บทความทั้งหมด

30/08/2562

วัดทองแห่งเกียวโต


วัดทอง เป็นชื่อที่คนไทยใช้เรียกชื่อวัดคินคะคุจิ หรือที่คนคนท้องถิ่นเรียกว่าวัดโระคุงอนจิที่แปลว่าวัดสวนกวางเป็นสัญลักษณ์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเกียวโต ด้วยมีสถาปัตยกรรมที่งดงามล้ำค่าและได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรกดโลกในปีค.ศ.1994วัดทอง ตั้งอยู่ทางเหนือของเกียวโต เป็นวัดนิกายเซน เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักหลังสละราชสมบัติของโชกุนอะชิคางะ โยชิมิทสึ และเพื่อรับรองแขกระดับสำคัญๆ ภายหลัง โชกุนอะชิคางะ เสียชีวิตท่านได้อุทิศที่พักแห่งนี้ให้ให้กับนิกายเซนลัทธิรินไซ ภายหลังจากที่ท่านสิ้นอายุขัยในปี 1408 คินคะคุจิเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างวัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) หรือวัดเงิน ซึ่งก่อสร้างโดยหลานของโยชิมิทสึ นั่นคือโชกุนอะชิคางะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) ในอีกสองสามทศวรรษถัดมา โดยตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเมือง สาเหตุที่คนเรียกว่าวัดทองนั้น ก็เพราะตัวอาคารตกแต่งด้วยทองคำเปลวจึงทำให้มีสีทองเหลืองอร่ามตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ โดยให้หันหน้าไปทางสระน้ำขนาดใหญ่ และเป็นอาคารเพียงหลังเดียวที่เหลืออยู่ในหมู่อาคารที่โยชิมิทสึใช้เป็นบ้านพักในบั้นปลายชีวิต อาคารหลังนี้เคยเสียหายจากไฟไหม้ในช่วงสงครามมาหลายครั้ง แต่ก็มีการสร้างขึ้นใหม่มาโดยตลอด ซึ่งไฟไหม้ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1950 จากฝีมือของพระที่คลั่งในความงามของวัดทองจนต้องการเผาตัวเองไปพร้อมกับวัด อาคารที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1955คินคะคุจิ สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความหรูหราของวัฒนธรรมคิตายาม่า ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงที่มั่งคั่งของเกียวโตในสมัยของโยชิมิทสึ ในแต่ละชั้นของอาคารสร้างขึ้นโดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ต่างกัน โดยในชั้นแรกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบชินเด็น ซึ่งใช้สำหรับการก่อสร้างอาคารของราชวังในสมัยเฮอัน โดยเสาไม้ธรรมชาติและกำแพงปูนปลาสเตอร์สีขาวของชั้นล่างนี้ ช่วยขับให้ชั้นบนของอาคารซึ่งเป็นสีทองดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ภายในตัวอาคารชั้นหนึ่งประดิษฐานรูปปั้นพระศากยมุนี หรือพระพุทธเจ้าผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธตามประวัติศาสตร์ และรูปปั้นของโชกุนอะชิคางะ โยชิมิทสึ อย่างไรก็ตาม อาคารนี้ไม่เปิดให้คนนอกเข้าชม ชั้นที่สองของอาคารสร้างขึ้นโดยใช้แนวสถาปัตยกรรมบัคเค ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ใช้ในการสร้างที่อยู่อาศัยของซามูไร ภายนอกได้รับการตกแต่งโดยการปิดแผ่นทองคำเปลวจนเป็นสีทองสุกอร่ามทั่วชั้นอาคาร ภายในประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์คันนอน หรือพระแม่กวนอิมปางประทับนั่ง รายล้อมด้วยรูปปั้นของท้าวจตุมหาราช ทั้งสี่พระองค์ แต่ไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมสักการะ ชั้นที่สามซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ใช้สถาปัตยกรรมแบบนิกายเซนของจีน และปิดทองทั้งภายนอกและภายใน ส่วนบนยอดอาคารมีรูปปั้นหงส์ ทองคำตั้งอยู่ช่วงที่วัดทองสวยงามมากที่สุดคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราวปลายเดือนพฤศจิกายน

Read More

30/08/2562

วัดทองประดิษฐ์ ที่ตั้งสุ่มยักษ์ แลนด์มาร์คใหม่เมืองสุพรรณฯ


วัดทองประดิษฐ์ ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2443 ที่ตำบลบางเลน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เดิมชื่อ วัดเล็ก ต่อมาหลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสรูปแรก เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดน้อยราษฎรศรัทธา ต่อมาเจ้าคณะภาคได้ตั้งชื่อให้ใหม่ตามชื่อเจ้าอาวาส จึงกลายมาเป็นวัดทองประดิษฐ์มาตั้งแต่นั้น วัดทองประดิษฐ์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนที่ดินเดิมเพียง 7 ไร่เศษ ต่อมาได้รับบริจาคที่ดินเพิ่มเติมจากผู้มีจิตศรัทธาจนเป็น 40 ไร่ ภายในวัดมีศาสนสถานเก่าแก่อย่างมณฑปจตุรมุก กุฎีทรงไทยฝาเฟี้ยม ศาลาการเปรียญยกพื้นชั้นเดียวกว้างขวาง เป็นเรือนไม้ เสาถากกลม ในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานศิลปะสุโขทัยสร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ งดงามมาก พุทธศาสนิกชนนิยมมากราบขอพรเสมอๆวัดทองประดิษฐ์เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านตำบลบางเลนและเป็นสถานที่จัดกิจกรรมของชุมชนมาแต่ครั้งอดีต ปัจจุบันวัดทองประดิษฐ์ได้กลายมาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ไม่เพียงมีความสำคัญกับคนสองพี่น้องเท่านั้นแต่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ใครๆก็อยากมาสัมผัสเพราะที่นี่คือที่ตั้งของสุ่มปลายักษ์นั่นเอง สุ่มปลา เป็นอุปกรณ์หาปลาที่คนบ้านใกล้คลองต้องมีติดบ้านไว้ เช่นเดียวกับคนคลองสองพี่น้องที่มีสุ่มปลากันเกือบทุกบ้าน ชาวบ้านจึงใช้สุ่มปลามาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง สุ่มปลายักษ์ เป็นสัญลักษณ์ของชุมชน โดยช่วยกันสร้างจากไม้ไผ่กว่า 5,000 ชิ้น กลายเป็นจุดชุมวิวที่มองได้ไกลแบบ 360 องศา จากวัดทองประดิษฐ์ มีสะพานไม้ไผ่เป็นทางเดินทอดยาว ผ่านนาบัวและแปลงผักบุ้งน้ำเชื่อมไปถึงสุ่มปลายักษ์ ซึ่งสองข้างทางมีพ่อค้า แม่ขายพายเรือมาขายของนานาชนิดทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน ผลไม้ ของฝากจากท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตในชุมชนที่ชาวบ้านปลูกเอง เลี้ยงเอง เช่นข้าวโพด กุ้ง ปลาเค็ม กล้วย เป็นต้น ที่นี่จึงกลายตลาดน้ำสะพานโค้ง ที่ขึ้นชื่อไปโดยปริยาย นอกจากนี้ยังมีบริการ เรือพายโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือเที่ยวชมทุ่ง ชมคลองสองพี่น้อง ชมวิถีชีวิตชาวบ้านและชมธรรมชาติสองฝั่งคลอง ผู้ที่จะมาเที่ยวชม สุ่มปลายักษ์ สามารถนำรถยนต์มาจอดได้ที่วัดทองประดิษฐ์ และเดินข้ามสะพานมาเที่ยว สุ่มยักษ์ได้ ระหว่างเดินผ่านตลาดสะพานโค้งก็หาของอร่อยทานได้ตลอดทาง

Read More

30/08/2562

สคบ.เตือนภัย ผ่อนทองไม่ได้ทอง


สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคหลายรายว่าได้รับความเดือดร้อนจากการผ่อนออมทองคำจากบริษัทหนึ่ง โดยการหลอกให้ผ่อนทองรูปพรรณ แต่กลับไม่ส่งมอบทองคำให้ตามสัญญา การหลอกลวงให้ผ่อนทองรูปพรรณมาในรูปแบบของบริษัทจะโดยการโฆษณาเชิญชวนผ่านทาง Facebook รายการโทรทัศน์ และงาน SME ไทยแลนด์โดยหลอกให้ร่วมลงทุน มีทั้งรูปแบบตัวแทนจำหน่ายหรือเฟรนไซน์แต่ละเขตและแบบรายบุคคล ซึ่งบริษัทได้เปิดสาขากว่า 14 แห่ง ทั่วประเทศ โดยการลงทุนตั้งแต่ 3,000 – 390,000 บาท ซึ่งวิธีการผ่อนออมทองคำมีวิธี และขั้นตอนดังนี้ขั้นตอนที่ 1 : ผู้ที่ต้องการออมจะติดต่อตัวแทนหรือบริษัทโดยตรง เพื่อเช็คราคาทองคำ แจ้งน้ำหนักทองคำที่ต้องการออม (ราคาทองคำ เป็นไปตามที่สมาคมค้าทองคำประกาศ ซึ่งราคาที่ใช้ผ่อนออมจะรวม ค่ากำเหน็จแล้ว ส่วนทองคำแท่งจะรวมค่าบล็อกแล้ว) เมื่อตกลงแล้วจะยึดราคานั้น ไม่มีดอกเบี้ย และคงที่ตลอดตามสัญญาขั้นตอนที่ 2 : เลือกว่าจะออมทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณ ซึ่งระยะเวลาในการออมมีแบบ ราย 6 งวด (เดือน) และราย 12 งวด (เดือน)ขั้นตอนที่ 3 : เมื่อตกลงราคาแล้ว ผู้ที่ต้องการออมจะต้องชำระงวดที่ 1 เพื่อยืนยันการเปิดสัญญาขั้นตอนที่ 4 : ส่งหลักฐานการโอนเงิน เพื่อยืนยันการเปิดสัญญา โดยการแจ้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทร ถ่ายรูปหน้าบัตรประชาชน เพื่อทางบริษัทจะจัดส่งเอกสัญญาให้ลูกค้าขั้นตอนที่ 5 : รอรับเอกสารสัญญาตรวจสอบรายละเอียด ลงนามผู้ซื้อ 2 ฉบับ แนบสาเนาบัตรประชาชน 1 ใบ แล้วส่งคืนมายังบริษัทขั้นตอนที่ 6 : รอรับบัตรผู้ออมทองคำ ชำระค่างวดผ่านทางธนาคาร และทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส ทุกสาขาสคบ. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ตั้งของบริษัท เบื้องต้นพบว่าปัจจุบันยังเปิดดำเนินการอยู่ ซึ่งผู้ประกอบการได้จดทะเบียนบริษัทไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยเช่าอาคารพาณิชย์เปิดเป็นสถานที่ตั้งในการให้บริการ แต่ไม่มีทองคำพร้อมจาหน่าย หรือพร้อมที่จะจัดส่งทองรูปพรรณให้กับผู้บริโภคแต่อย่างใด ทางสคบ.จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม ในข้อหาความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาล เพื่ออนุมัติหมายจับกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทแล้ว ในส่วนคดีแพ่ง ทาง สคบ.จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคตามขั้นตอนต่อไปขอขอบคุณข้อมูลจากสคบ.

Read More

30/08/2562

ออมทองออนไลน์ ภัยใกล้ตัวคนอยากรวย


ปัจจุบันผู้บริโภคหลายรายกำลังตกเป็นเหยื่อของการผ่อน การออม และการซื้อของทางออนไลน์ ล่าสุดมีผู้ได้รับความเสียหายจากการออมทองผ่านช่องทางออนไลน์แล้วหลายราย ซึ่งสุดท้ายแล้วลงเงินแต่กลับไม่ได้รับทองคำและเงินที่ออม ก็สูญหายไม่ได้คืนอีกด้วย เรื่องนี้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะมีได้รับหลายรายที่ชำระเงินโอนเข้าบัญชีไปยังบริษัทฯรับออมจนครบถ้วนแล้ว แต่ปรากฏว่าบริษัทฯ ไม่ได้ส่งมอบทองคำให้กับผู้ร้องตามสัญญาได้และผู้ร้องบางรายชำระเงินไปได้บางส่วน แต่เมื่อเห็นว่าบริษัทฯขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากมีการร้องเรียนและถูกดำเนินคดีอาญาจึงหยุดชำระเงินและแจ้งบริษัทฯ เพื่อจะบอกเลิกสัญญาแต่กลับไม่สามารถติดต่อได้ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยสคบ. จึงขอเตือนผู้บริโภค หากต้องการฝากเงินเพื่อเป็นหน่วยในการออมทองคำ ควรมีการศึกษารายละเอียดการออมทองคำ ดังนี้1. ผู้ประกอบธุรกิจมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด 2. มีการกำหนดเงื่อนไขการผ่อนชำระในการออมทองคำไว้อย่างไร 3. สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ในการออมได้หรือไม่ 4. กรณีฝากเงินจนครบตามสัญญาผู้ประกอบธุรกิจสามารถจัดส่งทองคำ หรือกำหนดสถานที่รับทองคำไว้อย่างไร สามารถฝากขายหรือรับซื้อคืนทองคำจากผู้บริโภคได้หรือไม่ 5. กรณียกเลิกสัญญาหรือยกเลิกการออมทองคำ ผู้บริโภคจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขอคืนเงินมากน้อยเพียงใด ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจออมทองหลายๆ แห่ง จะมีการจัดทำรายละเอียดการออมทองคำดังกล่าวไว้เป็นข้อมูลให้แก่ผู้บริโภค ดังนั้น ผู้บริโภคต้องมีการสอบถามข้อมูลดังกล่าวให้ชัดเจน หากเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับเงื่อนไขการทำธุรกรรมผ่อนทองคำ ต้องมีการสอบถามข้อมูลจากผู้ประกอบธุรกิจทันที เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของผู้บริโภคและระมัดระวังการเอาเปรียบจากผู้ประกอบดังกล่าว

Read More

30/08/2562

มงกุฎที่พระพันปีหลวงไม่เคยทรงออกงาน


มงกุฎทองคำประดับเพชร เป็นมงกุฎที่รัฐบาลจัดสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ(พระยศในขณะนั้น) ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5รอบ 60 พรรษา จัดทำโดยช่างสิบหมู่กองหัตถศิลป์กรมศิลปากรมงกุฎนี้ทำด้วยทองคำหนัก 2กิโลกรัม นำไปผ่านกรรมวิธีผสมทองให้กลายเป็นทองลูกบวบแบบทองสมัยโบราณ มีเพชรประธาน 1เม็ด หนัก 2.7กะรัต กว้าง 9 มิลลิเมตร เจียระไนจากประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งถือเป็นประเทศที่เจียระไนเพชรยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังประดับเพทายขาวอีก 600 เม็ด และนพรัตน์ที่ ประดับเรียงลำดับตามโบราณราชประเพณีในลักษณะเครื่องราชอิสริยาภรณ์สมัยรัชกาลที่ 4 โดยช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เป็นผู้ออกแบบสลักผสมผสานลวดลายไทยโบราณ ใช้เวลาจัดทำนาน 45 วัน อย่างไรก็ดี สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก็มิได้ทรงมงกุฎเพชรองค์นี้ออกงานเลยอย่างไรก็ดี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีมงกุฎที่ทรงออกงานบ่อยๆอีกหลายองค์ ซึ่งแต่ละองค์ก็มีความวิจิตรงดงามและทรงทรงคุณค่าแตกต่างกันไป ได้แก่ Diamond Fringe Tiara เป็น มงกุฎองค์ที่มีความพิเศษมาก เพราะเป็นทั้งมงกุฎและเป็นสร้อยพระศอได้ด้วย แต่เดิมเป็นของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระองค์ทรงได้รับเป็นของขวัญ เมื่อครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป มงกุฎองค์นี้จึงได้ชื่อว่าเก่าแก่มากที่สุดองค์หนึ่ง และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวม มงกุฎองค์นี้บ่อยครั้ง Diamond Necklace Tiara มงกุฎองค์นี้สร้างขึ้นในปี 2503 โดยแบรนด์ Van Cleef & Arpels เพื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงโดยเฉพาะ มีความทันสมัยและมีความพิเศษเพราะเป็นทั้งสร้อยพระศอ และทรงสวมเป็นมงกุฎได้เช่นกัน เป็นมงกุฎองค์ที่โปรดมากองค์หนึ่ง Thai Tiara เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่ทำขึ้นโดยแบรนด์ Van Cleef & Arpels ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการดีไซน์ มงกุฎแบบดั้งเดิมของไทย โดยเพชรสีเหลืองที่อยู่ตรงกลางสามารถถอดออกมาเป็น สร้อยพระศอ และ สร้อยข้อพระหัตถ์ได้ ซึ่งมงกุฎองค์นี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเลือกใช้งานบ่อยครั้ง เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จเยือน ยุโรป และประเทศสหรัฐอเมริกา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ก็ยังเคยทรงสวมมงกุฎองค์นี้อีกด้วยFloral Bandeau Tiara ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีที่มาอย่างชัดเจนว่า มงกุฎองค์นี้ผู้ใดเป็นคนสร้าง แต่คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นฝีมือจากแบรนด์ Van Cleef & Arpels ซึ่ง มงกุฎองค์นี้ทำขึ้นเป็นรูปดอกไม้ ประดับเพชร เกสรตรงกลางแต่ละดอกประกับด้วยทับทิม Coronation Tiara เป็นมงกุฎไทยโบราณที่หาชมได้ยาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงสวมมงกุฎองค์นี้เพียงสองครั้งคือ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และอีกหนึ่งครั้งในช่วงปี 1960 ทำมาจากทองคำ ประดับด้วยเพชรเหลี่ยมกุหลาบ งดงามและทรงคุณค่ายิ่ง

Read More

30/08/2562

ราคาทองคำพุ่ง สูงสุดในรอบ 6 ปี


เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา(6 สิงหาคม 62 ) ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยมีปัจจัยมาจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นักลงทุนจึงหันมาลงทุนกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำทั้งนี้ ราคาทองสปอตพุ่งขึ้นแตะ 1,474.81 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2556 ส่วนราคาทองในตลาดฟิวเจอร์ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ดีดตัวขึ้น 8.20 ดอลลาร์ หรือ 0.56% สู่ระดับ 1,484.70 ดอลลาร์/ออนซ์นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงยืดเยื้อต่อไป และไม่มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนเพิ่มขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนต่างมีจุดยืนที่แข็งกร้าว และคาดว่าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้าได้ โกลด์แมน แซคส์ยังระบุว่า การที่จีนสั่งระงับการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ และตัดสินใจปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ ถือเป็นการตอบโต้ต่อคำขู่เรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนมีท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจา และหวังรอจนกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นในปีหน้า ก่อนที่จะทำการคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า สิ่งนี้จึงทำให้สหรัฐและจีนไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าในเร็วๆนี้ขณะเดียวกันสหรัฐก็มั่นใจถือไพ่เหนือกว่าจีนในการเจรจาการค้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งกว่า โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนกำลังล่มสลาย และจีนไม่ได้เป็นประเทศที่ทรงพลังเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน โดยตัวเลขสถิติบ่งชี้ว่าการลงทุน และเศรษฐกิจของจีนกำลังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลข GDP ของจีน ซึ่งอาจมีการแต่งเติมไปหลายจุด ก็กำลังลดลงเรื่อยๆ สหรัฐจึงมั่นใจว่าจีนกำลังได้รับผลกระทบมากกว่าที่สหรัฐได้รับด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งอย่างมาก ขณะที่อัตราดอกเบี้ย และโอกาสในการลงทุนกำลังเป็นปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินจำนวนมากออกจากจีนและส่วนอื่นๆของโลก ซึ่งเงินจำนวนนี้กำลังหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐ จากปัจจัยความปลอดภัย โอกาสในการลงทุน และอัตราดอกเบี้ย และมองว่าอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งอย่างมาก ปัจจุบัน การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน นี้ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี และรัฐบาลจีนยังได้สั่งให้บริษัทของรัฐระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐดูท่าว่าจะยังไม่จบลงง่ายๆในเร็ววันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวต่อไป และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นหากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป

Read More

13/08/2562

พาเทียลา(Patiala) สร้อยคอทองคำประดับเพชรที่หายไป


พาเทียลา (Patiala)เป็นสร้อยคอทองคำ 5 แถวประดับด้วยเพชร 2,930 เม็ด ล้อมรอบด้วยทับทิมพม่า และ อัญมณีอื่นๆโดยมีเซ็นเตอร์พีชเป็น เพชรเดอเบียร์สหรือเพชรสีเหลืองหนัก 234.6 กะรัต ซึ่งเป็นเพชรที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก สร้อยพาเทียลาเส้นนี้ ออกแบบโดยเจ้าของบริษัท Cartier เมื่อปี 1928 มอบให้แก่มหาราชา เซอร์ บูพินเดอร์ ซิงห์ อย่างไรก็ตาม สร้อยเส้นนี้ได้หายไปเมื่อปี 1948 โดยไม่รู้ว่าหายสาบสูญไปไหน แต่เป็นที่ทราบกันว่าบุคคลสุดท้ายที่ได้สวมสร้อยเส้นนี้ ก็คือ มหาราชา ยาดาวินดรา ซิงห์ บุตรชายของมหาราชา เซอร์ บูพินเดอร์ ซิงห์ นั่นเอง ตัวแทนของ Cartier ในลอนดอนได้พยายามออกติดตามหาเบาะแสของสร้อยพาเทียลาเส้นนี้มาตลอดระยะเวลา 50 ปี แต่ก็ยังไม่มีใครค้นพบมัน ทั้งนี้เป็นที่เชื่อว่าสร้อยเส้นนี้อาจถูกขโมยออกไปขายโดยสมาชิกในครอบครัวมหาราชา แต่ก็เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น ต่อมาภายหลังมีรายงานว่ามีคนพบสร้อยเส้นนี้แต่เพชรทุกเม็ดได้ถูกแกะออกไปจากตัวเรือนนี้หมดแล้ว เหลือแต่ตัวเรือนเปล่าๆ ทาง Cartier จึงได้ประมูลตัวเรือนเปล่าของสร้อยเส้นนี้กลับมาแล้วหาพลอยและหินสีมาเจียระไนให้เหมือนเดิมทุกเม็ด เมื่อสร้อยเส้นนี้ถูกปลุกให้มีชีวิตเสมือนจริงขึ้นมาอีกครั้ง ทาง Cartier ได้นำออกแสดงหลายครั้ง เพื่อให้คนทั่วไปได้เห็นถึงความงามและความล้ำค่าของสร้อยพาเทียลา นี้ว่าเคยงดงามขนาดไหน หากอยู่ถึงปัจจุบัน สร้อยพาเทียลา น่าจะมีมูลค่าสูงถึง 20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 650-975 ล้านบาท)เลยทีเดียว Cartier แบรนด์เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงสัญชาติฝรั่งเศสโดยสามพีน้องตระกูลคาร์เทียร์ คือหลุยส์ ฌาคส์และปิแอร์ ที่สานต่อกิจการของหลุยส์-ฟรองซัวส์ (ลุง)ผู้ก่อตั้งคาร์เทียร์เมื่อ ปี ค.ศ.1847 หรือ 172 ปีมาแล้ว Cartierเป็นเลิศในโลกแห่งเครื่องประดับและนาฬิกา เป็นที่โปรดปรานของราชสำนักต่างๆ และบุคคลสำคัญมากมาย

Read More

13/08/2562

สวิตเซอร์แลนด์คุมเข้มนำเข้าทองคำ


สวิตเซอร์แลนด์ออกมาตรการตรวจสอบแหล่งที่มาของทองคำจากนอกประเทศและการนำเข้าทองคำเพื่อให้แน่ใจว่าทองคำที่นำเข้าประเทศนั้น ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการผลิต สวิตเซอร์แลนด์ถือเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในตลาดทองคำระหว่างประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงถึงอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำและตลาดทองคำrecycled นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำเข้าและส่งออกทองคำมากที่สุดในโลก โดยในปี ค.ศ. 2017 สวิสนำเข้าทองคำปริมาณ 2,404 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่า69.6 พันล้านฟรังก์สวิต และส่งออกทองคำปริมาณ 1,684 ตัน มูลค่า 66.6 พันล้านฟรังก์สวิตรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้ทำข้อตกลงในระดับชาติและนานาชาติเกี่ยวกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมทองคำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าทองที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการผลิตเข้าสู่ประเทศ ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าทองคำของสวิสถือได้ว่ามีความเข้มงวดมากที่สุดประเทศหนึ่ง เช่น ข้อกฎหมาย Precious Metals Control Act และ Anti-Money Laundering Act ทั้งนี้ เพื่อให้การตรวจสอบมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการบิดเบือนแหล่งที่มาของทองคำภายในรายงานของสภาแห่งชาติได้มีการแนะนำมาตรการเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความโปร่งใสและระบบการค้าทองคำแก่รัฐบาลกลาง โดยระบุว่า การเปิดเผยแหล่งที่มาของแร่หินมีค่าและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง และเป็นหนทางเดียวที่จะป้องกันการนำเข้าทองคำจากเหมืองแร่ที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเข้าสู่ประเทศได้ นอกจากนี้ สภาแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ยังได้แนะนำให้เพิ่มบทบาทของผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรม และขยายความร่วมมือในการผลิตทองคำที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมในแต่ละปีมีทองคำบริสุทธิ์ถูกส่งไปสกัดเป็นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กว่า 2 ใน 3 ของจำนวนทองคำทั่งโลก สวิตเซอร์แลนด์จึงเป็นเสมือน “เมืองหลวงของทองคำ” มีบริษัทผลิตทองคำที่มีคุณภาพมากที่สุดในโลกหลายแบรนด์ เช่น “PAMP” ผู้ผลิตทองคำยักษ์ใหญ่ ซึ่งชื่อ “PAMP” หมายถึง “Artistic Precious Metals Products” หรือ “งานศิลปะบนโลหะอันทรงคุณค่า” ซึ่งรังสรรค์ “งานฝีมือ” จากทองทุกชิ้น ด้วยดีไซน์ ลวดลายที่งดงาม ด้วยฝีมือช่างมืออาชีพ ทองคำของ PAMP มีความบริสุทธิ์มากกว่า 99.99% ตามมาตรฐาน LBMA (London Bullion Market Association) หรือ ตลาดทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Read More

