บทความทั่วไป

17/09/2562

ไผ่สีทอง ดีทั้งทานและใช้


ไผ่สีทองหรือไผ่เหลืองทอง ไผ่ประดับที่นิยมปลูกตามบ้านเรือน และที่สาธารณะ เพื่อประดับตกแต่งสวน ตกแต่งร้าน เพราะเป็นไผ่ที่มีสีเหลืองทอง สวยงาม ดูแปลกตามากกว่าไผ่ทั่วไป และยังมีชื่อเป็นมงคลด้วย ไผ่สีทอง และไผ่เหลือง มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วย พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ ตามป่าเบญจพรรณ และป่าดิบชื้น ปัจจุบัน พบว่ามีการนำมาปลูกเป็นไผ่ประดับตามบ้านเรือนมากขึ้น เนื่องจากมีทรงพุ่มสวย ต้นกลมและเป็นทรงกระบอกกลวง ขนาด 5-8 ซม. ลำต้นตรง ผิวเกลี้ยง สีเหลืองมีเส้นแถบสีเขียวอ่อนตามยาวบ้าง ไม่มีหนาม เนื้อเเข็ง มีข้อปล้องชัดเจน แต่ละปล้องยาว 30-40 ซม. มีเหง้าใต้ดินปลูกประดับสวน ให้ร่มเงาพอสมควร กันลมได้ดี ไผ่สีทอง มีใบขนาดใหญ่ และยาว ขนาดใบประมาณ 2-4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก้านใบสั้น แผ่นใบมีสีเขียว แผ่นใบ และขอบใบเรียบ มีขนปกคลุม ไผ่สีทองออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีช่อแขนงสั้นๆออกตามข้อของก้านช่อ บนช่อแขนงมีดอกขนาดเล็ก หน่อของไผ่สีทอง มีขนาดเล็กถึงปานกลาง หน่อชะลูด และเรียวยาว กาบหุ้มหน่อสีน้ำตาลอมเหลือง และมีขนสีน้ำตาลเข้มปกคลุม ซึ่งจะเรียว และเล็กกว่าหน่อไผ่เหลือง การปลูกไผ่สีทอง นิยมปลูกด้วยวิธีแยกเหง้า และปักชำต้นเป็นหลัก เพราะไม่ค่อยออกดอก และติดเมล็ดให้เห็นนัก ทั้งนี้ การแยกเหง้าจะได้ผลดีที่สุด รองลงมาเป็นการปักชำต้น แต่จะได้ผลดีเฉพาะข้อที่ 1-2 จากโคนต้นเท่านั้น เพราะข้อที่สูงจะแตกรากยากไผ่สีทองหรือไผ่เหลืองทอง ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างและมีสรรพคุณทางยา โดยสามารถนำทุกส่วนมาต้มน้ำดื่ม ส่วนหน่อใช้ประกอบอาหาร ช่วยลดไข้ ช่วยละลายเสมหะ รักษาโรคบิด แก้อาการท้องเสีย ช่วยขับระดู ช่วยขับลมและ ช่วยขับปัสสาวะนอกจากนี้ลำไผ่ที่มีความหนา นิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อาทิ โต๊ะ ม้านั่ง และเตียง เป็นต้น สามารถใช้จักเป็นตอกรัดของ รัดมัดข้าวได้เหมือนกับไผ่สีสุก ลำต้นตัดทำไม้เสารั้ว ให้ความแข็งแรง และทนทาน มีอายุการใช้งานนาน เป็นไผ่มงคลที่ปลูกร่วมกับเป็นไผ่ประดับ ตามความเชื่อที่ว่า สีทองหรือสีเหลืองของไผ่ช่วยนำความผาสุกมาให้แก่ครอบครอบ รวมถึงช่วยให้โชคลาภ และเงินทองไหลมา เทมา

Read More

17/09/2562

อำเภอบ่อทอง ครั้งหนึ่งเคยมีทองคำ


บ่อทองเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี แยกออกมาจากอำเภอพนัสนิคม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2521 ซึ่งชื่ออำเภอบ่อทอง หรือ บ้านบ่อทอง นั้น มรที่มาจากเมื่อพ.ศ. 2460 เคยมีการขุดพบแร่ทองคำในพื้นที่บริเวณนี้ โดยชาวกุหล่าหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยจากพม่า ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยบริเวณที่ค้นพบแร่ทองคำ และตั้งชื่อว่า "บ้านบ่อทอง" ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน (ชาวกุหล่าคนไทยเรียก ไทยใหญ่ คนเขมรเรียก กาลา) ดังนั้น แร่ทองจึงปรากฏอยู่ในคำขวัญ ของอำเภอบ่อทองที่ว่า "เมืองเกษตรกรรม ถ้ำเขางดงาม น้ำตกเขาใหญ่ ผลไม้รสดี มีแหล่งแร่ทอง นครของพญาเร่"ตามตำนานเชื่อว่าบ่อทอง เป็นเมืองเก่าแก่ของเจ้าผู้ครองนคร ชื่อพญาเร่ ซึ่งมีอายุราว 1,300 ปี เป็นเจ้าเมืองผู้มีคุณธรรมที่คอยปกป้องคุ้มครองพื้นที่แห่งนี้ พญาเร่จึงถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่กับชาวบ่อทอง ที่ทุกคนให้ความเคารพสักการะ และเชื่อว่าพญาเร่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ แคล้วคลาดจากภยันตราย เมื่อขอสิ่งใดก็จะได้สมปรารถนา เมืองพญาเร่นี้ สัญนิฐานว่า เคยเป็นเมืองที่มีความรุ่งเรืองมาแต่ครั้งยุคทวารวดี อยู่ห่างจากเมืองพระรถ (บริเวณตำบลหน้าพระธาตุ อำเภอพนัสนิคม) ประมาณ 32 กิโลเมตร ยังมีร่องรอยของผังเมืองพญาเร่ ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน (อยู่ห่างจากตลาดอมพนมไปประมาณ 6 กิโลเมตร) ผังเมืองเป็นวงรีสองชั้น ชั้นนอกเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1,100 เมตร ยังคงมีคูเมือง และคันดินให้เห็นอยู่ทางด้านเหนือ ส่วนเมืองชั้นในมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 600 เมตร ยังคงมีกำแพงเมืองสูงประมาณ 1 เมตร หลงเหลือให้เห็นอยู่ ภายในเมืองพบเพียงเศษเครื่องปั้นดินเผาเล็กน้อย และไม่พบศาสนสถานใดๆพื้นที่โดยทั่วไปของเมืองพญาเร่ในปัจจุบันได้ถูกไถคราดเพื่อปรับพื้นที่ สำหรับทำการกสิกรรม แต่จากร่องรอยการไถคราด ก็ไม่ปรากฏพบเศษอิฐ หรือวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างที่หนาแน่น เป็นกลุ่มให้เห็นแต่อย่างใด จึงอาจทำให้เข้าใจได้ว่าบริเวณที่เป็นเมืองพญาเร่ อาจไม่ใช่บริเวณที่มีผู้คนอาศัยอยู่มากนัก จึงไม่มีการพบซากโบราณสถาน หรือศาสนสถานที่ชัดเจน เช่นเดียวกันกับชุมชนแห่งอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามจากรูปแบบของผังเมือง เมื่อเปรียบเทียบกับ รูปแบบของเมืองโบราณที่พบจากแหล่งต่างๆ แล้ว เมืองพญาเร่นี้ก็ยังอยู่ในกลุ่มของชุมชนโบราณแบบทวารวดีนั่นเอง ปัจจุบันอำเภอบ่อทอง มี 6 ตำบล , 41 หมู่บ้าน ประกอบด้วยตำบล บ่อทอง , วัดสุวรรณ , บ่อกวางทอง , ธาตุทอง , เกษตรสุวรรณ และตำบลพลวงทอง มีประชากรราว 38,000 คน อาชีพหลักคือการทำสวน ทำไร่ ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง มะม่วงหิมพานต์ และผลไม้ชนิดต่าง ๆ

Read More

17/09/2562

“เลโก้” ของเล่นเด็ก ให้ผลตอบแทนดีกว่า “ทองคำ” จริงหรือ?ี


สองนักเศรษฐศาสตร์ชาวรัสเซียคือ Victoria Dobrynskaya และJulia Kishilova แห่ง National Research University Higher School of Economics รายงานผลงานวิจัยที่น่าสนใจเรื่อง LEGO: The Toy of Smart Investors ว่าการสะสม LEGO มีมูลค่ามากกว่าการสะสมทองคำงานวิจัยชิ้นนี้ ได้สำรวจมูลค่า ของตัวต่อ LEGO โดยใช้ขอบเขตประชากรและกลุ่มตัวอย่างตัวต่อ LEGO จำนวน 3,200 ชุด และขอบเขตระยะเวลาที่ใช้สำรวจรุ่นของตัวต่อ LEGO คือ ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1987 ถึง ปี ค.ศ. 2015 จากนั้น ได้นำมูลค่าของตัวต่อLEGO ในฐานะของสะสมมาเทียบกับราคาของหุ้น ตราสารหนี้ หรือราคาทองคำ ในช่วงเวลาเดียวกันผลการวิจัยพบว่ามูลค่า ของตัวต่อ LEGO ในฐานะของสะสมให้ผลตอบแทนประมาณ 8% ต่อปี ซึ่งผลการวิจัยสรุปว่า การสะสมตัวต่อLEGO สามารถให้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือทองคำนั่นเองมีสถิติที่น่าสนใจออกมาว่าถ้านับตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปัจจุบันราคา เลโก้ ในแต่ละรุ่นที่ออกมา มีราคาเพิ่มขึ้นถึงปีละ 12% ซึ่งหากใครซื้อเพื่อเก็งกำไร ราคานั้นจะให้ผลตอบแทนดีกว่า หุ้น ทองคำ หรือฝากธนาคารเวปไซต์ BrickPicker.com เผยว่า ชุดเลโก้ที่เป็นที่ต้องการนั้น ส่วนมากจะเป็น ชุดที่ออกตามรอบภาพยนตร์ ชุดสถานที่สำคัญ หรือแบรนด์ต่างๆ เช่น Star Wars ทัชมาฮาลในอินเดีย โฟล์คสวาเกน เป็นต้น และถ้ายิ่งชุดเลโก้นั้นยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมกล่อง ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะทำการซื้อขายกันผ่านอีเบย์ยกตัวอย่างชุด “Cafe Corner” ที่ขายในปี 2007 ที่ราคา 90 ยูโร ปัจจุบันขายกันถึง 2,000 ยูโร โดยเวปไซด์BrickPicker.com ได้แนะนำ 7 เคล็ดลับในการลงทุนเลโก้ไว้ว่า หากชอบรุ่นไหนเป็นพิเศษ ให้ซื้อเก็บไว้หนึ่ง และเผื่อเก็งกำไรอีกหนึ่งชุด พยายามเก็บรุ่นที่เป็น Limited edition หรือออกมาขายแค่ช่วงสั้นๆ พยายามเก็บรุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นที่ต้องการมากกว่ารุ่นเก่ากว่านั้น เก็บกล่องและของทุกอย่างที่อยู่ในกล่องเพราะจะช่วยเพิ่มมูลค่าได้ตอนขายต่อ รวมถึงรักษาสภาพกล่องให้สมบูรณ์ เก็บไว้ในที่แห้ง ไม่โดนแดด และอย่าซ้อนกล่องทั้งนี้ขนาดของชุดไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของราคา ทั้งชุดเล็ก และชุดใหญ่ สามารถทำกำไรได้ทั้งนั้น ที่สำคัญคืออย่าทำตัวละคร (Lego Minifigures) ของชุดนั้นๆ หาย สุดท้ายนี้ มูลค่าเลโก้ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะไม่ บูมจนเกิดฟองสบู่ เพราะทางผู้ผลิตเลโก้ไม่มีนโยบายส่งเสริมให้กับกลุ่มในตลาดมือสองราคาจึงไม่มีตกแน่นอน LEGO ก็คือ “ตัวต่อ” ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1932 โดย Ole Kirk Christiansen ช่างไม้ชาวเดนมาร์กแห่งเมือง Billlund นับถึงปัจจุบัน (2019)ก็มีอายุ 87 ปีแล้ว

Read More

17/09/2562

โถส้วมทองคำ จากหลุยส์ วิตตอง


ห้างค้าปลีกออนไลน์ “ เทรดซี่” ในนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกาเปิดตัวสินค้าตัวใหม่เป็น โถส้วมทองคำ ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยผลิตภัณฑ์หนังแท้ที่ใช้ในการผลิตกระเป๋าถือของแบรนด์แฟชั่นดัง “หลุยส์ วิตตอง” การเปิดตัว โถส้วมทองคำหุ้มหนังหลุยส์ วิตตองในครั้งนี้ เกิดขึ้นที่โชว์รูมในเขตซานตาโมนิก้า ของนครลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยโถส้วมแบบพิเศษนี้ถูกออกแบบโดย อิลล์มา กอร์ (Illma Gore) ศิลปินท้องถิ่นของลอสแองเจลิส โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก “ความปรารถนาส่วนตัว” ที่เธอเคยใฝ่ฝันไว้ว่าอยากมีโอกาสได้ “ขับถ่ายแบบราชา” สักครั้งหนึ่งในชีวิต โถส้วมทองคำนี้หุ้มด้วยหนังแท้จากกระเป๋าหลุยส์ วิตตองถึง 24 ใบ โดยกระเป๋าที่นำมาตัดเพื่อใช้หนังในการหุ้มชักโครกนี้ แต่ละใบราคาไม่ต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 66,000 บาท) แต่ถึงแม้จะต้องทำลาย ก็ได้ผลงานศิลปะชิ้นใหม่ขึ้นมาราคา 100,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยราว 3.3 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมค่าติดตั้งและค่าขนส่ง และสามารถใช้งานได้จริง แต่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ อิลล์มา กอร์ (Illma Gore) ศิลปินหญิงที่มีชื่อเสียงอเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเฉพาะเมื่อปี 2016 เมื่อเธอวาดภาพนู้ดล้อเลียนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมกับสโลแกน "Make American Great Again" ซึ่งเธอได้เผยถึงผลงานในครั้งนี้ว่า “ในความคิดของฉัน ฉันรู้สึกรักและชอบในไอเดียนี้มาก มันเป็นการสร้างผลงานชิ้นเอก และหนังจากกระเป๋าที่นำมาหุ้มชักโครกทองคำ ราคาแต่ละใบไม่ต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ“ (ประมาณ 66,225 บาท) ภายหลังการเปิดตัว ได้สร้างความฮือฮาและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากบรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนักผู้ชอบการสะสมผลงานหรูหรา เพราะมีราคาเพียงแค่ 24 ชิ้นเท่านั้น

Read More

17/09/2562

ส้วมทองคำที่หายไป


”อเมริกา”(America) ผลงานศิลปะส้วมทองคำ หายไปจากงานแสดงนิทรรศการศิลปะซึ่งจัดที่พระราชวังเบลนเฮมเขตออกซ์ฟอร์ดเซอร์ ประเทศอังกฤษ และยังตามกลับคืนมาไม่ได้แม้ตำรวจจะจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้แล้วก็ตามเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2562 ส้วมทองคำทำจากทอง 18 กะรัต ถูกคนร้ายขโมยไปจากพระราชวังเบลนเฮม สถานที่จัดแสดง โดยตำรวจเชื่อว่าคนร้ายมากันเป็นกลุ่มและมีรถยนต์ 2 คันเป็นพาหนะได้บุกเข้ามาในวังและขโมยส้วมทองคำกลับออกไปตอนรุ่งเช้าเวลาประมาณ 04.50 น.ของวันเสาร์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ผลจากการขโมยทำให้ตัวอาคารในวังได้รับความเสียหายและมีน้ำท่วม หลังเกิดเหตุ ตำรวจในเมืองวู้ดสต็อก ออกซฟอร์ดเชอร์ ได้จับกุมชายวัย 66 ปีรายหนึ่ง เนื่องจากต้องสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับขโมยที่แอบเข้ามาขโมยชักโครกทองคำไปจากบริเวณสถานที่จัดแสดง ที่มีการติดตั้งระบบน้ำจนชักโครกสามารถใช้งานได้จริง อย่างไรก็ตามส้วมทองคำยังไม่ได้กลับคืนมาแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งสอบสวนและพยายามหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ส้วมทองคำ หรือชักโครกทองคำนี้ เป็นผลงานศิลปของของศิลปินชาวอิตาลีชื่อ มัวริซิโอ คัตเลลัน (Maurizio Cattelan) ถูกตั้งชื่อว่า อเมริกา (America) ซึ่งเคยนำไปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2559 มาแล้ว และยังเคยเสนอที่จะให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐยืมไปใช้งานด้วย ส้วมทองคำนี้มูลค่ามหาศาลกว่า 1 ล้านปอด์ หรือราว 37.8 ล้านบาทแต่นายโดมินิค แฮร์ หัวหน้าผู้บริหารวังเบลนเฮมเปิดเผยว่ามูลค่าของชักโครกทองคำ 18 กะรัตนี้มีสนนราคาสูงถึง 4.8 ล้านปอนด์ หรือราว181.4 ล้านบาทเลยทีเดียว พระราชวังเบลนไฮม์ เป็นแหล่งมรดกโลก สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นบ้านเกิดของ ดยุคลำดับที่ 12แห่งมาร์ลโบโรห์และครอบครัว รวมทั้งยังเป็นบ้านเกิดของเซอร์วินสตัน เชอร์ชิล ผู้นำอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย

Read More

13/09/2562

ทองคำ จะทะลุ 1,600 เหรียญในปี2020


ธนาคารกลางสหรัฐเลือกที่จะลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% เป็นจำนวน 4 ครั้งระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนมิถุนายน 2563 จะทำให้ผลตอบแทนด้านดอกเบี้ย เมื่อมีการลดดอกเบี้ยแต่ละครั้ง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเคลื่อนไหวและอยู่ในแดนลบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อราคาทองคำ ทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำมากขึ้น ในปี 2562 นี้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเพราะความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเมื่อสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ สร้างความเสียหายต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งทำให้ธนาคารกลางซึ่งรวมถึงเฟดต้องดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นการเติบโตมากขึ้น ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีและมีการคาดการณ์กันว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งเมื่อมีการประชุมในวันที่ 17-18 กันยายน 62 นี้ สถานการณ์นี้ทำให้นักลงทุนได้เพิ่มการถือครองกองทุนอีทีเอฟทองคำ ซึ่งสงครามการค้าไม่น่าจะคลี่คลายลงโดยเร็วและในบริบทนี้ทองคำได้เริ่มมีบทบาทที่มีมาแต่เดิมอีกครั้งในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและในขณะนี้การถือกองทุนอีทีเอฟได้พุ่งสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 BNP Paribas ธนาคารยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส ได้ประมาณการราคาทองคำในปีนี้และปีหน้าโดยคาดว่าทองคำจะมีราคาเฉลี่ย 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้านี้ 60 ดอลลาร์ และจะมีราคาเฉลี่ย 1,560 ดอลลาร์ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 130 ดอลลาร์ และวงจรการลดดอกเบี้ยของเฟด จะทำให้ราคาทองคำเฉลี่ยสูงกว่า 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าและคาดว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นมาก เมื่อต้นเดือนกันยายน ราคาทองคำในตลาดสปอตมีการซื้อขายกันที่ 1,544.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเพิ่มขึ้นในปีนี้ 20% และราคาทองคำได้แตะ 1,555.07 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 การลดดอกเบี้ย 4 ครั้งจะลดช่วงบนของอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานของเฟดเหลือ 1.25% ซึ่งสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าในขณะนี้ซึ่งอยู่ที่ 1.2% ธนาคารกลางสหรัฐได้ยอมรับว่าการบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวกับภาวะในต่างประเทศเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของเฟด อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐ ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงค่อนข้างแข็งแกร่งแม้ว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นก็ตาม

Read More

13/09/2562

สถานการณ์การส่งออกทองคำและเครื่องประดับไทย ระหว่าง ม.ค.-ก.ค.


