประดับเงินตกแต่งพลอย สร้อยทอง 3 กษัตริย์ เครื่องประดับเพชร สร้อยทองขาว 18K สร้อยทองคำ18K และ 24K เครื่องประดับเพชรนำเข้าจากเบลเยียม ทองขาวและทอง 3 กษัตริย์นำเข้าจากอิตาลี ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวกัมพูชา เป็นต้น ทั้งนี้ชาวกัมพูชานิยมเครื่องประดับที่มีประกายแวววาว ทำให้สินค้าจำพวกเครื่องประดับเพชร ทอง 3 กษัตริย์ และทองขาว เป็นสินค้าขายดีในตลาดแห่งนี้ ส่วนพลอยสีที่วางจำหน่ายนั้นไม่ค่อยนิยมนักจึงมักเน้นจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก บริเวณถนนรอบๆ Central Market ยังมีร้านจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณตรงข้ามตลาดซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ที่ตั้งเรียงติดกันหลายคูหา เป็นแหล่งจำหน่ายทองรูปพรรณ ทั้งทอง 18K และ 24K โดยชาวกัมพูชาที่มีฐานะดีนิยมซื้อเครื่องประดับเพชรมากกว่าเครื่องประดับทอง ในขณะที่คนทั่วไปนิยมซื้อเครื่องประดับทองล้วน 18K สำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน เพราะว่ามีความคงทนไม่ขาดง่าย ส่วนเครื่องประดับทองคำ 24K ค่อนข้างอ่อนนุ่มมักจะนำออกมาใส่เฉพาะในงานสำคัญๆ เท่านั้น นอกจากนี้ชาวกัมพูชายังนิยมซื้อทองคำ 24K เก็บสะสมแทนการฝากเงินกับสถาบันการเงิน เพราะสามารถนำออกมาขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย และไม่สูญเสียมูลค่า อีกทั้งชาวกัมพูชายังไม่เชื่อมั่นระบบสถาบันการเงินในประเทศจึงนิยมซื้อทองคำเก็บไว้มากกว่า ซึ่งการซื้อขายทองคำในกัมพูชาจะคิดตามน้ำหนักทองตามราคาตลาดCentral Market เป็นตลาดขนาดใหญ่ อาคารมีลักษณะเป็นรูปโดม แตกเป็นทางเดิน 4 ทิศ แยกออกจากตัวโดม ระหว่างทางเข้าโดมนั้นจะมีร้านขายเสื้อผ้า ของที่ระลึก เครื่องเงิน ส่วนด้านในอาคารเป็นร้านขายนาฬิกา สินค้าอิเล็กทรอนิกส์อัญมณีและเครื่องประดับ รอบๆ ตลาดจำหน่ายอาหารสดและดอกไม้ตลาดแห่งนี้นับเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่จำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับมากที่สุดแห่งหนึ่งของกัมพูชา

Read More

17/03/2563

ออร์ชาร์ด ถนนแห่งอัญมณีและเครื่องประดับ


ในประเทศสิงคโปร์ มีถนนเส้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกในเรื่องของการช้อปปิ้งชื่อ ถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) โดยความยาวราว 2 กิโลเมตรนั้นคลาคล่ำไปด้วยห้างสรรพสินค้า โรงแรมขนาดใหญ่ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ร้านค้าแบรนด์เนม ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องประดับ ซึ่งร้านจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงทั้งแบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ท้องถิ่นล้วนตั้งอยู่บนถนนสายนี้ทั้งสิ้นสินค้าเครื่องประดับแบรนด์เนมบนถนนออร์ชาร์ดที่มีชื่อสียงเช่น Cartier บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับและนาฬิกาที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเครื่องประดับ Cartier มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมายาวนานในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์และบุคคลมีชื่อเสียงระดับโลกTiffany & Co. บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับเงินสเตอร์ลิง คริสตัล น้ำหอม และนาฬิกา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสาขากว่า 22 ประเทศทั้งโลก จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นโดยบริษัท Tiffany & Co. คือกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพและมีความละเอียด ทั้งการผลิตด้วยมือและการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการผลิตSterling Jewelers บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ใน รัฐโอไฮโอ มีสาขามากกว่า 1,414 สาขา ใน 50 รัฐPANDORA บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับสำเร็จรูปที่ทันสมัย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก วางขายในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ PANDORA คือ วัสดุที่นำมาใช้ในการทำเครื่องประดับมาจากวัสดุของแท้ที่ราคาไม่แพง มีความทันสมัย และมีเอกลักษณ์TAKA Jewelry บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเพชรแท้ เครื่องประดับเพชร และเครื่องประดับชนิดอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงของประเทศสิงคโปร์ มีสาขากว่า 25 แห่งทั่วโลก และเป็นผู้ส่งออกเครื่องประดับเพชรไปยัง 40ประเทศทั่วโลก เช่นเดียวกับ Lee Hwa Jewelry อีกหนึ่งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับแฟชั่นร่วมสมัย ที่มีสาขาในประเทศกว่า 22 สาขา