13/08/2562

ของรับขวัญเจ้าชายน้อยจากพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2


“Botswana Flower” เข็มกลัดประดับด้วยเพชรเจียระไนรูปทรงหยดน้ำจำนวน 11 เม็ด บนตัวเรือนทองคำ คือเครื่องประดับที่สื่อในอังกฤษหลายสำนัก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ต่างคาดการณ์ว่าจะเป็นของรับขวัญที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะทรงพระราชทานให้กับดัชเชสแห่งซัสเซกซ์เนื่องในโอกาสให้กำเนิดพระโอรสในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2562เข็มกลัดทองประดับเพชรนี้ออกแบบให้มีลักษณะเป็นรวงข้าวฟ่าง พืชเศรษฐกิจของประเทศบอตสวานา เพราะเพชรทั้ง 11 เม็ดถูกขุดพบจากเหมืองเพชรในประเทศบอตสวานา โดยประธานาธิบดีแห่งประเทศบอตสวานาได้ถวายให้แก่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 2007 ทั้งนี้บอตสวานาเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เนื่องจากเป็นสถานที่ซึ่งทั้งสองพระองค์เคยเดินทางไปท่องเที่ยวและใช้เวลาร่วมกันเมื่อครั้งที่ยังทรงคบหาดูใจกันในฐานะคู่รัก อีกทั้งเพชรเม็ดหลักบนแหวนหมั้นที่ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงมอบให้ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ยังเป็นเพชรจากเหมืองในประเทศบอตสวานาอีกด้วยนอกจากเข็มกลัด“Botswana Flower” ยังมีเครื่องประดับชิ้นอื่นๆอีก ได้แก่ เข็มกลัด The Flower Basket เป็นเข็มกลัดที่ออกแบบให้เป็นตระกร้าดอกไม้ ตกแต่งด้วยเพชร ทับทิม ไพลิน และมรกต ซึ่งควีนเอลิซาเบธ เมื่อครั้งเป็นเจ้าหญิงเอลิซาเบธ ได้รับพระราชทานเป็นของขวัญจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 (พระบิดา) และสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ (พระมารดา) ในโอกาสแห่งการให้กำเนิดเจ้าชายชาร์ลส์ พระโอรสพระองค์แรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1948 เข็มกลัด The Flower Basket เป็นเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่งซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงโปรดเป็นอย่างมาก ในช่วง 7 ทศวรรษที่ผ่านมา พระองค์มักทรงเข็มกลัดชิ้นนี้อยู่บ่อยครั้ง โดยครั้งล่าสุด คือวันที่ 21 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ และในปีนี้ยังตรงกับวันอีสเตอร์อีกด้วยสมาชิกแห่งราชวงศ์วินเซอร์ พระโอรสพระองค์น้อยของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ มีพระนามว่า “อาร์ชี แฮริสัน เมาท์แบตเทน-วินด์เซอร์” (Archie Harrison Mounbatten-Windsor) ทรงเป็นรัชทายาทในลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ และเป็นเหลนคนที่ 8 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระ

Read More

13/08/2562

4 ปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อเครื่องประดับทอง


สภาทองคำโลก (World Gold Council) รายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับแรงกระตุ้นในการซื้อเครื่องประดับทองของผู้บริโภคว่ามี 4 ปัจจัยหลักคือ ซื้อเครื่องประดับทองเพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเอง เพื่อสร้างความประทับใจ เพื่อความโดดเด่น และเพื่อแสดงความรัก เป็นที่มาของการออกแบบเครื่องประดับทองของนักออกแบบชาวอิตาลีที่ได้รับความสำเร็จอย่างมากเมื่อนำออกแสดงยังประเทศต่างๆทั่วโลกอิตาลียังคงแสดงความแข็งแกร่งในศักยภาพด้านการออกแบบและเทคโนโลยีการผลิตเครื่องประดับทองทั้งแบบที่หรูหราและที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันใน 4 คอเลกชันคือ- Expression เป็นเครื่องประดับที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ อารมณ์และความรู้สึกของผู้สวมใส่ เป็นรูปแบบที่สวย แปลกตา- Impression เป็นเครื่องประดับที่สง่างาม หนาและใหญ่ ทำให้ผู้สวมใส่ดูมีพลังและสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น จึงเป็นเครื่องประดับที่เหมาะสำหรับการฉลองความสำเร็จ หรือเป็นรางวัลให้แก่ตัวเอง- Glow เป็นเครื่องประดับทองที่มีความอ่อนไหว เป็นธรรมชาติ สื่อถึงความเป็นผู้หญิง เครื่องประดับทองในกลุ่มนี้บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นที่ซ่อนอยู่ภายใน และแรงผลักดันอันลี้ลับจาเครื่องประดับทอง- Love ความงดงามของเครื่องประดับทองชุดนี้ เป็นตัวแทนของสายสัมพันธ์อันแนบแน่นซึ่งเกิดจากความรัก และมิตรภาพอันงดงามระหว่างเพื่อน เช่นเดียวกับคุณสมบัติของทองคำที่มีพลัง ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนรูปร่าง แต่มีความอดทน แข็งแกร่ง อิตาลีเป็นศูนย์กลางทางด้านการพัฒนาการออกแบบและเทคนิคการผลิตเครื่องประดับที่มีคุณภาพ ละเอียด ประณีต แสดงถึงความลงตัวทางชั้นเชิงในการผลิตและการออกแบบที่มีพื้นฐานมาจากพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ มีอิทธิพลในการออกแบบเครื่องประดับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน มีการพัฒนาทั้งวัตถุดิบและเทคโนโลยีการผลิตที่มีคุณภาพสูง มีรูปแบบที่ค่อนข้างหลากหลาย มีหลายชิ้นที่แสดงถึงความหรูหรา รวมทั้งคิดถึงการนำโครงสร้างมาใช้ในการออกแบบด้วยเช่นกัน โดยเริ่มต้นจากการออกแบบเครื่องประดับสมัยใหม่จากศิลปะเครื่องประดับสมัยอาร์ตนูโวซึ่งเป็นแนวความคิดเริ่มต้นเป็นต้นมา

Read More

13/08/2562

ส่งออก“ทองคำ”ไทยขยายตัว


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) รายงานสถานการณ์การส่งออกเครื่องประดับและอัญมณีไทยในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2562 ว่าสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดในช่วง 6 เดือนแรกของปี นี้ คือ ทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูป ในสัดส่วนร้อยละ 46.89 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยโดยรวม โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 40.15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2561การส่งออกทองคำที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากการส่งออกเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา เนื่องด้วยราคา ทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับราคาเฉลี่ย 1,359.04เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในเดือนมิถุนายน ซึ่งส่งผลให้การส่งออกในเดือนมิถุนายนสูง กว่า 3.17 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม โดยราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นนั้น ได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงิน เหรียญสหรัฐ หลังจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ส่งสัญญาณจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปีนี้แน่นอน และสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน รวมถึงความวิตกกังวลต่อข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกและจีน ที่อาจจะลุกลามไปทั่วโลกจนส่งผลกระทบ ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้เกิดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนในตลาด รวมถึงกองทุน SPDR Gold Trust กองทุนรายใหญ่ของโลกที่เข้าซื้อทองคำเพิ่มมากขึ้นกว่า 16 ตันส่วนสินค้าส่งออกในอันดับที่ 2 คือเครื่องประดับแท้เป็นคิดเป็นด้วยสัดส่วนร้อยละ 23.62 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยรวมหดตัวลงร้อยละ 10.31 โดยการส่งออก - เครื่องประดับเงิน ลดลงร้อยละ 19.79 เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ตลาดที่ครองส่วนแบ่งรวมกันกว่าครึ่งหนึ่ง ออสเตรเลีย และฮ่องกง ที่อยู่ในอันดับ 4 และ 5 ที่ล้วนหดตัวลงร้อยละ 19.64, ร้อยละ 22.31, ร้อยละ 39.57 และร้อยละ 24.48 ตามลำดับ ส่วนการส่งออกไปยังจีน ซึ่งอยู่ในอันดับ 3 ยังคงเติบโตได้ร้อยละ15.16 - เครื่องประดับทอง ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.49 จากการส่งออกไปยังฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และสวิตเซอร์แลนด์ ตลาดในอันดับ 1, 2 และ 4 ได้ลดลงร้อยละ 11.79, ร้อยละ 14.15และร้อยละ 20.04 ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร ที่อยู่ในอันดับ3 และ 5 ขยายตัวได้ร้อยละ 1.69 และร้อยละ 40.09ตามลำดับ - เครื่องประดับแพลทินัม ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 3โดยเป็นผลจากการส่งออกไปยังญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสิงคโปร์ ตลาดในอันดับ 1, 3 และ 5 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.55,ร้อยละ 27.52 และร้อยละ 47.55 ตามล าดับ สำหรับการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และฮ่องกง ที่อยู่ในอันดับ 2 และ4 ลดลงร้อยละ 9.27 และร้อยละ 56.19 ตามลำดับพลอยสีเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 3 คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ11.17 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ โดยรวมของไทย เพชร เป็นสินค้าส่งออกรายการสำคัญในอันดับ 4 ใน สัดส่วนร้อยละ 11.04 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.54 และครื่องประดับเทียม เป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 5 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 2.84 และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 6.39 จากการส่งออกไปยังหลายตลาดสำคัญได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างลิกเตนสไตน์ และสิงคโปร์ส่วนตลาดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยมีมูลค่าสูงสุดในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์สหรัฐเมริกา และอินเดียขอขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

13/08/2562

ความสัมพันธ์ของ “ฟาแบร์เช” ช่างทองหลวงแห่งราชสำนักรัสเซีย กับราชสำนักสยาม


ฟาแบร์เช่ เป็นช่างทองหลวงแห่งราชสำนักรัสเซีย ต้นตระกูลมีพื้นเพมาจากแคว้นปิการ์ดี (ปัจจุบันอยู่ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส) แต่อพยพลี้ภัยทางการเมืองและศาสนา มาอยู่รัสเซียในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ฟาแบร์เช่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านเครื่องอัญมณีชั้นสูงที่มีชื่อเสียงของยุโรปที่ได้รับความนิยมจากเหล่าบรรดาราชวงศ์รวมถึงบุคคลชั้นสูงทั่วโลก รวมถึงรัชกาลที่ 5 ของราชสำนักสยามด้วยฟาแบร์เช่ คือเจ้าของฝีมือกล่องใส่พระโอสถมวน(บุหรี่) ลงยาสีทอง หนึ่งในของที่ระลึกจำนวนมากที่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนรัสเซีย ซึ่งพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ได้ทรงมารอรับเสด็จด้วยพระองค์เองถึงยังสถานีรถไฟกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและได้ทูลเชิญเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ (Peterhof Palace) หรือพระราชวังฤดูร้อน ตลอดช่วงเวลาที่ประทับอยู่ในรัสเซีย โดยบนกล่องมีตรามงกุฎรัสเซียประดับเพชรติดอยู่ ส่วนภายในกล่องจารึกข้อความ“From Your Friend Nicholas 1897” อันแสดงถึงสัมพันธไมตรีอันแนบแน่นระหว่างสองราชวงศ์ซึ่งพระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรดกล่องใส่พระโอสถมวนนี้มาก และฟาแบร์เช ก็กลายเป็นช่างทองที่พระพุทธเจ้าหลวงโปรดปรานมากเช่นกันนอกจากกล่องพระโอสถมวนที่ระลึกจากพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรง เลือกซื้อเครื่องทองฝีมือฟาแบร์เชด้วยพระองค์อีกหลายชิ้นเมื่อคราวเสด็จเยี่ยมชมกิจการของฟาแบร์เชในกรุงมอสโก ในการเสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี 2440 และ ฟาแบร์เชก็มีโอกาสได้ถวายงานให้แก่ราชสำนักสยามอีกหลายต่อหลายครั้ง ตัวอย่างผลงานของฟาแบร์เชซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้ทำขึ้น เช่น กรอบใส่พระบรมฉายาลักษณ์ บาตรน้ำมนต์สลักจากหยกที่บริเวณฐานเป็นโค หงส์ และครุฑสัตว์พาหนะของเทพเจ้าทั้งสามในศาสนาพราหมณ์ ทำจากทองคำประดับเพชร ทับทิม และมรกต หีบพระโอสถมวน (บุหรี่) ตัวหีบสลักจากหยก ฝาทำจากทองคำ 18 กะรัต ลงยาสีขาว มีภาพวาดพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นต้น ฟาแบร์เช เป็นช่างทองที่มีชื่อเสียงมากในการทำศิลปวัตถุรูปไข่ลงยาสีสันสวยงามและตกแต่งด้วยเพชรพลอย และมักจะมีกลไกต่างๆ ที่สร้างความประหลาดใจแฝงไว้ในทุกชิ้นงาน ทั้งนี้ฟาแบร์เชมีความใกล้ชิดกับราชสำนักรัสเซียเป็นอย่างมาก มักได้รับคำสั่งให้ทำไข่อีสเตอร์เพื่อเป็นของขวัญแก่พระบรมวงศานุวงศ์อยู่เสมอ โดยผลงานชิ้นแรกคือ ‘Hen’ ไข่ไก่ทองคำที่ด้านนอกลงยาสีขาวเหมือนเปลือกไข่ เมื่อเปิดเข้าไปจะพบกับไข่แดงสีเหลืองทองและเมื่อเปิดชั้นไข่แดงก็จะได้พบกับแม่ไก่ทองคำตัวจ้อยอยู่ในนั้น นอกจากนี้ยังมีผลงานมากมายเช่น Coronation Egg, Lilies of the Valley Egg, Peacock Egg, และ Bay Tree Egg เป็นต้น ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนถูกสร้างสรรค์อย่างประณีตวิจิตรบรรจงทั้งสิ้น และห้างทองของฟาแบร์เช่ ก็ได้รับพระราชทานตราตั้ง โปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็นช่างหลวงแห่งราชสำนักรัสเซีย ในปีพ.ศ. 2428 อีกด้วย

Read More

13/08/2562

ทองขาว ทองคำขาว ทองไมครอน


ทองคำ นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับสวมใส่เพื่อความสวยงามและแสดงสถานะทางสังคม แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่เครื่องประดับทองคำแท้เท่านั้นที่ได้รับความนิยม ทองไมครอน ทองคำขาว ทองขาว ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ซึ่งหลายคนยังไม่เข้าใจว่าทองทั้ง 3 ชนิดใช่ทองคำหรือไม่ ต่างจากทองคำแท้อย่างไร และขายได้ราคาหรือไม่ ทองขาว หรือ White Gold เกิดจากการผสมทองคำบริสุทธิ์กับพัลลาเดียม(Palladium, Pd) และโลหะชนิดอื่นๆ โดยหลังจากการผสมแล้วทำให้ได้โลหะที่เป็นสีเงินแวววาว เราเรียกโลหะชนิดนั้นว่า ทองขาว และทองขาวก็มีการแบ่งเปอร์เซนต์ทองเช่นเดียวกัน ที่พบมากทั่วๆไป คือ 18K และ 14K ทองขาวเป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ แต่ปัจจุบันคนไทยเริ่มนำทองขาวมาใส่เป็นเครื่องประดับแทนทองคำกันมากขึ้น เพราะปลอดภัยมากกว่าการใส่ทองคำและมีความสวยงามแวววาวของสีเงิน อีกทั้งทองขาวก็มีทองเป็นส่วนผสมทำให้คุณสมบัติของเครื่องประดับทองขาวจะคล้ายเครื่องประดับที่ทำจากทองคำมาก คือ มีคุณสมบัติ คงทนเก็บได้นาน ไม่ลอกไม่ดำ(คือไม่ทำปฎิกริยากับอ็อกซิเจนในอากาศ) มีความเงางามยิ่งเมื่อสวมใส่หรือขัดเช็คถูจะยิ่งเงาแวววาวมากขึ้น ทองคำขาว หรือPlatinum เป็นธาตุโลหะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมือนทองคำที่เป็นโลหะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน แต่มีชื่อสายแร่ธาตุคนละตัวและเป็นโลหะคนละชนิดกันอย่างสิ้นเชิง แพตตินั่มมีคุณสมบัติคล้ายกับทองคำแต่มีลักษณะเป็นสีเงินแวววาว ต่างจากทองคำที่เป็นสีเหลืองทองอร่าม ซึ่งแพตตินั่มเป็นที่นิยมในบางกลุ่มเท่านั้น และมีราคาแพงกว่าทองคำ ทองไมครอน คือ ทองที่ข้างในประกอบไปด้วยโลหะแล้วถูกชุบด้วยทองคำแท้ ( ชุบด้วยไฟฟ้า ) ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบ ทองคำจริงทั้งขนาด ลวดลาย หรือแม้แต่น้ำหนักทอง โดยส่วนใหญ่จะทำเลียนแบบทองรูปพรรณ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ กำไล ฯลฯ ไปจนถึง ทองคำแท่ง แม้แต่กรอบพระก็มี บางครั้งก็เรียกทองแบบนี้ว่า ทองชุบ/ ทองโคลนนิ่ง หรือทองหุ้ม ซึ่งก็มีความหมายเดียวกันคือโลหะที่เคลือบผิวด้วยทองคำนั่นเอง คำว่า “ไมครอน” คือหน่วยวัดปริมาณความหนาของผิวทองที่เคลือบ ส่วนใหญ่จะนิยมอยู่ที่ 1 , 3 , 5 ไมครอน โดยเทียบได้คือ ทอง 5 ไมครอน เท่ากับความหนา 0.005 มิลลิเมตร ,ยิ่งปริมาณทองที่ชุบ( ค่าไมครอน ) เยอะเท่าไหร่ก็มีผลให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย เช่น ทอง 5 ไมครอน จะมีราคาแพงกว่า ทอง 3 ไมครอน เพราะใช้ทองชุบหนากว่า โดยผลิตภัณฑ์ทองไมครอนในน้ำหนักต่าง ๆ จะมีราคาอยู่ที่หลักร้อย หลักพัน ซึ่งถูกกว่าทองคำแท้ 2-3 เท่า และไม่สามารถขายหรือจำนำได้ด้วย ส่วนระยะเวลาการใช้งานจะไม่นาน ขึ้นอยู่กับความหนาของทองที่ชุบ ใช้ไปนานๆสีจะหม่นหมอง หลุด ลอกออก ทำให้ต้องเสียเวลาไปชุบน้ำยาใหม่อยู่บ่อย ๆโดย น้ำยาชุบ ทำจากวัสดุหลายอย่าง เช่น เงิน , ทองเหลือง,ทองแดง,อัลลอย,เหล็กสแตนเลส ฯลฯ ทองไมครอน จึงไม่ใช่ทองคำแท้ที่ดูผิวเผินไม่สังเกตอย่างละเอียดจะแยกไม่ออกเพราะเหมือนทองคำแท้มาก แต่มีราคาถูกกว่ามาก จึงเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำมาหลอกขายว่าเป็นทองจริงทำให้คนถูกหลอกบ่อยๆ ฉะนั้นหากต้องการซื้อทองคำแท้จริงๆ ควรซื้อที่ร้านทองที่น่าเชื่อถือได้เท่านั้น

Read More

02/08/2562

คุณทองแดง จากสุนัขจร สู่สุนัขทรงเลี้ยง


คุณทองแดง เป็นสุขัขจรจัดที่ได้รับพระเมตตาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 นำเข้ามาเลี้ยงในวัง จากสุนัขจรจัดจึงกลายเป็นสุนัขทรงเลี้ยงที่ทรงโปรดที่สุด โดยเป็นสุนัขทรงเลี้ยงสุนัขที่ 17ในรัชกาลคุณทองแดง เป็นสุนัขเพศเมีย เป็นลูกของนังแดง สุนัขจรจัดบริเวณถนนพระราม 9 เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 มีพี่น้องร่วมท้อง 7 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้พบคุณทองแดงครั้งแรกเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดศูนย์การแพทย์พระราม 9 ได้มีนายแพทย์คนหนึ่งนำทองแดงมาทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรแล้วก็มีรับสั่งว่าให้นำเข้าไปเลี้ยงในวัง โดยทรงยกคุณทองแดง ให้ "คุณมะลิ" สุนัขแม่ลูกอ่อนทรงเลี้ยงในวังเป็นผู้เลี้ยงดู ส่วนแม่ของทองแดงมีผู้รับไปเลี้ยงดูแล คุณทองแดง มีลักษณะพิเศษต่างจากลูกสุนัขตัวอื่น คือ มีสายสร้อยรอบคอครึ่งเส้น มีถุงเท้าขาวทั้ง 4 ขา มีหางม้วนขดเป็นวง ปลายหางมีดอกสีขาว และมีจมูกแด่น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงค้นในหนังสือพบว่า "คุณทองแดง" มีลักษณะคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์บาเซนจิ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โบราณ มีถิ่นกำเนิดทางแอฟริกาใต้ นิยมใช้งานในการล่าสัตว์ แต่คุณทองแดงมีขนาดตัวใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์บาเซนจิทั่วไป พระองค์จึงทรงเรียกคุณทองแดงว่าเป็น สุนัขพันธุ์ไทยซูเปอร์บาเซนจิ จากก่อนหน้านี้ทรงเรียกว่า เป็นสุนัขพันธุ์เทศ ซึ่งย่อมาจาก เทศบาลนั้นเอง เมื่อเข้ามาอยู่ในวังคุณทองแดงก็เป็นที่โปรดปรานของในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องจากเป็นสุนัขที่ฉลาดมาก เช่น เมื่อ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเรียกให้คุณทองแดงขึ้นเฝ้าฯ เพื่อที่จะชั่งน้ำหนัก แค่เพียงรับสั่งว่า ทองแดงไปชั่งน้ำหนัก คุณทองแดงก็จะเดินขึ้นตาชั่ง หรือเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับที่พระตำหนักเปี่ยมสุข พระราชวังไกลกังวล เมื่อเสด็จลงมาเพื่อทรงออกกำลังกายตรงถนนบริเวณชายหาดซึ่งมีต้นมะพร้าวอยู่ เพียงรับสั่งว่า อ้อมต้นมะพร้าว คุณทองแดงก็จะวิ่งอ้อมต้นมะพร้าวทันที โดยไม่ต้องมีการสอน นอกจากนี้ เวลาในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนิน คุณทองแดงจะนำเสด็จอยู่หน้าพระองค์ท่านตลอดเวลา ส่วนเวลาพระองค์ท่านประทับ คุณทองแดงก็จะนั่งหมอบอยู่ด้านหน้า ใช้สองขาหน้าเกยกันเหมือนคนกำลังหมอบคลาน แล้วหันหน้าออกไปด้านนอกเหมือนคอยระแวดระวังภัย และทุกครั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สด็จประทับพักผ่อนอิริยาบถที่ใด คุณทองแดง ก็จะตามเสด็จด้วย ด้วยเหตุนี้ คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงสุนัขที่ 17 ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จึงได้รับการตั้งฉายาว่าเป็น สุนัขประจำรัชกาล และได้ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ "เรื่อง ทองแดง (The Story of Tongdaeng)" ออกเผยแพร่ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีกด้วย

Read More

02/08/2562

โกลเด้น เพลซ ป้ายทองอาหารปลอดภัย แห่งแรกของไทย


“โกลเด้น เพลซ” เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริที่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9” ทรงจัดตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นต้นแบบร้านค้าปลีกเพื่อคนไทย โดยเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2544 ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท สุวรรณชาด จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายในร้าน Golden Place จะจัดสรรแบ่งหมวดหมู่สินค้าเอาไว้คล้ายซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป มีทั้งมุมอาหารสด ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล มุมเครื่องอุปโภค ข้าวของเครื่องใช้ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม โดยมากเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ผลิตภัณฑ์ในแต่ละท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ OTOP ตามวัตถุประสงค์ที่จัดตั้งร้านสินค้าต่างๆในร้านโกลเด้นเพลสมาจากโครงการตามพระราชดำริ, โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา สินค้าเกษตรปลอดสารพิษตามมาตรฐานสากล สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบคุณภาพถึงแหล่งผลิต รวมทั้งมีสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปจำหน่ายรวมอยู่ในร้านด้วย เพื่อให้ทั้งผู้ขายและเกษตรกรมีรายได้ ขณะที่ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลาย มีพืชผักและอาหารที่สะอาดปลอดภัยรับประทานในราคาไม่แพงจนเกินไป นอกจากนี้ “โกลเด้น เพลซ” ยังถือเป็นร้านค้าที่เป็นต้นแบบของความปลอดภัยด้านอาหารโดยได้รับการป้ายการันตี Food safety หรือ “ป้ายทองอาหารปลอดภัย” เป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีการตรวจสอบสารปนเปื้อนต่างๆทุกวัน ทำให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าอาหารจากที่นี่ปลอดภัย 100% ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบผักและผลไม้ ด้วยชุดทดสอบยาฆ่าแมลงกลุ่มฟอสเฟตและคาร์บาเนต การตรวจสอบอาหารทะเล ด้วยชุดทดสอบฟอร์มาลีน การตรวจสอบบอแรกซ์ในเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ผลไม้ดอง ฯลฯ การตรวจสอบกรดซาลิซิลิคในน้ำดองผักและผลไม้ การตรวจสอบโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ (สารฟอกขาว) ในอาหารจำพวกผักผลไม้สด การตรวจสอบแบคทีเรียในอาหารพร้อมทาน และอาหารพร้อมปรุง การตรวจสอบความสะอาดของพนักงาน และอุปกรณ์ที่ใช้การตรวจโคลิฟอร์มในน้ำ และน้ำแข็ง เป็นต้น โกลเด้น เพลซ เป็นการทำธุรกิจค้าปลีกแบบยั่งยืนเกี่ยวกับสินค้าการเกษตร ด้วยการส่งเสริมด้านการผลิตให้มีคุณภาพสม่ำเสมอ เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรในรูปแบบเกษตรอุตสาหกรรม และส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารเคมีตามมาตรฐานสากล นี่จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยทุกคน

Read More

02/08/2562

นายทองดี ฟันขาว


นายทองดี เป็นชื่อเดิมของพระยาพิชัยดาบหัก ทหารเอกคู่พระทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสิน เกิดเมื่อปี 2284 ที่บ้านห้วยคา เมืองพิชัย (อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน) ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า จ้อย เมื่อมีอายุได้ 14 ปี มีเรื่องวิวาทชกต่อยกับลูกเจ้าเมืองพิชัย จนต้องเปลี่ยนชื่อเป็น"ทองดี"แล้วก็ต้องหลบหนี ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของครูเที่ยงครูมวยชื่อดังที่วัดบ้านเก่ง และ ครูเมฆ ที่วัดท่าสา เมื่ออายุได้ 18 ปี ชื่อนายทองดีเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเพราะมีฝีมือทางเชิงมวยสามารถชกชนะครูมวยเจ้าถิ่นชื่อดังได้ จากนั้นได้เดินทางไปเรียนดาบที่เมืองสวรรคโลกจนเชี่ยวชาญ ต่อมาเปิดค่ายมวยเพื่อฝึกสอนวิชาดาบ ศิษย์คนแรกคือคนที่เขาเคยใช้มีดสั้นฆ่าเสือเพื่อช่วยชีวิตไว้จนชื่อเสียงของนายทองดีกลายเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว วันหนึ่งนายทองดีได้มีโอกาสขึ้นเวทีมวยที่เมืองตากซึ่งพระยาตาก (สิน) จัดขึ้นเพื่อคัดเลือกนักมวยฝีมือดีเข้ารับราชการในกองทัพ ซึ่งนายทองดี สามารถเอาชนะนักมวยชั้นยอดได้หลายคน จนเป็นที่ถูกใจของพระยาตากสิน จึงรับเข้าเป็นข้าราชการชื่อหลวงพิชัยอาสา ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ข้างกายของพระยาตากและเป็นครูมวยครูดาบให้กับทหารในกองทัพเมืองตาก หลวงพิชัยอาสาได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระยาตากสินเรื่อยมา ตั้งแต่ช่วยป้องกันกรุงศรีอยุธยาจากทัพพม่าที่เข้าล้อมกรุง จนกระทั่งร่วมกันฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าออกไปซ่องสุมกำลังพลทางหัวเมืองตะวันออกแล้วยกทัพกลับมาขับไล่พม่าที่กรุงศรีอยุธยาจนสามารถประกาศเอกราชได้ในปลายปี พ.ศ. 2310 ตลอดเวลานั้นนายทองดีหรือหลวงพิชัยอาสาได้มีส่วนร่วมในฐานะนายทหารคนสำคัญโดยตลอด เมื่อพระเจ้าตากสินปราบดาภิเษกเป็น "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" แห่งอาณาจักรธนบุรี หลวงพิชัยอาสาก็ได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนตำแหน่งเรื่อยมา ตั้งแต่ "จหมื่นไวยวรนารถ" "พระยาสีหราชเดโช" และ "พระยาพิชัย" เจ้าเมืองพิชัยซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง ส่วนนาม"พระยาพิชัยดาบหัก" ได้มาจากเหตุการณ์เมื่อปลายปี พ.ศ. 2316 พม่าได้ยกทัพจากเชียงใหม่ลงมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัยนำทัพออกไปดักซุ่มโจมตีอยู่ที่เมืองชัยภูมิ และได้เข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนดาบหักและใช้ดาบที่หักสู้กับทหารพม่าจนได้รับชัยชนะ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2317 การรบในครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงให้กับพระยาพิชัยเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน มีการสร้างอนุสาวรีย์และศาลเพื่อบูชานายทองดีหลายแห่งที่จังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระยาพิชัยดาบหักก็ รวมถึงอนุสาวรย์พระยาพิชัยดายหักด้วย เพื่อเชิดชูวีรชนผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ ซื่อสัตย์สุจริตและความกตัญญูกตเวที ส่วนชื่อทองดี ฟันขาว ได้มาเพราะไม่ได้กินหมากเหมือนคนอื่นๆนั่นเอง

Read More

02/08/2562

ศูนย์วิจัยทองคำชี้ ครึ่งปีหลังทองทะลุ 21,000 บาท


ศูนย์วิจัยทองคำ คาดการณ์ว่าจากนี้ไปราคาทองจะเคลื่อนไหวในกรอบบาทละ 20,000-21,000 บาท ในขณะที่ราคาทองคำโลกหรือGold Spot จะอยู่ที่ 1,363-1,458 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนค่าเงินบาทไทยคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.24–31.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสพุ่งขึ้นไปแตะที่ 1,439 – 1,461 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หาก สถานการณ์ต่างๆ ทั่วโลกยังมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นทั้งนี้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในไตรมาสที่ 3 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2562 ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำอยู่ที่ 58.18 จุด เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่อยู่ระดับ 47.79 จุด สาเหตุหลักมาจากนักลงทุนมองว่า ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำจะเพิ่มขึ้น เงินทุนไหลออกจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในครึ่งปีหลัง นี้คือนโยบายการเงินและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐหรือFED ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกมองว่า FED น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในปีนี้ ทำซึ่งอาจทำให้เงินไหลออกมายังประเทศเกิดใหม่ รวมถึงการเข้าซื้อทองคำด้วยนอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากสงครามการค้า โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ที่ทางสหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปมูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และต้องจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนสหรัฐที่แม้มีทีท่าดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน รวมถึงสถานการณ์การเมืองระหว่างสหรัฐ และอิหร่าน ที่มีความตึงเครียดมากขึ้นหลังจากเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในอ่าวโอมาน และการยิงโดรนของแต่ละฝ่ายการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือBrexit ก็มีผลกับราคาทองคำเช่นกัน โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษคือ บอริส จอห์นสัน จากพรรคอนุรักษ์นิยม ที่หลายฝ่ายมองว่าอังกฤษจะออกจาก EU โดยไม่มีการเจรจาหรือเงื่อนไข (Hard Brexit) อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอังกฤษในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำด้วย หลายๆสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และอาจเกิดขึ้นในครึ่งปีหลัง ทำให้นักลงทุนหันกลับมาซื้อทองมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

Read More

02/08/2562

เพลงพระราชนิพนธ์ ยูงทอง


ยูงทอง เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 36 ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง ส่วนเนื้อร้องนั้นนายจำนงราชกิจ หรือจรัล บุณยรัตพันธุ์ ประพันธ์ขึ้นตามที่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ร่าง โดยพระองค์พระราชทานเพลง ยูงทอง ให้เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506แต่เดิมนั้นมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองใช้เพลงประจำมหาวิทยาลัยทำนองมอญดูดาว ซึ่งเป็นการประพันธ์ของ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนนาคพันธุ์) เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัย มาตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเมื่อปีพ.ศ.2477 เมื่อเป็นต้นมา จนพ.ศ. 2504 นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการเมืองกลุ่มหนึ่งได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อคราเสด็จมาทรงดนตรี ณ เวทีลีลาศ สวนอัมพร ภายในพระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2504 พระองค์รับสั่งว่า จะทรงพระราชนิพนธ์เพลงประจำมหาวิทยาลัยพระราชทานให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 ขณะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงดนตรี ณ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใน “วันทรงดนตรี” ก็ได้ทรงบรรเลงทำนองเพลง ที่พระราชนิพนธ์ไว้ให้เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัย ในเวลาต่อมาได้มีการเรียกชื่อเพลงที่พระราชานิพนธ์นี้ว่า เพลงยูงทองชื่อ "ยูงทอง" มาจากต้นหางนกยูงฝรั่งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงปลูกไว้ที่หน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5 ต้น ซึ่งในเวลาต่อมาต้นยูงทองก็ได้กลายเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยวันทรงดนตรี เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จ พระราชดำเนินตามคำกราบบังคมทูลเชิญของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อทรงดนตรีและทรงสังสรรค์ร่วมกับนิสิตนักศึกษาเป็นการส่วนพระองค์ โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ก็จะโดยเสด็จพระราชดำเนิน และทรงร่วมในการแสดงดนตรีด้วยสำหรับวัน “วันทรงดนตรี” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากการทรงดนตรีแล้วในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังถือโอกาสนี้เยี่ยเยียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นการส่วนพระองค์ พร้อมพระราชทานพระบรมราโชวาทและทรงอำนวยพรแก่นักศึกษาในช่วงก่อนสอบ โดยทรงโปรดเกล้าฯให้นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าเฝ้าฯทูลละอองธุลีพระบาทรับฟังดนตรีอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้พระองค์เสด็จมาทรงดนตรีที่มหาวิทยาลัยธรรามศาสตร์จำนวน 11 ครั้ง เริ่มครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2506 และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2516 ณ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีศาสตราจารย์ ดร.อดุล วิเชียรเจริญถวายงานเป็นโฆษกทุกปีจากการบอกเล่าของนักศึกษายุคนั้น “วันทรงดนตรี” เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง หลายคนพูดว่าเป็นวันที่ “มีความสุขมาก” “รอคอยกันทุกปี” เป็นที่ “ติดตาตรึงใจ” นอกจากพระปรีชาสามารถทางดนตรีที่ประจักษ์แล้ว ที่มีความหมายยิ่งคือ บรรยากาศของงานที่มีความสนุกสนานและอบอุ่น นักศึกษาไปร่วมกันอย่างล้นหลาม ดร.เสรี วงศ์มณฑาเล่าถึงบรรยากาศว่า “โอ้โหย สนุกสนานมาก เราไปอออยู่หน้าประตูตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด…ก็ต้องแย่งกัน เข้าไปรอต้องพกเสบียงเข้าไป คือได้ที่นั่งถ้าลุกก็เสียม้า …ครั้งหนึ่งได้นั่งแทบพระบาทเลยคือแย่งที่นั่งได้บนเวที” เหล่านี้แสดงถึงความผูกพันอย่างลึกซึ้งระหว่างพสกนิกรไทยกับ“พ่อหลวงของแผ่นดิน” ยังตราตรึงในหัวใจไม่รู้ลืม

Read More

02/08/2562

การออกตรารับรองมาตรฐานโลหะมีค่า(ทองคำ)


การประทับตรารับรองมาตรฐานโลหะมีค่าหรือ Hallmark เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างการยอมรับถึงมาตรฐานในระดับสากล การใช้ตรารับรองมาตรฐานเครื่องประดับมีค่า เริ่มต้นที่สหราชอาณาจักรช่วงต้นศตวรรษที่ 14 โดยการรวมตัวกันของกลุ่มช่างทองในเมืองลอนดอนที่ใช้ชื่อว่า“The Goldsmith’s Company” หรือ “London Assay Office” ในปัจจุบัน บริษัทได้เริ่มทำการประทับตรา (Mark) เพื่อรับรองมาตรฐานเครื่องประดับทองซึ่งมาตรฐานดังกล่าวถูกพัฒนามาเป็นเครื่องหมายรับรองมาตรฐานเครื่องประดับที่ทำจากโลหะมีค่าในสหราชอาณาจักรเรียกว่า“Hallmark” โดยแนวคิดเรื่องการประทับตรารับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่าได้ถูกนำไปใช้ในอีกหลายประเทศในทวีปยุโรปและในอีกหลายประเทศในทวีปอื่น ๆ ประเทศในทวีปยุโรปส่วนใหญ่มีการตรากฎหมายว่าด้วยการรับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่า และมีหน่วยงานเฉพาะตามกฎหมายที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและประทับตรารับรองที่เครื่องประดับทุกชิ้น โดยได้กำหนดชุดของตรารับรองมาตรฐานไว้แตกต่างกันคือ- ตราประจำหน่วยงานรับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่า (National Assay Office Mark) เป็นตราประจำหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจรับรองมาตรฐานของประเทศนั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานภาครัฐหน่วยงานเดียวทำหน้าที่ดังกล่าว แต่ในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร กฎหมายระบุให้บริษัทเอกชน 4 แห่ง ทำหน้าที่ตรวจรับรองมาตรฐานโดยแต่ละแห่งมีตรารับรองมาตรฐานของตัวเอง โดยกฎหมายระบุให้ทั้ง 4 ตรา เป็นตรารับรองมาตรฐานระดับประเทศของสหราชอาณาจักร- ตราบ่งชี้ความบริสุทธิ์ของเนื้อโลหะ (Fineness Mark) เป็นตราประทับระบุตัวเลขของความบริสุทธิ์ของเนื้อโลหะมีค่า ส่วนใหญ่นิยมแสดงเป็นตัวเลขสามหลัก แสดงความบริสุทธิ์ของเนื้อโลหะถึงทศนิยมตำแหน่งที่หนึ่ง เช่น เครื่องประดับทองที่มีค่าความบริสุทธิ์ของเนื้อทองร้อยละ 99.9 ขึ้นไป จะประทับตัวเลข “999” ลงไป โดยตัวเลขจะอยู่ในกรอบพื้นหลังที่มีรูปทรงเรขาคณิตที่แตกต่างกัน เพื่อแสดงเนื้อโลหะมีค่าที่แตกต่างกัน เช่น เครื่องประดับทองใช้กรอบรูปแปดเหลี่ยม เครื่องประดับเงินใช้กรอบรูปวงรี เป็นต้น - ตราประจำตัวของผู้ผลิต (Responsibility Mark) เป็นตราประจำบริษัท หรือโรงงานผู้ผลิต หรืออาจเป็นตราประจำของบริษัทผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายเครื่องประดับโลหะมีค่าก็ได้ โดยตราดังกล่าวต้องขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานตรวจรับรองมาตรฐานของประเทศนั้น ๆ เพื่อประโยชน์ในการติดตามผู้ผลิตในกรณีที่ตรวจพบว่า เครื่องประดับมีค่าความบริสุทธิ์ตํ่ากว่าที่ระบุไว้บนตราบ่งชี้ความบริสุทธิ์ของเนื้อโลหะ- ตราระบุปีที่ตรวจสอบ (The Year Mark) เป็นตราที่หน่วยงานผู้ตรวจสอบกำหนดเป็นสัญลักษณ์เพื่อแสดงปีที่ตรวจสอบเครื่องประดับนั้น ๆ ส่วนใหญ่นิยมใช้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ A-Z เมื่อใช้ตัวอักษรครบแล้วจะมีการเปลี่ยนกรอบพื้นหลังตัวอักษรเพื่อสร้างความแตกต่าง ทั้งนี้ ตราระบุปีที่ตรวจสอบมีการใช้ในเฉพาะบางประเทศเท่านั้น สำหรับประเทศไทยโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้มีการจัดทำระเบียบว่าด้วยการใช้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานเครื่องประดับโลหะมีค่า ซึ่งเป็นระบบสมัครใจเพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และเพื่อเป็นส่วนช่วยส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับให้กับประเทศ

Read More

02/08/2562

อินทรีทอง (Golden Eagle)


อินทรีทอง หนึ่งในนกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ ขนเป็นสีน้ำตาลแกมสีเหลืองทอง ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อ อินทรีสีทอง เป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความกล้าหาญ พบได้ทั่วไปในทวีปยุโรป ,เอเชีย กลาง และ อเมริกาเหนือ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของหลายๆประเทศ เช่นประเทศเม็กซิโก แอลเบเนีย และเยอรมนีนกอินทรีทองจะมีอาณาเขตกว้างขวางประมาณ 200 ตารางกิโลเมตร หรือราว 77 ตารางไมล์ พวกมันจะสร้างรังขนาดใหญ่ บริเวณชะง่อนหินตามหน้าผา หรือบางครั้งอาจทำรังในทุ่งหญ้า อยู่กันเป็นคู่ บางครั้งมีคู่ครองเพียงตัวเดียวตลอดชีวิต เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักมากถึง 6 กิโลกรัม ปีกกว้างราวสองเมตร ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 30-45 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะหนักกว่า วางไข่ครั้งละ 2 ฟอง ปีละครั้ง ลูกนกอินทรีทองจะถูกเลี้ยงจนกระทั่งบินได้โดยใช้เวลาราว 3 เดือน หลังจากนั้นลูกนกจะเดินทางไปในฟ้ากว้างและสร้างเขตแดนของตัวเองเมื่ออายุได้4 ถึง 5 ปี ในสมัยโบราณอินทรีชนิดนี้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของกองทหารโรมัน ส่วนชาวพื้นเมืองในเอเชียกลางจะฝึกนกชนิดนี้ไว้ใช้ในการล่าสัตว์จำพวก กระต่าย, สุนัขจิ้งจอก และกวาง โดยในการโจมตีเหยื่อขนาดใหญ่ นกอินทรีทองจะใช้กรงเล็บขยุ้มที่ส่วนหัวทำให้เหยื่อตายทันทีครั้งหนึ่งนกอินทรีทองเคยอยู่อย่างแพร่หลายทั่วซีกโลกเหนือ แต่ปัจจุบันเริ่มมีจำนวนลดลงเนื่องจากเหยื่อของมันลดจำนวนลง อีกทั้งยังถูกคุกคามจากนักล่าสัตว์ ที่ประเทศมองโกลเลียซึ่งมีวิถีชีวิตผูกพันกับอินทรีทอง จะมีการจัดงาน เทศกาลนกอินทรีทอง หรือเทศกาลมองโกเลียน อัลไต อีเกิ้ล (Mongolian Altai Eagle Festival) เป็นประจำทุกปี ที่เมืองอูกริ โดยมีชาวคาซัคสถานและชาวมองโกเลีย นำนกอินทรีที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีออกมาประลอง ความเร็ว ความว่องไว และความแม่นยำในการล่าเหยื่อ คนพื้นเมืองจะใส่เสื้อขนสุนัขจิ้งจอก มีเครื่องประดับเต็มชุด และที่แขนมีนกอินทรีทอง (Golden Eagle) เกาะอยู่ สำหรับปี 2019 เทศกาลนกอินทรีทอง จะจัดขึ้นในวันที่ 5-6 ตุลาคม ในอดีตเทศกาลอินทรีทองเป็นการแข่งขันจับจิ้งจอกจริงๆ ไม่ใช่การโชว์อย่างในปัจจุบัน โดยเจ้าของจะปล่อยนกอินทรีออกไปเมื่อเห็นเหยื่อซึ่งก็คือสุนัขจิ้งจอก นกอินทรีจะถูกฝึกมาให้ล่า ความแข็งแรงของกรงเล็บ และความใหญ่ของตัวมัน ทำให้การจับจิ้งจอกทำได้ไม่ยากนัก และเมื่อจับได้นกอินทรีจะไม่ฆ่า แต่จะปล่อยให้เจ้าของมันมาจัดการถลกหนังออกเพื่อนำขนไปใช้ ทุกวันนี้การล่าเปลี่ยนรูปแบบไปเพื่อการท่องเที่ยว คือจะไม่ใช้จิ้งจอกตัวจริง แต่จะนำหนังติดเนื้อจิ้งจอกพาดไว้บนหลังม้าแล้วให้เจ้าของนกอินทรีเป็นคนขี่ส่วนผู้ช่วยเป็นคนปล่อยนกอินทรีจากที่สูงเท่านั้น

Read More

02/08/2562

เครื่องประดับทองของไทย ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับของฝรั่งเศส


ฝรั่งเศสถือเป็นประเทศผู้ผลิตเครื่องประดับอันดับสามของสหภาพยุโรป รองจากอิตาลีและอังกฤษ โดยมีศูนย์กลางการผลิตและออกแบบอยู่ที่กรุงปารีสและเมืองลิยง ซึ่งกระแสความนิยมเครื่องประดับประเภทต่างๆแตกต่างกันไป ทั้งเครื่องประดับทอง เงิน และอัญมนีต่างๆ แต่โดยทั่วไป ผู้บริโภคนิยมเครื่องประดับและอัญมณีขนาดเล็กเพื่อเสริมบุคลิกหรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้สวมใส่มากกว่าที่จะสวมเครื่องประดับขนาดใหญ่เพื่อบ่งบอกฐานะทางสังคม อิตาลียังคงเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ แม้ว่าส่วนแบ่งตลาดจะค่อยๆ ลงลงในเครื่องประดับทุกกลุ่มประเภท ส่วนประเทศสหภาพยุโรปอื่นๆ ยังรักษาตำแหน่งทางการตลาดที่ดีในฝรั่งเศส เมื่อเทียบกับผู้ผลิตเครื่องประดับต้นทุนต่ำรายอื่น เช่น คู่ค้าจากเอเชีย อย่างไรก็ตัวเลขการนำเข้าเครื่องประดับทองจากอังกฤษสู่ฝรั่งเศสยังคงเพิ่มสูงขึ้น ส่วนผู้ผลิตจากเอเชียโดยรวมมีส่วนแบ่งในตลาดฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นนอกจากจีนก็มีผู้ผลิตที่ส่งสินค้าเข้าสู่ฝรั่งเศสรายใหม่ๆอีกได้แก่ อินเดีย เวียตนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำ สำหรับประเทศไทยประสบปัญหาสินค้าราคาสูงมากกว่าทำให้การแข่งขันสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ แต่ผู้ผลิตฝรั่งเศสรายใหญ่ที่มาลงทุนโรงงานผลิตในประเทศไทยเริ่มเพิ่มปริมาณการนำเข้าเครื่องประดับทองจากไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตามในกลุ่มเครื่องประดับเงินและเครื่องประดับมีค่าชนิดอื่น ผู้ผลิตไทยค่อนข้างประสบความสำเร็จในตลาดฝรั่งเศส ขณะเดียวกัน costume jewelry ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ผลิตและส่งออกเครื่องประดับไทย จากแนวโน้มความนิยมรูปแบบสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ แม้ไทยจะประสบปัญหาการส่งออกเครื่องประดับทองคำ แต่ยังมีโอกาสทางการตลาดที่ดีในหมวดเครื่องประดับอื่นๆ โดยเฉพาะเครื่องประดับเงิน นอกจากนี้ตลาดเฉพาะกลุ่มที่กำลังขยายตัวก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่ไทยมีโอกาสเจาะเข้าไป เช่น ในกลุ่มเครื่องประดับสำหรับผู้ชาย หรือเครื่องประดับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย แต่ที่ต้องให้ความสำคัญคือเครื่องประดับทุกชิ้นที่จำหน่ายในฝรั่งเศสต้องมีตรารับรองจากทางการที่แสดงชนิดและลักษณะของโลหะมีค่านั้น หลักๆ ได้แก่* ตราหัวอินทรีย์สำหรับทอง 750/1000 หรือทอง 18K* ตราหัว (Minerva) สำหรับเงิน 925/1000* ตราดอกจิกสำหรับทองผสม 375/1000 หรือทอง 9K* ตรา ‘V’ สำหรับเงินชุบเป็นต้น

Read More

02/08/2562

นายกฯลิ้นทอง


นอกจากดารา นักแสดงที่สื่อมวลชนจะตั้งฉายาให้แล้ว นักการเมืองก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มักถูกตั้งฉายาไว้เรียกขานอยู่เสมอ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีหลายท่านที่ถูกตั้งฉายา และมีเรื่องเล่าถึงการได้มาของฉายาต่างๆสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน เช่น ตลกหลวง โหรหน้าสนามกีฬา ฤาษีเลี้ยงลิง พระเตมีย์ใบ้ และนายกฯลิ้นทอง เป็นต้นหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือชื่อเดิม ถวัลย์ ธารีสวัสดิ์ หรือ พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ คือเจ้าของฉายา นายกฯลิ้นทอง ที่มาของฉายานี้ได้มาจากการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายปรีดี พนมยงค์ที่ต้องลาออกเพราะไม่สามารถฝ่ามรสุมการเมืองหลังเกิดเหตุการณ์สวรรคตของรัชกาลที่ 8 ได้ หลังได้รับความไว้วางใจจากสภา หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ก็สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของการเมืองไทยที่เปิดให้มีการแถลงข่าวกับหนังสือพิมพ์เป็นครั้งแรกและทำเป็นประจำทุกสัปดาห์จนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อมาหลังรับตำแหน่งได้ 9 เดือน รัฐบาลหลวงธำรงฯ ก็ถูกฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจซักฟอกในสภา รัฐบาลก็เปิดให้อภิปรายได้โดยไม่จำกัดเวลา เพราะเชื่อในฝีปากนายกรัฐมนตรี และมีการถ่ายทอดเสียงผ่านสถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์เป็นครั้งแรกจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อมาถึงทุกวันนี้ในการอภิปรายในสภาครั้งแรกนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก ฝ่ายค้านพยายามขุดคุ้ยหาช่องโจมตีรัฐบาลทุกเรื่อง แต่หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ก็ตอบโต้อย่างไม่ลดละในทุกประเด็น ทั้งยังไม่ยอมปิดประชุมสภาเพื่อปิดปากฝ่ายค้าน แต่ปล่อยให้อภิปรายยาวนานถึง 8 วัน 7 คืน ทำสถิติการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยาวนานที่สุด ในที่สุดฝ่ายค้านก็ยอมจำนนเป็นฝ่ายขอปิดประชุมเองเพราะหมดเรื่องจะอภิปราย เป็นผลให้นายกรัฐมนตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ได้รับฉายาว่า“นายกฯลิ้นทอง” ตั้งแต่นั้นมา นอกจากนี้ยังมีฉายานายกรัฐมนตรีที่น่าสนใจอีกเช่น ฉายา “ตลกหลวง” เป็นของ นายควง อภัยวงศ์ ที่มักจะใช้อารมณ์ขันแก้ไขสถานการณ์คับขันได้เสมอ เช่น เมื่อคราวแม่ทัพญี่ปุ่นไปขอพบหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ไทยส่งกองทัพไปช่วยญี่ปุ่นรบที่พม่าและอินเดีย “ตลกหลวง” ก็ยิ้มรับตอบตกลงทันที แต่ขอให้ญี่ปุ่นช่วยหาเครื่องแบบทหารและอาวุธให้ทหารไทยด้วย โดยให้เหตุผลว่าอาวุธทหารไทยมีแต่ล้าสมัย เจอไม้นี้เข้าไปแม่ทัพญี่ปุ่นถึงกับไปไม่เป็นเพราะไม่แน่ใจว่าส่งปืนให้แล้ว ทหารไทยจะหันปากกระบอกปืนไปที่ฝ่ายไหนกันแน่ และแม้นายควงจะใช้อารมณ์ขันพาตัวรอด และพาชาติรอดมาหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็โดนจี้ให้ลาออกจากนายกรัฐมนตรี โดยจอมพล ป.ได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง ทำให้เศรษฐกิจก็ดีขึ้นมีไข่เป็ดออกมาวางขายเต็มตลาด นายควงยังไม่วายหยอดอารมณ์ขันว่า “ถ้าผมรู้ว่าผมลาออก เป็ดมันถึงจะไข่ ผมลาออกเสียนานแล้ว” ฉายา “ฤาษีเลี้ยงลิง” เป็นของม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ เจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตรจนไทยพ้นสถานะเป็นประเทศผู้แพ้สงครามแล้ว สภาเลือกตั้งใหม่ ซึ่งความวุ่นวายทางการเมืองหลังจากนั้นทำให้ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เข้าออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 ครั้ง ด้วยความเป็นหัวหน้าพรรคที่เป็นสุภาพบุรุษมาจากข้าราชการประจำ จึงคุมลูกพรรคไม่ค่อยอยู่ เหมือนจับปูใส่กระด้ง บางกลุ่มได้หันมาโจมตีหัวหน้าพรรคตัวเองว่าอ่อนแอ จนทำให้ ม.ร.ว.เสนีย์น้อยใจลาออก จนได้ฉายา “ฤาษีเลี้ยงลิง” ฉายา “พระเตมีย์ใบ้” คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ท่านอยู่ในตำแหน่งนาน 8 ปี 4 เดือน 11 วัน ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด ในช่วงท้ายๆของการดำรงตำแหน่งท่านไม่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์และไม่ให้สัมภาษณ์นักข่าวเพราะมักถูกสื่อมวลชนวิพากษ์อย่างรุนแรงอยู่บ่อยๆ จึงถูกตั้งฉายาให้ว่า “พระเตมีย์ใบ้” ส่วนนายกคนปัจจุบัน คงต้องรอดูต่อไปว่าจะได้ฉายาอะไร