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)รายงานสถานการณ์การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 ปรากฏว่า ทองคำ คือสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด ทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูป คือประเภทของทองคำที่มีมูลค่าการส่งออดสูงสุด ใน สัดส่วนร้อยละ 50.88 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและ เครื่องประดับไทยโดยรวม เติบโตสูงถึงร้อยละ 72.67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2561 โดยเป็นผลจากการส่งออกเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา เนื่องด้วยราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับราคาเฉลี่ย 1,412.98เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในเดือนกรกฎาคม โดยได้รับปัจจัยหนุนจากจากการอ่อนค่าของสกุลเงินเหรียญสหรัฐ หลังจากนายเจอโรม พาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม และแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลสงครามการค้าโลกหลังสหรัฐฯ ขู่ขึ้นภาษีสินค้าจากยุโรป (อียู) รวมถึงความกังวลในสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่เพิ่มมากขึ้นทั้งนี้ ตลาดส่งออกทองคำฯ ใน 3 อันดับแรกของไทย ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ครองส่วนแบ่งสูงสุดราวร้อยละ 56 รองลงมาเป็นสิงคโปร์ และกัมพูชา ตามลำดับ ในขณะที่เครื่องประดับแท้ เป็นสินค้าส่งออกสำคัญในอันดับที่ 2 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.26 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยรวม หากแต่มีมูลค่าลดลงร้อยละ10.53 โดยการส่งออก เครื่องประดับทอง ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.24 จากการส่งออกไปยังฮ่องกง สหรัฐอเมริกาและสวิตเซอร์แลนด์ตลาดหลักในอันดับ 1, 2 และ 4 ได้ลดลงร้อยละ 12.02, ร้อยละ 15.40 และร้อยละ 19.40 ตามลำดับในขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสหราชอาณาจักร ตลาดในอันดับ 3 และ 5 เติบโตได้ร้อยละ 1.48และร้อยละ 41.60 ตามลำดับ ขณะที่เครื่องประดับเงิน ลดลงมากถึงร้อยละ 19.75 เนื่องจากการส่งออกไปยังหลายตลาดสำคัญได้ลดลงโดยเฉพาะตลาดหลักใน 5 อันดับแรกอย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมนี จีน ออสเตรเลีย และฮ่องกง ที่ต่างมีมูลค่าลดลงร้อยละ 19.96, ร้อยละ 19.27, ร้อยละ 3.18,ร้อยละ 37.05 และร้อยละ 24.07 ตามลำดับ เครื่องประดับแพลทินัม หดตัวลงร้อยละ 3.5 อันเป็นผลจากการส่งออกไปยังฮ่องกง ตลาดในอันดับ 4 ได้ลดลงร้อยละ 45.18 ส่วนการส่งออกไปยังญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสิงคโปร์ ที่อยู่ในอันดับ 1, 2, 3 และ 5 เติบโตได้ร้อยละ11.64, ร้อยละ 12.19, ร้อยละ 23.45 และร้อยละ 52.14 ตามลำดับเพชร เป็นสินค้าส่งออกรายการสำคัญในอันดับ 3 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 10.21 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย หดตัวลงร้อยละ 6.48 โดยมีเพชรเจียระไนเป็นสินค้าส่งออกหลักในหมวดนี้ ซึ่งปรับตัวลดลงร้อยละ5.32 จากการส่งออกไปยังฮ่องกง ตลาดที่ครองส่วนแบ่งสูงสุดราวร้อยละ 36 ได้ลดลงร้อยละ 23.12 ในขณะที่การส่งออกไปยังเบลเยียม อินเดีย สหรัฐอเมริกา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตลาดในอันดับ 2, 3, 4 และ 5 เติบโตได้ร้อยละ 1.13, ร้อยละ 20.53, ร้อยละ 36 และร้อยละ 97.21ตามลำดับพลอยสีเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 4 ในสัดส่วนร้อยละ 9.60 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยรวมของไทย ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 20.41 โดยสินค้าส่งออกหลักในหมวดนี้เป็น พลอยเนื้อแข็งเจียระไน(ทับทิม แซปไฟร์ และมรกต) ขยายตัวร้อยละ 11.70 อันเป็นผลจากการส่งออกไปยังฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์อิตาลี และอินเดีย ตลาดหลักใน 5 อันดับแรกได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.29, ร้อยละ 21.29, ร้อยละ 25.03, ร้อยละ 83.44และร้อยละ 38.90 ตามล าดับ พลอยเนื้ออ่อนเจียระไนปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 14.67 เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา อินเดีย สวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ตลาดสำคัญในอันดับ 2, 3, 4 และ 5 ได้สูงขึ้นร้อยละ 50.79, 4.62เท่า, ร้อยละ 73.53 และร้อยละ 33.10 ตามลำดับ ส่วนการส่งออกไปยังตลาดในอันดับ 1 อย่างฮ่องกง หดตัวลงต่อเนื่องร้อยละ 5.94

Read More

13/09/2562

เครื่องทองรัตนโกสินทร์ ตอนที่ 2


พระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ได้สร้างเครื่องราชูปโภคต่าง ๆ สำหรับเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ที่จะใช้ในพระราชพิธีต่างๆซึ่งถือเป็นเครื่องทองสมัยต้นรัตนโกสินทร์ที่ประณีตงดงาม อยู่คู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ และแสดงถึงความเป็นอารยะของราชอาณาจักรไทยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเครื่องทองที่สำคัญๆจากที่กล่าวไปแล้วอีกหลายชิ้นได้แก่หีบพระศรีพร้อมพานรองทองคำจำหลักลงยาหีบพระศรีพร้อมพานรองทองคำจำหลักลงยา ฝาหีบมีตราพระจุลมงกุฎประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า อันเป็นหลักฐานแสดงว่า เครื่องประกอบพระอิสริยยศที่มีลวดลายแบบเดียวกันในสำรับนี้ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) หีบพระศรีทองคำเน้นเส้นที่ขอบเป็นลายเกลียว ใบเทศ ภายในขอบเป็นลายเครือเถาใบเทศ ตรงกลางเป็นพระเกี้ยว ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า ด้านข้างพานเป็นฉัตรเบญจปฎลห้าชั้น ส่วนพานทองคำลงยาสลักลายกลีบบัว ลายภายในเป็นลายก้านต่อดอก พานพระศรีทองคำจำหลักลงยาเครื่องประกอบพระอิสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระยศในขณะนั้น) เป็นเครื่องราชอิสริยยศที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) ประกอบด้วยตลับสีผึ้ง ( ตลับภู่ ) พระกรรบิด ซองพลู ผอบทรงกลมยอดปริก 3 องค์ จอกหมากคู่ทรงกลม มีลักษณะพิเศษ คือ ลงยาสีชมพู แตกต่างจากสำรับอื่น ๆ โดยทั่วไปจะลงยาสีแดง และเขียวเป็นสำคัญ พระตะพาบทองคำ พร้อมพานรอง พระตะพาบ หรือหม้อน้ำเย็น พร้อมพานรองบัวแฉก ทองคำจำหลักลงยา องค์พระตะพาบและฝาเป็นลายพูลูกฟูก ที่พระหัตถ์จับรูปดอกบัวตูม ฝีมือช่างในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ( รัชกาลที่ 1 ) ใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซองพลูทองคำจำหลักลงยาเป็นฝีมือช่างทองหลวงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่ในสำรับพานพระศรี ใช้เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศสมเด็จฯเจ้าฟ้า ในพระราชพิธีโสกันต์ มีลักษณะปากซองขอบหยัก การลงยาสีที่พื้นแดง ดอกลายเป็นลายเครือดอกสี่กลีบกากระบอกทองคำ พร้อมถาดรอง ตัวกาทรงกระบอกมีลวดลายดอกพุดตานใบเทศ ถาดรองสลักลวดลายช่องกระจก หรือลูกฟัก สลับกับลวดลายตามแบบฉบับของจีน ฝีมือช่างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) อยู่ในชุดเครื่องประกอบพระอิสริยยศพระองค์เจ้าฝ่ายหน้า ในพระราชพิธีโสกันต์ ป้านพระสุธารสทองคำ จำหลัก ลายดอกไม้มงคลแบบจีน ตัวป้านทำหูหรือที่จับไว้ด้านบน อย่างที่เรียกว่า ป้านสาย ที่มือจับทำด้วยหยก ใช้เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี(พระยศนขณะนั้น) เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 ขันน้ำพานรองทองคำลงยา เป็นขันสำหรับใส่น้ำเสวยแบบมีฝาครอบ พานรองเป็นพานกลีบบัว ขอบปากและขอบเชิงลวดบัวหน้ากระดานฝังทับทิม ส่วนบนสุดของฝาครอบทำเป็นรูปผลทับทิม ผลไม้มงคลฝีมือช่างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน ใช้เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องราชูปโภคอีก 4 สิ่ง ได้แก่ พานพระขันหมาก พระมณฑปรัตนกรัณฑ์ พระสุพรรณศรี (บัวแฉก)และพระสุพรรณราช ซึ่งทั้ง 4 อย่างนี้ทำด้วยทองลงยา มี 2 สำรับ สำรับใหญ่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 อีกสำรับคือสำรับเล็ก สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4

Read More

13/09/2562

เครื่องทองรัตนโกสินทร์ ตอนที่ 1


หลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานีใหม่เมื่อปีพุทธศักราช 2325 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องราชูปโภคต่าง ๆ สำหรับเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ที่จะใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้งที่เป็นส่วนขององค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งมีการสร้างต่อๆกันมาในหลายๆรัชกาล มีเครื่องทองหลายชิ้นที่มีค่า และถือเป็นเครื่องทองสมัยต้นรัตนโกสินทร์ที่ประณีตงดงาม และมากความหมาย อยู่คู่พระมหากษัตริย์ไทยและราชวงศ์ไทย มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องทองเหล่านั้นได้แก่พระอนุราชมงกุฎ หรือ มงกุฎดอกไม้ไหว ทำด้วยทองคำลงยา ประดับพลอยสีขาว มีเกี้ยวประดับตรงส่วนยอดสามชั้น เกี้ยวทำเป็นลายรักร้อย ตรงส่วนที่ประดับพระกรรณทำเป็นกรรเจียกจอนลงยาสี ฝังพลอย สันนิษฐานว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ( รัชกาลที่ 2 ) ทรงสร้างขึ้นสำหรับพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทวาพงศ์ทรง เมื่อคราวลงสรงเฉลิมพระนามาภิไธย เมื่อพ.ศ. 2345 ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร(รัชกาลที่ 10 ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 พระชฎาห้ายอด หรือพระชฎามหากฐินทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชร ปลายมี 5 ยอด เครื่องประกอบมีใบสันและกรรเจียก หรือปักขนนกวายุภักษ์ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) เป็นพระชฎาที่พระมหากษัตริย์ใช้ทรงในงานพระราชพิธีใหญ่ เช่น ในการเสด็จพระราชดำเนินขบวนพยุหยาตราเลียบพระนคร และในการเสด็จพระราชดำเนินพยุหยาตราไปถวายผ้ากฐิน บางครั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้พระบรมวงศานุวงศ์ ทรงใช้งานพระราชพิธีโสกันต์ หีบพระศรีทองคำลงยา สลักลายดอกลอยและลายแก้วชิงดวงเป็นพื้น ตรงกลางมีตราวชิราวุธประดิษฐานเหนือช้างเอราวัณ ตราวชิราวุธเป็นเครื่องหมายประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 6 ) ใช้เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศพระองค์เจ้าฝ่ายหน้า ในพระราชพิธีโสกันต์ พระเต้าทองคำลงยาพร้อมพานรองฝีมือช่างทองในราชสำนักกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ( รัชกาลที่ 1 ) เป็นลายพันธุ์พฤกษา องค์พระเต้ามีคอสูงลายที่บ่าเป็นลายกระจัง ที่คอคนโทรัดด้วยปลอกแบบกำไล ยอดฝาสลักลายแบบยอดปริก ซ้อน 3 ชั้น ส่วนพานรองทำด้วยทองคำลงยา เป็นลายกลีบบัวประกอบลายก้านต่อดอก เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขันน้ำพานรองทองคำพร้อมจอกตัวขันเป็นทองเกลี้ยงสลักลายเฉพาะขอบแบบลายเบา พานรองสลักลายกลีบบัวมีสันกลาง ลายที่สลักเป็นลายกระจังตาอ้อยแบบก้านต่อดอก จอกสลักลายเบาที่ขอบ ขันน้ำพานรองนี้เมื่อใช้งานจะมีกรวยเป็นผ้าปักครอบ เรียกว่า กรวยคลุมปัก ยังมีเครื่องทองรัตนโกสินทร์อีกหลายชิ้น ที่มีความหมาย ทรงคุณค่า สะท้อนความเป็นอารยะและความรุ้งเรื่องของบ้านเมืองและราชวงศ์ ซึ่งจะได้นำเสนอในตอนต่อไป

Read More

13/09/2562

พระโกศทองคำลงยาประดับรัตนชาติทรงพระบรมอัฐิในหลวงรัชกาลที่9 (2)


พระโกศทองคำลงยาประดับรัตนชาติทรงพระบรมอัฐิ เป็นพระโกศที่นำไปประดิษฐาน ณ พระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทและจะเชิญออกในการพระราชพิธีสำคัญของแผ่นดินที่มีการบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า และการบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณาณุปทาน กลุ่มงานช่างบุและช่างศิราภรณ์ กลุ่มประณีตศิลป์ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง มีองค์ประกอบสำคัญๆ 5 ส่วนคือ1. ส่วนฐาน เป็นฐานสิงห์ตามพระเกียรติยศของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ส่วนของฐานที่จะต่อเข้ากับองค์พระโกศ (เอวพระโกศ) จะมีพื้นที่สำหรับตั้งลายดอกไม้เอว2 ส่วนองค์พระโกศ เป็นลายกลีบบัวจงกล ตามแบบของพระโกศที่นิยมสร้างสรรค์สืบต่อกันมา กลีบบัวนี้ซ้อนขึ้นไปหาปากพระโกศ จำนวน 4ชั้น ตรงกลางทำเป็นพระนามาภิไธยย่อ ภปร ส่วนขอบปากองค์พระโกศประกอบด้วย ลายบัวคว่ำ ท้องไม้ แนวลวดบัวหงายและหน้ากระดานบนเป็นพื้นเรียบ เพื่อบอกระยะสุดท้ายขององค์พระโกศ ที่ส่วนหน้ากระดานบนนี้จะวางแนวห่วงสำหรับประกอบลายเฟื่องอุบะอยู่มุมของเหลี่ยม3.ส่วนฝาพระโกศ ทำเป็นทรงมงกุฎเกี้ยวมาลัยทองเรียงลำดับขึ้นไป ชั้นที่ 1,2 และ 3 ทำเป็นลายประจำยามก้ามปู โดยดอกประจำยามถูกแทนที่ด้วยลายดอกไม้ประดับรัตนชาติ พื้นลายลงยาสีแดง4. ส่วนยอดพระโกศ สร้างเป็นสองแบบ ได้แก่ สร้างเป็นพุ่มข้าวบิณฑ์ ทำด้วยเงินบริสุทธิ์ประดับรัตนชาติ และแบบที่สองสร้างเป็นสุวรรณฉัตร คือ พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ฉัตร ๙ ชั้น ทำด้วยทองคำลงยาประดับรัตนชาติ5.เครื่องประดับพระโกศ ทำด้วยเงินบริสุทธิ์ประดับด้วยรัตนชาติ ประกอบด้วย ดอกไม้เอว ทำเป็นช่อดอกประกอบใบเทศ ปักอยู่หลังชั้นกระจังขอบเอวพระโกศบริเวณมุมของเหลี่ยม 9 ช่อ และตรงกลางแต่ละด้าน 9 ช่อ ในแนวระนาบเดียวกันรวม 18 ช่อ5.1 ดอกไม้ไหว หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าดอกไม้เพชร ปักเหนือชั้นกระจังเหนือบัวถลาบริเวณมุมของเหลี่ยม9 ช่อ และตรงกลางแต่ละด้าน9 ช่อ รวม 18ช่อ และ เหนือกระจังชั้นเกี้ยว อีก 3 ชั้น บริเวณมุมของเหลี่ยม ชั้นละ 9 ช่อ รวม 27 ช่อ รวมทั้งสิ้น 45 ช่อ มีรูปลักษณะเช่นเดียวกับดอกไม้เอวแต่จะมีขนาดใหญ่ เล็กลดหลั่นกันตามความเหมาะสมของชั้นเกี้ยว5.2 เฟื่องอุบะ สร้างเป็นดอกเรียงร้อยต่อกันตามแนวนอน โดยปล่อยให้ดอกกลางห้อยหย่อนลงอย่างเชือกตกท้องช้าง จากส่วนปลายแต่ละข้างที่มีขนาดดอกเล็กแล้วค่อย ๆใหญ่ขึ้นจนดอกกลางมีขนาดใหญ่สุด เรียงช่วงละ 11 ดอก มี 9 เฟื่อง ตรงช่วงต่อของเฟื่องแต่ละแถวห้อยอุบะมีลักษณะคล้ายพวงดอกมะลิตูมจับกลุ่มเป็นทรงดอกบัวตูมทิ้งยอดลงมีดอกรักครอบทับเป็นชั้นเรียงขนาดเล็กลงมาหาใหญ่ ทั้งหมดมี 9 ชุด5.3ดอกไม้ทิศ สร้างเป็นดอกประจำมุมเหลี่ยม และประดับประจำด้าน ของเกี้ยวมาลัยทองฝาพระโกศชั้นล่าง จำนวน 18ดอก ประดับเฉพาะประจำมุมเหลี่ยมของเกี้ยวชั้นที่ 2และ3 ชั้นละ 9 ดอก รวม 18 ดอก และประดับประจำด้านของเกี้ยวชั้น 4จำนวน 9ดอก รวมทั้งสิ้น 45 ดอก จะมีขนาดใหญ่ เล็กลดหลั่นกันตามความเหมาะสมของชั้นเกี้ยวพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร ๙ เหลี่ยมนี้ ออกแบบโดย นายอำพล สัมมาวุฒธิ