Read More

17/03/2563

UBS ผู้ผลิตเครื่องประดับใหญ่ในอินโดนีเซีย


อินโดนีเซีย หนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีฐานการบริโภคขนาดใหญ่จากจำนวนประชากรมากกว่า 250 ล้านคน เป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงตามกำลลังซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยสินค้าในหมวดอัญมณีและเครื่องประดับได้รับความนิยมสูงในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะเครื่องประดับทองคำลทั้งแบบที่เป็นทองคำล้วนและเครื่องประดับทองประดับเพชรและพลอยสี ซึ่งมีหลากหลายระดับคุณภาพและระดับราคาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มรายได้ โดยมีบริษัท PT Untung Bersama Sejahtera หรือ UBS เป็นนึ่งในบริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับทองรายใหญ่ของอินโดนีเซียUBS เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับทองและทองแท่งรายใหญ่ของอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในเมืองสุราบายา ซึ่งเป็นทั้งผู้จัดจำหน่ายภายในประเทศ และเป็นบริษัทผู้ผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ โดยบริษัทนี้เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว ก่อนจะพัฒนาขึ้นจนเจริญเติบโตขึ้นโดยเข้าซื้อบริษัทเครื่องประดับของอิตาลีและได้นำเครื่องจักรเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าของบริษัท อิกทั้งยังขยายไลน์ธุรกิจมาเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าทั้งค้าส่งและค้าปลีก โดยการสร้างกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆเช่นการสร้างแบรนด์ย่อยอีก 8 แบรนด์ ตามรูปแบบสินค้าแต่ละประเภทเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคแต่ละกลุ่มอย่างนั่นเองสินค้าที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ของบริษัทUBS มีทั้งสายสร้อยทองล้วนจากทอง 18 และ 24 กะรัต สร้อยทองขาว 18 กะรัต เครื่องประดับทอง 18 กะรัต ทั้งทองคำ ทองขาว ทองสีชมพู เครื่องประดับทองตกแต่งด้วยเพชรชวารอฟกี้ รวมถึงทองคำแท่งขนาด 5 กรัม ไปจนถึง 100 กรัมสำหรับเครื่องประดับทองนอกจากจำหน่ายในอินโดนีเซียแล้วยังส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศด้วย โดยตลาดที่สำคัญได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนามและไทย รวมทั้งยังมีสาขาบริษัทตั้งอยู่ในฮ่องกงเพื่อกระจายสินค้าไปยังประเทศอื่นๆปัจจุบัน UBS มีพนักงานทั้งในส่วนผลิต ออกแบบ และจัดจำหน่ายราว 4000 คน ทองคำแท่งที่ผลิตขึ้นจะจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น ซึ่งบริษัทUBS ยังได้รับในอนุญาตจากรัฐบาลให้เป็นบริษัทควบคุมคุณภาพทองคำแท่งที่ขายภายในประเทศอีกด้วย