Read More

02/08/2562

ลอห์ริ เฮ้าส์ – ร้านช่างทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป


ที่ใจกลางซูก เมืองเล็กๆของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ห่างจากเมืองซูริค (Zürich) หรือลูเซิร์น (Lucerne)ราว 20 นาที เป็นที่ตั้งของ Neugasse 27 ร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (Europe`s oldest goldsmith-house) มีครอบครัว ลอห์ริ เป็นเจ้าของ อาคารนี้ เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ปัจจุบันเปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมของ สะสมหายากและเป็นร้านค้าเครื่องประดับและนาฬิกาแบรนด์หรู คุณภาพระดับโลกของสวิส อาคาร Neugasse 27 มีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันกับศิลปะและการทำทองมายาวนานตั้งแต่ปี 1620 ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน ตั้งตระหง่านระหว่างทางเดินกลางเข้าร้านรวมไปถึงรูปปั้นและมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ปัจจุบันตัวตึกได้รับการบูรณะใหม่แต่คงสภาพเดิมไว้อย่างสมบูรณ์ ผสมผสานกับการปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยใหม่อย่างลงตัว ในปี 1971 ทางครอบครัวซึ่งดำเนินกิจการช่างทอง ได้เปิดบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะจัดแสดงของล้ำค่าและเครื่องประดับหายากที่ส่วนใหญ่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก จากหลากหลายยุคสมัยที่เสาะหาจากเมืองต่างๆตั้งแต่ปี 1780 ถึง 1950 รวมไว้ที่ชั้นบนของอาคาร รวมทั้งเครื่องประดับที่ออกแบบและผลิตในร้านโดยเฉพาะสินค้าภายใต้แบรนด์ ”ลอห์ริ (Lohri)” ด้วยครอบครัวลอห์ริได้รับความสนใจจากแบรนด์ชื่อดังระดับโลกให้เป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในการจัดจำหน่ายเครื่องประดับและนาฬิกา เช่น ปาเตะ ฟิลลิป, บลองแปง, เจเกอร์-เลอคูลทร์, แฟรงค์ มูลเลอร์, เพียเจต์ และนาฬิกาชั้นนำอีกอื่นๆมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ชั้นบนสุดยังได้รับการเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงานมงคลสมรสขนาดย่อม พร้อมด้วยบริการออกแบบแหวนแต่งงานคุณภาพเยี่ยมสุดพิเศษสำหรับคู่บ่าวสาว ที่อีกด้วย ในอดีตเมืองซุก (Zug) เคยเป็นเขตปกครองที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์แต่ทว่าปัจจุบันซูกคือเมืองที่รวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ โดยเรียกเก็บค่าภาษีในอัตราต่ำที่สุดในโลก! ทำให้เป็นข้อได้เปรียบในเชิงการต่อรองราคาทางธุรกิจ และยังติดอันดับเมืองที่สะอาดที่สุดหนึ่งในสิบของโลกอีกด้วย

Read More

02/08/2562

Britannia’s Gold ภารกิจค้นหาทองคำ 4,500 ล้านยูโร


Britannia’s Gold เป็นชื่อเรียกทีมค้นหาทองคำที่สูญหายไปกับเรือบรรทุกสินค้ากว่า 7,500 ลำระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของ 3 ประเทศคืออังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา การค้าหาทองคำมูลค่ากว่า 2000,000 ล้านบาทนี้ดำเนินไปเป็นเวลากว่า 25 ปีแต่ก็ยังไม่สามารถค้นหาทองคำมูลค่ามหาศาลได้เรื่องราวของทองคำที่หายไปนี้ได้รับการเปิดเผยจากเว็บไซต์ TheLadBible ว่าทองคำทั้งหมดนั้นมีธนาคารกลางของอังกฤษ(Bank of England) เป็นผู้ดำเนินการในการขนส่ง ประเมินมูลค่าการขนส่งทองคำระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ประมาณ 1,250 ล้านปอนด์และมีการขนส่งทองคำช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีก ประมาณ 1,750 ล้านปอนด์ รวมมูลค่าของทองคำที่จมอยู่ใต้ทะเล ณ ปัจจุบัน กว่าประมาณ 3,000 ล้านปอนด์ ซึ่งมูลค่านี้ยังไม่รวมโลหะและอัญมณีมีค่าอื่นๆที่จมไปพร้อมกับทองคำด้วย ซึ่งคาดว่ามูลค่าของสมบัติที่จมอยู่ก้นทะเลนั้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,500 ล้านยูโร ทีมค้นหาทำงานอย่างหนัก โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเอกสารที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับเรืออีกกว่า 8,000 ฉบับเข้าช่วยในการค้นหาและกู้ซากเรือ แต่จะทำเฉพาะเรือพาณิชย์เท่านั้น และไม่มีการกู้เรือรบและเรือบรรทุกผู้อพยพจากสงครามใดๆทั้งสิ้นมีรายงานว่าในระหว่างที่ทำการค้นหานั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในทีมสำรวจได้พบซองเอกสารที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือเอาไว้ว่า“ประกาศการส่งออกและนำเข้าทองโดย Bank of England” เป็นจดหมายการติดต่อสื่อสารกันระหว่างที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีการคลัง ถือเป็นหนึ่งในเบาะแสสำคัญที่บอกว่า มีการขนส่งทองคำมากมายจริงๆทองคำบางส่วนถูกนาซีก็ยึดไปขณะที่บางลำจมลงก้นทะเลในตำแหน่งต่างๆกันไปและยังไม่ได้หาไม่พบอีกจำนวนมาก ดังนั้นการหาตามเบาะแสของเรือเหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะทำให้ทีมสำรวจค้นพบทองคำที่จมอยู่ใต้ทะเลนั้น ทองถูกกู้ขึ้นมาแล้วตามกฎหมายจะต้องตกเป็นของรัฐบาลอังกฤษ แต่ทีมค้นหาBritannia’s Gold ก็จะได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมด้วยเช่นกัน

Read More

02/08/2562

Gold Castella (โกลด์คาสเทลลา) ของฝากจากสนามบินฮาเนดะ


Gold Castella (โกลด์คาสเทลลา) ขนมหวานน่าตาน่ารับประทาน คือ 1 ใน 5 ของฝากที่ต้องซื้อกลับมาฝากคนทางบ้านเมื่อเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่โกลด์คาสเทลลานี้ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เพราะมีขายเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ร้านค้าปลอดภาษีในอาคารผู้โดยสารนานาชาติ สนามบินฮาเนดะ ขนมโกลด์คาสเทลลา ทำจากไข่แดงคุณภาพดีและปิดทับด้วยแผ่นทองคำเปลวดูหรูหราสวยงาม บนกล่องมีภาพเครื่องบินบนฟ้าครามและหมู่เมฆสีขาว คาดทับด้วยเชือกสีทอง เป็นแพคเกจจิงที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นมาก และเมื่อเปิดกล่องออกมาก็เจอขนมที่ส่องประกายสีทองสวย มองจากด้านบนตัดตัวขนมเป็นลายเครื่องบิน สวยจนอาจไม่กล้ารับประทานในกล่องมีคำอธิบายเขียนวิธีแกะให้ด้วย เนื้อขนมนุ่มมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง เหมาะสำหรับรับประทานทานคู่กับชาญี่ปุ่น สนนราคา ราคารวมภาษีแล้วอยู่ที่ชิ้นละ 1,350 เยน นอกจากขนมโกลด์คาสเทลลา ยังมีขนมอีกหลายอย่างที่น่าซื้อก่อนขึ้นเครื่องกลับบ้าน อย่างเช่นขนมยอดฮิตอย่าง TOKYO BANANA รสพิเศษ และขนมอื่นๆที่ทางแบรนด์ร่วมทำกับสนามบินฮาเนดะเท่านั้น โตเกียวบานาน่า (TOKYO BANANA) ของฝากยอดฮิตติดชาร์ตจากโตเกียวหาซื้อได้ทั่วไป แต่รสน้ำผึ้งมีวางขายเฉพาะที่สนามบินฮาเนดะเท่านั้น สังเกตภาพหน้ากล่องจะมีรูปเครื่องบินพร้อมข้อความ HANEDA AIRPORT LIMITED ยืนยันความลิมิเต็ดจริงๆ แป้งสปันจ์เค้กนุ่มๆ ของโตเกียวบานาน่า มาพร้อมแถบคาดหน้าตาน่ารัก สอดไส้คัสตาร์ดรสกล้วยผสมน้ำผึ้ง ได้กลิ่นหอมน้ำผึ้งอ่อนๆ มีทั้งแบบ กล่อง 4 ชิ้น กล่อง 8 ชิ้น และกล่อง 12 ชิ้น Haneda LA GANACHE "petit" จาก Shiseido Parlour เมื่อพูดถึงชิเซโด (Shiseido) คนส่วนใหญ่คงนึกถึงเครื่องสำอาง แต่ขนมหวานของชิเซโดพาลัวร์ (Shiseido Parlour) ร้านอาหารฝรั่งและคาเฟ่ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ของฝากที่ชิเซโดพาลัวร์นำมาวางขายเฉพาะที่สนามบินฮาเนดะคือ Haneda LA GANACHE "petit" (ฮาเนดะ ลา กานาช "เปอที") ตัวขนมเป็นช็อกโลแล็ตครันช์ชิ้นกำลังดีเหมือนลิปสติกแท่งเล็กมาในกล่องลายตารางสีแดงสลับดำพร้อมดอกกุหลาบให้ความรู้สึกเรียบหรู เป็นของฝากที่ดูแพง ด้านนอกเป็นครันช์กรุบกรอบ ด้านในเป็นช็อกโกแลตกานาช มี 2 รส คือคาเฟ่โอเลและช็อกโกแลตสตรอว์เบอรี่ มีแบบกล่อง 16 ชิ้น และ 32 ชิ้น Fuwamochi Dorayaki Hanegumo โดรายากิลายก้อนเมฆ โดยทั่วไปโดรายากิจะเป็นแป้งรูปวงกลม 2 แผ่นประกบไส้ถั่วแดงไว้ตรงกลาง แต่โดรายากิของที่นี่มีแผ่นเดียว ม้วนครึ่งห่อไส้มีลายเมฆอยู่ด้านนอกด้วย โดรายากิ ฮาเนกุโมะ เป็น ความร่วมมือระหว่างบริษัท Japan Airport Terminal ผู้ดำเนินกิจการสนามบินฮาเนดะกับร้าน คาโน โชจุอัน ร้านขนมญี่ปุ่นเก่าแก่ของจังหวัดชิกะ สร้างสรรค์ออกมาเป็นขนมที่แตกต่างออกไป แป้งด้านนอกนุ่มหนึบต่างจากโดรายากิทั่วไป ไส้อังโกะใช้ถั่วแดงจากฮอกไกโด ปรุงรสแบบไม่หวานเกินไป เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับกาแฟหรือชา มีทั้งขนาดกล่อง 5 ชิ้น และ 10 ชิ้น MAPLE LANGUE DE CHAT คุ้กกี้ไส้ช็อกโกแล็ตพร้อมท็อปปิ้ง 3 รส ผลิตขึ้นโดยความร่วมมือจากบริษัท Japan Airport Terminal และคุณยามาโมโตะ ฮิเดมาซะ หัวหน้าพ่อครัวในงานเลี้ยงอาหารค่ำพิธีเข้ารับตำแหน่งของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทั้งช็อกโกแล็ตมัทฉะ ไวท์ช็อกโกแล็ต และช็อกโกแล็ตโยเกิร์ต มีพริกญี่ปุ่นซันโซเป็นท็อปปิ้งบนช็อกโกแล็ตมัทฉะที่ให้รสชาติละเมียดละไมแบบญี่ปุ่น แท้

Read More

02/08/2562

กรุสมบัติ ที่อินเดีย


เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 ที่วัดศรีปัถมนาภาสวามี ซึ่งอยู่ในเมืองธิรูวนันธาปุรัม รัฐเคราลา ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย ได้ค้นพบกรุสมบัติที่เต็มไปด้วยทองคำ เพชร และอัญมณีจำนวนมาก ซ่อนอยู่ในห้องใต้ดิน ประเมินมูลค่าของสมบัติทั้งหมดนี้น่าจะไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านรูปี หรือประมาณ 365,000 ล้านบาท นับเป็นการค้นพบกรุสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาลมากที่สุดครั้งหนึ่ง จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่า กรุสมบัตินี้น่าจะถูกซุกซ่อนมานานกว่า 140 ปี และยังไม่สามารถบอกได้ว่า สมบัติเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร แต่สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นของชาวอังกฤษที่นำมาซ่อนไว้ เพราะหนึ่งในของมีค่าเหล่านั้นคือเหรียญกษาปณ์ของบริษัท "อินเดียตะวันออก" หรือ "East India Company" ของอังกฤษที่เคยผูกขาดการค้าในดินแดนแถบนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีคาดว่า มีความเป็นไปได้ที่ทรัพย์สมบัติที่ถูกค้นพบในครั้งนี้อาจเป็นของบรรดาทายาทของมหาราชา พระองค์หนึ่งที่เคยมีอำนาจในดินแดนนี้การค้นพบครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ศาลสูงของรัฐเคราลา ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะสำรวจจำนวน 7 คน ให้ทำการสำรวจและขุดค้นภายในวัดศรีปัถมนาภาสวามี ตามคำร้องของทนายความคนหนึ่งที่ยื่นเรื่องขอให้รัฐบาลท้องถิ่นเข้ามาดูแลและฟื้นฟูวัดแห่งนี้ ทีมสำรวจพบห้องลับใต้ดินภายในวัดฮินดูแห่งนี้ถึง 6 ห้อง มี 3 ห้องที่ยังไม่เคยถูกเปิดออกเลยนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1872 ทำให้เชื่อว่าอาจมีทรัพย์สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก. ผู้อำนวยการสำนักงานสำรวจทางโบราณคดีแห่งอินเดีย Dr. Gautam Sengupta กล่าวว่า “ทุกครั้งที่เหล่านักสำรวจได้ทำการเปิดกรุที่พบ ไม่มีกรุไหนเลยที่ไม่มีสมบัติล้ำค่า ทุกกรุล้วนเต็มไปด้วยโบราณวัตถุมากมายมหาศาล ทุกคนต่างตกตะลึงกับการค้นพบในครั้งนี้มาก”อย่างไรก็ตาม หลังทราบข่าวการค้นพบก็มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ ทำให้ทางการต้องจัดเวรยามคุ้มกันอย่างแน่นหนา โดยมีการส่งตำรวจและหน่วยคอมมานโดมาเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง และทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกจุด สัญญาณกันขโมย และติดตั้งเครื่องตรวจจับโลหะที่ประตูทางเข้า-ออกของวัด เพื่อรักษาความปลอดภัยแบบรัดกุมในทุกขั้นตอน

Read More

02/08/2562

ชักโครกทองคำ ของศิลปินจอมป่วน


“America” เป็นชื่องานศิลปะ ชักโครกทองคำของศิลปินชาวอิตาลี เมาริซิโอ คัตเตลาน (Maurizio Cattelan) ที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ กุกเกนไฮม์ (Solomon R. Guggenheim) ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายนปี 2016 งานศิลปะชักโครกทองคำเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความเท่าเทียมของคน เพราะถึงแม้ทองคำจะแสดงถึงความหรูหราตามวิถีชีวิตของมหาเศรษฐี แต่ขณะเดียวกันหน้าที่ของมันก็คือเพื่อช่วยปลดทุกข์ให้คน ไม่ว่าจะเป็นคนยากดีมีจนเพียงใดก็ตามชักโครกทองคำนี้ทำจากทองคำ 18 กะรัต สามารถใช้งานได้จริง โดยทำเลียนแบบชักโครกในห้องน้ำสาธารณะที่ชั้น 5 ของพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ และนำมาติดตั้งให้คนใช้งานจริงๆ แทนที่ส้วมเดิม โดยเปิดให้แขกผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ทุกคนทั้งหญิงและชายเข้าไปใช้งานได้ทั้งถ่ายเบาและถ่ายหนัก ซึ่งครั้งแรกที่เปิดตัวนั้นมีผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์กว่าแสนคนเข้าคิวรอใช้ห้องน้ำที่ติดตั้งชักโครกทองคำนี้ โดยทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดพนักงานรักษาความปลอดภัยไว้หน้าห้องน้ำ ตลอดเวลา และมีพนักงานทำความสะอาดทุกๆ 15 นาที เพื่อให้ชักโครกทองคำคงความเหลืองอร่ามตลอดเวลา ทั้งนี้คัตเตลานเจ้าของผลงาน ไม่ได้เปิดเผยว่าใช้ทองคำไปเท่าไหร่เพื่อสร้างผลงานศิลปะชิ้นนี้ แต่คาดว่าน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เมาริซิโอ คัตเตลาน เกิดในปีค.ศ. 1960 ที่เมืองปาดัว ประเทศอิตาลี ได้ฉายาว่าเป็น “จอมป่วนแห่งโลกศิลปะ” ด้วยผลงานศิลปะขวางโลกมากมายที่เขาสร้างขึ้น เช่น ผลงาน Errotin, le vrai Lapin (Errotin, the real Rabbit) ในปี1995 ที่เขาให้ เอ็มมานูเอล ลาแปง (Emmanuel Lapin) เจ้าของแกลเลอรี่จอมฉาวสวมชุดกระต่ายยักษ์สีชมพูที่มีรูปร่างคล้ายองคชาติเดินโชว์ตัวในวันเปิดแกลเลอรี่ของเขา หรือผลงานศิลปะชื่อ Untitled (Picasso)ในปี1998 ที่คัตเตลานสวมหัวมาสคอตรูปศิลปินชื่อดังระดับตำนานอย่างปาโบล ปิกัสโซ่ เดินทักทายประชาชีชาวอเมริกันหน้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในนิวยอร์ก นอกจากนั้นเขายังทำประติมากรรมที่ทำจากซากศพสัตว์นานาชนิดมาสตัฟฟ์ และจัดวางท่าทางในลักษณะและสถานการณ์ต่างๆ กันไปเช่นเป็น ผลงาน Bidibidobidiboo ในปี1996) ประติมากรรมจัดวางขนาดเล็ก ที่เป็นกระรอกสตัฟฟ์นั่งทรุดกายลงบนโต๊ะเก้าอี้ขนาดจิ๋ว ปลายเท้ามีปืนพกตกอยู่บนพื้น จนดูเหมือนกับว่ามันเพิ่งฆ่าตัวตาย หรือผลงาน Novecento ในปี1997 ประติมากรรมจัดวางที่ทำจากร่างสตัฟฟ์ของม้าแข่ง แขวนด้วยอานและบังเหียนห้อยลงมาจากเพดาน เป็นต้นในช่วงปี 1999 เขาเริ่มทำประติมากรรมหุ่นขี้ผึ้งเหมือนจริงแบบไฮเปอร์เรียลลิสม์ หนึ่งในผลงานที่เป็นที่รู้จักอย่างอื้อฉาวที่สุดของเขาคือ La Nona Ora (The Ninth Hour) ประติมากรรมจัดวางหุ่นขี้ผึ้งเหมือนจริงรูปสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ที่ถูกอุกกาบาตตกทะลุหลังคากระจกลงมาทับใส่ร่าง หรือผลงาน Himในปี 2001 ประติมากรรมหุ่นขี้ผึ้งเหมือนจริงรูปอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเผด็จการนาซีที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่าล้านชีวิต ที่กำลังคุกเข่า สองมือประสานกันนิ่งงัน สายตาทอดมองไปยังเบื้องสูงราวกับกำลังสวดภาวนาอ้อนวอนขอไถ่บาปต่อพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งผลงานทั้งสองชิ้นนี้สร้างความสะเทือนจิตใจและชวนช๊อคอย่างที่สุด

Read More

02/08/2562

หงส์ทองคำ กรุวัดราชบูรณะ


หงส์ทองคำจากกรุปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ เป็นงานประณีตศิลป์ขนาดเล็กมีความสูงราว 8 เซนติเมตร สร้างขึ้นตามคติความเชื่อของพรหมณ์ ฮินดู ซึ่งหงส์เป็นสัตว์ชั้นสูง และเป็นพาหนะของพระพรหม งแต่ลำคอจนถึงปากมีลักษณะกลวง สามารถถอด แยกจากลำตัวได้ และภายในท้องหงส์ก็กลวงเช่นกัน ส่วนขาหงส์ของหงส์พับแนบกับท้องรองรับด้วยแท่นสี่เหลี่ยมแบน ลักษณะเหมือนเคยตั้งประกอบอยู่กับฐานอีกชั้นหนึ่งที่สูญหายไป สันนิฐานจากลักษณะการสร้างแล้วคาดว่า หงส์ทองคำจากกรุวัดราชบูรณะนี้อาจสร้างขึ้นเพื่อบรรจุกำยาน จุดถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในกรุปรางค์ประธานของวัดราชบูรณะ โดยอาจได้แรงบันดาลใจด้านการออกแบบจากเป็ดกำยานของจีนที่นิยมทำกันมานานนับพันปีตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น หงส์ทองคำนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องทองราชูปโภคจากกรุวัดราชบูรณะที่มีน้ำหนักราว ๑๐๐ กิโลกรัมที่ถูกลักลอบขุดออกไป ซึ่งตามกลับคืนมาได้ราว ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันจัดแสดงไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับเครื่องทองชิ้นอื่นๆที่กรมศิลปากรขุดได้ภายหลังจากบันทึกคำให้การของแก๊งขุดทราบว่า ภายในกรุชั้นล่างนั้น มีโต๊ะสำริด ๓ ตัวตั้งอยู่ทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศเหนือ ตรงกลางของกรุ ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้างราว ๑ วาเศษ บนแท่นศิลากลางกรุ มีถาดทองคำ ๓ ใบ บนถาดมีกระโถนทองคำ ๔ ใบ มีไข่มุกอยู่เต็มกระโถน และพบแหวนประมาณ ๒,๐๐๐ วง บนแท่นยังพบพระแสงทองคำปักไว้ข้างขอบ บนโต๊ะมีเสื้อทองคำ ๘ ตัว มหามงกุฎกว้าง ๑ ศอก สูง ๒ ศอกเศษ มีจอกทองคำประดับด้วยทับทิม และมงกุฎราชินี ๓ อัน ตลับทอง ๑๒ ใบส่วนบนโต๊ะด้านทิศตะวันออก มีมหามงกุฎราชินี ๕ อัน วางไว้บนโต๊ะ เสื้อทองคำของพระมหากษัตริย์ เรือหงส์ทองคำ ๑ ลำ คนพายเรือทองคำ พระพุทธรูป ๒๐ องค์ กระบวยทองคำ ๘ อัน พร้อมม่านทองคำขึงท้องพระโรงก้อนใหญ่ โต๊ะทางทิศใต้ มีพระพุทธรูป ๒๕ องค์ ตลับพระแก้วมรกต ๔ องค์ พระพุทธทำด้วยทอง นาก เงิน มีผ้าพับ ไว้อย่างดี แต่เมื่อถูกผ้าก็เป็นผุยผง นอกจากนี้มีพระราชรถคันหนึ่งมีม้าเทียมคู่หนึ่งทำด้วยทองคำ มีขวด ๖ ลูก ทำด้วยสีขาว มีแหวนอยู่เต็มขวด และเศษทองอีก ๑๐ กระสอบวัดราชบูรณะ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสามพระยา กษัตริย์พระองค์ที่ ๗ ของกรุงศรีอยุธยา เมื่อ ๖๐ กว่าปีมาได้มีขโมยกลุ่มหนึ่งลัลอบขุดลงไปใต้ฐานพระปรางค์ของวัดและพบสมบัติล้ำค่าจำนวนมากเก็บไว้ห้องลับใต้ฐานพระปรางค์ มีเครื่องราชูปโภคที่ทำด้วยทองคำ น้ำหนักราว ๑๐๐ กิโลกรัม และพระพุทธรูปทองคำกับพระเครื่องจำนวนมาก