Read More

13/09/2562

พระโกศทองคำลงยาประดับรัตนชาติทรงพระบรมอัฐิในหลวงรัชกาลที่ ๙


พระโกศทรงพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นพระโกศทรงเก้าเหลี่ยม ยอดทรงมงกุฎ จัดสร้างด้วยทองคำลงยาสี ประดับรัตนชาติ ยกเว้นส่วนประกอบอื่น ได้แก่ พุ่มข้าวบิณฑ์ยอดพระโกศดอกไม้เอว ดอกไม้ไหว และ เฟื่องอุบะ สร้างด้วยเงินบริสุทธิ์ประดับด้วยรัตนชาติ มีพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ฉัตร ๙ ชั้น ทำด้วยทองคำลงยาประดับรัตนชาติ สำหรับเปลี่ยนแทนยอดพุ่มข้าวบิณฑ์เมื่ออัญเชิญออกประดิษฐานในพระราชพิธี และมีพระโกศศิลาขาวที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวล สำหรับทรงพระบรมอัฐิอยู่ภายในพระโกศทององค์นี้ขนาดของพระโกศ ฐาน กว้าง 20 เซนติเมตร หากวัดจากฐานถึงยอกพุ่มข้าวบิณฑ์ สูง 80เซนติเมตร เมื่อวัดจากฐานถึงยอดพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สูง 99 เซนติเมตร รัตนชาติที่ใช้ประดับพระโกศและส่วนประกอบต่าง ๆ เป็นเพชรเจียระไนสีขาวทั้งสิ้น ส่วนยาสีที่ใช้ตกแต่งพระโกศเป็นประเภทยาสีร้อน มี สามสีได้แก่ สีเหลือง สีแดง และสีเขียวสีเหลือง หมายถึง สีประจำวันพระราชสมภพสีแดง หมายถึง สีแห่งพลัง ความเข้มแข็ง การหลอมรวมดวงใจของคนในชาติสีเขียว หมายถึง สีแห่งความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์แห่งประเทศด้วยพระเมตตาบารมีแด่ปวงประชาชนทุกภาคส่วนนอกจากพระโกศทองลงยาและพระโกศศิลาแล้ว ยังมีเครื่องประกอบที่เกี่ยวเนื่องอีก ๒ ชิ้นได้แก่ แป้นกลึงแกะสลักลงรักปิดทอง จำนวน 1 ชิ้น สำหรับรองรับฝาพระโกศ และฐานไม้กลึงแกะสลักลงรักปิดทอง จำนวน 1 ชิ้น สำหรับรองรับยอดพระโกศที่เป็นพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือที่เป็นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เมื่อมีการถอดผลัดเปลี่ยนกันในงานราชพิธีพระโกศพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ทำด้วยทองคำจำหลักลงยาประดับเพชรทั้งองค์ยอดเป็นพุ่มข้าวบิณฑ์ สามารถถอดเปลี่ยนกับยอดนพปฎลมหาเศวตฉัตรทองคำเมื่อต้องอัญเชิญออกประดิษฐานบนพระราชบัลลังก์ พระโกศทองคำนี้ หนัก ๔ กิโล ๑๗๕กรัม ต่อองค์นอกจากนี้ยังมีพระโกศทองคำลงยาประดับพลอย8 เหลี่ยม อีกจำนวน4 องค์ ที่ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระโกศทองคำลงยาประดับพลอย8 เหลี่ยม ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 อีกด้วย

Read More

13/09/2562

พระเกี้ยวทองคำลงยาประดับเพชร ราชานุสรณ์แห่งความรักจาก ร.5


นอกจาก กำไลมาศ กำไลทองคล้องใจ ของพระราชทานจากล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 แก่เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ ลดาวัลย์ อันเป็นเรื่องเล่าขานถึงความรักความผูกพัน ระหว่างพระปิยะมหาราชอันเป็นที่รักกับเจ้าจอมผู้ภักดีแล้ว ยังมีพระบรมราชานุสรณ์แห่งความรัก อีกชิ้นหนึ่งที่พระองค์พระราชทานแก่เจ้าจอม ที่น้อยคนจะทราบ นั่นคือ พระเกี้ยวทองคำยาประดับเพชร พระเกี้ยวทองคำลงยาประดับเพชรนี้ ภายในบรรจุเส้นพระเจ้าและ พระนขา(เล็บ )ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 มีภาพถ่ายพระเกี้ยวทองคำลงยาประดับเพชรคู่กับเจ้าจอม ม.ร.ว.สดับปรากฏ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ช่างภาพชาวอิตาเลียนถ่ายไว้เมื่อปี พ.ศ.2450 โดยพระราชทานพระเก้าอี้ที่มีตราแผ่นดินให้เจ้าจอมประทับด้วย ซึ่งความจริงเป็นที่ประทับ สำหรับพระมเหสีเทวี และพระบรมวงศ์ชั้นเจ้าฟ้าเท่านั้ร โดยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 โปรดจัดท่าทาง พระราชทานเอง แสดงถึงความรักที่พระองค์มีต่อเจ้าจอมไม่น้อยนอกจากนี้ก็ยังมี เข็มกลัดตราพิณภายใต้พระจุลมงกุฎ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเมื่อ ร.ศ.125 พระจุลมงกุฎเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ส่วนพิณแทนสัญลักษณ์ประจำตัวเจ้าจอมสดับ ผู้ซึ่งมีเสียงอันไพเราะของ 2สิ่งคล้องกันไว้ด้วยริบบิ้นสีชมพูอันเป็นสีวันพระราชสมภพ และเข็มกลัดไข่มุกประดับเพชรรูปหงส์ ฝีมือช่างฟาแบร์เฌ่ ของพระราชทานจากล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 นี้เป็นเครื่องชี้ชัดว่าพระองค์ทรงพระเมตตา และพระราชทานเกียรติอย่างสูง แก่เจ้าม.ร.ว.สดับ ลดาวัลย์ อีกทั้งไม่ว่าจะเสด็จไปไหนพระองค์ก็มีความระลึกถึงเจ้าจอมผู้ภักดีอยู่เสมอ เช่น เมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปได้ทรงสดับนกคีรีบูนไขลานของกัปตันเรือซักซันร้องเพลง ก็มีบทพระราชนิพนธ์หวนคิดถึงเสียงขับร้องบทเพลง ส่งมาความว่า "นกน้อย ช่างพูดจ้อยเจนหัดชัดภาษาบรรเลงลานหวานหูชูวิญญา เหมือนจะพาให้สบายวายคำนึงยืนลำนำช้ำทำนองแต่สองอย่าง ไม่เปลี่ยนบ้านจนเบื่อเหลือคิดถึงเคยยินขับจับจิตตต์ติดทรวงตรึง ดูประหนึ่งกลบสำเนียงเสียงนกเอยฯ"ครั้นเมื่อเสด็จกลับจากประพาสยุโรป ทรงมีนกคีรีบูนไขลานในกรงทองมาพระราชทานแก่เจ้าจอมสดับด้วยเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ก็มีเสียงปรามาสว่าเจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ คงไม่สามารถรักษาพระเกียรติยศอยู่ตลอดได้เพราะยังเป็นสาวอายุเพียง 20ปี ทั้งยังมีเพชรนิลจินดา ของมีค่าที่ได้รับพระราชทานไว้มากมาย แต่เจ้าจอมสดับท่านแน่วแน่ในความจงรักภักดีถึงกับบันทึกความรู้สึกในครั้งนั้นไว้ว่า "ข้าพเจ้าไม่มีใจเหลือเศษที่จะรักผู้ชายใดอีกต่อจนตลอดชีวิต" กาลเวลาต่อมาจนเมื่อเจ้าจอมสดับท่านถึงแก่กรรมลง ท่านก็ได้ปฏิบัติตามความรู้สึกนั้นตลอดชีวิตของท่าน

Read More

10/09/2562

ทองกิมซัว


ทองกิมซัว คือ ทองคำเปลวชนิดหนึ่ง คำว่า กิมซัวเป็นภาษาจีน โดย “กิม” แปลว่า ”ทอง” และ ”ซัว” แปลว่า ”ทราย” เกิดจากขั้นตอนในการผลิตที่ต้องสกัดด้วยวิธีโบราณ คือ การใช้สารเคมี เช่น น้ำกรด ในการแยกสกัดให้เป็นทองบริสุทธิ์ สีของทองคำหลังการสกัดนั้นจะออกมาในสภาพของทรายสีน้ำตาลปนทองซึ่งได้ความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5-99.7% เมื่อทรายมาหลอมรวมกันก็จะกลายมาเป็นทองคำแท่ง จึงเรียกว่าทองกิมซัว เนื่องจากทองกิมซัวเป็นทองคำซึ่งผลิตได้ยาก เนื่องจากมีการใช้สารเคมีในการผลิต ทำให้คนสกัดทองต้องสูดดมเอาสารเคมีที่เข้าไปด้วย ทำให้ป่วยได้ง่าย อีกทั้งวิธีการสกัดทองชนิดนี้ใช้เวลานานและสกัดด้วยเครื่องไม่ได้ อีกทั้งในการสกัดจะมีมลภาวะออกมากับน้ำและอากาศ ทำให้การทำทองกิมซัวเริ่มสูญหายไปจากท้องตลาด ทองกิมซัว เป็นทองคำเปลวที่มีปริมาณทองคำสูงกว่าทองคำ 96.5 % ประมาณ 800 บาทต่อ 15.2 กรัม แต่ทองคำเปลวที่ใช้กิมซัวในการผลิตจะมีลักษณะเงา มีสีเหลืองออกแดงแบบโบราณ เรียกทองคำชนิดนี้ว่า ทองดอกบวบทองคำเปลวที่เป็นทองคำแท้ในประเทศไทย จะมีอยู่ 2 เกรดคือ 1. ทองคำเปลว 99% ซึ่งในภาษาช่างส่วนใหญ่จะเรียกว่า ทองกิมซัว2. ทองคำเปลว 96% หรือประมาณทองรูปพรรณซึ่งช่างส่วนใหญ่จะใช้ทอง 96% เพื่อประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่าย แต่การใช้ทอง 99% เท่านั้น เพื่อให้สีของชิ้นงานมีความเข้ม สด และเงางามกว่า ทองคำเปลว คือทองที่ตีแผ่จนเป็นแผ่นที่บางมาก มักจะใช้สำหรับการปิดทอง ปิดบนองค์พระพุทธรูปหรือสิ่งสักการะ ปัจจุบันมีการทำทองคำวิทยาศาสตร์ขึ้นมาใช้งานแทนทองคำเปลวที่ทำจากทองคำแท้เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่า โดยสังเกตความแตกต่างได้ง่ายคือ ทองคำวิทยาศาสตร์ เมื่อใช้นิ้วมือขยี้จะไม่ติดนิ้วมือและขาด แตกเป็นชิ้นๆ ส่วนทองคำเปลวแท้ เมื่อใช้นิ้วมือขยี้ทองคำเปลวจะติดนิ้วมือมาและจะมีสีแวววาวกว่าทองคำเปลววิทยาศาสตร์นอกจากใช้ทองคำเปลวปิดทององค์พระและสิ่งของมีค่าต่างๆแล้ว ทองคำเปลวยังถูกนำมาใช้ในด้านต่างๆ เช่น ใช้ในทางการแพทย์ ด้านความสวยความงาม และถูกนำมาใช้ในการประกอบอาหาร เป็นต้น

Read More

10/09/2562

ทองคำ ทุนสำรองที่แต่ละประเทศต้องมี


ทุนสำรองระหว่างประเทศโดยทั่วไปจะอยู่ในรูปของ พันธบัตรรัฐบาลต่างชาติ ตราสารหนี้ทางการเงิน และทองคำ ที่ธนาคารกลางเข้าไปลงทุนหรือซื้อไว้ โดยทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศนิยมถือครองมากที่สุด เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อหรือภาวะเงินถดถอยได้ สาเหตุหลักๆ ที่เป็นแรงจูงใจให้ธนาคารกลางทั่วโลก ต้องถือทองคำเก็บไว้ในทุนสำรองระหว่างประเทศ มี 2 ปัจจัยหลักๆคือ1.การกระจายการลงทุน ปัจจุบันมีธนาคารกลางในประเทศเกิดใหม่จำนวนมากที่มีสัดส่วนการถือครองดอลลาร์สหรัฐฯหรือพันธบัตรต่างๆจำนวนมากได้กลับเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากสกุลเงินมากขึ้นเพราะผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับต่ำหรือติดลบ และเงินทุนสำรองในสกุลเงินอื่นๆกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติเช่น สกุลเงินยูโรที่กำลังเผชิญความปั่นป่วนด้านการเมืองและเศรษฐกิจ สกุลเงินหยวนที่ยังคงถูกควบคุม และสกุลเงินปอนด์ที่ต้องต่อสู้กับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit จึงเป็นเหตุผลที่ธนาคารกลางหลายแห่งเข้าไปซื้อทองคำ เพื่อการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ2.การบริหารแบบเชิงรุก ทองคำไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์ในเชิงกลยุทธ์ แต่ยังเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ช่วยให้ธนาคารกลางบรรลุวัตถุประสงค์ทางยุทธวิธี เนื่องจากทองคำมีสภาพคล่องในตลาดและปริมาณการซื้อขายต่อจำนวนมากต่อวัน ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งใช้ทองคำเพื่อจัดการสภาพคล่องหรือใช้เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนด้วยเหตุนี้จึงทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ อีกทั้งทองยังเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนมานับพัน ๆ ปี โดยในช่วงศตวรรษที่ 17 ถึง 20 ธนบัตรที่ออกโดยรัฐบาลแห่งชาติต้องผลิตภายใต้ทุนสำรองที่เป็นทองคำ ด้วยเหตุนี้ประเทศต่างๆจึงจำเป็นต้องรักษาแหล่งสะสมทองคำไว้เนื่องจากเหตุผลทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ทุกๆปีรัฐบาลของแต่ละประเทศจะเพิ่มปริมาณสำรองทองคำของตนไว้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น

Read More

10/09/2562

มาตรการคุมเข้มการนำเข้าของคำของจีน


ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา จีนออกมาตรการคุมเข้มการนำเข้าทองคำ เนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับวหรัฐที่รุนแรงขึ้น ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจท้องถิ่นร่วงลงมาเติบโตต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี กดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี จึงเป็นไปได้ว่าการนำมาตรการคุมเข้มการนำเข้าทองคำก็เพื่อสกัดกั้นการไหลออกของเงินดอลลาร์และหนุนค่าเงินหยวนนั่นเองแหล่งข่าวในอุสาหกรรมทองคำอ้างว่า จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาลดการนำเข้าทองคำลงมาราว 300-400 ตัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือลดลงราว 15,000-25,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ข้อมูลจากกรมศุลกากรของจีนแสดงให้เห็นว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าทองคำลดลง 308 ตัน คือจาก 883 ตันเหลือเพียง 575 ตัน ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีนนำเข้าทองคำเพียง 71 ตัน ลดลงจากจำนวน 157 ตันในเดือนเดียวกันของปี 2561 ส่วนในเดือนมิถุนายนการนำเข้าทองคำลดลงเหลือเพียง 78 ตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่นำเข้า 199 ตันนอกจากนี้แหล่งข่าวตลาดทองคำในอังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์และจีน ยังบอกด้วยว่าตามปกติธนาคารจีนจะเป็นผู้กำหนดโควตาการนำเข้าทองคำให้กับผู้นำเข้าทั้งหมด ทั้งธนาคารท้องถิ่นและบริษัทข้ามชาติ แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โควตาการนำเข้าลดลงอย่างมาก หรือไม่อนุญาตให้นำเข้าเลยทั้งนี้ จีน เคยออกมาตรการต่างๆเพื่อควบคุมเงินทุนไหลออดในช่วงที่เงินหยวนอ่อนค่ามาแล้ว เช่นการลดปริมาณจัดหาเงินหยวนในตลาดต่างประเทศ การกระตุ้นให้ธนาคารต่างๆส่งเงินดอลลาร์ที่ถือครองอยู่ในต่างแดนกลับประเทศ เป็นต้น โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 หลังเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างมาก ซึ่งการควบคุมที่ผ่านมาไม่ได้คุมเข้มมากเท่ากับครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอย่างมากปัจจุบัน จีน เป็นประเทศผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ของโลก โดยเมื่อปี 2018 นำเข้าทองคำราว 1,500 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 60,000 ล้านออลลาร์ เทียบเท่ากับ 1 ใน 3 ของปริมาณการจัดหาทองคำทั่วโลก โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ความต้องการเครื่องประดับทองคำ เหรียญทองคำ และทองคำแท่งในจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากประชาชนมีความมั่งคั่งมากขึ้น อีกทั้งปริมาณทองคำสำรองก็พุ่งสูงขึ้นเกือบ 2,000 ตันอีกด้วย