Read More

17/03/2563

เครื่องประดับกับสาวเมียนมาร์


การแต่งกายของความเมียนมาร์นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผู้ชายนิยมนุ่งโสร่งและผู้หญิงนิยมนุ่งผ้าซิ่น เสื้อเอวสั้น สตรีชาวเมียนมาร์ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่รักสวยรักงาม ต้องแต่งกายสวยงามอยู่เสมอ เริ่มตั้งแต่การดูแลเรือนผม การทัดดอกไม้ การแต่งงหน้าทาเล็บ และการประดับด้วนเครื่องประดับทองและอัญมณี ชาวเมียนมาร์ถือว่าเพชรพลอยเป็นสิ่งมงคลอย่างหนึ่งดังคำกล่าวที่ว่า"ทับทิมเกร็ดน้อยมีค่าควรเมือง" ซึ่งอัญมณีแต่ละชนิดมีความหมายดีๆ เช่น ทับทิม หมายถึง บุญญาธิการ และ ความรุ่งโรจน์ มรกต หมายถึงความสงบเย็นและสันติสุข เพชร หมายถึงความสามารถ ไพลิน หมายถึงความเมตตา โกเมน หมายถึง พละกําลัง บุษราคัม หมายถึง พลานามัย ปะการัง หมายถึงความยิ่งใหญ่มุก หมายถึงสิริมงคล เพชรตาแมว หมายถึงอํานาจและความสําเร็จ นอกจากอัญมณีต่างๆแล้ว สตรีชาวเมียนมาร์ยังนิยมเครื่องประดับทองคํา ทําเป็นกําไล สร้อยคอ ต่างหู ปิ่นปักผม หวีเสียบผม ขณะที่สร้อยคอจะมีหลากหลายลักษณะทั้งแบบที่ประดับตกแต่งด้วยเพชร พลอยสี และไข่มุก โดยในงานพิธีส่วนมากนิยมใส่สร้อยคอที่มีลักษณะระย้า เป็นชั้นๆ เรียงกันหลายเส้น ประดับตกแต่งด้วยอัญมณีขนาด ใหญ่พื่อแสดงถึงความหรูหรา และเหมาะกับชุดประจําชาติที่มักเป็นเสื้อผ่าอกคลุมไหล่ด้วยผ้าคล้องคอหรือเสื้อแขนกระบอกเนื้อบางปักเลื่อมตกแต่งอย่างสวยงามต่างหูเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่งของผู้หญิงเมียนมาร์ในอดีตทั้งชายและหญิงต่างนิยมใส่ต่างหูด้วยถือว่า ช่วยเสริมความสง่างามดังคํากล่าวที่ว่า “แก้มผ่องใส ด้วยประกายต่างหู” ในสมัยก่อนผู้ชายที่มีฐานะดีจะประดับหูด้วยมุก นิล หรือพลอยแดงขนาดเท่าลูกหมาก ส่วนคนทั่วไปจะนิยมใส่ต่างหูทําด้วยหยก แก้ว หรือใบลาน นอกจากนี้นักรบอาจเอาชายโสร่งมามวนเสียบเป็นต่างหู นอกจากเครื่องประดับแล้ว องค์ประกอบของเสื้อผ้ายังอาจประดับตกแต่งด้วยอัญมณีด้วย แต่เดิมเสื้อของสตรีเมียนมาร์จะติดด้วยกระดุมทอง เพชร งาช้าง เปลือกหอย กระดองเต่า หรือกระดุมโยดะยา แต่ในปัจจุบันเสื้อเอวสั้นที่ตัดตามแบบเมียนมาร์ส่วนใหญ่จะใช้กระดุมแป๊ะ หรือกระดุมปั๊มแทนกระดุมที่มีมูลค่าสูง

Read More

17/03/2563

ศิราภรณ์ ทรงคุณค่าในสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง


ศิราภรณ์ คือ เครื่องประดับศีรษะ ซึ่งพระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ทรงใช้สวมพระเศียร ซึ่งมีลักษณะต่าง ๆกันและมีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่นพระมงกุฎ พระชฎา พระมาลา พระเกี้ยว เป็นต้นเครื่องศิราภรณ์แต่ละองค์ ยังมีชื่อเรียกเพื่อบอกลักษณะหรือบอกการใช้งานเฉพาะด้วย เช่น พระมหาพิชัยมงกุฎคือเครื่องแสดงความเป็นพระมหากษัตริย์พระอนุราชมงกุฎคือเครื่องทรงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พระเกี้ยวคือเครื่องประดับพระเกศาหรือพระเศียรของพระราชโอรสและพระราชธิดา เป็นต้นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นแบบอย่างในการทรงเครื่องศิราภรณ์ทั้งแบบตะวันตกและแบบไทย ได้อย่างงดงาม ดังปรากฏภาพตามงานพระราชพิธีและพระราชกรณียกิจต่างๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยศิราภรณ์ทรงคุณค่าในพระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่สำคัญได้แก่ • มงกุฎทำจากทองคำประดับเพชรเหลี่ยมกุหลาบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงสวมเมื่อครั้งสถาปนาพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ. 2493 • ดอกไม้ไหวทองคำประดับมวยพระเกศากับฉลองพระองค์ชุดไทยที่ตัดถวายโดยห้องเสื้อ Balmainเป็นการทรงประยุกต์ใช้เครื่องประดับไทยกับชุดไทยได้อย่างงดงามและลงตัว • เทียร่ารูปดอกไม้ประดับเพชร เป็นศิราภรณ์แบบตะวันตกที่นำมาทรงร่วมกับฉลองพระองค์ชุดไทยบรมพิมาน เมื่อคราวเสด็จออกรับสมเด็จพระราชาธิบดีฆวน การ์โลสที่ 1 และสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน งดงามเกินบรรยาย • พระเกี้ยวประดับเพชร กับฉลองพระองค์ชุดไทยดุสิตลวดลาย และสร้อยพระศอที่สามารถทรงเป็นเทียร่าได้ • มงกุฎทองคำกับเครื่องประดับทองคำแบบไทย ร่วมกับฉลองพระองค์ชุดไทยเรือนต้นงามงามอย่างไทย • เทียร่าเพชรแบบคลาสสิกของรัสเซีย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงสวมเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐ-อเมริกาและยุโรป พ.ศ. 2503 เข้ากับฉลองพระองค์แบบตะวันตกได้อย่างงดงาม • เทียร่าเพชรแบบ Kokoshnik เป็น Fringe Tiara มีแฉกรัศมีแบบดวงอาทิตย์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงสวมในลักษณะคล้ายกะบังหน้าของไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระอัจฉริยภาพในการผสมผสานธรรมเนียมการแต่งกายของสตรีไทยให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างเหมาะสมแก่วาระและโอกาสต่างๆอยู่เสมอ