Read More

02/08/2562

ชิ้นส่วนกะโหลกพระพุทธเจ้าในหีบทองคำ ที่หนานจิง


วารสาร Chines Cultural Relics รายงานการค้นพบชิ้นส่วนกะโหลกและมีข้อความจารึกไว้ว่าเป็นของพระพุทธเจ้า บรรจุอยู่ในหีบทองคำ ที่หนานจิง นับป็นการค้นพบที่สำคัญชิ้นหนึ่งของนักโบราณคดี แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจนว่าเป็นชิ้นส่วนกะโหลกของพระพุทธเจ้าจริงหรือไม่ทีมนักโบราณคดีพบห้องใต้ดินใต้ซากเจดีย์ที่วัดเปาอันใหญ่ในเมืองหนานจิงหีบ ภายในมีหีบศิลาขนาดใหญ่ที่จารึกข้อความว่าพระเจ้าอโศกกษัตริย์จากอินเดียได้ส่งชิ้นส่วนกะโหลก และอัฐิธาตุอื่นๆอีก 18 ชิ้นของพระพุทธเจ้ามายังประเทศจีน เมื่อกว่า 2,200 ปีก่อน และเมื่อเปิดหีบศิลาออกมา พบว่าภายในมีกล่องเหล็กบรรจุเจดีย์จำลองทำจากไม้จันทน์ เงิน และทองคำประดับด้วยอัญมณีและมีการสลักรายชื่อผู้บริจาค ภายในเจดีย์จำลองมีหีบที่ทำจากเงินสลักลวดลายเทพผู้พิทักษ์ และนางอัปสรา ภายในหีบเงินยังพบหีบทองคำขนาดย่อมลงมา บรรจุชิ้นส่วนกะโหลก และอัฐิธาตุอื่นๆ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นของ “พระพุทธเจ้า”จารึกบนหีบศิลาระบุว่า มันถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิเจินจง ( ค.ศ. 997-1022)แห่งราชวงศ์ซ่ง และแม้จะมีการระบุว่าชิ้นส่วนกะโหลกที่ถูกพบเป็นของพระพุทธเจ้า แต่นักโบราณคดีที่ทำการสำรวจและเผยแพร่การค้นพบในวารสาร Chines Cultural Relics ก็มิได้แสดงความเห็นถึงโอกาสความเป็นไปได้ว่า ชิ้นส่วนดังกล่าวจะเป็นของ “พระพุทธเจ้า” จริง มีมากน้อยเพียงใดเนื้อหาตามจารึกบรรยายว่าหลังจาก “พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ร่างของพระองค์ถูกฌาปนกิจใกล้กับแม่น้ำหิรัญวดี ประเทศอินเดีย ก่อนที่พระเจ้าอโศก (268-232 ก่อนคริสตกาล) จะนำอัฐิของพระพุทธองค์มาเก็บรักษาและตัดสินใจ “แบ่งออกเป็น 84,000 ส่วน” โดย “ดินแดนจีนได้รับมาทั้งสิ้น 19 ส่วน…รวมถึงชิ้นส่วนกะโหลกข้างขม่อมด้วย”ในจารึกยังบอกด้วยว่า ชิ้นส่วนกะโหลกชิ้นนี้ถูกเก็บไว้ในวัดที่ถูกทำลายไปเมื่อ 1,400 ปีก่อน จากนั้นจักรพรรดิเจินจง ได้มีพระบัญชาให้สร้างวัดขึ้นมาใหม่เพื่อเก็บรักษาชิ้นส่วนสำคัญดังกล่าวพร้อมอัฐิชิ้นอื่นๆ โดยฝังไว้ในห้องใต้ดินของวัด รายงานของ Live Science ระบุว่า นักโบราณคดีจากสถาบันโบราณคดีแห่งเมืองหนานจิงได้เริ่มทำการสำรวจห้องใต้ดินแห่งนี้เมื่อช่วงปี 2007-2010 ซึ่งไม่ได้รับความสนใจจากสื่อตะวันตกมากนัก แต่ในประเทศจีนมีการรายงานเรื่องนี้อย่างแพร่หลายปัจจุบันอัฐิดังกล่าวถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดชีเสีย ในมณฑลหนานจิง และเคยนำไปจัดแสดงที่ฮ่องกงและมาเก๊ามาแล้ว และมีรายงานว่า ผู้จัดงานสามารถขายบัตรเข้าชมได้มากถึง 140,000 ใบ เมื่อคราวนำไปจัดแสดงที่มาเก๊า เมื่อปี 2012ทั้งนี้ รายละเอียดของการค้นพบดังกล่าวถูกเผยแพร่เป็นภาษาจีนในปี 2015 ในวารสาร Wenwu ก่อนแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่อีกครั้งในวารสาร Chinese Cultural Relics

Read More

02/08/2562

แหวนทองคำ ที่ปราสาทบ้านถนนหัก


การขุดค้นที่ปราสาทบ้านถนนหัก ตำบลบ้านใหม่ อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา ทำให้พบจากโบราณวัตถุที่สำคัญหลายชิ้น เช่น เครื่องประดับทอง ชิ้นส่วนทับหลัง และแผ่นหินสลัก ประติมากรรมทำด้วยหินทรายและสำริด และเครื่องเคลือบสำน้ำตาลเข้ม - ดำ แบบเขมร และที่พบล่าสุดคือ “แหวนทองคำ” เมื่อปีพ.ศ.2560 กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร เผยแพร่ภาพแหวนทองคำ ที่มีหัวแหวนเป็นผลึกควอตซ์สีฟ้าโปร่งแสง สภาพสมบูรณ์ สวยงามที่ขุดค้นได้ที่ที่ปราสาทบ้านถนนหัก ที่มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย และยัไม่มีรายละเอียดมากนักว่าแหวนทองคำวงนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร และขุดค้นพบได้อย่างไรสำหรับปราสาทบ้านถนนหัก ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดนครราชสีมาประมาณ 60 กิโลเมตร ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อปี พ.ศ. 2479 เป็นปราสาทแบบเขมร สร้างด้วยศิลาแลง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ประกอบด้วย ปราสาทองค์กลางใหญ่ที่สุดเป็นองค์ประธาน ล้อมด้วยปราสาทขนาดเล็กตั้งอยู่ด้านละองค์ โดยมีกำแพงแก้วโอบล้อมตัวอาคารทั้งหมดไว้ ที่กำแพงแก้วด้านทิศตะวันออกมีซุ้มทางเข้า หรือโคปุระ ตั้งอยู่ตรงกับประตูทางออกของอีกด้าน ปราสาทแห่งนี้ล้อมด้วยคูน้ำแต่เว้นทางเดินไว้ ให้ตรงกับประตูเข้า - ออก จากโบราณวัตถุที่พบ ทำให้สันนิฐานได้ว่าปราสาทบ้านถนนหัก น่าจะใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู หรือพราหมณ์ ลัทธิมหานิกาย สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของพิพิธภัณฑสถานแห่งชชาติพิมาย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา พื้นที่บ้านถนนหักเป็นแหล่งโบราณสถานสมัยศตวรรษที่ 16 มีคูถนนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมรอบ และมีเนินสูงอยู่ตรงกลางเรียกว่าโนนยายชี คูถนนกว้างประมาณ 500 เมตร ยาว ประมาณ 2,000เมตร เมื่อเกิดน้ำหลากได้พัดถนนขาดหลายแห่งชาวบ้านเรียกว่าถนนหัก ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอหนองบุญมาก จ.นครราชสีมา การเดินทางมาที่ปราสาทบ้านถนนหัก ใช้ถนนสาย 24 สี่แยกโชคชัย-เดชอุดม มาถึง อ.หนองบุญมาก เลี้ยวซ้ายไปตามถนน 22201 บ้านไทยเจริญ-โบราณ ระยะทาง ราว กม.ก็ถึงปราสาทหินบ้านถนนหัก

Read More

15/07/2562

การผลิตเครื่องประดับทองของมาเลเซีย


การผลิตเครื่องประดับทองของมาเลเซีย แต่เดิมเป็นการนําเอาวัตถุดิบทองคําจากเหมืองในประเทศมาใช้ผลิตสินค้า โดยแหล่งแร่ทองคําในประเทศมีอยู่ประมาณ 14 แห่ง กระจายอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Golden Belt อันได้แก่ รัฐปะหัง กลันตัน ตรังกานู ซาบาห์ และยะโฮร์ ซึ่งอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคําได้ก่อให้เกิดการจ้างงานแก่คนในท้องถิ่นกว่า 900 คน ลักษณะการทําเหมืองทองคำในมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นการให้บริษัทต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนและใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน แต่ทั้งนี้ ภาคการผลิตทองคําในมาเลเซียยังคงมีข้อจํากัดตรงที่ไม่มีโรงงานสกัดทองคําภายในประเทศ เมื่อหลอมแร่ทองคําได้แล้วจะต้องส่งไปสกัดให้บริสุทธิ์ในโรงงานต่างประเทศ ดังนั้น กิจการเหมืองแร่ที่มีเจ้าของเป็นชาวมาเลเซียจึงมักสร้างพันธมิตรกับผู้ประกอบการต่างชาติที่เป็นเจ้าของโรงสกัดทองคําเพื่อให้เกิดความสะดวกในการทําธุรกิจยิ่งขึ้น จากนั้นจึงนําเข้าทองคําที่สกัดแล้วป้อนเข้าสู่โรงงานในประเทศเพื่อนําไปหลอมและขึ้นรูปชิ้นงานเครื่องประดับอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามปัจจุบันวัตถุดิบทองคําที่ผลิตจากแหล่งในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากผลผลิตของเหมืองลดลง ประกอบกับผู้ผลิตต้องการวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาการนําเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นส่วนมาก โดยมาเลเซียต้องนําเข้าทองคําไม่ต่ำกว่าปีละ 75 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านริงกิต (ประมาณ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยนําเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ตุรกี ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ โดยปกติในแต่ละปีทองคําประมาณ 40-50 ตัน จะถูกป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องประดับทอง ซึ่งมีโรงงานกว่า 200 แห่ง ตั้งอยู่ในรัฐปีนังส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็กที่ใช้แรงงานฝีมือควบคู่กับเครื่องจักร สินค้าที่ผลิตได้ส่วนมากเป็นเครื่องประดับทองล้วนที่ไม่ตกแต่งอัญมณี และมีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมนี้อยู่ราว 8,000 คน โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ส่งออกเครื่องประดับทองไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ Poh Kong Holding Bhd, Tomei Group และ Habib Jewels Sdn Bhd. เป็นต้นในปี2016 มาเลเซียได้ลดปริมาณการผลิตเครื่องประดับทองลงประมาณร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยใช้ปริมาณโลหะทองคําในการผลิตเครื่องประดับทองลดลงเหลือเพียง 34.4 ตัน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากความต้องการบริโภคเครื่องประดับทองภายในประเทศที่ลดลง อันเป็นผลจากการประกาศใช้ภาษีสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวมาเลเซียลดการใช้จ่าายในสินค้าฟุ่มเฟือยลง

Read More

15/07/2562

เทคนิคการเลือกเครื่องประดับสีทอง


“เครื่องประดับ” เป็นของคู่กันกับผู้หญิงมาช้านาน เพื่อบ่งบอกสถานะทางสังคมและเสริมแต่งร่างกายให้สวยงามแต่ในทางกลับการหากเลือกเครื่องประดับผิดชิ้นมาใส่ผิดโอกาส ก็อาจทำให้ดูผิดกาลเทศะ ไม่เหมาะกับชุด โดยเฉพาะการเลือกใส่"เครื่องประดับสีทอง" ก็ต้องมีเทคนิค เคล็ดลับที่ใส่แล้วดูเหมาะสมและสวยงามการเลือกใส่ 'เครื่องประดับสีทอง' มีเทคนิคง่ายๆ 3 ข้อคือ1. เลือกให้เหมาะกับตัวเอง คือ ถ้าเป็นสาวหวาน สาวห้าว สาวมินิมอล ให้ใช้เครื่องประดับสีทองที่ไม่ต้องมากชิ้น อาจเป็นสร้อยคอสักเส้น กำไลสักอัน แหวนสักวง หรือ จี้ ต่างหู สร้อยข้อมือ เข็มขัด กิ๊บที่ติดผ้าฮิญาบ ชื้นเล็กๆ ก็สามารถทำให้ดูดีขึ้นได้ 2. ดีไซน์ที่หลากหลาย เลือกที่เข้ากับไลฟ์สไตล์เราให้มากที่สุด อย่างเช่นถ้าคุณแต่งตัวแบบสบายๆ ก็ใส่แบบไหนก็ได้ แต่ถ้าแต่งตัวมีสไตล์ ก็เลือกเครื่องประดับสีทองแบบเก๋ๆ เพราะดีไซน์ก็บ่งบอกความเป็นตัวคุณ!3. เลือกตามสีผิว เพราะสีผิว คือ ตัวแปรสำคัญ คนผิวขาว ใส่อะไรก็ได้ แต่คนที่ผิวสีแทน ผิวสีเข้ม ควรเลือกเครื่องประดับสีทองที่มีเพชรมาช่วยดรอปความเข้มของทองเพื่อไม่ให้โดดจนเกินไป นอกจากการใส่เครื่องประดับให้ถูกกับกาลเทศะแล้ว ยังต้องเลือกให้เหมาะสมกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ทั้งเรื่องสีของเสื้อผ้า เนื้อผ้า หรือสีผิว ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องแต่งกายให้คำแนะนำไว้ดังนี้ 1. การMatch เครื่องประดับเรียบๆ เข้ากับเสื้อลายปริ้นต์ หรือเสื้อผ้าที่มีลวดลาย ทั้งลายดอกหรือลายกราฟฟิกต่างๆ ถ้าไม่ควรใส่สร้อยคออันโตหรือต่างหูห้อยระย้า เพราะจะทำให้ทุกอย่างดูเยอะจนเกินไป การใส่เครื่องประดับที่น้อยชิ้นและไม่ดูเยอะจนเกินไปจะช่วยขับให้ชุดที่มีลวดลายดูโดดเด่นขึ้น หรืออาจใส่กำไลข้อมือเพชรหรือต่างหูเพชรแบบหมุดมาใส่คู่กันกับเสื้อก็เพียงพอแล้ว 2. ใส่ต่างหูชิ้นใหญ่(statement earrings) ช่วยขับใบหน้าให้ผู้สวมใส่โดดเด่นเข้น โดยเลือกรูปแบบที่เหมาะกับรูปหน้าของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องเสริมแต่งเครื่องประดับอื่นใดเข้าไปเพิ่มเติมอีก3. เลือกเครื่องประดับตามสีผิว เพราะเครื่องประดับที่มีสีเหมาะสมจะช่วยขับผิวของผู้สวมใส่ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เช่น เครื่องประดับสีเงิน เข้ากันได้กับทุกสีผิว ส่วนโลหะสีทอง จะเข้ากันได้ดีกับคนที่มีผมสีเข้มและผิวไม่มันมาก ส่วนใครที่มีผิวสีอ่อน ก็ให้เลือกใส่อัญมณีที่มีสีแดง สีม่วง และสีน้ำเงิน รวมถึงทองคำขาว แต่ถ้าหากมีสีผิวค่อนข้างเข้มให้เลือกอัญมณีในโทนสีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียว และเลือกใส่โลหะที่มีสีเหลืองทอง 4. เครื่องประดับมุกเข้ากันได้กับเสื้อผ้าโทนสีน้ำทะเล ใส่แล้วให้ความรู้สึก สวยอย่างเป็นธรรมชาติและดูสบายตา 5. Perfect Match การจับคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือ สีทอง สีดำ และสีขาว โดยสามารถใช้เครื่องประดับเรือนทอง แมทช์เข้ากับชุดเดรสสีดำหรือสีขาวให้มีลุคเรียบหรูและดูคลาสสิคนอกจากนี้ยังมีเรื่องเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการใส่เครื่องประดับ เช่น ห้ามใส่เครื่องประดับที่ทำจากโลหะหรืออัญมณีต่างชนิดกัน เพราะเครื่องประดับที่ทำจากโลหะหลายๆชนิดสามารถ Mix & Match เข้ากันได้ ไม่ว่าจะเป็น ทอง เงิน โรสโกลด์ หรือทองแดงเป็นต้น ทั้งนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสมดุลและความใส่ใจเพื่อให้การแต่งกายและการใส่เครื่องประดับออกมาสวยงามที่สุด

Read More

15/07/2562

ว่านไทยตระกูล “ทอง”


คนไทยนิยมปลูกว่านเพื่อเสริมสิริมงคลในบ้านมาแต่โบราณ โดยเฉพาะว่านในตระกูลทองที่เชื่อว่าเมื่อปลูกแล้วจะทำให้เงินทองไหลมา และนี่คือว่าน 4 ชนิด ที่นิยมปลูกเพื่อเรียกเงินเรียกทอง ว่านเศรษฐีก้านทอง เป็นไม้ล้มลุก ใบยาวปลายแหลมและขอบใบทั้ง ๒ ข้าง พลิ้วเป็นคลื่น มีเส้นกลางเป็นสีน้ำตาลเหลืองอ่อน ออกดอกเป็นช่อสีขาวนวล ควรใช้หัวปลูกลงในดินร่วนปนทรายผสมแกลบเผา ให้ตั้งไว้ในที่แดดรำไรและรดน้ำพอชุ่มเพราะชอบความชื้น สรรพคุณคือใช้เป็นเมตตามหานิยมเรียกเงินทองให้กับผู้ปลูกจึงเหมาะกับร้านค้าหรือคนทำธุรกิจว่านกุมารทอง รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง คือว่านแสงอาทิตย์ เป็นพืชล้มลุกออกดอกเป็นพุ่มทรงกลมปีละครั้ง ในสมัยโบราณเป็นว่านที่ได้รับความนิยมมาก เพราะเด่นในด้านเมตตามหานิยม เรียกลูกค้า เรียกโชคลาภเข้าร้าน ร้านค้าใดปลูกเลี้ยงไว้ กิจการงานจักเจริญรุ่งเรือง นิยมปลูกคู่กับว่านนางคุ้ม ว่ากันว่าว่านชนิดนี้มีเทวดาเจ้าที่คุ้มครอง ดังนั้นผู้ปลูกเลี้ยงจึงนิยมนำไปปลูกไว้ใกล้ๆกับศาลพระภูมิ หากปลูกเลี้ยงและปฏิบัติอย่างถูกวิธี อธิษฐานขอสิ่งใดจะสมดังหมายทุกประการ และหากผู้ใดปลูกเลี้ยงว่านได้เจริญงอกงามเมื่อใดว่านออกดอกจะได้ลาภก้อนใหญ่ หากจะใช้ในด้านคงกระพันชาตรี โบราณว่าให้เคี่ยวดอกว่านกับน้ำมะพร้าว ทาตามเนื้อตัวจะคงกระพันยิ่งนัก ว่านกุมารทองนั้นถ้าจะให้ดีต้องปลูกในวันเกิดของผู้เลี้ยง และก่อนรดน้ำทุกครั้งต้องเสกน้ำด้วยคาถา นะโมพุทธายะ 3 จบว่านกวักโพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง ว่านทั้ง ๒ ชนิดนี้ต่างกันตรงที่ลายบนหน้าใบ ถ้าเป็นกวักโพธิ์เงินจะมีลายสีขาวและกวักโพธิ์ทองมีสีแดงอมชมพู ลักษณะใบกว้างคล้ายใบโพธิ์เพราะอยู่ในตระกูลเดียวกับบอน เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ปลูกเลี้ยงว่าน เพราะมีอานุภาพสูงในด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม กวักทรัพย์ รับโชคเข้าบ้าน นิยมปลูกคู่กันเพราะจะได้กวักทั้งเงินและทองเข้าบ้าน ว่านชนิดนี้ถ้าปลูกและปฏิบัติอย่างถูกวิธีจะเรียกทรัพย์ เรียกโชค เรียกลูกค้าได้ดี ถ้าว่านออกดอกให้หาผ้าแพรสีขาวผูกรับขวัญ จะสมหวังได้ลาภก้อนโต เชื่อว่าถ้าผู้ใดปลูกเลี้ยงว่านครบ 1 ปี ว่านไม่ตาย จะได้โชคลาภก้อนใหญ่ 1 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ทางยา หัวว่านนำมาพอกบาดแผลจะช่วยให้แผลแห้งและสมานตัวเร็ว การปลูกว่านกวักโพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง ต้องปลูกเฉพาะวันจันทร์เพียงวันเดียวเท่านั้นโดยเฉพาะวันจันทร์ข้างขึ้นจะเป็นมงคลยิ่ง ห้ามปลูกวันอื่นเด็ดขาด ก่อนรดน้ำทุกครั้งควรเสกน้ำรด ด้วยคาถา นะโมพุทธายะ 3 จบ ทุกครั้ง ว่านกวักแม่ทองใบ ถือเป็นว่านมงคลที่มีอานุภาพให้ผู้ปลูกได้รับโชคลาภอยู่เสมอ คนสมัยโบราณนิยมปลูกไว้หน้าบ้าน และร้านค้า ถ้าเจ้าของได้ปลูกและทำการบูชาอยู่เสมอจะมีลูกค้าเข้าออกร้านไม่ขาดสาย เป็นพืชหัวมีหัวคล้ายหอมหัวใหญ่ มีใบคล้ายใบพายปลายแหลม ดอกมีสีขาวคล้ายดอกสิบแสน เมื่อออกดอกให้หาผ้าแพรหลากสีและสวดบูชารับขวัญ ด้วย มหาลาโภโหตุภะวันตุเม 3 จบ แล้วอธิษฐานขอ จะสมดังใจ การขยายพันธ์ ใช้วิธีการแยกหน่อแยกหัวเอาไปปลูก แนะนำให้ปลูกในเดือน 6 ข้างขึ้น วันพระหรือวันพฤหัสบดี

Read More

15/07/2562

“กระบี่ทอง” ว่านไทย สรรพคุณเยี่ยม


ว่าน เป็นชื่อเรียกของพืชที่มีหัว และหรือไม่มีหัวมีอยู่มากมายหลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งที่เป็นพืชล้มลุก เป็นไม้เลื้อย และไม้พุ่ม นิยมปลูกเพื่อนำไปทำยา เป็นสมุนไพรรักษาโรค รวมถึงใช้เป็นเครื่องรางของขลัง คนโบราณมีความเชื่อว่าว่านบางชนิดทำให้อยู่ยงคงกระพันและเป็นสิริมงคลต่อผู้ที่ปลูกเช่น ว่านกระบี่ทอง ว่านกระบี่ทอง เป็นไม้ล้มลุก มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านนางวันทองห้ามทัพประเภทเดียวกันกับขิง มีลำต้นเป็นเหง้าใต้ดิน สามารถแตกแขนงออกได้จากทั้งสองข้างของเหง้าเป็นแขนงขนาดใหญ่และยาว ลักษณะของเหง้าเป็นรูปไข่ มีเปลือกสีน้ำตาลเป็นมัน เป็นข้อถี่ๆ เนื้อภายในเหง้ามีสีเหลืองไปจนถึงสีส้มเข้ม ส่วนของลำต้นที่โผล่ขึ้นเหนือดินมีความสูงประมาณ 1 เมตรขึ้นไป ใบมีลักษณะเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ออกเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน มีเส้นกลางใบเป็นแถบสีแดงอมน้ำตาล มีดอกสีเหลือง ออกมาจากส่วนปลายของลำต้นเทียมที่เกิดจากเหง้า ด้านบนของใบประดับมีสีชมพูอมม่วง ส่วนด้านล่างเป็นสีเขียวอมม่วง การขยายพันธุ์ว่านกระบี่ทอง ทำได้ด้วยการแยกเหง้าหรือหน่อไปปลูก สามารถขึ้นได้ในดินทุกชนิดโดยเฉพาะดินร่วนปนทราย โดยกลบดินให้หัวว่านโผล่มาเล็กน้อย หลังจากปลูกเสร็จแล้วรดน้ำพอชุ่ม หากปลูกเป็นแปลงจะเจริญงอกงามดีกว่าปลูกในกระถาง แต่หากไม่มีเนื้อที่เพียงพอ สามารถเลี้ยงในกระถางได้เช่นกัน ว่านกระบี่ทอง ชอบอากาศร้อนและความชื้นสูง นิยมปลูกตามบ้านเรือน ว่านกระบี่ทอง นิยมใช้เป็นพืชสมุนไพรมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มีสรรพคุณทางยาช่วยในการแก้อาการร้อนใน แผลในปาก แก้เจ็บคอ หวัดลงคอ แก้ลิ้นแตก ปากเปื่อย แก้โรคคอตีบ แผลบริเวณลำคอ แผลในจมูก วิธีใช้หัวสดโขลกให้ละเอียดผสมเหล้าขาวหรือน้ำปูนใส แล้วกรองเอาน้ำดื่มแก้ปวดท้อง ฝนหัวสดกับน้ำปูนใสข้น ๆ ใช้ทาฝีในปาก จมูก ช่วยถอนพิษอักเสบ ทำให้ฝียุบ บุบหัวสดพอแตก จุ่มเหล้าขาวให้ซึมเล็กน้อยแล้วอมไว้ในปาก จะทำให้ชุ่มคอ แก้ไอ เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ และต่อมทอนซิลอักเสบได้ดี หรือนำหัวว่านไปต้มรมที่จมูก ก็สามารถที่จะแก้ริดสีดวงจมูกได้เช่นกัน ส่วนอนุภาพด้านคงกระพันชาตรีของว่านกระบี่ทองนั้น นิยมนำไปแก้อาถรรพณ์หรือถอนอาคม ส่วนน้ำว่านใช้ในการแช่อาวุธก่อนที่จะออกศึกสงคราม เชื่อกันว่าจะสามารถทำลายล้างความอยู่ยงคงกระพันของศัตรูได้ มีเคล็ดลับเพื่อความเข้มขลังว่าเวลารดน้ำให้เสกน้ำสะอาดรดต้นว่านทุกวัน โดยสวดคาถา “นะโมพุทธายะ” 3 จบ และค่อย ๆรดลงไปที่ว่านกระบี่ทองจะช่วยเพิ่มความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย

Read More

15/07/2562

ทองพลุ


ทองพลุ เป็นชื่อที่เราคุ้นเคยในฐานะขนมไทยโบราณตระกูล “ทอง” แต่ทองพลุที่เป็นต้นไม้ให้ดอกสีสันเหลืองส้มสดใส หลายคนอาจยังไม่รู้จัก หรือเคยพบเห็นมาบ้างแต่ไม่รู้ว่าชื่อ “ทองพลุ” คิดไปว่าเป็นต้นหางนกยูงที่ปลูกกันแบบเกลื่อนกลาดในบ้านเราเพราะมีลักษณะคล้ายกัน เพียงแต่ทองพลุมีทรงพุ่มตรงๆขึ้นไป ไม่แบะออกในแนวนอนเหมือนกับหางนกยูง ทองพลุ มีชื่อสามัญว่า Colville’s Glory, Colvillea หรือ Whip Tree เป็นไม้ดอกยืนต้นมีถิ่นกำเนิดมาจากเกาะมาดากัสการ์ มีทรงต้นที่สวยงาม ใบสวย ดอกช่อยาวสีส้มแดง สวยสดใส เหมาะสำหรับการจัดสวนเป็นอย่างมาก ทองพลุ เมื่อโตเต็มที่จะสูงกว่า 15 เมตร เลี้ยงง่าย ยอดจะแทงขึ้นไปตรงๆเพื่อแตกใบใหม่ ท้องใบมีสีม่วงเข้ม หลังใบสีเขียวปนม่วง จะให้ดอกเมื่ออายุได้ประมาณ 4 ปีขึ้นไป ในช่วงหน้าแล้งจะทิ้งใบจนหมดต้น ชอบบริเวณที่รับแดดตลอดวัน ไม่ชอบที่น้ำขัง ปัจจุบัน ต้นทองพลุมีขายทั่วไปตามร้านต้นไม้ราคาหลักร้อย ตั้งแต่ร้อยต้นๆถึงร้อยปลายๆ แล้วแต่ขนาดของต้น ส่วนใครสนใจที่จะเพาะเมล็ดเองก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีเทคนิคพอสมควร คือ ก่อนเพาะเมล็ดให้ใช้มุมกรรไกรตัดเล็บตัดเปลือกเมล็ดทองพลุนิดหน่อยแต่ระวังอย่าให้ลึกเกินไปเพื่อให้น้ำซึมเข้าไปในเมล็ดได้ง่ายขึ้นเนื่องจากเปลือกค่อนข้างแข็งน้ำเข้าไปได้ยาก จากนั้นแช่น้ำไว้หนึ่งคืน ขึ้นตอนต่อไปนำเมล็ดที่แช่น้ำออกมาฝนกับตะไบหรือกระดาษทรายหยาบจนเปลือกสึกหรือบางลง เป็นการกระตุ้นเมล็ดให้งอกไวขึ้น หรือจะใช้วิธีแช่ในน้ำร้อนสัก 30 วินาทีก็ได้ประมาณแล้วแช่น้ำต่ออีกหนึ่งคืน จากนั้นนำไปลงดินปลูก โดยฝังไม่ต้องลึกมากเพียง 1-1.50 นิ้วก็พอ จากนั้นก็รอเวลาให้ต้นออกงอกออกมาจากเมล็ดซึ่งใช้เวลานานพอสมควร อาจนานเกือบเดือนซึ่งต้นอ่อนมีลักษณะคล้ายต้นกระถิ่น การเพาะเมล็ดนี้อาจดูช้าไม่ทันใจเหมือนซื้อต้นที่โตแล้วจากร้านค้า แต่สิ่งที่ได้มาคือความสุขทางใจที่เห็นเมดล็ดพันธุ์ที่เราเพาะกับมือค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นทีละน้อยส่วน“ทองพลุ” ที่เป็นขนมนั้น เป็นขนมมงคลของไทย มีความหมายถึง “ความเจริญ มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนพลุ” ขนมชนิดนี้จริง ๆ มีต้นตำรับมาจากฝรั่งเศส ดัดแปลงมาจากขนมเอแคลร์ ต่างกันตรงที่ขนมเอแคลร์ใช้อบและมีไส้ ส่วนขนมทองพลุจะใช้วิธีทอด ดังนั้นถ้าใครทำขนมเอแคลร์ได้ ก็ทำขนมทองพลุได้เช่นกันขนมทองพลุถูกจัดเป็นขนมชาววัง เพราะสมัยก่อนคนที่จะได้กินขนมที่ใส่นมหรือเนยนั้น ก็มีแต่ชาววัง ข้าราชการชั้นสูงหรือระดับเจ้าสัวเท่านั้น ส่วนคนไทยแท้ดั้งเดิมที่เป็นไทยแท้ๆ พื้นบ้านที่ไม่ใช่ลูกแขกจะไม่ค่อยนิยมกินขนมชนิดนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า นมหรือเนยมีกลิ่นเหม็นคาว ปัจจุบันขนมทองพลุถูกดัดแปลงให้มีทั้งไส้หวานและเค็มและหารับประทานได้ง่ายขึ้น

Read More

15/07/2562

คร่ำทอง


การตกแต่งลวดลายบนพื้นโลหะเพื่อให้ของใช้ธรรมดากลายเป็นงานหัตถศิลป์ทรงคุณค่า นอกจากงาน ถมเงิน ถมทอง แล้วก็มี งาน “คร่ำ”ที่ถือเป็นงานหัตถศิลป์ชั้นสูงที่หาชมได้ยากเพราะอาจจะอยู่ห่างไกลจากชีวิตประจำวันของคนทั้งไปเพราะข้าวของเครื่องใช้ที่มีการคร่ำทอง โดยมากเป็นของใช้ส่วนพระองค์ หรือใช้เฉพาะในราชสำนักจนทำให้หลายคนไม่รู้จัดโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่โชคดีที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงโปรดเกล้าฯให้สืบทอดงานช่างแขนงนี้ไว้ที่โครงการศิลปาชีพ สวนจิตรลดาทำให้งานคร่ำยังไม่สูญหายไป งานคร่ำ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Inlay หมายถึง การใช้ทองคำ หรือเงิน หรือนาก ฝังเป็นลวดลายลงไปบนโลหะประเภทเหล็ก ถ้าใช้ทองคำฝังลงไปเรียกว่า การคร่ำทอง ถ้าฝังด้วยเส้นเงินเรียกว่า การคร่ำเงิน ถ้าฝักด้วยนากเรียก คร่ำนาก เป็นต้นโดยช่างหัตถศิลป์จะใช้เครื่องมือสกัดพื้นโลหะให้เป็นลวดลายแล้วนำเงิน หรือทองคำ หรือนากที่รีดเป็นเส้นลวด หรือแถบบางๆ ฝังลงไปในร่อง จากนั้นจะใช้สิ่วหน้าเล็กตอกย้ำฝังเส้นลวดทอง หรือลวดเงิน ลงไปในเนื้อเหล็กแล้วขัด ศัพท์ทางช่างเรียกว่า กวดผิวให้เรียบก็จะเกิดลวดลายจากสีของโลหะที่ต่างกัน ตามลวดลายที่สลักและฝังโลหะไว้เกิดเป็นงานศิลปที่วิจิตรงดงามตามต้องการเครื่องใช้ที่จะตกแต่งด้วยวิธีคร่ำ ส่วนใหญ่เป็นของที่ทามาจากเหล็ก เช่น ตะบันหมาก กรรไกรหนีบหมาก หัวไม้เท้า กรรไกรตัดผม ไปจนถึงเครื่องราชูปโภค เครื่องเหล็กซึ่งนิยมตกแต่งลวดลายด้วย การคร่ำเงิน คร่ำทอง หรือคร่ำนาก มักเป็นเครื่องราชศัสตราวุธ เช่น พระแสงดาบ พระแสงหอก พระแสงง้าว ขอพระคชาธาร พระแสงปืน ตลอดจนเครื่องใช้ในการมงคลต่างๆ คร่ำ เป็นงานหัตถศิลป์ที่ทำกันมาแต่โบราณ สันนิษฐานว่า มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซียโดยช่างทองกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เป็นผู้ริเริ่มทำขึ้นก่อน ซึ่งยังคงเป็นวิธีการของช่างโลหะในแถบตะวันออกกลางที่สืบต่อมาถึงปัจจุบัน ส่วนการทำเครื่องคร่ำของไทย บางกระแสสันนิษฐานว่า ได้รับการสืบทอดวิชามาจากชาวอาหรับ ซึ่งเดินเรือจากตะวันออกกลาง เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทย สมัยกรุงศรีอยุธยา บางกระแสก็ว่า การทำคร่ำถือกำเนิดที่ประเทศแถบเปอร์เซีย แล้วค่อยแพร่หลายไปสู่ประเทศจีน เขมร ลาว และภาคใต้ของไทย เช่น เมืองปัตตานี แต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มทำมาตั้งแต่สมัยใด กระทั่งถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ขุนสารพัดช่าง ข้าราชการกรมวังนอก ได้ร่ำเรียนศิลปะนี้มาจากครูช่างชาวเขมรที่เข้ามาสอนในไทย ต่อมา นายสมาน ไชยสุกุมาร บุตรชายของขุนสารพัดช่าง ได้สืบทอดศิลปะนี้ แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายของคนทั่วไปนัก ปัจจุบันงานคร่ำ มิได้มีอยู่แต่เฉพาะในศาสตราวุธเท่านั้น แต่ยังได้รับการประยุกต์ดัดแปลงทำเป็นสิ่งของสวยงามต่างๆตามสมัยนิยมเช่น เครื่องประดับ จำพวกแหวน กำไลข้อมือ ต่างหู ทับทรวง สายสะพาย ล็อกเกต หรือเครื่องดนตรี อย่างเช่น ด้ามซอ เป็นต้น

Read More

15/07/2562

“ตรีศูล”ทองคำลงยา ของขวัญที่รัชกาลที่ 5 ถวายแด่พระจักรพรรดิแห่งออสเตรีย


ไม่นานมานี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์ Weltmuseum Wien กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อทอดพระเนต “ตรีศูล” ทองคำลงยาสี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ส่งไปเป็นของทูลพระขวัญตอบแทนที่พระจักรพรรดิฟรันซ์ โจเซฟ แห่งออสเตรีย ส่งของทูลพระขวัญมาถวาย นับเป็นครั้งแรกที่คนไทยส่วนใหญ่ได้เห็นตรีศูลทองคำลงยาพร้อมพระแสงกระบี่ ของขวัญล้ำค่าที่แสดงถึงสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างราชวงศ์ไทยและยุโรป “ตรีศูล”ที่รัชกาลที่ 5 ส่งมาเป็นของทูลพระขวัญนี้มีลักษณะเป็นหลาวสามง่าม เรียกสั้นๆว่า“ตรี” ด้ามเป็นทองคำลงยาตรงง่ามเป็นตราแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่ 5 มีมกรคายง่ามออกซ้าย ขวา ใบมีดเป็นงานคร่ำทอง (มกร หรือ เบญจลักษณ์ เป็นสัตว์ตามความเชื่อของพม่า ล้านนา สยาม และเขมร เรียกอีกอย่างว่า ตัวสำรอก เนื่องจากในงานศิลปะ มกรมักจะคายหรือสำรอกเอาวัตถุใด ๆ ออกมาทุกครั้ง เช่น มกรคายนาค (พญานาค)เป็นต้น) "ตรีศูล" นี้จึงเป็นสำหรับสมบัติล้ำค่าที่บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์อันดีของประเทศไทย กับนานาประเทศที่เข้ามาติดต่อค้าขายสานความสัมพันธ์ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีสัมพันธไมตรีต่อชาวต่างชาติทำให้ประเทศไทยเราเป็นมิตรกับประเทศต่างๆมากมายมาจนถึงปัจจุบันทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์สยามและออสเตรียเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1865 ในสมัยรัชกาลที่ 4 และกษัตริย์ ฟรานซ์ โจเซฟ ที่ 1 แต่ความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการแต่งตั้งตัวแทนทางการทูตสยามประจำออสเตรียคนแรกเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1883 ต่อมาในวันที่ 17-26 มิ.ย. ค.ศ.1897 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสยุโรป และเยือนออสเตรียอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของกษัตริย์ ฟรานซ์ โจเซฟ ที่ 1จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟที่ 1 แห่งออสเตรีย ทรงเป็นจักรพรรดิแห่งออสเตรีย และ กษัตริย์แห่งฮังการี และทรงเป็นจักรพรรดิและพระราชาธิบดีพระองค์แรกในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีตั้งแต่ปี ค.ศ.1967 พระองค์ทรงเป็นองค์พระประมุขที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดเป็นอันดับที่สามในยุโรป รองจากเจ้าชายโจฮันน์ที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองพระองค์นี้ทรงครองราชย์เป็นเวลา 70 กว่าปีเท่ากันอนึ่ง ตรีศูล เป็นตราสัญลักษณ์ของ “ราชวงศ์จักรี” ซึ่งรัชกาลที่ ๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นคู่กับดวงจักร ทำด้วยเหล็กผสม จักรมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๗.๕ เซนติเมตร คร่ำทองเป็นลายจักร ที่คมของจักรเลี่ยมทองคำโดยรอบและถอดขอบที่เลี่ยมออกได้ ตรีศูลวัดจากปลายด้ามถึงยอดพระแสงองค์กลาง ๕๑ เซนติเมตร ด้ามหุ้มทองคำ สลักลายตลอด ปลายด้ามฝังทับทิม ที่คอพระแสงองค์กลางหล่อรูปพระนารายณ์ทรงครุฑคร่ำลายทองติดตรึงกับพระแสงองค์กลางทั้งสองด้าน เสร็จแล้วได้โปรดเกล้าฯ ให้นำเข้ามณฑลพิธีในการประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ของพระองค์ตรีศูล (Trishula) ในภาษาสันสกฤตมีความหมายว่าหอกสามเล่ม จัดเป็นอาวุธที่อยู่ในประเภทหอกสามง่าม เป็นอาวุธที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในยุคแรก ๆ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจับปลา ต่อมาถูกพัฒนาเป็นอาวุธที่ใช้ในการทำศึกสงคราม ตามคติความเชื่อในศาสนาฮินดู ตรีศูลเป็นศาสตราวุธประจำกายของพระศิวะ มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ของฮินดู อีกทั้งตรี อีกด้วย

Read More

15/07/2562

ทองดำ มะม่วงไทยโบราณ หาทานยาก


“มะม่วงทองดำ” เป็นมะม่วงไทยโบราณเคยเป็นที่นิยมรับประทานทานกันมากในสมัยก่อน เนื่องจากสามารถทานได้ทั้งสุกและดิบ ผลเรียวไม่ยาวมาก ผิวสีเข้ม อ้วนใหญ่ เมล็ดลีบ เนื้อเยอะ ผลดิบ เนื้อเปรี้ยวอมหวาน ผลสุกเป็นสีเหลือง เนื้อข้างในเป็นสีส้ม รสไม่หวานจัด และมีกลิ่นเฉพาะตัวแบบมะม่วงไทยเกือบทุกชนิด แต่ปัจจุบันมะม่วงทองดำหาทานได้ยากขึ้นทุกที เนื่องจากมีผู้ปลูกน้อยลง เด็กรุ่นใหม่น้อยคนที่จะรู้จัก มะม่วงทองดำ อยู่ในวงศ์ ANACARDIACEAE ต้นสูง 10-15 เมตร ใบออกเรียงสลับถี่บริเวณปลายยอด เป็นรูปรี ปลายแหลม โคนมน ใบสีเขียวสด ใบดกและหนาแน่นให้ร่มเงาได้ เมื่อออกดอกจะออกเป็นช่อที่ปลายยอด สีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม ผลรูปกลมรี ผลอ้วนใหญ่ ติดผลเป็นพวง 1-3 ผล ลักษณะผลจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเห็นแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นผล มะม่วงทองดำ เมล็ดลีบ เนื้อเยอะชื่อมะม่วงทองดำ ถูกตั้งตามลักษณะของสีผลและเนื้อในที่สุก เพราะเมื่อผลสุกผิวที่ผลจะเป็นสีเขียวปนเหลืองเล็กน้อยทำให้ดูคล้ำๆหรือดำๆ จึงเรียกว่าทองดำ มีด้วยกัน 2 ชนิดคือ พันธุ์ที่เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองเข้มกับพันธุ์ที่มีสีส้ม รสชาติหวานหอมอร่อย ผลดิบ มีรสชาติมันอมเปรี้ยว ให้ผลผลิตปีละครั้งตามฤดูกาล ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและการตอนกิ่งการปลูกมะม่วงทองดำไม่ว่าจะปลูกด้วยกิ่งตอน กิ่งทาบ หรือปลูกต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ด ต้องทำด้วยความระมัดระวัง อย่าให้รากขาดมาก เพราะจะทำให้ต้นชะงักการเติบโตหรือตายได้ กิ่งพันธุ์ที่ปลูกไว้ในภาชนะนานๆ ดินจะจับตัวกันแข็งและรากก็พันกันไปมา เวลานำออกจากภาชนะให้แยกดินก้นภาชนะให้กระจายออกจากกันบ้าง ส่วนรากที่ม้วนไปมาให้พยายามคลี่ออกเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้เจริญเติบโตต่อไปอย่างรวดเร็ว ส่วนพื้นที่ปลูกสามารถทำได้ทั้งการขุดหลุมปลูกบนร่องและปลูกในที่ดอน แต่ควรปลูกให้เป็นแถว เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา โดยขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้าง ยาวและลึก 50-100 เซนติเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าดินดี ร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุมาก ก็ขุดหลุมขนาดเล็กได้ ส่วนดินที่ไม่ค่อยดี ให้ขุดหลุมขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ปรับปรุงดินในหลุมปลูกให้ดีขึ้น ดินที่ขุดขึ้นมาจากหลุมนั้นให้แยกเป็นสองกอง คือ ดินชั้นบนแยกไว้กองหนึ่ง ดินชั้นล่างอีกกองหนึ่ง ตากดินที่ขุดขึ้นมาสัก 15-20 วัน แล้วผสม ดินทั้งสองกองด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ก้นหลุมก็ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักรองพื้นไว้ด้วย แล้วจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอาดินชั้นบนลงไว้ก้นหลุม และดินชั้นล่างกลบทับลงไปทีหลัง ดินที่กลบลงไปจะสูงกว่าปากหลุม ควรปล่อยทิ้งไว้ให้ดินยุบตัวดีเสียก่อน หรือรดน้ำให้ดินยุบตัวดีเสียก่อนจึงลงมือปลูกมะม่วงทองดำ เป็นหนึ่งนมะม่วงไทยโบราณหลายร้อยสายพันธุ์ที่แทบสูญหายไปจากตลาดผลไม้และการรับรู้ของผู้คนไม่ว่าจะเป็นมะม่วงมันศาลายา มันขุนศรี อกร่องพิกุลทอง แก้วลืมรัง สามฤดู มันเดือนเก้า เป็นต้น เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่เลือกปลูกมะม่วงที่ได้รับความนิยมเชิงการค้าที่ให้ผลตอบแทนด้านราคามากกว่า เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง น้ำดอกไม้เบอร์สี่ มหาชนกเป็นต้น ทำให้เด็กใหม่ๆไม่รู้จักว่า ต้นมะม่วงโบราณเหล่านั้น หน้าตา รสชาติเป็นอย่างไร เราจึงควรร่วมกันอนุรักษ์สายพันธุ์มะม่วงโบราณเหล่านี้ไว้ ด้วยการปลูกไว้ในบ้านหรือปลูกแซมตามสวนก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ เพื่อไม่ให้พวกมันสูญหายไปกับการเวลา

Read More

15/07/2562

กฎหมายฟอกเงิน (ปปง) ที่ร้านทองควรรู้


ปัจจุบันผู้ประกอบการร้านค้าทองคำ ที่เป็นนิติบุคคล มีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ซึ่งมีสาระสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามทั้งในส่วนของลูกค้าและในส่วนของร้านทองได้แก่ 1. ธุรกรรมที่ต้องรายงาน - ธุรกรรมเงินสด เมื่อลูกค้าซื้อ-ขายทองคำ ด้วยเงินสดที่มีมูลค่าตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ร้านทองต้องรายงานธุรกรรมนั้น ต่อ ปปง.ในแต่ละเดือน - ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย เมื่อลูกค้าซื้อ-ขายทองคำ ด้วยเงินสด เช็ค เงินโอน หรืออื่นๆ ซึ่งมีพฤติกรรมหรือลักษณะ อันน่าสงสัยว่าจะเป็นการฟอกเงิน (โดยไม่มีการกำหนดวงเงินขั้นต่ำ) ให้ร้านทองส่งรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการตรวจสอบและพบความน่าสงสัย 2. การจัดให้ลูกค้าแสดงตน เมื่อมีลูกค้า ซื้อ-ขายทองคำ กับร้านทองเป็นครั้งคราว ซึ่งไม่ได้มีการทำสัญญา หรือข้อตกลง หรือลักษณะซื้อขายอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า มูลค่าตั้งแต่ 1 แสนบาท ขึ้นไปหรือมีร่องรอยความต่อเนื่องรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ 1 แสนบาท ขึ้นไป ต้องจัดให้ลูกค้าแสดงตน โดยอย่างน้อยต้องแสดงข้อมูลและหลักฐาน ดังต่อไปนี้ -ลูกค้าบุคคลธรรมดาแสดง ชื่อ-นามสกุล วัน เดือน ปี เกิด เลขที่บัตรประจำตัว ที่อยู่ อาชีพ สถานที่ทำงาน ข้อมูลติดต่อ และลายมือชื่อผู้ทำธุรกรรม ส่วน -ลูกค้านิติบุคคลต้องแสดงชื่อ-นิติบุคคล เลขผู้เสียภาษี หลักฐานสำคัญแสดงตน เช่น หนังสือรับรองฯ สถานที่ตั้ง, เบอร์โทร ชื่อผู้มีอำนาจลงนามแทนนิติฯ ข้อมูลของผู้มีอำนาจลงนามที่รับมอบหมายทำธุรกรรม ประเภทกิจการ ตราประทับ(ถ้ามี) และลายมือชื่อผู้มีอำนาจหรือผู้รับมอบอำนาจลงนาม ไม่หลักฐานนี้ต้องรายงานต่อ ปปง. แต่ต้องเก็บข้อมูลไว้ในกรณีบังเอิญธุรกรรมนั้น เป็นการฟอกเงินของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ร้านทองแสดงความบริสุทธิ์ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง3. การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า กำหนดขึ้นเพื่อประเมินและบริหารความเสี่ยงก่อนอนุมัติรับลูกค้าและติดตามความเคลื่อนไหวทาง การเงินจากการทำธุรกรรมของลูกค้า ว่ามีพฤติการณ์ผิดปกติ หรือมีเหตุอันควรสงสัยหรือไม่ เพื่อไม่ให้ ผู้ประกอบการถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน และสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายโดย- ตรวจสอบว่าลูกค้าได้ให้ข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ เช่น ชื่อ–นามสกุล เลขประจำตัว ที่อยู่ เป็นต้น - ตรวจสอบ รายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดห้ามทำธุรกรรม ตามประกาศของสำนักงาน ปปง .หรือ บุคคลที่สำนักงาน ปปง. แจ้งว่าเป็นรายชื่อที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีสถานภาพ ทางการเมือง โดยผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการฟอกเงิน ประกอบด้วย นักการเมือง นักการเมืองส่วนท้องถิ่น (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต., อบจ.) และราชการในส่วนกลาง - พิจารณาปัจจัยที่มีความเสี่ยง เช่น สถานภาพทางการเมือง อาชีพที่มีความเสี่ยง พื้นที่ และประเทศที่มี ความเสี่ยง วัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรม และพฤติกรรมของลูกค้า เป็นต้น กรณีพบว่าลูกค้าให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือจงใจปกปิดข้อมูล ให้พิจารณาว่าลูกค้ามีความเสี่ยง โดยตรวจสอบ และยุติความสัมพันธ์การทำธุรกรรมกับลูกค้าโดยห้ามเปิดเผย หรือกระทำการใดให้ลูกค้าทราบ เกี่ยวกับการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงลูกค้า 4. ผู้ประกอบการร้านทอง ต้องจัดทำเอกสารนโยบายป้องกันการฟอกเงินเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ประจำร้าน โดย ประธานกรรมการ หรือ ผู้มีอำนาจสูงสุดของบริษัท ต้องลงนามในเอกสาร และประกาศเป็นนโยบายให้ เจ้าหน้าที่ และทุกคนในร้านรับทราบ และปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว 5. ผู้ประกอบการร้านทอง ต้องจัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับกฎหมาย ปปง. อย่างน้อย 10 ชั่วโมง พร้อมทั้งวัดผล ติดตามประเมินผลผู้ผ่าน การอบรม และจัดให้ผู้ได้รับการฝึกอบรมดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ในการจัดทำรายงาน หรือควบคุมการจัดทำรายงาน การจัดให้ลูกค้าแสดงตน และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าให้ถูกต้องตาม พรบ. และต้องจัดให้ผู้ ผ่านการอบรมตามระเบียบนี้ เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อทบทวนทุก 2 ปี