Read More

10/09/2562

ราคาทองหน้าเหมือง


การกำหนดราคาทองคำขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย หนึ่งในนั้นคือต้นทุนหน้าเหมือง ซึ่งคิดคำนวณตามมาตรฐานหรือหน่วยงานที่เรียกว่าThe Gold Institute Production Cost Standard โดนต้นทุนที่ใช้อยู่มีสองประเภทนั้น คือ ต้นทุนแบบ Cash Cost และแบบ All in sustaining cost ต้นทุน Cash Cost คือต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตทองคำโดยตรง บวกกับค่าสัมปทานเหมือง และหักด้วยต้นทุนการผลิตโลหะอื่น ในกรณีที่เหมืองนั้นๆ มีการผลิตโลหะอื่นนอกเหนือจากทองคำ (เรียกว่า By-product credit) หรือสามารถเขียนเป็นสมการง่ายๆ ได้ว่าคือกระบวนการอะไรที่นำมาเพื่อให้ได้ทอง ทั้งค่าขุดเหมือง ค่าหลอมทอง หล่อทอง ต้นทุนการขนส่ง เป็นต้น ซึ่งต้นทุน Cash Cost นี้มีข้อจำกัด อยู่ที่ไม่ได้นำต้นทุนนอกเหมืองเช่น ต้นทุนสำนักงาน ต้นทุนการพัฒนาหรือต้นทุนธุรการ เข้ามารวมด้วย ต้นทุนแบบ All in sustaining cost (AISC) เป็นการคิดต้นทุนเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของต้นทุน แบบ Cash Cost ที่ โดยต้นทุนแบบ AISC นี้ได้บวกค่าเสื่อมราคาต้นทุนสำนักงาน ต้นทุนการสำรวจ และต้นทุนธุรการ (G&A Expense) เข้าไป เพื่อให้สะท้อนต้นทุนของเหมืองทองคำนั้นๆ ได้อย่างรอบด้าน พูดง่ายๆว่าต้นทุนแบบ All in sustaining cost ก็คือต้นทุน Cash Cost บวกด้วยค่าเสื่อมราคา และตัดจำหน่าย ต้นทุนสำนักงาน ค่าใช้จ่ายในการสำรวจ ต้นทุนธุรการ (G&A Expense)” นั่นเองทั้งนี้ราคาหน้าเหมืองจะขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิตทองคำที่ได้ ยิ่งได้เยอะเท่าไหร่ราคาก็จะยิ่งต่ำลงโดยราคาเฉลี่ยทั้ง 5 เหมืองใหญ่ๆของโลกแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 900-1050 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งถ้าคิดเป็นราคาทองคำแท่งบ้านเราก็อยู่ที่บาทล่ะ 16,000-17,000 บาท โดยราคาหน้าเหมืองใหญ่ๆของโลกมีดังนี้ 1.Newmontปี2017 สามารถผลิตทองคำได้ 49.3 ตัน ราคาหน้าเหมืองAISCปี 2018 อยู่ที่ 965-1025เหรียญ/ออนซ์ 2.Barrick Gold Cropปี2017 สามารถผลิตทองคำได้ 71.9 ตัน ถ้าเทียบแล้วก็ปริมาณเท่ากับครึ่งหนึ่งของทองคำสำรองของประเทศไทยที่ประมาณ 154 ตันซึ่งเป็นเหมืองที่ผลิตทองได้เยอะสุด ราคาหน้าเหมืองAISCปี 2018 อยู่ที่ 765-815 เหรียญ/ออนซ์ 3.Kinrossปี2017 สามารถผลิตทองคำได้ 27.6 ตันราคาหน้าเหมืองAISCปี 2018 อยู่ที่975-1075เหรียญ/ออนซ์ 4.AngloGold Ashantiปี2017 สามารถผลิตทองคำได้35.79ตันราคาหน้าเหมืองAISCปี 2018 อยู่ที่1029-1060เหรียญ/ออนซ์5.Gold Fieldsปี2017 สามารถผลิตทองคำได้21.5ตันราคาหน้าเหมืองAISCปี 2018 อยู่ที่965-1169เหรียญ/ออนซ์ จากข้อมูลของสภาทองคำโลกรายงานว่าในปี 2017 การผลิตทองคำทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 105 ล้านออนซ์ ขณะที่ข้อมูลข้อมูลจากบริษัทในเครือของ MINING.com พบว่าปริมาณการผลิตทองคำจากเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุด 10 เหมืองซึ่งเป็นบริษัทมหาชนและไม่ได้เป็นเจ้าของโดยรัฐในปี 2017 อยู่ที่ระดับ 29.43 ล้านออนซ์ซึ่งลดลง 0.1% จากปี 2016 โดยมีสัดส่วนเกือบ 30% ของปริมาณการผลิตทองคำทั่วโลก

Read More

10/09/2562

เชื่อหรือไม่ ทองคำ กว่าครึ่งหนึ่งของโลก ถูกนำไปทำเครื่องประดับ


เชื่อหรือไม่ว่า ทองคำจำนวนกว่า 84,300 ตัน หรือ 49.2% ของทองคำที่ถูกขุดขึ้นมาแล้วบนโลกนี้ ถูกนำไปแปรรูปเป็นเครื่องประดับ ซึ่งถือเป็นปริมาณมากที่สุด นั้นแสดงว่า เมื่อรวมปริมาณการถือทองคำของทั้งโลก คนทั่วไปหรือที่เรียกว่า รายย่อย คือผู้ที่ถือทองคำมากที่สุด และถ้าจะอธิบายให้ละเอียดลงไป ว่ากันว่า ผู้หญิง อินเดีย คือผู้ถือครองทองคำมากที่สุด เพราะเป็นชาติที่มีปริมาณการซื้อสะสมเครื่องประดับ จากทองคำมากที่สุดในโลกปัจจุบันมีทองคำที่ถูกขุดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้นทั่วโลกราว 171,300 ตัน หรือ 171,300,000 กิโล ซึ่งทองคำที่ถูกขุดขึ้นมานั้นนอกจากนำไปทำเครื่องประดับเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ทองคำอีก 19.26% หรือราว 33,000 ตันเป็นทองคำที่ถูกใช้เพื่อนำไปลงทุนซึ่งมากอันดับสอง โดยทองคำที่อยู่ในส่วนของการลงทุนนั้นจะอยู่ในรูปแบบของทองคำแท่งเป็นส่วนใหญ่ อันดับสามคือ ธนาคารกลาง โดยธนาคารกลางทั้งโลกรวมกัน นั้นมีทองคำสำรองของแต่ละเทศถูกเก็บรวมกันอยู่ที่ 29,500 ตัน หรือ คิดเป็น 17.2% โดยสหรัฐเป็นประเทศที่มีทองคำสำรอง มากที่สุดในโลก โดยมีปริมาณทองคำอยู่ที่ 8133.5 ตัน ธนาคารกลางเยอรมนี ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 3,384.2 ตัน ธนาคารกลางอิตาลี มาเป็นอันดับ 3 ถือครองทองคำที่ 2,451.8 ตัน ส่วนประเทศไทยไม่รู้ว่าอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ แต่ปี 2018 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีทองคำสำรอง 154 ล้านตันอันดับสี่ คือการใช้ทองคำในภาคอุตสาหกรรมที่ถูกใช้ไปราว 20,800 ตัน หรือคิดเป็น 12.14% ทองคำที่ใช้อยู่ในภาคอุตสาหกรรมนั้น ในในวงการอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสารโทรคมนาคม เช่น สวิตซ์โทรศัพท์ที่ใช้เป็นแผงตัด เพื่อให้กระแสไฟฟ้าเดินได้สะดวก การใช้ลวดทองคำขนาดจิ๋วเชื่อมต่อวัสดุกึ่งตัวนำและทรานซิสเตอร์ การใช้ลวดทังสเตนและโมลิบดีนัมเคลือบทองคำ การใช้ในอุตสาหกรรมหลอดสูญญากาศ การเคลือบผิวเสาอากาศด้วยทองคำเพื่อการสื่อสารระยะไกล การใช้ตาข่ายทองคำเพื่อป้องกันการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในระบบการสื่อสารการบินพาณิชย์ การใช้อลูมิเนี่ยมเคลือบทองในเครื่องถ่ายเอกสารเพื่อทำหน้าที่สะท้อนรังสีอินฟราเรด การใช้โลหะทองคำเจือเงิน และนิกเกิลประกบผิวทองเหลืองสำหรับใช้ในปลั๊กเป็นต้น ส่วนอีก 2.2% หรือ 3,700 ตัน ถูกนำไปใช้ในด้านอื่นๆจะเห็นได้ว่าทองคำ ไม่เป็นเพียงแต่ เครื่องประดับ หรือ เป็นทรัพย์สิน เพื่อใช้ในการลงทุน แต่ทองคำนั้นสามารถนำไปใช้ได้อีกในหลายๆด้าน

Read More

10/09/2562

ราคาทองคำ กับภาวะวิกฤติของโลก


ในอดีตวิกฤติการณ์ต่างๆของโลก ไม่ค่อยส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำมากนัก เช่นเมื่อเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียทองคำกลับปรับลดลง 2.61% หรือวิกฤติต้มยำกุ้งที่ราคาทองลดลง 12.86% เป็นต้น แต่หลังปี2004 เป็นต้นมา ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อมีวิกฤติต่างๆไม่ว่าจะการเมืองหรือเศรษฐกิจ ทั้งนี้ก็เพราะ ทองคำได้กลายมาเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven) นั้นเองความจริงเรื่องนี้ดูได้จากการปรับขึ้นถึง 12.22% ของราคาทองเมื่อเกิด วิกฤติการเงินโลก หรือในวิกฤติหนี้ยูโรโซน ราคาทองคำก็ปรับตัวไปถึง +25.76% ซึ่งปัจจัยที่มีอิทธิพลในการกำหนดราคาทองคำหลักๆก็คือ ค่าเงินดอลลาร์ เพราะราคาทองคำจะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม กับค่าเงินดอลลาร์เป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่มีอิทธิพลในการขับเคลื่อนราคาทองคำในช่วงปี 2019 นี้ “สภาทองคำโลก (World Gold Council)” ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เป็นผลมาจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของสหรัฐเป็นปัจจัยหลัก ยืนยันด้วยการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ราคาทองได้ปรับตัวทะลุ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2013 และคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป อีกทั้งความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ก็จะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ ธนาคารกลางของประเทศต่างๆยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องต่อไป ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์มาก่อนหน้านี่แล้วว่าปี 2019 เป็นเวลาที่ดีมากในการลงทุนในทองคำซึ่งตอนนั้นนักลงทุนยังมองไม่ออกเพราะไม่มีปัจจัยอะไรที่ทำให้สนใจที่จะลงทุนในทองตอนนั้น แต่ถึงตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าราคาทองมีการปรับขึ้นอย่างร้อนแรง และนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าการลงทุนช่วงนี้(ไตรมาส 3)จะยังทันอยู่หรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าลงทุนทองตอนนี้อาจจะช้าเกินไปแล้ว เวบไซด์ “KITCO.com” เวบเกี่ยวกับการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก ระบุผ่านบทสัมภาษณ์นักเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics ว่า ราคาทองได้ปรับขึ้นมามากแล้วเพื่อรับข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ,ความรุนแรงของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังคาดราคาสิ้นปี 19 ไว้บริเวณ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนโบรกเกอร์ทองคำในไทยส่วนใหญ่มองทองคำระยะยาวยังอยู่ในแนวขาขึ้น แต่ระยะสั้นมีโอกาสปรับฐาน โดยมีกรอบแนวต้าน 1,500 /1510 ดอลลาร์ และแนวรับ 1,460/1,450 ดอลลลาร์ “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่สามารถนำมาผสมไว้ในพอร์ตการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งปกติแล้วแนะนำให้มีสินทรัพย์ทางเลือกไว้ประมาณ 15% )

Read More

10/09/2562

อ่าวทองคำ แหล่งทองคำใต้ทะเล


อ่าวทองคำ หรืออ่าวท่าศาลา ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ที่บอกว่าอ่าวนี้เป็นแหล่งทองคำใต้ทะเล ไม่ได้หมายถึงแร่ทองคำ แต่หมายถึงทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งจับสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงมาก เป็นแหล่งผลิตอาหารให้แก่คนทั้งประเทศ จึงเปรียบอ่าวทองคำนี้ว่าเป็นเหมือน แหล่งทองคำใต้ทะเลด้วยความที่อ่าวทองคำเป็นดินดอนปากแม่น้ำหลายสิบสาย และตั้งอยู่ในเขตทิศทางลม โดยมีเทือกเขาหลวงเป็นแนวกั้นขวางลมไว้ทำให้เกิดระบบนิเวศเฉพาะถิ่น คือเมื่อลมจากชายฝั่งทะเลพัดมาปะทะเทือกเขาหลวง ทิศทางลมจะไหลเวียน ทำให้เกิดลักษณะที่เรียกว่าลมแปดทิศ อีกทั้งเทือกเขาหลวงยังทำให้เกิดแม่น้ำสายสั้นๆ หลายสิบสายเป็นแหล่งแร่ธาตุและสารอินทรีย์จำนวนมาก ซึ่งเป็นอาหารที่สำคัญของสัตว์น้ำขนาดเล็ก ส่งผลให้เกิดระบบนิเวศหลากหลายที่ปากแม่น้ำนอกจากนี้กระแสการหมุนเวียนของน้ำที่อ่าวทองคำยังเป็นระบบทะเลนอก และทะเลใน คือ น้ำทะเลตั้งแต่หัวไทร ปากพนัง แหมตลุมพุกจะไหลพามวลน้ำจากด้านใต้มาทิศเหนือ และทางด้านอำเภอขนอม สิชล กระแสน้ำจะไหลจากเหนือลงมาทิศใต้ ทำให้กระแสน้ำไหลเวียนวนทวนเข็มนาฬิกา เข้าสู่อ่าวทองคำ ส่งผลให้มีสัตว์น้ำเข้ามาอยู่บริเวณอ่าวทองคำ จนมีความอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับหน้าดิน เป็นดินโคลนน้ำไม่ลึกมากนัก จึงเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับสัตว์น้ำหน้าดิน และสัตว์น้ำวัยอ่อนด้วย มีการวิจัยของนักวิชาการร่วมกับชุมชนท่าศาลา พบว่าที่ความอุดมสมบูรณ์ของอ่าวทองคำนี้ที่ให้เกิดการจ้างงานในธุรกิจประมงไม่ต่ำกว่า 5,000 คน สัตว์น้ำที่นี่จำหน่ายทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง สัตว์เศรษฐกิจบางชนิดส่งออกไปต่างประเทศและยังมีเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการทำประมงอีกมาก เช่น การแปรรูปสัตว์ทะเล ธุรกิจเครื่องมือประมง ร้านอาหารซีฟูด ชาวประมงจำนวนมากสามารถทำมาหากินที่อ่าวทองคำได้อย่างเพียงพอไม่ต้องออกไปทำงานที่อื่น นอกจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรณ์ทางทะเลแล้ว อ่าวทองคำยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่น่าสนใจเพราะด้านทิศเหนือของอ่าวมีหาดทรายสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนริมทะเล ส่วนบริเวณป่าชายเลยก็มีการรวมตัวกันทำ บ้านแหลมโฮมสเตย์ ให้นักท่องเที่ยวได้มาพักท่ามกลางธรรมชาติและท้องทะเลมี สปาโคลน ซึ่งเป็นโคลนธรรมชาติของที่อ่าวทองคำ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยขจัดสิ่งสกปรก และช่วยลดความมันรวมไปถึงแร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยู่ในโคลนจะช่วยบำรุงผิวพรรณไว้บริการนักท่องเที่ยว และยังทีผลิตภัณฑ์จากโคลนจำหน่าย เช่นสบู่โคลน และโคลนสปาเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วยจึงไม่แปลกที่จะเรียกอ่าวทองคำ หรืออ่าวท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชว่าเป็นแหล่งทองคำใต้ทะเล

Read More

30/08/2562

ห่านทองคำ “โกลเดนกูสอะวอร์ด”รางวัลสำหรับงานวิทยาศาสตร์


“โกลเดนกูสอะวอร์ด” หรือ รางวัลห่านทองคำ เป็นรางวัลที่มอบให้กับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ แม้บางชิ้นงานอาจดูเป็นงานวิจัยที่ตลก แต่กลับมีประโยชน์และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง เช่นการค้นพบแมงกะพรุนเรืองแสง การปลูกถ่ายกระดูกด้วยประการัง และการคิดค้นที่นำไปสู่การพัฒนาเลเซอร์ โดยพิธีอบรางวัลประจำปีจะจัดขึ้นที่วอชิงตัน ดี ซี สหรัฐฯ รางวัลห่านทองคำ (Golden Goose Award) มีนายจิม คูเปอร์ ผู้แทนราษฎรสหรัฐจากเทนเนสซีเป็นต้นคิดโดย ให้ความเห็นว่าเราควรตระหนักถึงงานวิจัยที่คู่ควรต่อการได้รับทุนสนับสนุนจากภาครัฐซึ่งอาจจะเป็นงานวิจัยที่ดูตลก แต่ประโยชน์ใช้สอยจากงานเหล่านั้นทำให้เราไม่อาจหัวเราะเยาะได้ จุดเริ่มต้นของคูเปอร์นี้มาพร้อมกับแนวคิดที่จะให้ความรู้แก่สาธารณะและสภาคองเกรสได้ตระหนักถึงคุณค่าของการให้ทุนวิจัยแก่งานวิจัยวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชื่อของรางวัลนั้นอ้างถึงนิทานอีสปเรื่องห่านที่วางไข่เป็นทองคำ สำหรับรางวัลห่านทองคำนี้ จะมอบเป็นเกียรติแก่งานวิจัยที่แม้การศึกษายังไม่ชัดเจนแต่นำไปสู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่และมีผลกระทบที่สำคัญ หรือการค้นพบโดยบังเอิญแต่ส่งผลกระทบที่สำคัญต่อมนุษยชาติและเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงมอบรางวัลให้เฉพาะงานวิจัยที่ได้สร้างประโยชน์แล้ว แต่จะไม่ให้รางวัลแก่งานวิจัยที่ “อาจจะ” หรือ “คาด”ว่านำไปสู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ มีงานวิจัยที่ได้รับจากการประกาศรางวัลไปแล้วเช่นงานวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์ 4 คนที่มีความเชี่ยวชาญจากหลายสาขา ซึ่งมีแนวคิดในการสร้างวัสดุปลูกถ่ายกระดูกด้วยปะการังที่ค้นพบในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่นำโดย ศ.ชาร์ลส ทาวเนส และคณะที่นำไปสู่การสร้างนวัตกรรม “เลเซอร์” และได้สร้างคลื่นแสงเมเซอร์ ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งคลื่นเมเซอร์นี้ คือ คลื่นไมโครเวฟที่ขยายขนาดจากการแผ่รังสีที่ปล่อยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งงานนี้ได้วางรากฐานสู่การพัฒนาแสงเลเซอร์ที่นำไปสู่เทคโนโลยีอันมีประโยชน์อย่างนับไม่ถ้วน ทั้งสื่อดิจิตัล ซีดี การสื่อสารผ่านดาวเทียม การผ่าตัดตาด้วยเลเซอร์ และนวัตกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งงานวิจัยเมเซอร์นั้นได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิวิทยาศาสตร์สหรัฐฯและกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่น่าแปลกสำหรับรางวัลโกลเดนกูสอะวอร์ด คือ มีการประกาศมอบรางวัลถึงปีละ 3-4 ครั้ง ส่วนงานมอบรางวัลประจำปีจะจัดขึ้นที่วอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐฯ

Read More

30/08/2562

ที่สุดของทองคำในปี 2019


ยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียวสำหรับราคาทองคำในปีนี้ แม้ในไตรมาศแรกราคาทองคำจะซบเซาไปหน่อย แต่ตั้งแต่ ไตรมาส 2 เป็นต้นมา ราคาทองคำก็ทะยานขึ้นต่อเนื่อง ด้วยสาเหตุการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของสหรัฐฯ และจึนเลือกที่จะตอบโต้สหรัฐฯแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เช่นการทบทวนการส่งแร่แรร์เอิร์ธ หลังสหรัฐฯประกาศแบนบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยีฯของจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง กระตุ้นแรงซื้อทองคำให้สูงขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ราคาทองคำ ณ วันนี้(25 ส.ค.52) ปรับขึ้นไปแตะที่ 1,526 ดอลลาร์ต่อออนซ์แล้วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเราได้เห็นสถิติใหม่ๆของทองคำเกิดขึ้นหลายอย่าง ซึ่งบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ประกอบการค้าทองคำรายใหญ่ได้รวบรวมไว้ คือ ทองคำในตลาดโลก(Gold Spot) แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ในขณะที่ราคา ทองคำในประเทศขึ้นทะลุเกิน 20,000 บาทต่อบาททองคำเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 และปรับตัวขึ้นต่อไปแตะระดับสูงสุด บริเวณ 22,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี นอกจากนี้ค่าเงินบาทแตะระดับแข็งสุดในรอบ 6 ปี ที่บริเวณ 30.59 บาทต่อดอลลาร์ โดยเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมไปถึงกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร สาเหตุนี้เองจึงทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นน้อยกว่าราคาทองคำในตลาดโลกราคาทองคำในตลาดโลกปิดตลาดในรายสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 กรกฎาคม ด้วยการปรับตัวสูงขึ้นกว่า +4% จึงถือว่าเป็นการปรับตัวขึ้นในรายสัปดาห์ที่มากที่สุดในรอบ 3 ปี ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำในปริมาณมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 และสถานะสัญญาฟิวเจอร์ส COMEX ทองคำก็มีปริมาณมากที่สุดในรอบกว่า2 ปี บ่งชี้ถึงแรงเก็งกำไรในทิศทางบวกที่เพิ่มขึ้นในหมู่นักเก็งกำไรที่น่าสนใจคือธนาคารกลางจีนเพิ่มการถือครองทองคำในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ทำให้ในช่วง 6 เดือนตั้งแต่ ธันวาคม 2018-พฤษภาคม 2019 จีนถือครองทองคำเพิ่มถึงเกือบ 74 ตันทั้งนี้ศูนย์วิจัยทองคำรายงานความเห็นของผู้ค้าทองคำรายใหญ่ว่า ช่วงเดือนสิงหาคม 62 นี้ ราคาทองจะยังคงไปในเชิงบวก โดยราคาทองคำจะแกว่งตัวเพื่อรักษาระดับและสร้างฐานราคาทองคำในระดับสูง โดยระยะสั้นหากราคาทองคำอ่อนตัวลง สามารถซื้อเพื่อทำกำไรได้

Read More

30/08/2562

พระราชสาส์นห่อด้วยแผ่นทองคำ พระราชไมตรีจากรัชกาลที่ 4 ถึงพระราชินีวิกตอเรีย


เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พุทธศักราช 2400 คณะราชทูตไทย นำโดยพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค)เป็นหัวหน้าคณะราชทูต ออกเดินทางจากสยามประเทศเพื่อเชิญพระราชสาสน์ห่อด้วยแผ่นทองคำและเครื่องราชบรรณาการไปถวายสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักรเครื่องราชบรรณาการที่ไทยส่งไปถวายพระนางเจ้าวิกตอเรียนั้น มีทั้งหมดถึง34 ชนิด ที่สำคัญคือ พระราชสาส์นจารึกในพระสุพรรณบัตรห่อในแผ่นทองคำ แล้วใส่ในฝักทองคำลงยา และพระราชสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 อีก 2 แผ่น นอกนั้นเป็นพระมหามงกุฎ พระสังวาล พระธำมรงค์ สนับเพลาผ้าทรง พานทองคำ ซองบุหรี่ทองคำ ดาบเหล็กลายฝักทองคำลงยา กริชฝักนาค หอกอย่างสยาม กลองมโหรทึกปี่งา และสิ่งอื่น ๆ ที่น่าสนใจจากประเทศสยาม ปัจจุบันของเครื่องราชบรรณาการต่างๆเหล่านี้ ยังจัดแสดงอยู่ที่ประเทศอังกฤษเนื่องด้วยประเทศสยามนั้นไม่มีเรือเดินทะเลดีพอที่จะนำคณะราชทูตไปถึงทวีปยุโรปได้เซอร์จอห์น เบาว์ริ่ง จึงนำเรื่องนี้ขึ้นทูลแก่พระนางเจ้าวิกตอเรีย ทางประเทศอังกฤษจึงจัดการส่งเรือรบมารับคณะทูตไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค)เป็นราชทูต เจ้าหมื่นสรรเพธภักดีเป็นอุปทูต จมื่นมนเฑียรพิทักษ์เป็นตรีทูต และให้หม่อมราโชทัย(มรว.กระต่าย อิศรางกูร) เป็นล่ามหลวงในคณะทูต ซึ่งต่อมาได้เขียนบันทึกการเดินทางไปลอนดอนด้วย จนเป็นบทประพันธ์เรื่อง นิราศลอนดอน นับเป็นคณะทูตชุดแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ได้นำพระราชสาส์นไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีครั้งใหม่กับชาวยุโรปในจดหมายเหตุของหม่อมราโชทัยเขียนเล่าเหตุการณ์ไว้ว่าว่า ในวันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2400 คณะทูตไทยและผู้ติดตาม ประกอบด้วย ราชทูต อุปทูต และตรีทูต ผู้กำกับเครื่องราชบรรณาการ2 คน ล่าม 4 คน นักเรียน 2 คน เสมียน 3 คน หมอยา 1 คน หมอนวด 1 คน และคนใช้อีก 11 คน รวมทั้งสิ้น 27 คน ลงเรือพระที่นั่งชลพิมานไชยล่องไปจังหวัดสมุทรปราการ หลังจากนั้นจึงเชิญพระราชสาส์นขึ้นเรือพระที่นั่งกลไฟสยามอรสุมพล ใส่ไฟใช้จักรแล่นออกทะเลไปถึงเรือรบอังกฤษที่จอดอยู่ เรือรบอังกฤษลำนี้ชื่อ เอนเคาเตอร์ เป็นเรือขนาดใหญ่มาก มีความยาวถึง 214 ฟิต กว้าง 33 ฟิต กินน้ำลึก 18 ฟิต มีกัปตันและนายทหารอังกฤษ 21 คน รวมทั้งลูกเรืออีก 186 คน เรือรบอังกฤษยิงปืนสลุต 9 นัด แล้วก็แล่นออกท้องทะเล ผ่านเมืองสิงคโปร์ เมืองไคโร (ประเทศอียิปต์) ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงเมืองอาเล็กซานเดอร์จึงเปลี่ยนเป็นเรือกาเรดอกและแล่นต่อไปจนวันอังคารเดือน 12 ขึ้น 10 คำ เวลายาม 1 จึงถึงท่าเมืองปอร์ดสมัท ประเทศอังกฤษ เมื่อขึ้นฝั่งแล้ว คณะทูตไทยเดินทางโดยรถไฟต่อไปถึงกรุงลอนดอน และเข้าเฝ้าพระราชินีวิกตอเรียเพื่อถวายพระราชสาส์นของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระนางเจ้าวิกตอเรียรับด้วยพระหัตถ์ และวางไว้ข้างพระองค์ และทรงมีพระราชดำรัสตอบ ใจความว่า“....เรามีความยินดีในการที่รับราชทูต ซึ่งมาแต่พระเจ้ากรุงไทยทั้งสองพระองค์ เราหมายใจว่าพระองค์จะเป็นที่ยั่งยืน ด้วยเราเห็นราชทูตนั้นเหมือนเป็นของสำคัญแห่งไมตรีของพระเจ้ากรุงไทยทั้งสองพระองค์ และหมายว่าพระองค์ท่านทั้งสองจะเป็นญาติสัมพันธมิตรรักษาอาณาจักรและราษฎรให้ดียิ่งขึ้นไป จึงได้เปลี่ยนทำหนังสือสัญญาแก่เรา เราก็เอาใจใส่มาด้วยหมายว่าหนังสือสัญญาที่ทำใหม่นี้ จะให้เป็นที่มั่นคงในทางพระราชไมตรี และมีคุณยิ่งขึ้นไปทั้งสองพระนคร และลูกค้าวานิชได้ค้าขายต่อกันทั้งสองฝ่าย อนึ่งเรายินดีนักด้วยรู้ว่าพวกขุนนางของเราที่ให้ไปรับท่านทั้งปวง ได้เอาใจใส่ในพวกราชทูตให้มีความสุข จนตลอดถึงเมืองอังกฤษ โดยความชอบธรรม....”

Read More

30/08/2562

ขึ้นทะเบียนพระราชสาส์นทองคำ ของพระเจ้าอลองพญา เป็นมรดกโลก


องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนพระราชสาสน์ทองคำของพระเจ้าอลองพญา ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โคนบอนหรือราชวงศ์อลองพญา ถึงพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งราชอาณาจักรเกรตบริเทน เป็นมรดกโลก พระราชสาส์นทองคำนี้ข้อความด้วยภาษาพม่าโบราณ สลักลงบนแผ่นทองคำแท้ 99.99% ยาว 55 ซม. หนา 12 ซม. ประดับด้วยทับทิมล้ำค่าอีก 24 เม็ด พับม้วนบรรจุลงในภาชนะทรงกระบอกมีฝาปิด ที่ทำจากงาช้าง ใช้เวลาเดินทางถึง 2 ปี จากเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2299 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2301 พระราชสาส์นนี้จึงถึงพระหัตถ์ของพระเจ้าจอร์จที่ 2 แต่กษัตริย์แห่งเกรตบริเทน ไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ และโปรดเกล้าฯ ส่งต่อไปยังเมืองฮาโนเวอร์ ในแค้วนแซ็กโซนี เยอรมนี ซึ่งเป็นเมืองที่พระองค์พระราชสมภพหลังจากนั้นไม่มีกษัตริย์หรือพระราชินีแห่งเกรตบิเทนพระองค์ใดที่ทรงสนพระทัยพระราชสาส์นทองคำของพระเจ้าอลองพญา นักวิชาการประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษที่เชี่ยวชาญด้านพม่าคนหนึ่งได้ศึกษาเรื่องนี้เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว และลงความเห็นว่า พระเจ้าจอร์จที่ 2 ทรงมีพระราชวินิจฉัยพระราชสาส์นจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฉบับนี้ “ไม่มีค่าพอที่จะตอบกลับ” แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรอีกพระราชสาส์นถูกย้ายจากพิพิธภัณฑ์หลวงในฮาโนเวอร์ ไปเก็บในพิพิธภัณฑ์ของหอสมุดก็อดฟรีด วิลเฮม ไลบ์นิซ ในเมืองเดียวกัน ตลอดช่วงเวลากว่า 250 ปี ไม่ได้มีผู้ใดให้ความสำคัญกับพระราชสาส์นทองคำนี้ เนื่องจากไม่มีใครอ่านภาษาพม่าโบราณออก นอกจากนั้น เมื่อครั้งกษัตริย์คริสเตียนที่ 2 แห่งเดนมาร์ก เสด็จฯ ทอดพระเนตรในปี พ.ศ.2311 ทรงทำพระราชสาส์นจากพระเจ้ากรุงอังวะชำรุด ทำให้อ่านยากยิ่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศส เยอรมนี และชาวอังกฤษใช้เวลาหลายปีช่วยกันฟื้นฟูพระราชสาสน์ขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2550 และถอดความออกมาเป็นภาษาอังกฤษจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2553 เนื้อหาเป็นการเสนอเปิดสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการ และทรงเสนอให้บริษัทของอังกฤษ(อีสต์อินเดีย)ใช้ท่าเรือที่สร้างขึ้นที่เมืองพะสิม(เมืองปะเต็ง/Pathein ในปัจจุบัน) ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี พระองค์ยังมีพระราชดำริพระราชทานที่ดินจำนวนหนึ่งสำหรับให้บริษัทนี้ ตั้งสถานีการค้าขึ้นในพม่า ขึ้นที่นั่นอีกด้วย พระราชสาส์นนี้ถูกเก็บไว้ในเยอรมนีเป็นเวลานาน 259 ปี ถือเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งของโลกที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเอเชียกับยุโรป ซึ่งการเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้เป็นการเสนอร่วมกันสามฝ่าย คือ รัฐบาลเยอรมนี อังกฤษ และรัฐบาลเมียนร์มา

Read More

30/08/2562

พระราชสาส์นทองคำ จากสยาม ถึงฝรั่งเศส


เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 1861 (พ.ศ. 2404) คณะทูตจากสยาม นำโดยพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี (แพ บุนนาค) อัญเชิญพระราชสาส์นทองคำที่มีความยาว 40 เซนติเมตรและเครื่องราชบรรณาการจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ไปมอบแด่พระเจ้านโปเลียนที่ 3 และพระราชินี Eugenie ณ พระราชวังฟงแตนโบล (Chateau de Fontainebleau) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงปารีสไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 55 กิโลเมตร อันถือเป็นสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศพระราชสาส์นนี้ทำจากแผ่นทองคำยาว 40 ซม. ออกแบบเพื่อพับบรรจุไว้ในกล่อง บนเนื้อทองมีข้อความสลักไว้ ซึ่งยังไม่มีผู้ใดถอดรหัสได้ ฌอง เลออง เจอโรม (Jean Leon Gérôme) ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงเป็นผู้วาดภาพสีน้ำมันบันทึกเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้ ทั้งนี้ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเคยส่งพระราชสาส์นในลักษณะเดียวกันนี้ไปถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในช่วงเวลาต่างๆ ได้แก่ ค.ศ. 1680, 1685, 1687 และ1699 แต่ได้สูญหายไปหมดแล้ว ดังนั้น พระราชสาส์นฉบับที่ยังหลงเหลืออยู่นี้ จึงเป็นเอกสารสำคัญอย่างยิ่งหอจดหมายเหตุทางการทูต (Les Archives Diplomatiques) กระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศสได้ดำเนินการอนุรักษ์ซ่อมแซมพระราชสาส์นทองคำในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากถือเป็นเอกสารโบราณล้ำค่า โดยการอนุรักษ์นั้นได้มีการทำความสะอาด การแปล และสแกนข้อความดังกล่าว เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะในรูปแบบดิจิตอล พระราชสาส์นทองคำนี้เคยถูกอัญเชิญไปจัดแสดงในนิทรรศการ “ศิลปะแห่งสันติภาพ” (L’Art de la Paix) ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ “Petit Palais” ในกรุงปารีส เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทยและฝรั่งเศสครบรอบ 160 ปี (ค.ศ.1856-2016)ความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการเริ่มเมื่อปี ค.ศ.1856 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ลงนามในสนธิสัญญาทางไมตรี การค้า และการเดินเรือ ส่วนก่อนหน้านั้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็เคยมีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาเนืองๆ โดยในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1686 คณะราชทูตสยามนำโดยเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เดินทางโดยเรือถึงเมืองแบรสต์ (Brest) แคว้นเบรอตาญ (Bretagne) ก่อนที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14เหตุการณ์แห่งความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญครั้งนี้ มีประจักษ์พยานด้วยการที่ฝรั่งเศสเรียกถนนแซงต์ ปิแอร์ (St.Pierre) และถนนหลายสาย ซึ่งคณะราชทูตใช้เป็นทางผ่าน ทั้งในกรุงปารีส (Paris) เมืองมาร์แซย์ (Marseille) เมืองแบรสต์ (Brest) และเมืองโลรียองต์ (Lorient) ว่า ถนนสยาม (Rue de Siam)