Read More

17/03/2563

ผ้าสะพัก ผ้าทรงสะพัก


สตีชาวสยามในสมัยก่อนยังไม่ รู้จักการใช้ชุดชั้นใน การห่มสไบเพียงชิ้นเดียวอาจไม่มิดชิดเพียงพอเมื่อเวลาออกงานหรืออยู่ต่อหน้าธารกำนัล จึงมีการนำสไบอีกผืนหนึ่งมาห่มทับเรียกว่าการห่มตาด ส่วนผ้าที่นำมาห่มเรียกว่า ผ้าสะพัก โดยทั่วไปแล้วสตรีชาววัง หรือที่เรียกว่าฝ่ายในจะห่มสะพักซึ่งส่วนมากเป็นผ้าสะพักตาดทอง ส่วนราชวงศ์ชั้นสูงจะเรียกว่าผ้าทรงสะพัก ดังนั้นการห่มผ้าสะพัก นอกจากเพื่อความมิดชิดสวยงามแล้วยังแสดงถึงสถานะทางสังคมของผู้สวมใส่อีกด้วยปัจจุบัน ผ้าทรงสะพักนั้น มี 3 แบบคือ 1. ผ้าทรงสะพักมหาจักรี เป็นผ้าปักดิ้นลายทองทั้งองค์ มีตรามหาอุณาโลมอยู่เป็นหย่อม ปักลายเป็นดาราจักรี 2. ทรงสะพักนพรัตน์ ปักดิ้นลายทองทั้งองค์มีดารานพรัตน์ปักประดับด้วยอัญมณี ๙ ชายผ้าห้อยด้วยดารานพรัตน์ 3. ทรงสะพักจุลจอมเกล้า ปักดิ้นลายทองเป็นเหมือนลายกนกทั้งองค์ และมีดาราปฐมจุลจอมเกล้าร่วมในผืนผ้าด้วย ผ้าสะพักนี้ มีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ทำขึ้นมาแทนการแพรห่มสีชมพูปักดิ้นเลื่อมลายทองตามชั้นของเครื่องราชฯ ที่พระราชทานแก่เจ้านายฝ่ายใน ซึ่งมีทั้งหมด 4 ชั้น เช่น ชั้น ๑ เป็นแพรสีชมพู ปักดิ้นเลื่อมลายทอง ปักอักษรพระปรมาภิไธยย่อ “ จ จ จ “ ไขว้เป็นหย่อมกว้าง ๒ นิ้ว มีใบชัยพฤกษ์เป็นแย่ง ชายผ้าเป็นดาราปฐมจุลจอมเกล้า ซึ่งอักษร จ จ จ นี้ย่อมาจากคำว่า จุฬาลงกรณ์จุลจอมเกล้านั่นอง ผ้าแพรห่มนี้ยกเลิกเมื่อปีพ.ศ.2468การห่มผ้าสะพัก จึงเป็นรูปแบบการแต่งกายที่สะท้อนให้เห็นความประณีตบรรจงของสตรีชาวสยามในอดีต โดยการห่มผ้าทับลงไปบนเสื้อ โดยผ้าจะไม่สัมผัสกับผิว โดยทั่วไปสตรีชาววัง หรือที่เรียกว่าฝ่ายในจะห่มสะพัก ก็ต่อเมื่อเข้าร่วมในงานพระราชพิธีที่มีการแต่งกายเต็มยศเท่านั้น

Read More

Loading...
More