Read More

15/07/2562

“ศรีทองดำ” มะนาวพันธุ์ใหม่กินได้ทั้งเปลือก


ที่อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เกษตรกรท่านหนึ่งได้พัฒนามะนาวสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถกินได้ทั้งเปลือก ไม่มีรสขมและน้ำมาก จนเป็นที่ต้องการของตลาดโดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง มะนาวพันธุ์ใหม่นี้มีชื่อว่า“ศรีทองดำ” คุณประสิทธิ์ จิตสุวรรณ อายุ 65 ปี เกษตรหมู่ที่ 8 บ้านลำขนุน ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง คือผู้พัฒนาสายพันธุ์มะนาวศรีทองดำโดยนำยอดมะนาวพันธุ์ตาฮิติ มาเสียบเข้ากับส้มโอพันธุ์ปัตตาเวีย ใช้เวลาเพียง 8 เดือน มะนาวก็จะออกดอก และให้ผลผลิตดกเต็มต้นตลอดทั้งปี สามารถปลูกได้ทั้งกลางแจ้ง ในที่ร่มและในกระถาง มีผลใหญ่ คั้นน้ำได้เยอะ และเปลือกอ่อนนุ่มคล้ายส้มโอ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะร้านอาหารตามสั่ง ร้านส้มตำ โรงแรม และภัตตาคาร ซึ่งต้องใช้มะนาวจำนวนมากต่อวัน อีกทั้งยังทนแล้งได้ดี มีโรคและแมลงรบกวนน้อย ชาวบ้านจึงมักจะเรียกว่าศรีทองดำนี้ว่ามะนาวแก้ขัด เพราะกินได้ทั้งเปลือกไม่มีรสขม แถมรสชาติยังเปรี้ยวเหมือนมะนาวทั่วไป หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนามะนาวศรีทองดำมานานกว่า 5 ปี คุณประสิทธิ์ จึงขยายพันธุ์มะนาวศีทองดำไปให้เกษตรกรที่สนใจได้ปลูกเพื่อเก็บผลผลิตขายยามหน้าแล้ง โดยการขายกิ่งตอนมะนาวพันธุ์ศรีทองดำในราคากิ่งละ 50-100 บาท แต่เป็นการทำตามออเดอร์เท่านั้นเพื่อไม่ให้กิ่งตอนเน่าเสีย ส่วนผลสดจะเก็บขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัมๆ ละ 50 บาท ทำรายได้ให้เจ้าของสวนเป็นอย่างดีเพราะผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง ที่มะนาวเริ่มขาดแคลน และปรับราคาสูงขึ้นการปลูกมะนาวศรีทองดำจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรมะนาว เป็นไม้ผลมีรสเปรี้ยวจัดอยู่คู่ครัวคนไทยมานาน จัดอยู่ในพืชสกุลส้ม ผลมะนาวโดยทั่วไปมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 – 4.5 เซนติเมตร ต้นเป็นพุ่มเตี้ย สูงเต็มที่ราว 5 เมตร ก้านมีหนามเล็กน้อย มักมีใบดก ใบยาวเรียวเล็กน้อย คล้ายใบส้ม ส่วนดอกสีขาวอมเหลือง ปกติจะมีดอกผลตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าแล้ง จะออกผลน้อย และมีน้ำน้อยมะนาวเป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนในภูมิภาคนี้รู้จักและใช้ประโยชน์จากมะนาวมาช้านาน น้ำมะนาวนอกจากใช้ปรุงรสเปรี้ยวในอาหารหลายประเภทแล้ว ยังนำมาใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ และน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในประเทศไทย และประเทศต่างๆทั่วโลก นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดยังนิยมใช้มะนาวเป็นส่วนผสมหรือฝานเป็นชิ้นบางๆ เสียบไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรสในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึง 7% แต่กลิ่นไม่ฉุนอย่างมะกรูด น้ำมะนาวจึงมีประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาทำความสะอาด เครื่องหอม และการบำบัดด้วยกลิ่น หรือน้ำยาล้างจาน และยังมีคุณสมบัติที่สำคัญ ในการป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิดเพราะในมะนาวมีไวตามินซีเป็นปริมาณมากมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นสดชื่น เพราะมีส่วนประกอบของสารซิโตรเนลลัล ซิโครเนลลิล อะซีเตต ไลโมนีน ไลนาลูล เทอร์พีนีออล ฯลฯ รวมทั้งมีกรดซิตริค กรดมาลิก และกรดแอสคอร์บิก ซึ่งถือเป็นกรดผลไม้กลุ่มหนึ่ง เป็นที่ยอมรับว่าช่วยให้ผิวหน้าที่เสื่อมสภาพหลุดลอกออกไป พร้อมๆ กับช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ช่วยให้รอยด่างดำหรือรอยแผลเป็นจางลงอีกด้วย

Read More

15/07/2562

กีวีสีทอง


กีวีสีทอง ผลมีลักษณะทรงกลมรี ผิวเปลือกบางมีขนเล็ก ๆ แกนตรงกลางผลจะมีเมล็ดสีดำเล็ก ๆ เกาะอยู่รอบ ๆ ผลอ่อนจะมีลักษณะคล้ายกีวีสีเขียว ส่วนผลสุกจะมีสีเหลือง รสชาติหวาน เนื้อชุ่มฉ่ำน้ำ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จัดอยู่ในกลุ่มของ ซูเปอร์ฟรุ๊ต เพราะมี วิตามินซี อี ไฟเบอร์ โฟเลท โพแตสเซียม แอนตี้ออกซิแดนท์ กีวีสีทองนอกจากมีรสหวานฉ่ำ อมเปรี้ยวเล็กน้อยพอให้ละมุนลิ้นแล้วยังมีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการมากมาย มีวิตามิน C สูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกชนิด ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นหวัดง่าย การทานกีวีสีทองเพียงวันละ 1 ลูกจะเท่ากับปริมาณวิตามิน C ที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน ที่สำคัญยังแม้จะหวานมากแต่ก็มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำซึ่งคนเป็นเบาหวานสามารถรับประทานได้ ในกีวีสีทองยังมีสารเซโรโทนินที่ช่วยให้หลับสบายยาวนานตลอดคืน มีสารโฟเลตช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อย ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของสมองและระบบประสาท จึงเหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ มีโพแทสเซียมจำนวนมากที่ช่วยในการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีสมาธิดีขึ้น และกีวีสีทองยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายและป้องกันท้องผูกได้อีกด้วย นอกจากนี้ กีวีสีทองยังช่วยในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนทำงานได้ดีขึ้น ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี และเป็นแหล่งของวิตามินอี ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีโพแตสเซียมถึง 315 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับกล้วย 1 ผลแต่ให้แคลอรี่ต่ำกว่า ที่สำคัญคือ ด้วยมีไฟเบอร์สูงสำหรับผู้ที่มีปัญหาในระบบขับถ่ายแนะนำให้รับประทานทุกวันๆ ละ 2 ผล เพียง 1 สัปดาห์ระบบย่อยอาหารจะดีขึ้นพญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและ Anti-Aging Medicine แนะนำว่า ใน 1 วันเราควรรับประทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 กำมือ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ที่สำคัญความหวานจากผลไม้ช่วยให้ในระหว่างวันร่างกายไม่อ่อนเพลียและไม่ส่งผลเสียเท่ากับน้ำตาลทรายที่ใช้ปรุงอาหารในยปัจจุบัน กีวีถือเป็นหนึ่งในผลไม้ที่เราควรรัปประทาน เนื่องจากมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ล่าสุดมหาวิทยาลัยในประเทศนิวซีแลนด์ได้รายงานผลวิจัยเกี่ยวกับ“อาหาร-อารมณ์” พบว่า “หากรับประทานกีวีวันละ 2 ลูก เป็นประจำจะช่วยให้มีอารมณ์โดยรวมดีขึ้น ไม่หงุดหงิดง่าย ที่สำคัญจะรู้สึกมีพลังงานมากขึ้น” กีวีสีทองหรือ SunGold Kiwifruit เป็นกีวีสายพันธุ์ใหม่ ที่เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์ในประเทศนิวซีแลนด์ โดยใช้ระยะเวลาในการทดลองเพาะพันธุ์ยาวนานกว่า 10 ปี เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีรสชาติอร่อย อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่มากกว่าผลไม้ชนิดอื่นในทุกคำที่รับประทาน เหมาะกับผู้บริโภคทุกช่วงวัย หรือแม้กระทั่งผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

Read More

15/07/2562

สาหร่ายทะเล ทองคำเขียว


องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติรายงานว่า ประเทศชิลี, สเปน และญี่ปุ่น เป็นผู้ผลิตสาหร่ายทะเลระดับแถวหน้าของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนการผลิตสาหร่ายร้อยละ 60 เฉพาะชิลีประเทศเดียวส่งออกสาหร่ายถึงปีละ 1,800 ตัน จนสาหร่ายทะเลได้รับสมญาว่าเป็น “ทองคำสีเขียว”ที่ชายหาดเมืองกัวอิน เป็นแหล่งผลิตสาหร่ายทะเลที่สำคัญของประเทศชิลี เพราะมีภูมิประเทศเหมาะสม มีคลื่นต่ำ มีกระแสน้ำเย็นไหลเข้าสู่ชายฝั่งในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งกระแสน้ำในชิลีเอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมถึงการเพาะปลูกสาหร่ายทะเลทำให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกสาหร่ายทะเลบนชายหาดได้เกษตรกรที่เมืองกัวอินใช้วิธีการเพาะปลูกสาหร่ายแบบเก่า นั่นคือ การปลูกด้วยมือโดยไม่มีเครื่องจักร เมื่อครบ 15 วัน ก็สามารถเก็บสาหร่ายทะเลได้แล้ว ชิลีผลิตสาหร่ายทะเลหลายรูปแบบตามแนวชายฝั่งระยะทาง 4,500 กิโลเมตร และส่งออกปีละ 6,000 ตัน อย่างไรก็ตาม สถาบันส่งเสริมการประมงแห่งชาติระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว อุตสาหกรรมสาหร่ายทะเลส่งออก คิดเป็นมูลค่า 246 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8,610 ล้านบาท ทำให้ชิลี กลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตสาหร่ายรายใหญ่ของโลก ซึ่งส่วนใหญ่ส่งออกไปเอเชีย รวมถึงจีน ญี่ปุ่น และไทย แต่ความต้องการสาหร่ายทะเลหรือทองคำสีเขียวที่เพิ่มขึ้น และแรงกดดันมหาศาลทางระบบนิเวศ ทำให้สาหร่ายทะเลถูกคุกคาม สาเหตุที่ทำให้สาหร่ายทะเลได้รับความนิยมสูง เพราะสามารถนำไปผลิตสินค้าได้มากมายตั้งแต่ไอศกรีมไปจนถึงอาหารเสริม และเครื่องสำอาง รวมไปถึงสีย้อมผ้า พลาสติก ตลอดจนใช้ทดแทนเจลาติน อีกทั้งสาหร่ายทะเลยังได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนที่กินอาหารมังสวิรัติ, อาหารเจ และผู้คนที่หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ ด้วยเหตุผลทางศาสนาและสุขภาพ ปัจจุบันชิลี กลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตสาหร่ายรายใหญ่ของโลก ซึ่งส่วนใหญ่ส่งออกไปเอเชีย รวมถึงจีน ญี่ปุ่น และไทย แต่ความต้องการสาหร่ายทะเลหรือทองคำสีเขียวที่เพิ่มขึ้น และแรงกดดันมหาศาลทางระบบนิเวศ ทำให้สาหร่ายทะเลถูกคุกคาม

Read More

15/07/2562

บ้านทองสมสมัย ผู้ให้กำเนิดทองสุโขทัย


“บ้านทองสมสมัย” เป็นร้านทองร้านแรกที่ถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดรูปแบบทองลายโบราณ หรือ ทองสุโขทัย งานหัตถศิลป์ที่มีความปราณีตงดงามด้วยศิลปะแห่งทองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย ที่ยิ่งใหญ่จากอดีตถึงปัจจุบันเป็นต้นแบบของทองสุโขทัยมายาวนานกว่า 80 ปีตำนานบ้านทองสมสมัยเริ่มขึ้นเมื่อปี 2473 นายเชื้อ วงศ์ใหญ่ คือผู้ที่ทำให้ทองสุโขทัยหรือทองศรีสัชนาลัยมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เริ่มแรกเขาเรียนรู้วิชาทำทองมาจากช่างทองชาวจีน และได้ฝึกฝนศึกษาเพิ่มเติมจนสามารถทำทองได้ทุกรูปแบบจึงเปิดร้านทำทองเป็นของตนเองโดยจะรับทำทองตามที่ลูกค้าต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเพียงสร้อยคอ แหวน หรือกำไล ที่มีลวดลายเรียบๆ และมีลวดลายอยู่เพียงไม่กี่แบบเท่านั้น โดยอาศัยเครื่องมือง่ายๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใช้เอง ใช้ทองคำ96.5% ต่อมานายเชื้อได้ถ่ายทอดวิชาช่างทองให้แก่บุตรสาวชื่อสมสมัยจนมีความรู้ความสามารถในการทำทองอย่างเชี่ยวชาญเช่นเดียวกับบิดา ในยุคของคุณสมสมัยนี้ งานทำทองเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นและได้เริ่มผลิตสร้อยถักรูปแบบทองโบราณซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด จึงเริ่มผลิตทองคำรูปพรรณลวดลายอื่นๆ โดยศึกษาลวดลายจากแหวนทอง สร้อยถักโบราณ และลวดลายที่ปรากฏในลายปูนปั้นตามโบราณสถานในจังหวัดสุโขทัย พร้อมกับใช้ทองคำบริสุทธิ์99.99% ซึ่งเป็นเนื้อทองที่ใช้ทำทองคำในสมัยโบราณ ซึ่งมีข้อดีคือ ได้เนื้อทอง “สีดอกจำปา” มีความสุขสว่างกว่า หรือที่เรียกว่า “ทองสีดอกบวบ” ซึ่งแทบทุกชิ้นได้ผลตอบรับดี มียอดการผลิตเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เวลาต่อมาการทำทองคำลวดลายโบราณเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และมีการถ่ายทอดการทำทองคำไปในหมู่เครือญาติของครอบครัว นอกจากนี้คุณสมสมัยยังได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการทำทองสุโขทัยไปยังช่างทองอื่นๆ ที่ไม่ใช่เครือญาติเพื่อให้ศิลปะแขนงนี้แพร่หลายและไม่สูญหาย เช่น การรับนักศึกษาจากสถาบันต่างๆเข้ามาฝึกงาน เช่น มหาวิทยาลัยศิลปากร กาญจนาภิเษก วิทยาลัยช่างทองหลวง และวิทยาลัยการอาชีพศรีสัชนาลัย ปัจจุบันทองสุโขทัยกลายเป็นเครื่องหมายการค้าที่ร้านทองต่างๆนำไปใช้เป็นจุดขายแต่ความจริงการผลิตแตกต่างจากทองสุโขทัยอย่างสิ้นเชิงเป็นเพียงการนำทองรูปพรรณมาลงยาเท่านั้น แต่ทองสุโขทัยแท้มีจุดเด่นอยู่ที่การถักทอ การถม กี่ลงยา หรือ ลงราชาวดี สีของทองจะเป็นสีเหลืองจำปาเพราะใช้ทองคำบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สีเหลืองดอกบวบเหมือนทองตู้แดงลงยาที่มีความบริสุทธิ์ 96.5 เปอร์เซ็นต์

Read More

15/07/2562

ทองหลาง


ทองหลาง(Indian Coral Tree) พืชตระกูลถั่วลำต้นใหญ่เป็นพืชชายน้ำที่ขึ้นง่ายโตไวแค่ใช้กิ่งปักแทนการปลูกด้วยเมล็ดตรงจุดที่ต้องการก็สามารถเจริญเติบโตได้ดี มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ในแถบเอเชียเขตร้อนและอบอุ่น อินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้ และ ออสเตรเลีย โดยมากมักปลูกริมตลิ่งชายคลองคันสวนที่ยกเป็นร่องเพื่อลดการกัดเซาะพังทลายของดินและเป็นปุ๋ยอย่างดีแก่พืชอื่นๆเพราะอุดมด้วยธาตุอาหารต่างๆที่เป็นประโยชน์นับเป็นพืชสะเทินน้ำสะเทินบกที่ดีมากชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ รากของต้นทองหลางยังมีคุณสมบัติพิเศษ สามารถดูดเก็บเอาน้ำในดินเลี้ยงลำต้นได้มากกว่าไม้ทุกชนิด ดังนั้นการปลูกต้นทองหลางไว้หลายๆต้นจะทำให้พื้นดินชุ่มชื้น ต้นไม้ใกล้เคียงอื่นๆจึงเจริญงอกงามไปด้วย ต้นทองหลางจึงเหมาะที่จะเป็นพืชที่บำรุงดินเพราะสามารถตรึงธาตุไนโตรเจนจากอากาศมาเป็นปุ๋ย และเป็นเครื่องมือฟื้นฟูระบบนิเวศน์ได้เป็นอย่างดีลักษณะของทองหลาง เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10-20 เมตร ผิวเปลือกลำต้นบางสีเทา มีหนามแหลมคมหรือบางชนิดมีหนามเล็กๆ ยอดเป็นพุ่ม โปร่ง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลางจะโตกว่าสองใบด้านข้าง ลักษณะใบเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายใบโพธิ์ กว้างประมาณ 2-3 นิ้ว ยาวประมาณ 3-5 นิ้ว ผิวใบเรียบ สีเขียวหรือด่างเหลืองๆใต้ท้องใบมีสีขาวขุ่น ก้านช่อยาวประมาณ 3-5 นิ้ว บางชนิดลักษณะใบมนคล้ายกับใบของถั่วพู ใบโตประมาณ 3-4 นิ้ว ก้านใบจะมีใบย่อย 3 ใบ และบางชนิดใบประกอบ เรียงสลับ มี 3 ใบย่อย มีหูใบ ใบย่อยรูปไข่หรือโค้ง ใบมีขน ทองหลางออกดอกเป็นช่อติดกันเป็นกลุ่มออกตามบริเวณข้อต้น หรือโคนก้านใบช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ลักษณะดอกคล้ายกับดอกถั่วมีสีแดง หรือชมพู กลีบดอกกว้างประมาณ 1-2 นิ้ว ยาวประมาณ 2-3 นิ้ว ช่อดอกยาวประมาณ 4-8 นิ้ว มีผลเป็นฝักแบนโค้งเล็กน้อย ยาวประมาณ 15 -30 ซ.ม. เป็นข้อๆสีน้ำตาลเข้ม โคนฝักจะลีบเล็ก ผลแก่ฝักจะแตกที่ปลายอ้าออก ภายในฝักมีเมล็ดเป็นเหลี่ยม บ้างฝักยาวคอดเป็นข้อๆ สีน้ำตาลเข้ม และบ้างฝักแคบ ภายในมีเมล็ด 2-4 เมล็ด ทองหลางมีประโยชน์มากมายใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ เป็นไม้มงคลประจำบ้านและไม้พี่เลี้ยง เกษตรกรนิยมปลูกทองหลางไว้ในสวนทุเรียน มังคุด มะไฟ เพราะราก ลำต้น ใบ ดอก เป็นปุ๋ยอย่างดีกับพืช ดูดซับน้ำในดินไว้เลี้ยงลำต้นได้มากกว่าพืชทุกชนิด สร้างธาตุอาหาร หาอาหาร และรักษาความชื้นให้กับพืชประธานใบแก่ที่ร่วงหล่นจะผุพังงกลายเป็นปุ๋ยได้อีกต่อหนึ่ง ทองหลางมีคุณค่าทางอาหารหลายอย่าง ใบทองหลางอุดมด้วยโปรตีนเหมาะที่จะใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ แกะ ส่วนใบอ่อนเป็นผักยอดฮิตใช้รับประทานร่วมกับเมี่ยงคำ ส้มตำมะละกอ บ้างเป็นผักจิ้มน้ำพริก เป็นผักสดเคียงเมี่ยง ปลาทู ปลาแหนม เป็นต้น ใบทองหลางผักที่มีกากใย อาหารมาก อุดมด้วยวิตามินเอและสารอาหารอีกหลายตัวที่จะช่วยบำรุงร่างกาย ดีต่อตัวและหัวใจเหมาะกับการเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ บำรุงตา บำรุงกระดูก แก่คนทั่วไป

Read More

03/07/2562

ทำเลทอง อีอีซี


โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำให้มีการขยายการลงทุนด้านสาธารณูปโภค การคมนาคมจากภาครัฐเพื่อรองรับพื้นที่ภาคตะวันออก ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่ 3 จังหวัดได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เติบโตตามไปด้วย ทำให้พื้นที่ใน 3 จังหวัดนี้กลายเป็น “ทำเลทอง” ไปในทันที ทั้งเพื่อการลงทุนและการพัฒนาเป็นที่พักอาศัย เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่จะหลั่งไหลเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่เพื่อทำงานกันมากยิ่งขึ้นศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้เปิดเผยรายงานสรุปผลการสำรวจอุปสงค์และอุปทานของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ที่ผ่านมา ใน 3 พื้นที่จังหวัดโครงการอีอีซี ระบุว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีโครงการรวม 974 โครงการ มูลค่า 561,227 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 760 โครงการ มูลค่า 301,093 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 198 โครงการ มูลค่า 245,247 ล้านบาท และโครงการวิลล่า 16 โครงการ มูลค่า 14,888 ล้านบาท มีหน่วยเหลือที่รอขายเพียง 54,653 หน่วย หรือเพียง 37.1% ของหน่วยในโครงการทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นบ้านจัดสรร 39,829 จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พบว่าในพื้นที่จังหวัดในอีอีซี โดยสรุปภาพรวมในปี 2561 ทั้งปีสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2560 ซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชน วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา โดยตั้งเป้าให้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นเมืองน่าอยู่ รองรับการขยายตัวของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก จังหวัดชลบุรีเป็นศูนย์กลางการศึกษาและพัฒนาทักษะนานาชาติ “ศรีราชา-แหลมฉบัง” เป็นเมืองอุตสาหกรรมการผลิตสมัยใหม่ เชื่อมสู่การผลิตภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและอาเซียน “พัทยา-สัตหีบ-อู่ตะเภา” เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ครอบครัว สุขภาพ และสันทนาการระดับโลก รวมถึงศูนย์ธุรกิจการบินและโลจิสติกส์แห่งอาเซียน และยกระดับ “มาบตาพุด-ระยอง” เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในอาเซียน และอุตสาหกรรมพลังงานเคมี ชีวภาพ วิจัยอาหารและไบโออีโคโนมี ส่วนแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่เขตอีอีซีปี 2562 คาดการณ์ว่ายังโตต่อเนื่องในไตรมาส 1 แต่ในช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ของปี 2562 ด้านอุปสงค์ จะชะลอตัวลง คาดการว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจะลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า เมื่อเทียบกับปี 2561 ส่วนในด้านอุปทานที่อยู่อาศัยจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซีของภาครัฐ โดยมีข้อสังเกตว่า ราคาที่ดินที่สูงขึ้น ส่งผลให้อุปทานบ้านแนวราบมีแนวโน้มที่จะมีการขยายตัว โดยเป็นการขยายตัวในกลุ่มของทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดมากขึ้น ขณะที่อาคารชุดจะยังเป็นอุปทานที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป จากการจัดเก็บข้อมูลภาพรวมในปี 2561 ตลอดทั้งปี มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยใน 3 จังหวัดอีอีซี จำนวน 165 โครงการ 17,290 หน่วย จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยคือประมาณ 0.6% แต่จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยในไตรมาส 4 ปี 2561 มีการขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน โดยส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์มากที่สุด จำนวน 2,634 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 5% ของจำนวนการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั้งหมด รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 1,129 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 22.7% และบ้านแฝด จำนวน 1,110 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 22.3% ส่วนที่เหลือเป็น อาคารพาณิชย์และที่ดินจัดสรรทั้งนี้ ในปี 2561 มีการขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดินโดยส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์มากที่สุด จำนวน 9,749หน่วย รองลงมาเป็นบ้านแฝด จำนวน 3,879 หน่วย และบ้านเดี่ยว จำนวน 3,360 หน่วย เป็นอาคารพาณิชย์จำนวน 238 หน่วย และที่เหลือเป็นที่ดินจัดสรรจะเห็นว่า การเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่อีอีซี มีทิศทางที่สะท้อนความต้องการจริงไม่เป็นเพียงฟองสบู่แบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายพื้นที่