Read More

30/08/2562

เครื่องถมทองคร่ำทอง เครื่องมงคลราชบรรณาการจากสยาม แด่กรุงฝรั่งเศส


พระบาทสมเด็จพระจอมเหล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ได้ส่ง คณะราชทูตสยามไปเจริญสัมพันธไมตรีกับพระจักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ แห่งกรุงฝรั่งเศส โดยนำเครื่องมงคลราชบรรณาการจากสยามหลายชิ้นไปถวาย หนึ่งในจำนวนนั้นคือ พระสุพรรณศรีคร่ำทอง ถ้วยมีฝาถมทอง และกลักพระโอสถมวนคร่ำทอง เป็นชุดเครื่องถมทองหรือคร่ำทอง ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นมากนักพระสุพรรณศรีคร่ำทอง เครื่องมงคลราชบรรณาการมีลักษณะเป็นกลีบบัวบาน ปลายแหลมเรียงต่อเนื่องกัน ซึ่งต่างจากพระสุพรรณศรีลงยาทั่วไปที่ปากผายออก ส่วนถ้วยมีฝาถมทอง มีลวดลายบัว ๖ กลีบอยู่ในลายวงกลม ส่วนกลักพระโอสถมวนคร่ำทองมีลวดลายดอกไม้ใบไม้ประดับอย่างงดงาม . เครื่องถมทองหรือคร่ำทอง หรือ เครื่องถมเมืองนคร เป็นที่รู้จักกันดีในราวคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ เป็นงานฝีมือที่ช่างนำโลหะมาหลอมและเทลงไปในร่องพิมพ์เพื่อให้เป็นลวดลาย จากนั้นช่างจะดุนลาย หรือเซาะเป็นร่องลวดลายไว้แล้วจึงถมด้วยโลหะอันมีค่า เช่น ทองแดง เงิน ตะกั่ว จากนั้นช่างจะนำชิ้นงานไปเผาเพื่อไล่เศษที่เหลือออกแล้วจึงขัดให้ขึ้นเงา ลวดลายที่ฝังอยู่นั้นก็จะปรากฏเด่นชัดขึ้นมา เครื่องถมทองหรือคร่ำทอง นับเป็นศิลปะอันงดงามของสยาม ที่ปรากฏในข้าวของเครื่องใช้หลายประเภท เช่น พาน หีบ ถ้วยชา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะฑูตไทยอันประกอบด้วย เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (แพ บุนนาค) เป็นหัวหน้าคณะราชทูต เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (เจิม แสง-ชูโต) เป็นอุปทูต และ พระณรงค์วิชิต (วร บุนนาค) เป็นตรีทูต จำทูลพระราชศาสน์และเครื่องมงคลราชบรรณาการไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับ พระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งประเทศฝรั่งเศส (Napoleon III of France) โดยขบวนเรือของกองทัพฝรั่งเศส พระเจ้านโปเลียนที่ 3 โปรดรับรองคณะทูตสยามอย่างดี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2404 เครื่องมงคลราชบรรณาการ ที่ ร.๔ ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้คณะราชทูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งประเทศฝรั่งเศสนั้นมีหลายชิ้นที่ทรงคุณค่าและประเมินค่ามิได้ เช่น พระมหามงกุฎ พระสาง(หวี) กำไลข้อพระกรทองคำรูปมังกรคาบแก้ว พระธำมะรงค์นพรัตนและตลับทองคำสำหรับบรรจุ พระแสงกริช พระราชยาน พระวอ เครื่องสูงต่างๆ รัดพระองค์ประดับมรกต ชุดกำไลข้อมือ ถักด้วยลวดทองเป็นรูปมังกรคาบแก้ว อ้าออกได้ แหวนเพชรแบบแถว และแบบล้อมรังแตน ตลับทองคำลงยาราชาวดี กล่องทองคำสลักดุนนูน เป็นต้นก่อนหน้านี้แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงส่งคณะทูตไปเจริญพระราชไมตรีกับประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2400 ในรัชสมัยสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย พระบรมราชินี โดยมี พระยาสรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นราชทูต เจ้าหมื่นสรรเพชรภักดี (เพ็ง เพ็ญกุล) เป็นอุปทูต

Read More

30/08/2562

รัดเกล้าทองคำเคียงดอกคามิเลีย... อัญมณีแห่งรักของจิม ทอมป์สันต่อหญิงอันเป็นที่รัก


วันหนึ่งจิม ทอมป์สัน ได้นำของขวัญอันประกอบด้วย รัดเกล้าทองคำประดับเพชร ดอกคามิเลียสีขาวนวลที่มีแหวนเพชรเจียระไนแบบโบราณวางไว้ตรงกลางดอกแล้วห่อด้วยผ้าไหม มอบให้กับหม่อมอามิเลีย หญิงอันเป็นที่รักเพื่อแทนคำบอกรักและขอแต่งงาน แม้เธอจะรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ รัก และไม่มีใครรู้ว่าจิมรู้สึกอย่างไร เขาได้เพียงแต่บอกหม่อมอเมเลียว่า “ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรของขวัญชิ้นนี้ก็เป็นของคุณอยู่ดี เป็นข้อพิสูจน์ความรักที่ผมมีต่อคุณ ถึงยังไงก็ขอให้ผมมีโอกาสถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคืนนี้คุณมาหาผมที่ห้อง คำตอบคือคุณตกลงแต่งงานกับผม แต่ถ้าคุณไม่มา ผมก็รู้ว่าคุณไม่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกับผม" คืนนั้น จิมวางห่อของขวัญไว้ที่เรือนของเขา นั่นคือ คือคำขอแต่งงานจาก จิม ทอมป์ ที่เขาไม่มีโอกาสได้ฟังคำตอบ และไม่รู้เลยว่าเช้าวันต่อมาหม่อมอามิเลียได้มาหาเขาที่เรือนเพื่อตอบรับรัก และคำขอแต่งงานจากเขา แต่เธอมาไปช้าเพราะคืนนั้น จิม ทอมสัน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่ได้รับรู้คำตอบนั้นไปตลอดกาลความจริงหม่อนรู้ทันทีที่เห็น รัดเกล้าทองคำประดับเพชร ดอกคามิเลียและแหวนเพชร ที่จิมมอบให้ว่า จิมนั้นรักเธอเพียงใด เพราะเขาเลือกดอกคามิเลียเนื่องด้วยเสียงพ้องกับ "อามิเลีย" ชื่อของเธอ และรัดเกล้าที่มากับแหวนนั้นถือเป็นของสูง ใช้ประดับพระเศียรพระราชวงศ์ในพระราชพิธีโสกันต์ อันสื่อถึงความรู้สึกสูงส่งของความรักที่เขาต้องใช้เวลาเสาะหาของสูง เพื่อมากล่าวแทนความรู้สึกนั้น แม้ตอนนั้นเธอจะรู้สึกตื้นตันอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ "รัก" อามิเลีย มองดัลติ เป็นสาวชาวสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆในสังคมชั้นสูงขณะนั้น แต่เธอได้มอบหัวใจให้กับ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ที่ทรงกำลังศึกษาด้านมานุษยวิทยาอยู่ที่เมืองซูริค สวิสเซอร์แลนด์ หลังสงครามโลกสิ้นสุดท่านชายทรงหมั้นหมายกับอามิเลีย และทรงเสกสมรสหลังจากทรงสำเร็จการศึกษา เมื่อเสด็จกลับเมืองไทย สมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงประทานวังเดิมที่ทรงสร้างถวาย พระเชษฐภคินี ให้เป็นเรือนหอเมื่อทรงย้ายเข้าวังใหม่ ท่านชายทรงมีรับสั่งอยากตกแต่งวัง หม่อมอามิเลียที่ใครๆในกรุงเทพฯเรียกว่า หม่อมเมลี่ ได้ไปหาซื้อของตกแต่งที่ร้านผ้าไหมแห่งหนึ่งย่านสุรวงศ์ นั่นเป็นครั้งแรกที่หม่อมอามิเลีย ได้พบกับ จิม ทอมป์ จากนั้นได้แนะนำจิม ทอมป์สัน ให้รู้จักกับท่านชาย จนทั้งสองสนิทสนมกันเกิดเป็นมิตรภาพดีๆระหว่างกัน แม้เมื่อก่อตั้งบริษัทผ้าไหมไทย จิม ทอมป์สัน ท่านชายยังทรงเป็นประธานผู้ถือหุ้นมาแต่เริ่มแรกด้วย หลังเสกสมรสกับท่านชายนานกว่า 9 ปี ก็ยังไม่มีทายาทด้วยกัน หม่อมเมลี่ซึ่งเข้าใจประเพณีและค่านิยมของไทยเป็นอย่างดี ประกอบกับมีความรักและเคารพในสมเด็จกรมพระยาชัยนาทฯเป็นอย่างมาก จึงได้ตัดสินใจขอแยกทางกับท่านชาย เพื่อให้ท่านชายได้สมรสใหม่กับหญิงที่สามารถมีลูกได้หม่อมเมลี่แยกทางกับท่านชายในปี 2497 และในปีถัดมาท่านชายก็ทรงเสกสมรสอีกครั้งกับนาลินี สุขนิล หรือ หม่อมนาลินี รังสิต ณ.อยุธยา ทรงมีโอรสและธิดาด้วยกัน 3 คนคือหม่อมราชวงศ์พงศ์สนิธ รังสิตหม่อมราชวงศ์จารุวรรณ รังสิตหม่อมราชวงศ์สายสนิธ รังสิตส่วนหม่อมเมลี่ แม้จะแยกทางกับท่านชายแต่ยังคงไปมาหาสู่ และสนิทสนมกับครอบครัวของท่านชายเป็นอย่างดี เธอกลับสวิสเซอร์แลนด์ และเลือกพำนักที่ Ascona เมืองเล็กๆติดทะเลสาบ Lake Maggiore ส่วนจิม ทอมป์สัน ที่แอบรักแอบชื่นชมหม่อมเมลี่มานานปี ก็ได้มีโอกาสประกาศความรักต่อหม่อมเมลี่และขอแต่งงาน แต่หม่อมเมลี่ไม่เคยตอบรับรักจิม เนื่องจากในใจลึกๆ ยังคงรักและผูกพันกับท่านชายจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต.... สิ่งเดียวที่หม่อมเมลี่ทำได้คือ ได้แต่บอกคำตอบของหม่อมให้กับคนในราชสกุลรังสิตฟัง และมอบรัดเกล้าทองคำเคียงดอกคามิเลียและแหวนเพชรของขวัญขอความรักของจิม ทอมป์สัน ให้แก่ทายาทราชสกุลรังสิต โดย หม่อมราชวงศ์จารุวรรณ รังสิต เก็บรักษาไว้เมื่อหม่อมสิ้นชีวิต

Read More

30/08/2562

หีบหมากทอง ความหวังสูงสุดของสตรีในพระราชสำนักฝ่ายใน


เชี่ยนหมากถือเป็นของใช้ประจำตัวที่สำคัญยิ่งของสตรีในพระราชสำนักฝ่ายใน เป็นเครื่องยศที่แสดงฐานะและตำแหน่งของผู้ถือ จึงมีการประกวดประชันความงามกันอยู่เนืองๆ อีกทั้งการได้รับพระราชทานหีบหมากทองและพานหมากทองที่เรียกว่า หีบหลวง นั้นถือเป็นความหวังสูงสุดของสตรีในพระราชสำนักฝ่ายใน ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๔และรัชกาลที่๕ ได้แบ่งลำดับความสำคัญของหีบหมากที่พระราชทานให้แก่นางในไว้เป็นขั้นดังนี้ ชั้นพิเศษ หีบและพานหมากเสวยพร้อมเครื่องในทำด้วยทองคำลงยาราชาวดี สำหรับพระราชทานพระมเหสีเทวี ชั้นที่ ๑ หีบหมากและพานหมากพร้อมเครื่องในทำด้วยทองคำ สำหรับพระราชทานพระสนมเอก ชั้นที่ ๒ หีบหมากทองคำลงยาราชาวดี สำหรับพระราชทานพระสนม ชั้นที่ ๓ หีบหมากทองคำ สำหรับพระราชทานเจ้าจอมอยู่งาน ชั้นที่ ๔ หีบหมากเงินกาไหล่ทองสำหรับพระราชทานนางอยู่งาน นอกจากนี้ยังมีหีบหมากแบบพิเศษ ที่พระราชทานให้ฝ่ายในที่รับใช้สนองพระเดชพระคุณ อยู่งานจนครบ ๒๐ ปี และ ๓๐ ปี โดยหีบ ๓๐ ปี มี ๒ แบบคือ เป็นหีบพระศรีทองคำลงยา ประดับเพชร พร้อมลูกหีบ 3 องค์ ที่ฝามีพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดับเพชรโดยรอบ พร้อมช่อดอกไม้ทองคำประดับเพชร รองรับแผ่นทองคำลงยาสีชมพู ซึ่งมีพระปรมาภิไธย “จุฬาลงกรณ์” คือตั้งแต่ร.ศ. 90-119 (พ.ศ. 2414 – 2444)อีกแบบเป็นหีบพระศรีทองคำลงยา (ลายเทพพนม) ที่ฝามีพระปรมาภิไธย “จุฬาลงกรณ์” ภายใต้พระจุลมงกุฎและพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดับเพชรโดยรอบ กลางหีบเป็นแบบจำลองเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันประกอบด้วยตราและสายสะพาย เป็นทองคำลงยา ได้แก่ ลายสีเหลือง ขอบสีเขียว แดงและน้ำเงิน เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (อันเป็นโบราณมงคล)นพรัตนราชวราภรณ์ สายสีเหลืองคือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ (อันมีเกียรติรุ่งเรืองยิ่ง), มหาจักรีบรมราชวงศ์สายสีชมพู ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า พระราชทานแก่ฝ่ายในที่รับราชการสนองพระเดชพระคุณมาครบ 30 ปี ตั้งแต่ร.ศ. 95-125 (พ.ศ. 2419 – 2449)หีบ ๒๐ ปี เป็นหีบหมากทองคำลงยาราชาวดี ด้านฝาประดับพระบรมสาทิศลักษณ์รัชกาลที่ ๕ ทรงอาร์มล้อมเพชร เบื้องบนประดับตราพระเกี้ยวบนหมอนวางสีชมพู พร้อมแพรแถบสีชมพู พื้นในสีน้ำเงิน ตัวทอง มีคำว่า พระราชทาน เบื้องขวาล่างประดับอักษร "จปร" ไขว้ประดับเพชร และพื้นที่ว่างประดับด้วยดอกไม้เพชร ใบลงยาสีเขียวสด และมีอักษรสีทองบนแพรสีน้ำเงินเขียนข้อความ ครบ ๒๐ ปี ร.ศ.๑๑๕ หมายถึงเริ่มรับใช้สนองพระเดชพระคุณมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๑๙ จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๙

Read More

30/08/2562

เกาะพระทอง... สะวันนาเมืองไทย


เกาะพระทองตั้งอยู่ที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา ห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร มีพื้นที่ราว 102 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในพังงาและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของเมืองไทย เป็นเกาะที่มีลักษณะแบบราบ มีภูมิประเทศแปลกตา และมีความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะมี ทั้งชายหาด ป่าชายหาด ป่าชายเลน ป่าพรุ ป่าเสม็ด แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นทุ่งหญ้าสีทองที่ปกคลุมพื้นที่ด้านในของเกาะกว้างไกลสุดสายตาคล้ายทุ่งหญ้าซาฟารีในแอฟริกา จึงเป็นที่มาของฉายา...สะวันนาเมืองไทยทางฝั่งตะวันออกของเกาะที่อยู่ห่างจากคุระบุรีราว 2 กม.เป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ เป็นคลังอาหารตามธรรมชาติของชาวเกาะ เพราะมีทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา โดยเฉพาะ ปูดำ สัตว์เศรษฐกิจของชาวประมงบนเกาะ ส่วนทางด้านฝั่งตะวันตกจะเป็นแนวชายหาดสวยงามทอดยาวจากเหนือจรดใต้ มีทิวสนขึ้นสลับในบางช่วง บนเกาะพระทอง มีพืชและสัตว์ ที่หาดูได้ยากหลายชนิดเช่น ต้นเสม็ดขาว เอื้องปากนกแก้วกล้วยไม้พันธุ์หายาก บัวบา หรือตับเต่าใหญ่ หยาดน้ำค้าง เพชรหึง กล้วยไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งชาวบ้านมักเรียกว่าว่านหางช้าง กวางม้า หรือกวางป่าตัวโตที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ไว้ มีนกเกือบ 140 ชนิด ทั้งนกป่า และนกน้ำ เช่น กาน้ำ เหยี่ยวแดง กระสานวล ปากซ่อม รวมถึงนกหายากอย่าง นกแก๊ก และ นกตะกรุม ซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ จึงเป็นแหล่งดูนกที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้บนเกาะพระทองยังเป็นแหล่งวางไข่เต่าทะเลที่สำคัญของเมืองไทยอีกด้วยเกาะพระทอง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ชอบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เรียนรู้วิถีชุมชน เพราะมีความเงียบสงบ แต่ก็สามารถเลือกทำกิจกรรมได้หลากหลาย ทั้งแค้มปิ้ง ปั่นจักรยาน ชมทุ่งหญ้าสะวันนา หรือนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่อ่าวตาแดง หรือ อ่าวตาฉุย ก็ได้ การสัญจรบนเกาะ ต้องใช้รถอีแต๊ก รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถจักรยานยนตร์พ่วงข้าง เพราะถนนหนทางค่อนข้างแคบ บางช่วงเป็นดินทรายร่วนซุย บนเกาะพระทองมีชุมชนอยู่ร่วมกัน 3 หมู่บ้าน คือบ้านปากจก บ้านทุ่งดาบ และบ้านแป๊ะโย้ย พื้นดินบนเกาะพระทองส่วนใหญ่เป็นดินปนทรายเพราะเกิดจากซากปะการังที่ทับถมกันมาเป็นเวลานานนับล้านปี ประกอบกับเคยผ่านการทำเหมืองแร่มาก่อน พื้นดินบนเกาะจึงไม่เหมาะต่อการเพาะปลูก อาชีพหลักของชาวบ้านบนเกาะจึงต้องพึ่งพาพืชเศรษฐกิจหลักอย่างมะม่วงหิมพานต์และมะพร้าว รวมถึงการท่องเที่ยวเท่านั้น

Read More

30/08/2562

7 วิธีลงทุนทองคำ


ศูนย์วิจัยทองคำ ได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีแล้วว่า ราคาทองคำในประเทศปี 2562 หรือปีหมูทองนี้ โดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 500-1,000 บาท โดยต่ำสุดอยู่ที่ บาทละ 18,569 บาท และสูงสุดอยู่ที่ 20,975 บาท ในขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกคาดว่าต่ำสุดจะอยู่ที่ 1,182.50 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ และสูงสุดอยู่ที่ 1,388.10 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ เพราะสถานการณ์การค้าโลกจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านมาถึงตอนนี้ (เดือนสิงหาคม) ราคาทองคำแท่งขึ้นไปมากกว่า 22,000 ทองรูปพรรณขึ้นไปแตะ22,650 บาท ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกขึ้นทะลุ 1,500ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ไปแล้วนักลงทุนรายใหญ่ที่ลงทุนไว้ตั้งแต่ต้นปีก็คงยิ้มได้ไปตามๆกัน ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่เริ่มลงทุนก็สามารถเก็บสะสมทองคำได้ในหลายวิธี ซึ่งเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยแต่ก็ต้องดูให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและราคาทองคำในขณะลงทุนด้วยซึ่งการลงทุนมีหลายวิธีคือ 1. ซื้อทองรูปพรรณ เพราะซื้อหาได้ง่าย มีหลายราคา ใส่เป็นเครื่องประดับได้ เป็นหนึ่งในช่องทางการเก็บเงินที่สามารถเปลี่ยนเป็นสภาพคล่องได้ตลอดเวลา 2. ซื้อทองคำแท่ง ในบ้านเรานิยมซื้อทองคำบริสุทธิ์ 96.5% มีตั้งแต่น้ำหนัก 1 บาท 5 บาท 10 บาท 20 บาท 50 บาท และ 100 บาท ส่วนทองคำบริสุทธิ์ 99.99% จะได้รับความนิยมรองลงมา เพราะที่มีขายในตลาดส่วนใหญ่จะเริ่มกันที่น้ำหนัก 5 บาททั้งการซื้อทองรูปพรรณและการซื้อทองคำแท่งเป็นการลงทุนในทองคำที่เราคุ้นเคยที่สุด เพราะทำกันมาหลายชั่วอายุคน คือต้องไปซื้อที่ร้านทอง ซื้อแล้วถือกลับบ้านได้ แต่ปัจจุบันการลงทุนในทองคำมีรูปแบบเปลี่ยนแปลงไปตามความทันสมัยและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 3. ซื้อผ่านออนไลน์ วิธีนี้ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากเหมือนที่ไปซื้อที่ร้านทอง เพียงเปิดบัญชีซื้อขายทองกับธนาคาร บริษัทที่ให้บริการซื้อขายทองคำกำหนดและวางหลักประกันไว้ประมาณ 10% ของมูลค่าซื้อขายทองคำ ณ ราคาทองปัจจุบัน ก็สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะมีระยะเวลาในการได้รับเงินจากการขาย และจ่ายเงินจากการซื้อภายใน 2 วัน การซื้อทองคำแท่งออนไลน์ มีทั้งแบบซื้อเป็นช่วงๆ และซื้อทุกเดือนในจำนวนเงินเท่าๆ กัน เหมือนการซื้อหุ้นทุกเดือน เป็นการบังคับให้ตัวเองออมไปในตัว 4. การลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Gold Futures) ด้วยการซื้อสัญญาล่วงหน้า ที่ส่งมอบทองจริง แต่ใช้เงินน้อยกว่า โดยการซื้อทองแท่งจริง วางเงินค้ำประกันประมาณ 5% ของมูลค่าสัญญา เมื่อถึงเวลาครบกำหนดสัญญาก็จ่ายส่วนต่างราคาเป็นเงินสด และไปรับทองที่ร้านขายทอง สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นขาลง 5. การลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ไม่ต้องส่งมอบทองจริง (Gold Online Futures) เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% ในตลาดโลก โดยที่ไม่ต้องส่งมอบทองคำจริง มีจุดเด่นที่ราคาซื้อขายเป็นราคาเดียวกันในรูปเงินดอลลาร์กับราคาทองคำในตลาดโลก โดยที่ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะการเทรดและการวางหลักประกัน จะใช้เงินบาททั้งหมด 6. ซื้อกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำในประเทศ ไม่ต้องซื้อทองจริง มีโอกาสได้ส่วนต่างราคาซึ่งอิงตลาดโลกและได้รับเงินปันผล แต่ไม่สามารถซื้อขายระหว่างวันเพื่อทำกำไรได้ เพราะมีการคิดราคาหน่วยลงทุนวันละครั้ง จึงไม่รู้ราคาก่อนซื้อขาย เมื่อสิ้นวันจึงจะทราบว่าซื้อได้ในราคาเท่าไร 7. ซื้อกองทุนอีทีเอฟทองคำ จะเห็นราคาแบบเรียลไทม์ และสามารถซื้อขายได้ตลอดช่วงเวลาที่ตลาดเปิดเหมือนกับซื้อหุ้นไม่ว่าจะลงทุนด้วยวิธีใดให้ระลึกไว้เสมอว่าการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยงผู้ลงทุนจงใช้ความระมัดระวังก่อนการตัดสินใจ

Read More

30/08/2562

ทองหล่อ


ทองหล่อ เป็นชื่อเรียกถนนหรือซอย แทนชื่อซอยสุขุมวิท 55 ตั้งขึ้นตามชื่อของ ร.ท. ทองหล่อ ขำหิรัญ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อใหม่และได้เลื่อนขั้นเป็นพล.ร.ต. ทหาร ขำหิรัญ ) หนึ่งในคณะราษฎรที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปี พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในซอยนี้ กองทัพญี่ปุ่นเคยใช้ถนนสายนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพในสมัยสงครามโลก ซึ่งขณะนั้นซอยทองหล่อยังเป็นเพียงถนนสายเล็กๆและมีคลองขนาบทั้งสองข้างทาง จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2523 มีการขยายถนน พร้อมทั้งปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบอีกด้วยซอยทองหล่อ มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร แยกจากถนนสุขุมวิทไปทุลุถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นซอยที่มีถนนกว้าง 6 ช่องจราจร ในอดีตสภาพแวดล้อมน่าอยู่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้สะดวกด้วยรถยนต์หรือแม้แต่การเดินเท้าก็สามารถทำได้ เพราะมีสองข้างทางร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ทำให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ปัจจุบันซอยทองหล่อเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า เป็นแหล่งรวมของความหรูหรา ทันสมัย สะดวกสบาย มีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ที่นี่จึงเป็นแหล่งที่พักอาศัยของชาวต่างชาติ เป็นศูนย์รวมของร้านอาหารนานาชาติ โดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่น มีศูนย์การค้า ร้านสะดวกซื้อ ธนาคาร โรงพยาบาล ร้านค้าแฟชั่น สตูดิโอแต่งงาน คาเฟ่น่ารักๆ และสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่ทำให้ชีวิตของผู้คนที่นี่มีสันสันตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังเป็นย่านของธุรกิจสร้างสรรค์ อย่างสถาปนิก นักออกแบบ ช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ศิลปิน มีสถานที่และกิจกรรมที่สนับสนุนการใช้ความคิดสร้างสรรค์อีกหลายแห่งทองหล่อแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ ทองหล่อตอนต้น และ ทองหล่อตอนปลาย โดยใช้ J Avenue เป็นตัวแบ่ง แต่สภาพแวดล้อมก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ยังคงความสงบและความเป็นส่วนตัวท่ามกลางความเจริญ ปัจจุบันมีอาคารชุด และเซอร์วิสต์อะพาร์ตเมนต์ เกิดขึ้นทั้งสองฟากถนนและตามซอกซอยต่างๆ เพื่อให้บริการแก่ชาวต่างชาติและ มีคอนโดมิเนียมไม่ต่ำกว่า 18 โครงการ ย่านทองหล่อ เอกมัย ยังคงครองเป็นอันดับ 1 ของทำเลยอดนิยมในการซื้อขายที่ดิน บางแห่งมีราคาสูง 1,200,000-1,800,000 บาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้นถึง 22% จากปี 2555 เพราะมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ ส่งผลให้ย่านนี้สามารถเติบโตได้ดีจากตลาดผู้เช่าเพื่อการอยู่อาศัย ส่วนใหญ่มีราคาขายที่ตารางเมตรละกว่า 100,000 บาท หรือยูนิตละกว่า 4 ล้านบาท สำหรับที่อยู่เพื่อเช่าอย่างเซอร์วิสต์อะพาร์ตเมนต์และอะพาร์ตเมนต์มีประมาณ 2,429 ยูนิต มีผู้พักอาศัยต่อเนื่องโดยเฉลี่ยร้อยละ 96 ต่อปี มีราคาเช่าห้องพักระหว่าง 800-1,000 บาทต่อตารางเมตร ทองหล่อเป็นถนนที่มีประวัติอยู่คู่กับกรุงเทพฯ มายาวนาน มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นบนถนนสายนี้ การเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในซอยทองหล่ออาจไม่สามารถทำได้ง่ายๆสำหรับคนชั้นกลางเนื่องจากค่าครองชีพที่สูงมาก แต่การเข้ามารับประทานอาหารหรือใช้บริการในร้านค้าต่างๆ เป็นบางครั้งก็ทำให้เราสามารถสัมผัสกับชีวิตคนทองหล่อได้

Read More

30/08/2562

การประท้วงในฮ่องกง กับธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ


ฮ่องกงเป็น ศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ทั้งเครื่องประดับทอง เงิน เครื่องประดับอัญมณี และอัญมณีเจียระไน เพื่อจำหน่ายแก่กลุ่มลูกค้าในประเทศและนักท่อง เที่ยวต่างชาติ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปยังประเทศต่างๆ แต่การชุมนุมประท้วงอย่างยืดเยื้อนานกว่า 2 เดือน ในฮ่องกง ส่งผลให้เศรษฐกิจฮ่องกงได้รับผลกระทบรวมถึงธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับทองและเงินด้วย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ของฮ่องกงมีมูลค่าเฉลี่ย 40,631 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ฮ่องกงนำเข้าด้วยมูลค่า 20,762 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ เพชรเจียระไน เครื่องประดับแท้ พลอยสีเจียระไน ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ของฮ่องกงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าเฉลี่ย 32,108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ฮ่องกงส่งออกด้วยมูลค่า 15,361 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับลดลงร้อยละ 0.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้าส่งออกหลักได้แก่ เพชรเจียระไน เครื่องประดับแท้ ตามลำดับ ปัจจุบันฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ที่สำคัญที่สุดของไทย โดยมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ย 3 ปีเท่ากับ 2,091 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ไทยส่งออกไปยังฮ่องกงมูลค่า 1,003.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 7.57 โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เครื่องประดับเงิน พลอยสีเจียระไน ตามลำดับ ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ธุรกิจการค้าในฮ่องกงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายลดลงร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คืออัญมณีและเครื่องประดับ และนาฬิกามียอดขายลดลงร้อยละ 17.1 และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าคงทนลดลงร้อยละ 16.1 ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนมิถุนายนลดลงกว่าร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2561หากเหตุการณ์ประท้วงยังคงยืดเยื้อและยกระดับความรุนแรงขึ้นตามลำดับ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อระบบการคมนาคมและ โลจิสติกส์ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศจะบอบช้ำ ธุรกิจระหว่างประเทศและการท่องเที่ยวขาดเสถียรภาพ ทำให้ฮ่องกงสูญเสียภาพลักษณ์ที่ดี ลดทอนโอกาสและความน่าสนใจในการเข้ามาท่องเที่ยว ทำธุรกิจและลงทุนในฮ่องกงเป็นอย่างมากแล้ว ยังคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้โดยคาดว่ายอดค้าปลีกในฮ่องกงจะลดลงร้อยละ 5 ตามประมาณการณ์ของ PricewaterhouseCoopers ขอขอบคุณข้อมูลจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

30/08/2562

โอกาสทองของ อัญมณีและเครื่องประดับ(ทอง)ในตลาด GCC


กลุ่มประเทศคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับหรือที่เรียกสั้นๆว่าGulf (GCC) เป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวสูง โดยในปี 2562 กาตาร์เป็นชาติที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดถึง 70,780 ดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ 40,711 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน จึงถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะตลาดของอัญมณีและเครื่องประดับทองของไทย ในแต่ละปีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับเฉลี่ยที่ราว 35,834.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนประเทศอื่นๆ ในแถบนี้แม้จะปรากฏตัวเลขการนำเข้าสินค้าดังกล่าวอย่างเป็นทางการไม่สูงนัก แต่สามารถอนุมานได้จากปริมาณและมูลค่าการนำเข้าของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่มีตัวเลขการส่งออกต่อ (Re-Export) แฝงอยู่ โดยสถิติการนำเข้าอย่างเป็นทางการส่วนใหญ่คือเครื่องประดับทอง ทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป และเพชรก้อน ทั้งนี้รูปแบบการบริโภคเครื่องประดับของประเทศต่างๆ ของแถบตะวันออกกลางมีความคล้ายคลึงกัน โดยชาวอาหรับพื้นเมืองนิยมเครื่องประดับทองคำแบบโบราณ 21 กะรัต แต่หากเป็นเครื่องประดับสมัยใหม่จะนิยมทองคำ 18 กะรัต ชาวเอเชียใต้นิยมทองรูปพรรณสไตล์อินเดีย ส่วนชาวตะวันตกที่เข้ามาทำงาน และท่องเที่ยวในแถบนี้นิยมเครื่องประดับทองคำสมัยใหม่ 14 กะรัต และ 18 กะรัต ส่วนตลาดบนของชายมุสลิมนิยมทองคำขาวประดับเพชร และพลอยเจียระไนอย่างไรก็ตามการเจาะตลาด GCC โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การประทับตรารับรองมาตรฐานโลหะมีค่า หรือHallmark เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ส่งออกต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับทอง หรือเครื่องประดับเงินที่เป็นสินค้าศักยภาพของไทย เพื่อยกระดับและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และเพื่อรักษามาตรฐานของความเป็น City of Gold ของดูไบ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทองคำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ทั้งเครื่องประดับทอง รวมทั้งทองคำแท่ง จะต้องใช้วัตถุดิบทองคำจากเหมืองที่มีความน่าเชื่อถือ มีการได้มาของวัตถุดิบที่ปราศจากความขัดแย้ง ไม่เอารัดเอาเปรียบแรงงาน ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวยังคงเป็นไปโดยความสมัครใจ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่าหากผู้ค้าทองคำรายใหญ่ของประเทศให้ความร่วมมือรายย่อยก็จำต้องปฏิบัติตาม และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศในที่สุด ซึ่งในระยะแรกอาจส่งผลให้อุปทานทองคำลดต่ำลงและส่งผลต่อราคาวัตถุดิบได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

30/08/2562

แผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ความทรงจำที่ยังมีลมหายใจ


งานประกาศรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน จัดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 โดยป.วรานนท์ นักจัดรายการเพลงชื่อดังประจำสถานีวิทยุกองพลที่ 1 เป็นผู้ริเริ่มจัดอัดดับเพลงไทยสากลยอดนิยมประจำสัปดาห์ขึ้น โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิช่วยกันทำการคัดเลือกเพลง และนักร้องที่ร้องเพลงได้ไพเราะ โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัลสูงสุด ในชีวิตนั่นก็คือการเข้าเฝ้าเพื่อรับพระราชทานรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อัน เป็นเกียรติยศสูงสุดของศิลปินเพลงการจัดงานแผ่นเสียงทองคำพระราชทานครั้งแรกนั้น มีการมอบรางวัลให้กับเพลงไทยสากล หรือเพลงลูกกรุง สองประเภทคือ ประเภท ก.คือเพลงที่คณะกรรมการคัดเลือก ได้แก่เพลง มารหัวใจ รักเอย ใจพี่ และประเภท ข. คือเพลงที่ส่งประกวด ได้แก่เพลง ใครหนอ วิหคเหิรลม โดยในครั้งแรกนี้ ยังไม่มีการมอบรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานให้กับเพลงลูกทุ่งแต่อย่างใด จนเมื่อมีการจัดงานมอบรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509 จึงได้มีการพระราชทานรางวัลแผ่นเสียงทองคำให้กับศิลปินลูกทุ่ง ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลคนแรกคือ ทูล ทองใจ จากเพลง รักใครไม่เท่าน้อง และ ผ่องศรี วรนุช จากเพลง “กลับบ้านเถิดพี่ ต่อมาปี พ.ศ. 2514 รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ได้เข้ารับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน จากเพลง ฝนเดือนหก ยังความปลาบปลื้มปีติ ให้แก่ศิลปินที่ได้รับรางวัลอันสูงสุดในชีวิต ส่วนรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานของเพลงไทยสากล คือเพลง รักเธอเสมอ ขับร้องโดยสมศักดิ์ เทพานนท์ เพลงดาวประดับเมือง โดยสวลี ผกาพันธ์และเพลงยามชัง โดยทนงศักดิ์ ภักดีเทวา การจัดประกวดเพลงแผ่นเสียงทองคำพระราชทานดำเนินการจัดได้เพียง 3 ครั้งก็ต้องยุติลง เนื่องจากไม่มีผู้ใดดำเนินการต่อโดยครั้งนี้จัดขึ้นในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ เพลงที่ได้รับรางวัล คือเพลง คืนหนึ่ง ขับร้องโดยสุเทพ วงศ์กำแหและ-สวลี ผกาพันธ์ เพลงนางรอง โดยทูล ทองใจ เพลงหากรู้สักนิด โดยธานินทร์ อินทรเทพ ต่อมาจึงมีการฟื้นฟูการจัดประกวดเพลงขึ้นมาใหม่โดยเรียกชื่อใหม่ว่า รางวัลเสาอากาศทองคำ จัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2518การจัดงานรางวัลเสาอากาศทองคำ มีสถานีวิทยุเสียงสามยอด (ส.ส.ส.) เป็นแม่งานร่วมกับสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย เพลงไทยลูกกรุงที่ได้รับรางวัลคือเพลง เพียงคำเดียว ขับร้องโดยสุเทพ วงศ์กำแหง เพลงอย่ามารักฉันเลย โดยเพ็ญศรี พุ่มชูศรี ถึงแม้ปัจจุบัน การประกวดแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจะไม่มีการจัดประกวดอีกแล้ว แต่ความทรงจำและความประทับใจในเสียงร้องของสุดยอดครูเพลงก็ยังคงความประทับใจให้กับคนไทยไปตราบนานเท่านาน