Read More

03/07/2562

ทองผาภูมิ


ทองผาภูมิ เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี เดิมเป็นหัวเมืองเก่า พระนั่งเหล่าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงเล็งเห็นว่าบริเวณแม่น้ำแควน้อยเป็นชุมชนที่หนาแน่น จึงให้ตั้งหัวเมืองขึ้น ได้แก่เมืองสังขละบุรี เมืองไทรโยค และเมืองทองผาภูมิ เพื่อให้เกิดยุทธศาสตร์ด้านการข่าว ให้พม่าเห็นว่าไทยมีกำลังเข็มแข็งพม่าจะได้ไม่กล้ารุกราน และยังเป็นเมืองกันชนคอยส่งข่าวข้าศึกให้เมืองหลวงทราบต่อมาประมาณ ร.ศ.120 (พ.ศ. 2444)ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 พระองค์ ทรงปรับปรุงระเบียบบริหารราชการแผนดินใหม่ เมืองหน้าด่านอยางเมืองทองผาภูมิ จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “อําเภอสังขละบุรี” ตั้งอยู่ทางฝังตะวันออกของแม่น้ำแควน้อย ทีบ้านท่าขนุน มีเจ้าเมืองปกครองขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาเมื่อปี 2482 ได้เปลี่ยนชื่เมืองให้ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ และสอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติที่สําคัญคือ “ทองคํา” ซึ่งเป็นทรัพย์ยากรธรรมชาติ ที่พบมากในอําเภอนี้โดยเปลี่ยนชื่อเป็น “กิ่งอําเภอทองผาภูมิ” จนกระทังปี พ.ศ. 2484 จึงได้ยกฐานะเป็น อําเภอทองผาภูมิ จนถึงปัจจุบัน อําเภอทองผาภูมิ มีศิลปวัฒนธรรมแบบไทยภาคกลางทียังคงมีการยึดถือปฎิบัติกันมาตามแบบวิถีไทย แต่เนื่องจากอําเภอทองผาภูมิอยู่ติดกับตะเข็บชายแดนไทย – พม่าจึงมีชนกลุ่มน้อยอพยพเข้ามาตั้งถินฐานกันมาก ทําให้มีวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตความเป็นอยู่หลากหลาย โดยชนเผ่าทีมีความโดดเด่นและอาศัยอยู่เป็ นจํานวนมาก คือ ชาวกะเหรียงและพม่าปัจจุบัน ทองผาภูมิได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งประเทศไทย และเป็นหนึ่งสถานที่ทองเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเป็นที่ชื่นชอบของนักเดินป่าศึกษาธรรมชาติ และนักผจญภัย ที่โด่งดังที่สุดคือ เขาช้างเผือก เป็นหนึ่งในสุดยอดเส้นทางของผู้รักการผจญภัย เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ คือสูงประมาณ 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในแต่ละปีจะมีการเปิดให้ไปพิชิตยอดเขาเพียงปีละ 1 ครั้ง ครั้งละไม่กี่เดือน และต้องจองล่วงหน้า บนยอดเขาช้างเผือก สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติแบบ 360 องศาที่สวยงามสามารถมองเห็นไปถึงเขื่อนวชิราลงกรณ์ ส่วนในวันที่ไม่มีหมอกก็สามารถมองเห็นประเทศพม่าและทะเลอันดามันได้ด้วย อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของทองผาภูมิคือ ปิล็อก ตำบลหนึ่งในอำเภอทองผาภูมิ ในอดีตที่นี่เคยรุ่งเรืองด้วยแร่ธาตุต่างๆ ในฐานะเหมืองปิล็อกที่ใครหลายคนคุ้ยเคยกัน แต่ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจทำทำให้เหมืองปิล็อกปิดตัวลงคงไว้เพียงตำนาน และปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของทองผาภูมิที่มีสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยด้วยทะเลภูเขานั่นเอง

Read More

03/07/2562

Globe of Jewel หรือลูกโลกทองคำ ใน National Jewelry Museum


พิพิธภัณฑ์เครื่องเพชรพลอย National Jewelry Museum ของอิหร่านเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บเครื่องเงิน ทอง และเครื่องประดับอัญมณีเพลรพลอย และไข่มุก ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกกลางกรุงเตหะราน ซึ่งเป็นสมบัติเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ซาฟาวิด จนถึงสมัยราชวงศ์ปาห์ลาวี มีทั้งงานฝีมือช่างชาวอิหร่านและฝีมือห้างเพชรทองชื่อดังจากฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในห้องนิรภัยของธนาคารชาติอิหร่าน กลางกรุงเตหะราน มีเครื่องประดับชิ้นสำคัญมากมายเช่น Globe of Jewel หรือลูกโลกทองคำ Darya-i-nur หรือ Sea of light มหามงกุฎแห่งราชวงศ์ปาห์ลาวี บัลลังก์นกยูง เป็นต้นGlobe of Jewel หรือลูกโลกทองคำ สร้างเมื่อปี 1869 โดยคำสั่งของ Nasser-ed-din มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 66 เซนติเมตร ตัวขาตั้งทำจากทองและประดับอัญมณี โดยใช้ทองคำหนัก 34 กิโลกรัม ประดับอัญมณี 51,366 เม็ด ซึ่งมีน้ำหนัก 18,200 กะรัตในการสร้างสรรค์ชิ้นงานนี้ มีการใช้ มรกตแทนสีเขียวของ ทะเลและมหาสมุทร และใช้ทับทิมแทนบริเวณที่เป็นแผ่นดิน ส่วนที่เป็นประเทศอิหร่าน อังกฤษ ฝรั่งเศส และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ประดับด้วยเพชร และใช้ทับทิมสีอ่อนแทนประเทศอินเดีย บัลลังก์นกยูง ( The Peacock Throne หรือ Sun Throne) หรือบัลลังก์สุริยัน ประดับด้วยเพชรนิลจินดามากกว่า 26,000 ชิ้น ในหนังสือ ‘Treasury of National Jewels ...Witnesses of History’ ของธนาคารชาติอิหร่าน บรรยายเกี่ยวกับบัลลังก์นกยูงไว้ว่า ไว้ว่า สร้างในสมัย ฟาตห์ อาลี ชาห์ แห่งราชวงศ์กอญัร (ค.ศ.1772-1834) และตั้งชื่อว่า Peacock Throne ตามชื่อสนมคนโปรดของ ฟาตห์ อาลี ชาห์ ที่ชื่อ ‘Tavous khanoom’ ที่มีการเรียกขานอีกชื่อว่า Lady Peacock (Tavous เป็นภาษาเปอร์เซีย แปลว่า นกยูง) ต่อมา บัลลังก์นี้ ผ่านการปรับปรุง-ตกแต่ง-เพิ่มเติมหลายครั้งในสมัยชาห์อิหร่านในยุคต่อๆ มา จนกลายเป็นบัลลังก์ตามรูปแบบที่เห็นกันในปัจจุบัน Darya-i-nur หรือ Sea of light เพชรสีชมพูอ่อน 182 กะรัต ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่รายล้อมด้วยอัญมณีอื่นที่ล้ำค่าถึงเกือบห้าร้อยเม็ด เป็นเครื่องประดับชิ้นที่สำคัญที่สุดในพิพิธภัณฑ์นี้ ว่ากันว่า เดิมเพชรเม็ดนี้หนักถึง 242 กะรัต แต่ภายหลังมีการตัดแบ่งออกเป็น 2 เม็ด ในหนังสือ Treasury of National Jewels ของธนาคารแห่งชาติอิหร่าน ระบุอีกว่า เพชรสีชมพู เป็นเพชรเม็ดหนึ่งที่ประดับอยู่ในมงกุฎของ พระเจ้าไซรัสมหาราช (600 หรือ 576 - 530 ก่อนคริสตกาล) ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเพชรในอดีตเชื่อว่า เพชร Darya –i- Nour กับ เพชร Noor-ul-Ain (ดวงตาแห่งแสง) น่าจะเป็นเพชรเม็ดเดียวกัน ก่อนถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน โดยเพชรดวงตาแห่งแสงนั้น ถูกนำไปประดับในมงกุฎรัดเกล้าให้กับ ฟาราห์ ปาห์ลาวี มเหสีของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี แห่งอิหร่าน ปัจจุบันตั้งแสดงในห้องนิรภัยของธนาคารชาติอิหร่านนั่นเองส่วน เพชร Koh-i-Noor ว่ากันว่า ตกไปอยู่ในมือของ บริษัทอีสต์อินเดีย ของอังกฤษ หลังจากอาณาจักรซิกข์ แห่งอินเดียเหนือ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามอังกฤษ-ซิกข์ ครั้งที่สอง จนในที่สุดยอดเพชรในตำนานเม็ดนี้ ตกอยู่ในความครอบครองของ ควีนวิคตอเรีย และต่อมากลายไปเป็นเพชรประดับมงกุฎราชินีแห่งราชวงศ์อังกฤษ ในปัจจุบัน ถูกเก็บรักษาและจัดแสดงที่หอคอยแห่งลอนดอน ...มีข่าวหลายครั้งว่าคนอินเดียทวงคืน แต่รัฐบาลอังกฤษปฏิเสธที่จะส่งกลับนอกจากนี้ยังมีมหามงกุฎแห่งราชวงศ์ปาห์ลาวี ใช้ในพระราชพิธีราชาภิเษกของพระเจ้าชาห์แห่งราชสกุลปาห์ลาวีทั้ง 2 พระองค์ มงกุฎนี้ทำจากเงินและทอง กรุผ้ากำมะหยี่สีแดงปักประดับเพชร รวมน้ำหนักมงกุฎทั้งสิ้นกว่า 2 กิโลกรัม ซึ่งนอกจากจะแสดงอัญมณีบนเครื่องประดับแล้วพิพิธภัณฑ์เครื่องเพชรพลอย National Jewelry Museum ยังจัดแสดง เพชร พลอย ไข่มุก เป็นแบบ ชิ้นๆ (loose piece) ในถาดอีกมากมาย

Read More

03/07/2562

บัลลังก์ทอง


“บัลลังก์ทอง”หรือแก้วกาญจนา เป็นพันธุ์ไม้ประดับในสกุลอโกลนีม่า ที่มีหลายชนิดหลายสายพันธุ์และมีความสวยงามแตกต่างกัน เช่น เขียวหมื่นปี ทางช้างเผือก ทางสายเดี่ยว เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์เขียว เสน่ห์จันทร์ดำ รวมถึงพันธุ์ไม้ประดับที่ได้รับความนิยมอย่างกวักแม่ทองคำ โพธิ์บัลลังก์ ก็ล้วนเป็นพันธุ์ไม้ประดับในสกุลเดียวกับ บัลลังก์ทอง ทั้งสิ้น บัลลังก์ทอง เป็นพันธุ์ไม้ใบที่มีความนิยมสูงสุด มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนทั่วๆไป หรือบริเวณเส้นศูนย์สูตรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่อินเดียลงไปจนถึงมาเลเซีย หมู่เกาะในประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ เป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบแดดที่รำไรหรือกึ่งแดดกึ่งร่ม ถ้าได้รับแสงจัดจะทำให้สีใบเข้มสวยแต่อายุใบจะสั้น รากของบัลลังก์ทองชอบดินเย็น ต้องการน้ำปริมาณมาก ชอบดินร่วนระบายน้ำดี ควรผสมกากมะพร้าวสับ ผสมใบไม้ผุ คลุกเคล้าด้วยปุ๋ยคอก ถ้าได้ให้ปุ๋ยค้างคาวเดือนละครั้งก็จะทำให้สีสวยจัด ปุ๋ยสูตรที่เหมาะสม คือ46-0-0 หรือ 15-0-0 ที่จะให้ใบสีสวย และปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ เช่น แคลเซียมไนเตรท -จี หรือปุ๋ยเกล็ดสูตร 19-6-20 ส่วนการขยายพันธุ์ทำได้โดยการตอน แยกหน่อ บัลลังก์ทอง เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก อายุหลายปี ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่แกมใบหอก ปลายเรียวแหลม โคนมน ขอบใบเรียบ ใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ค่อนข้างเรียบ เกลี้ยง เป็นมัน ก้านใบกลมเป็นร่องสีขาว ลิ้นใบยาวแผ่กว้างไปตามความยาวของกาบใบ กาบใบเป็นร่องห่อหุ้มลำต้น แผ่นใบสีเขียวเข้ม แต้มสีเขียวอ่อนประปราย เส้นกลางใบสีชมพู เส้นกลางใบนูนเด่นชัดบริเวณโคนและค่อยๆเล็กลงจนสุดปลายใบ ออกดอกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดมีกาบ ออกบริเวณซอกใบ ดอกสีขาวบัลลังก์ทองยังเป็นพันธุ์ไม้ประดับที่ยังอยู่ในความนิยมของคนรักต้นไม้และยังเป็นของสวยงามและถือว่าเป็นไม้มงคลที่จะมอบให้แก่กันด้วยความยินดีทั้งผู้ให้และผู้รับอีกด้วย แต่เนื่องจากการผสมพันธุ์ที่เกิดเป็นบัลลังก์ทองที่ยีนในสายพันธุ์ยังไม่นิ่ง บางครั้งจะพบว่า ในกอของบัลลังก์ทองอาจจะมีต้นหนึ่งโผล่ขึ้นมามีใบเป็นสีเขียว ที่ในวงการเรียกกันว่า บัลลังก์มรกต ก็มีค่ะไม่เพียงแต่มีความสวยงาม ต้นบัลลังก์ทอง หรือแก้วกาญจนา ยังเป็นเหมือนเครื่องฟอกอากาศเพราะ มีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี และยังเป็นไม้มงคลที่ช่วยเสริมศิริมงคล ทำให้ผู้ปลูกมีชีวิตราบรื่น มีความสมบูรณ์ในทรัพย์สินเงินทองและให้โชคลาภแก่ผู้ที่อยู่ในบ้านอีกด้วย บัลลังก์ทอง ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งไม้ประดับ สกุลอโกลนีม่ามาจากภาษาอังกฤษ ว่า aglos ซึ่งเป็นรากศัพท์จากภาษากรีก แปลว่า แสงสว่าง หรือความสดใส ส่วนคำว่า nema แปลว่า thread คือเส้นใยบาง ๆ หรือเกลียว มีการตั้งชื่อสายพันธุ์ภาษาไทยที่สื่อความหมายทางโชคลาภ เช่น กวักมหามงคล บัลลังก์ทับทิม บัลลังก์ทอง หยกกาญจนา เป็นต้น

Read More

03/07/2562

เจ้าดาราทอง เจ้าชายนักแข่งรถแห่งสยาม


ในปลายทศวรรษที่ 1830 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในอังกฤษ ลงข่าวเจ้าชายแห่งสยามที่ทรงชนะเลิศอันดับหนึ่งของการแข่งรถระหว่างชาติทั่วทวีปยุโรป 3 ปีซ้อน คือปี 1936 ปี 1937 และ ปี 1938 จนคว้าตำแหน่ง" ดาราทอง "ของสมาคมนักแข่งรถอังกฤษมาครอง เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ประชาชนทั่วไปในยุโรปรู้จักชื่อ ประเทศสยาม เจ้าชายพระองค์นั้นคือพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช “พระองค์พีระ” เจ้าของฉายา “เจ้าดาราทอง” พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชและหม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา พระองค์ประสูติเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2457 จบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนอีตัน และเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และเปลี่ยนไปศึกษาด้านประติมากรรม ที่ Byam Shaw School of Art พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ทรงแข่งรถโดยได้รับการสนับสนุนจาก "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์" ทั้งสองพระองค์มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในหมู่นักแข่งรถในชื่อ Prince Bira และ Prince Chula ทรงขับรถยี่ห้อ อี.อาร์.เอ. (English Racing Automobiles - E.R.A.) ทาสีฟ้าสดใส รถที่ใช้ในการแข่งขัน ชื่อ รอมิวลุส (Romulus) รีมุส (Remus) และ หนุมาน (Hanuman) สีฟ้าแบบนี้ ปัจจุบันเรียกว่า ฟ้าพีระ (Bira blue)พระองค์เจ้าพีระทรงมีพระปรีชาด้านการแข่งรถจนเป็นที่ยอมรับ โดยทรงชนะเลิศการแข่งขันครั้งแรกในรายการ Coupe de Prince Rainier ที่เซอร์กิตเดอโมนาโก (รายการ โมนาโกกรังด์ปรีซ์ในปัจจุบัน) ได้รับถ้วยเจ้าชายเรนีย์แห่งโมนาโก เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2479 โดยทรงขับรถรอมิวลุส และทรงชนะเลิศการแข่งรถกรังด์ปรีซ์ในยุโรปอีกหลายครั้ง ระหว่างปี ค.ศ. 1936, 1937 และ 1938 จนได้รางวัล ดาราทอง (BRDC Road Racing Gold Star) จากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร 3 ปีซ้อน และได้รับการบรรจุชื่อในหอเกียรติยศของสมาคมนักแข่งรถอังกฤษเมื่อปลายปี พ.ศ. 2480 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช เสด็จกลับมาเยี่ยมประเทศไทย และนำรถรอมิวลุส กลับมาขับโชว์ และจัดประลองความเร็วที่ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2480 โดยราชยานยนต์สมาคมแห่งสยาม และจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมที่วังจักรพงศ์ มีผู้คนเข้ามาชมเป็นจำนวนมากและทั้งสองพระองค์ยังทรงเป็นกำลังสำคัญ ในการเตรียมการจัดการแข่งขันกรุงเทพกรังด์ปรีซ์ (Bangkok Grand Prix) โดยเชิญนักแข่งชั้นนำมาแข่งขันบนเส้นทางรอบสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง ระยะทาง 2 ไมล์ ในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2492 แต่การแข่งขันนี้ต้องยกเลิกไป เพราะเกิดสงครามโลกขึ้นเสียก่อน ด้านชีวิตครอบครัวพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช เสกสมรส 5 ครั้ง กับหม่อมซิริล เฮย์คอค ชาวอังกฤษ หม่อมชลิต้า โฮวาร์ด ชาวอาร์เจนตินา หม่อมสาลิกา กะลันตานนท์ หม่อมอรุณี จุลทะโกศล และหม่อมชวนชม ไชยนันท์ เมื่อพ.ศ. 2526 เสด็จกลับไปอังกฤษอีกครั้ง เก็บพระองค์อย่างชายชราที่ไม่มีใครรู้จัก ทรงแวะเยี่ยมหม่อมซีริลเป็นครั้งสุดท้าย สองวันก่อนคริสต์มาสคือวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2528 ชายชราคนหนึ่งล้มลงสิ้นลมหายใจที่สถานีรถไฟบารอนส์คอร์ต ไม่มีใครทราบว่าชายชาวเอเชียคนนี้เป็นใคร ไม่มีหลักฐานอะไรในตัวเขา นอกจากจดหมายเขียนเป็นภาษาที่ตำรวจอ่านไม่ออก สก๊อตแลนด์ยาร์ดส่งจดหมายไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญทางภาษาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ทราบอีก 7 วันต่อมาว่าชายชราผู้นั้นคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช เจ้าดาราทองผู้โด่งดังที่สุดเมื่อ 50 ปีก่อน สิ้นพระชนม์ในวัย71 ปี

Read More

03/07/2562

รัดพระองค์ทองคำ / ปั้นเหน่งเพชร แห่งตระกูล จักรพงศ์


ที่พิพิธภัณฑ์ victoria & albert museum ประเทศอังกฤษ มีสมบัติเก่าแก่ของตระกูล จักรพงศ์ จัดแสดงอยู่ นั่นคือ รัดพระองค์ทองคำ(เข็มขัด) และปั้นเหน่งเพชร(หัวเข็มขัดเพชร) ซึ่งคาดว่าหม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงศ์ (มารดาของฮิวโก้ จุลจักร จักรพงศ์) อนุญาตให้ทางพิพิธภัณฑ์ยืมมาจัดแสดงไว้ ไม่ใช่การจำหน่ายถ่ายโอนแต่อย่างใด ซึ่งบ่อยครั้งที่พิพิธภัณฑ์ดังๆจะยืมเครื่องประดับจากราชวงศ์ในยุโรปหรือราชวงศ์อื่นๆทั่วโลกไปจัดแสดงเพื่อให้คนทั่วไปได้ชื่นชมชม ในเว็บไซต์ทางการของพิพิธภัณฑ์ victoria & albert museum ได้อธิบายถึงรัดพระองค์ทองคำ(เข็มขัด) และพระปั้นเหน่งเพชร(หัวเข็มขัดเพชร)นี้ไว้ว่า “รัดพระองค์เส้นนี้ ได้ถูกสั่งทำโดย สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในช่วงยุคปี 1890 งานประดับทองนี้ ถือว่าเป็นงานประณีตขั้นสูง สมกับที่ได้รับการพระราชดำรัสให้จัดทำขึ้นโดยพระราชวงศ์ชั้นสูง ในส่วนของรัดพระองค์มีความสลับซับซ้อน บ่งบอกถึงประเพณีอันยาวนานของการถักทอง ทอเส้นทอง ออกมาอย่างวิจิตรงดงามของไทย และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงฉลองพระองค์ด้วยรัดพระองค์เส้นนี้ ” ทั้งนี้ได้มีพระบรมฉายาลักษณ์แสดงประกอบยืนยันด้วย รัดพระองค์ทองคำและพระปั้นเหน่งเพชร นี้หม่อมอลิซาเบธ จักรพงศ์ ณ อยุธยา(คุณยายของ ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์) พระชายาในพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ เคยใส่เข้าร่วมพิธีพระบรมราชาภิเษก ของพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ด้วย ปัจจุบันตกทอดมาเป็นสมบัติของทายาทของตระกูลจักรพงศ์ ที่สืบเชื้อสายโดยตรงมาจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งนอกจากรัดพระองค์ และพระปั้นเหน่งเพชรนี้แล้วก็ยังมีสมบัติเก่าแก่ล้ำค่าอีกมากมายที่ตกทอดมาสู่คนรุ่นปัจจุบันของตระกูลจักรพงศ์ต้นราชสกุลจักรพงษ์ คือสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ หรือทูลกระหม่อมเล็ก พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชอนุชาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระเชษฐาธิราชในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถเป็นรัชทายาทลำดับที่สองแห่งการสืบราชสันตติวงศ์ พระองค์ทำผิดประเพณีด้วยการเสกสมรสกับคัทริน เดสนิตสกี สุภาพสตรีเชื้อสายยูเครนจากรัสเซียโดยไม่ได้ทรงขออนุญาตจากพระพระราชชนกและพระราชชนนีทำให้ทั้งสองพระองค์ทรงผิดหวังและกริ้วหนักมาก ต่อมาหม่อมคัทรินประสูติพระโอรสเป็นลูกครึ่งและมีฐานันดรเป็นหม่อมเจ้าโดยอัตโนมัติ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงประทานพระนามให้ว่า “หม่อมเจ้าพงษ์จักร” ภายหลังหม่อมคัทรินหย่าร้างกับสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ พระสวามีแล้วเดินทางไปอยู่เซียงไฮ้กับพี่ชาย ส่วนสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถก็ทิวงคตในปีถัดมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระกรุณาสงสารพระภาติยะ(หลานที่ลูกของพี่ชาย หรือน้องชาย)ซึ่งกำพร้าชนกชนนีจึงสถาปนาหม่อมเจ้าพงษ์จักรขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2463 อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2466 ทรงร่างกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ ประกาศใช้เมื่อ พ.ศ. 2467 ให้ยกเว้นผู้มีพระชายาเป็นนางต่างด้าวจากการสืบราชสันตติวงศ์ ด้วยเหตุนี้พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์จึงถูกตัดออกจากการสืบราชสมบัติ เพราะมีหม่อมมารดาเป็นนางต่างด้าวนั่นเอง

Read More

21/06/2562

พบเหรียญทองคำโรมัน อายุ 2000 ปี ในอิสราเอล


พบเหรียญทองคำโรมัน อายุ 2000 ปี ในอิสราเอลในเดือนมีนาคม ปี 2016 ลอรี ริมอน นักปีนเขาชาวอิสราเอลได้พบเหรียญโบราณหายากสีทองมันวาว ขณะปีนเขาอยู่ในแคว้นกาลิลี ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของอิสราเอล เจ้าหน้าด้านโบราณวัตถุของอิสราเอลระบุว่า เหรียญดังกล่าวเป็นเหรียญทองคำมีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งมีภาพจักรพรรดิออกัสตัสแห่งโรมันอยู่บนเหรียญ หน่วยงานด้านโบราณวัตถุของอิสราเอลระบุว่า เหรียญดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิทราจัน ในปีค.ศ. 107 อันเป็นส่วนหนึ่งของชุดเหรียญที่ระลึกที่อุทิศแด่จักรพรรดิโรมันที่ปกครองบ้านเมืองก่อนหน้านั้น เหรียญทองคำนี้ถือเป็นเหรียญที่ 2 ที่มีการค้นพบในโลก โดยเหรียญแรกถูกพบโดย Laurie Rimon ในชุมชน Kfar Blum ทางตอนเหนือของอิสราเอล ระหว่างการเดินป่าของเขาในพื้นที่ทางตะวันออกของแคว้นกาลิลี ปัจจุบันเหรียญดังกล่าวถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ Danny Syon นักสะสมเหรียญ ได้กล่าวว่าเหรียญที่ถูกพบนี้ "เป็นของหายากซึ่งมีความสำคัญระดับโลก ในทางกลับกัน เราก็ได้เห็นสัญลักษณ์ของกองทัพโรมัน อยู่ถัดจากชื่อของผู้ปกครองทราจันบนเหรียญ แทนที่จะเป็นภาพของจักรพรรดิทราจัน และในกรณีเช่นนี้ที่พบเห็นได้บ่อย ก็จะมีภาพของจักรพรรดิออกัสตัสปรากฏอยู่"Donald T. Ariel หัวหน้าภัณฑารักษ์ด้านเหรียญโบราณประจำหน่วยงาน เชื่อว่าเหรียญนี้อาจสะท้อนให้เห็นถึงการมีอยู่ของกองทัพโรมันกว่า 2,000 ปีก่อน และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามเพื่อปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายชาวยิวในแคว้นกาลิลี ซึ่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ได้อธิบายถึงช่วงเวลาดังกล่าวว่า ทหารโรมันบางส่วนได้รับเงินเดือนสูง โดยได้รับเป็นเหรียญทองคำถึง 3 เหรียญ ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับเหรียญเงิน 75 เหรียญ และด้วยมูลค่าที่สูงเช่นนี้ ทำให้เหล่าทหารไม่สามารถซื้อสินค้าตามท้องตลาดด้วยเหรียญทองได้ เพราะพ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถให้เงินทอนแก่พวกเขาได้ ส่วนเหรียญจักรพรรดิทราจันที่เป็นเหรียญบรอนซ์และเงินนั้นสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งเหรียญทองคำนี้เป็นของที่หาได้ยากมาก จักรพรรดิจักรพรรดิทราจัน หรือจักรพรรดิไตรยานุส (Marcus Ulpius Nerva Traianus) ประสูติเมื่อ วันที่ 18 กันยายน ค.ศ.53 เป็นจักรพรรดิโรมันเมื่อ ค.ศ.98 ถึง ค.ศ.117 พระองค์เป็นจักรพรรดิองค์ที่สามใน ห้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม นอกจากจะปกครองจักรวรรดิได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ในด้านการทหารพระองค์ก็มีความสามารถไม่แพ้กัน พระองค์เป็นที่รู้จักดีในการพิชิตดาเซีย ร่วมถึงการรบกับจักรวรรดิพาร์เทีย อาณาเขตของจักรวรรดิในรัชสมัยของพระองค์นั้นถือได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีอาณาเขตจากกาลิเซีย ไปจนถึงเมโสโปเตเมีย

Read More

Loading...
More