Read More

30/08/2562

หน่อไม้ฝรั่งสีขาว ทองคำขาวแห่งยุโรป


หน่อไม้ฝรั่งสีขาว หรือไวท์แอสพารากัส(White Asparagus) เป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการประกอบอาหาร ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อย และมีคุณค่าทางด้านโภชนาการสูงจนได้ฉายาว่าเป็น ทองคำขาว แห่งยุโรปหน่อไม้ฝรั่งขาว เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีเหง้าเล็กๆใต้ดินแตกกอ ออกหน่อเหนือดิน มีลำต้นแบ่งเป็นสองส่วน ลำต้นใต้ดินและลำต้นเหนือดิน มียอดอ่อนหรือหน่ออ่อนจากเหง้าที่เป็นลำต้นใต้ดิน มีลักษณะทรงกลม ยาวเป็นแท่งอวบ มีใบเป็นเกล็ดบางๆตามข้อ มีสีขาว หน่อไม้ฝรั่งขาว จัดเป็นราชินีแห่งพืชพรรณเพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิดเช่น ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี และแคลเซียม มีเบตาแคโรทีน และวิตามินมากมายได้แก่วิตามินซี บี1 บี2 บี3 บี5 บี6 บี9 นอกจากนี้ยังมีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน น้ำตาล โปรตีน แมกนีเซียม แมงกานีส และ โพแทสเซียม หน่อไม้ฝรั่งขาว มีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ ช่วยลดกรดในกระเพาะ บำรุงกระเพาะปัสสาวะ ช่วยลดกรดในลำไส้ ป้องกันโรคมะเร็ง โรคมะเร็งปอด บำรุงผิวพรรณ บำรุงตับ บำรุงไต ช่วยขับสารพิษ ป้องกันโรคเบาหวาน โรคนิ่วในไต ช่วยป้องกันโรคนิ่วในกระเพาะ เป็นยาบำรุง มีอนุมูลอิสระ และช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ด้วยหน่อไม้ฝรั่งสีขาวมีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรปและแอฟริกานิยมปลูกกันทั่วไปในหลายประเทศที่มีอากาศเย็น เป็นผักที่หากินได้ค่อนข้างยากเพราะฤดูกาลของหน่อไม้ฝรั่งขาวจะมีเพียง 2 เดือนเท่านั้น เวลาหน่อไม้ฝรั่งจะเริ่มในช่วงเดือนเมษายนและสิ้นสุดลงในเดือน มิถุนายนหน่อไม้ฝรั่งสีขาว นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ร้านอาหารและภัตตาคารหรูๆในเมืองไทยนิยมนำเข้าหน่อไม้ฝรั่งสีขาวมาจากหลายประเทศในยุโรปเช่นฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน เนเธอแลนด์เพื่อจัดเทศกาลอาหารจากหน่อไม้ฝรั่งสีขาวให้คนไทยได้ลิ้มลองรสชาติกัน เช่น หน่อไม้ฝรั่งสีขาวกับแซลมอนย่างหน่อไม้ฝรั่งขาวหมักน้ำส้มสายชูเสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์ฮอกไกโด หน่อไม้ฝรั่งขาวเสิร์ฟพร้อมเนื้อสันนอก ทาร์ทาร์เนื้อกับหน่อไม้ฝรั่งขาวราดด้วยซอส หน่อไม้ฝรั่งขาวเสิร์ฟพร้อมกับแฮมทัสคานี พาเมซานชีสและถั่ววอลนัท ราวิโอลี่กับหน่อไม้ฝรั่งขาวเสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์ เป็นต้นด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้การเปรียบหน่อไม้ฝรั่งสีขาวกับทองคำขาว จึงเป็นเรื่องที่ไม่เกินเลยความจริงแต่อย่างใด

Read More

30/08/2562

ทางออกเหมืองแร่ทองคำชาตรี


บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บมจ. อัครา รีซอร์สเซส ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ในจังหวัด พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับรัฐบาลไทยเพื่อยุติข้อพิพาทกรณีปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ก่อนขึ้นศาลในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวถึงกรณีนี้ว่าได้มอบนโยบายให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.)ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบไปเจรจาเรื่องข้อพิพาทในเบื้อต้นก่อน แต่การดำเนินการต่างๆต้องอยู่ภายใต้กรอบนโยบายคือรัฐบาลไทยต้องไม่เสียเปรียบและให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุดในขณะที่บริษัทเอกชนสามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ที่สำคัญคือเมื่อการเจรจาตกลงหายุติข้อพิพาทกันได้บริษัท คิงส์เกตคอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด จะต้องถอนฟ้องรัฐบาลไทย ส่วนเรื่องผลกระทบกับประชาชนก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์กันต่อไป เพราะขณะนี้มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบสุขภาพจริง แต่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ของบริษัทอัคราหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องเข้าไปพิสูจน์หาข้อเท็จจริงกันต่อไปแต่ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลปัญหาดังกล่าวแล้วสำหรับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส ประชาชนในพื้นที่ ต้องไปพิสูจน์และเอาข้อมูลมาดูกันว่าจริงหรือไม่และมีมากน้อยขนาดไหน ซึ่งขณะนี้ประชาชนมีปัญหาสุขภาพจริงแต่มีสาเหตุมาจากเหมืองทองคำหรือไม่ต้องดูกันในรายละเอียดอีกครั้ง เช่นบ่อเก็บกากแร่ที่ 1 (TSF1) ผลจากการศึกษามีข้อบ่งชี้ว่า พบความผิดปกติทางความต้านทานไฟฟ้าแสดงถึงการรั่วไหลของน้ำเหมืองจากบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 และพบความผิดปกติของธรณีเคมีร่วมกับไอโซโทปจริง ทางกรมบาดาลจึงต้องช่วยเข้าไปดูระบบการกรองน้ำ ดูแลเรื่องคุณภาพน้ำเพื่อเป็นการช่วยเยียวยาในเบื้องต้นอย่างไรก็ดีกระทวงอุตสาหกรรม ยังคงเปิดทางให้ผู้ประกอบการที่จะประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ในประเทศไทยสามารถยื่นขออาชญาบัตรพิเศษได้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 (ฉบับใหม่) และเป็นไปตามนโยบายทองคำ นั่นหมายถึง เหมืองจะต้องมีข้อมูลพื้นฐาน ประกอบด้วย • ข้อมูลในพื้นที่ก่อนการทำเหมืองแร่ • การร่วมรับฟังความคิดเห็นกับชุมชนในพื้นที่ • มีมาตรการดูแลชุมชน ที่ชัดเจน • ต้องไม่ส่งผลกระทบทุกด้านทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่ • และเหมืองแร่ทองคำจะต้องสร้างประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจของไทย

Read More

30/08/2562

วัดทองแห่งเกียวโต


วัดทอง เป็นชื่อที่คนไทยใช้เรียกชื่อวัดคินคะคุจิ หรือที่คนคนท้องถิ่นเรียกว่าวัดโระคุงอนจิที่แปลว่าวัดสวนกวางเป็นสัญลักษณ์และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเกียวโต ด้วยมีสถาปัตยกรรมที่งดงามล้ำค่าและได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรกดโลกในปีค.ศ.1994วัดทอง ตั้งอยู่ทางเหนือของเกียวโต เป็นวัดนิกายเซน เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักหลังสละราชสมบัติของโชกุนอะชิคางะ โยชิมิทสึ และเพื่อรับรองแขกระดับสำคัญๆ ภายหลัง โชกุนอะชิคางะ เสียชีวิตท่านได้อุทิศที่พักแห่งนี้ให้ให้กับนิกายเซนลัทธิรินไซ ภายหลังจากที่ท่านสิ้นอายุขัยในปี 1408 คินคะคุจิเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างวัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) หรือวัดเงิน ซึ่งก่อสร้างโดยหลานของโยชิมิทสึ นั่นคือโชกุนอะชิคางะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) ในอีกสองสามทศวรรษถัดมา โดยตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเมือง สาเหตุที่คนเรียกว่าวัดทองนั้น ก็เพราะตัวอาคารตกแต่งด้วยทองคำเปลวจึงทำให้มีสีทองเหลืองอร่ามตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ โดยให้หันหน้าไปทางสระน้ำขนาดใหญ่ และเป็นอาคารเพียงหลังเดียวที่เหลืออยู่ในหมู่อาคารที่โยชิมิทสึใช้เป็นบ้านพักในบั้นปลายชีวิต อาคารหลังนี้เคยเสียหายจากไฟไหม้ในช่วงสงครามมาหลายครั้ง แต่ก็มีการสร้างขึ้นใหม่มาโดยตลอด ซึ่งไฟไหม้ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1950 จากฝีมือของพระที่คลั่งในความงามของวัดทองจนต้องการเผาตัวเองไปพร้อมกับวัด อาคารที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1955คินคะคุจิ สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความหรูหราของวัฒนธรรมคิตายาม่า ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงที่มั่งคั่งของเกียวโตในสมัยของโยชิมิทสึ ในแต่ละชั้นของอาคารสร้างขึ้นโดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ต่างกัน โดยในชั้นแรกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบชินเด็น ซึ่งใช้สำหรับการก่อสร้างอาคารของราชวังในสมัยเฮอัน โดยเสาไม้ธรรมชาติและกำแพงปูนปลาสเตอร์สีขาวของชั้นล่างนี้ ช่วยขับให้ชั้นบนของอาคารซึ่งเป็นสีทองดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ภายในตัวอาคารชั้นหนึ่งประดิษฐานรูปปั้นพระศากยมุนี หรือพระพุทธเจ้าผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธตามประวัติศาสตร์ และรูปปั้นของโชกุนอะชิคางะ โยชิมิทสึ อย่างไรก็ตาม อาคารนี้ไม่เปิดให้คนนอกเข้าชม ชั้นที่สองของอาคารสร้างขึ้นโดยใช้แนวสถาปัตยกรรมบัคเค ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ใช้ในการสร้างที่อยู่อาศัยของซามูไร ภายนอกได้รับการตกแต่งโดยการปิดแผ่นทองคำเปลวจนเป็นสีทองสุกอร่ามทั่วชั้นอาคาร ภายในประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์คันนอน หรือพระแม่กวนอิมปางประทับนั่ง รายล้อมด้วยรูปปั้นของท้าวจตุมหาราช ทั้งสี่พระองค์ แต่ไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมสักการะ ชั้นที่สามซึ่งเป็นชั้นสูงสุด ใช้สถาปัตยกรรมแบบนิกายเซนของจีน และปิดทองทั้งภายนอกและภายใน ส่วนบนยอดอาคารมีรูปปั้นหงส์ ทองคำตั้งอยู่ช่วงที่วัดทองสวยงามมากที่สุดคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราวปลายเดือนพฤศจิกายน

Read More

30/08/2562

วัดทองประดิษฐ์ ที่ตั้งสุ่มยักษ์ แลนด์มาร์คใหม่เมืองสุพรรณฯ


วัดทองประดิษฐ์ ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2443 ที่ตำบลบางเลน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เดิมชื่อ วัดเล็ก ต่อมาหลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสรูปแรก เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดน้อยราษฎรศรัทธา ต่อมาเจ้าคณะภาคได้ตั้งชื่อให้ใหม่ตามชื่อเจ้าอาวาส จึงกลายมาเป็นวัดทองประดิษฐ์มาตั้งแต่นั้น วัดทองประดิษฐ์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนที่ดินเดิมเพียง 7 ไร่เศษ ต่อมาได้รับบริจาคที่ดินเพิ่มเติมจากผู้มีจิตศรัทธาจนเป็น 40 ไร่ ภายในวัดมีศาสนสถานเก่าแก่อย่างมณฑปจตุรมุก กุฎีทรงไทยฝาเฟี้ยม ศาลาการเปรียญยกพื้นชั้นเดียวกว้างขวาง เป็นเรือนไม้ เสาถากกลม ในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานศิลปะสุโขทัยสร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ งดงามมาก พุทธศาสนิกชนนิยมมากราบขอพรเสมอๆวัดทองประดิษฐ์เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านตำบลบางเลนและเป็นสถานที่จัดกิจกรรมของชุมชนมาแต่ครั้งอดีต ปัจจุบันวัดทองประดิษฐ์ได้กลายมาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ไม่เพียงมีความสำคัญกับคนสองพี่น้องเท่านั้นแต่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ใครๆก็อยากมาสัมผัสเพราะที่นี่คือที่ตั้งของสุ่มปลายักษ์นั่นเอง สุ่มปลา เป็นอุปกรณ์หาปลาที่คนบ้านใกล้คลองต้องมีติดบ้านไว้ เช่นเดียวกับคนคลองสองพี่น้องที่มีสุ่มปลากันเกือบทุกบ้าน ชาวบ้านจึงใช้สุ่มปลามาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง สุ่มปลายักษ์ เป็นสัญลักษณ์ของชุมชน โดยช่วยกันสร้างจากไม้ไผ่กว่า 5,000 ชิ้น กลายเป็นจุดชุมวิวที่มองได้ไกลแบบ 360 องศา จากวัดทองประดิษฐ์ มีสะพานไม้ไผ่เป็นทางเดินทอดยาว ผ่านนาบัวและแปลงผักบุ้งน้ำเชื่อมไปถึงสุ่มปลายักษ์ ซึ่งสองข้างทางมีพ่อค้า แม่ขายพายเรือมาขายของนานาชนิดทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน ผลไม้ ของฝากจากท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตในชุมชนที่ชาวบ้านปลูกเอง เลี้ยงเอง เช่นข้าวโพด กุ้ง ปลาเค็ม กล้วย เป็นต้น ที่นี่จึงกลายตลาดน้ำสะพานโค้ง ที่ขึ้นชื่อไปโดยปริยาย นอกจากนี้ยังมีบริการ เรือพายโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือเที่ยวชมทุ่ง ชมคลองสองพี่น้อง ชมวิถีชีวิตชาวบ้านและชมธรรมชาติสองฝั่งคลอง ผู้ที่จะมาเที่ยวชม สุ่มปลายักษ์ สามารถนำรถยนต์มาจอดได้ที่วัดทองประดิษฐ์ และเดินข้ามสะพานมาเที่ยว สุ่มยักษ์ได้ ระหว่างเดินผ่านตลาดสะพานโค้งก็หาของอร่อยทานได้ตลอดทาง

Read More

30/08/2562

สคบ.เตือนภัย ผ่อนทองไม่ได้ทอง


สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคหลายรายว่าได้รับความเดือดร้อนจากการผ่อนออมทองคำจากบริษัทหนึ่ง โดยการหลอกให้ผ่อนทองรูปพรรณ แต่กลับไม่ส่งมอบทองคำให้ตามสัญญา การหลอกลวงให้ผ่อนทองรูปพรรณมาในรูปแบบของบริษัทจะโดยการโฆษณาเชิญชวนผ่านทาง Facebook รายการโทรทัศน์ และงาน SME ไทยแลนด์โดยหลอกให้ร่วมลงทุน มีทั้งรูปแบบตัวแทนจำหน่ายหรือเฟรนไซน์แต่ละเขตและแบบรายบุคคล ซึ่งบริษัทได้เปิดสาขากว่า 14 แห่ง ทั่วประเทศ โดยการลงทุนตั้งแต่ 3,000 – 390,000 บาท ซึ่งวิธีการผ่อนออมทองคำมีวิธี และขั้นตอนดังนี้ขั้นตอนที่ 1 : ผู้ที่ต้องการออมจะติดต่อตัวแทนหรือบริษัทโดยตรง เพื่อเช็คราคาทองคำ แจ้งน้ำหนักทองคำที่ต้องการออม (ราคาทองคำ เป็นไปตามที่สมาคมค้าทองคำประกาศ ซึ่งราคาที่ใช้ผ่อนออมจะรวม ค่ากำเหน็จแล้ว ส่วนทองคำแท่งจะรวมค่าบล็อกแล้ว) เมื่อตกลงแล้วจะยึดราคานั้น ไม่มีดอกเบี้ย และคงที่ตลอดตามสัญญาขั้นตอนที่ 2 : เลือกว่าจะออมทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณ ซึ่งระยะเวลาในการออมมีแบบ ราย 6 งวด (เดือน) และราย 12 งวด (เดือน)ขั้นตอนที่ 3 : เมื่อตกลงราคาแล้ว ผู้ที่ต้องการออมจะต้องชำระงวดที่ 1 เพื่อยืนยันการเปิดสัญญาขั้นตอนที่ 4 : ส่งหลักฐานการโอนเงิน เพื่อยืนยันการเปิดสัญญา โดยการแจ้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทร ถ่ายรูปหน้าบัตรประชาชน เพื่อทางบริษัทจะจัดส่งเอกสัญญาให้ลูกค้าขั้นตอนที่ 5 : รอรับเอกสารสัญญาตรวจสอบรายละเอียด ลงนามผู้ซื้อ 2 ฉบับ แนบสาเนาบัตรประชาชน 1 ใบ แล้วส่งคืนมายังบริษัทขั้นตอนที่ 6 : รอรับบัตรผู้ออมทองคำ ชำระค่างวดผ่านทางธนาคาร และทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส ทุกสาขาสคบ. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ตั้งของบริษัท เบื้องต้นพบว่าปัจจุบันยังเปิดดำเนินการอยู่ ซึ่งผู้ประกอบการได้จดทะเบียนบริษัทไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยเช่าอาคารพาณิชย์เปิดเป็นสถานที่ตั้งในการให้บริการ แต่ไม่มีทองคำพร้อมจาหน่าย หรือพร้อมที่จะจัดส่งทองรูปพรรณให้กับผู้บริโภคแต่อย่างใด ทางสคบ.จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม ในข้อหาความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาล เพื่ออนุมัติหมายจับกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทแล้ว ในส่วนคดีแพ่ง ทาง สคบ.จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคตามขั้นตอนต่อไปขอขอบคุณข้อมูลจากสคบ.

Read More

30/08/2562

ออมทองออนไลน์ ภัยใกล้ตัวคนอยากรวย


ปัจจุบันผู้บริโภคหลายรายกำลังตกเป็นเหยื่อของการผ่อน การออม และการซื้อของทางออนไลน์ ล่าสุดมีผู้ได้รับความเสียหายจากการออมทองผ่านช่องทางออนไลน์แล้วหลายราย ซึ่งสุดท้ายแล้วลงเงินแต่กลับไม่ได้รับทองคำและเงินที่ออม ก็สูญหายไม่ได้คืนอีกด้วย เรื่องนี้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะมีได้รับหลายรายที่ชำระเงินโอนเข้าบัญชีไปยังบริษัทฯรับออมจนครบถ้วนแล้ว แต่ปรากฏว่าบริษัทฯ ไม่ได้ส่งมอบทองคำให้กับผู้ร้องตามสัญญาได้และผู้ร้องบางรายชำระเงินไปได้บางส่วน แต่เมื่อเห็นว่าบริษัทฯขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากมีการร้องเรียนและถูกดำเนินคดีอาญาจึงหยุดชำระเงินและแจ้งบริษัทฯ เพื่อจะบอกเลิกสัญญาแต่กลับไม่สามารถติดต่อได้ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยสคบ. จึงขอเตือนผู้บริโภค หากต้องการฝากเงินเพื่อเป็นหน่วยในการออมทองคำ ควรมีการศึกษารายละเอียดการออมทองคำ ดังนี้1. ผู้ประกอบธุรกิจมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด 2. มีการกำหนดเงื่อนไขการผ่อนชำระในการออมทองคำไว้อย่างไร 3. สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ในการออมได้หรือไม่ 4. กรณีฝากเงินจนครบตามสัญญาผู้ประกอบธุรกิจสามารถจัดส่งทองคำ หรือกำหนดสถานที่รับทองคำไว้อย่างไร สามารถฝากขายหรือรับซื้อคืนทองคำจากผู้บริโภคได้หรือไม่ 5. กรณียกเลิกสัญญาหรือยกเลิกการออมทองคำ ผู้บริโภคจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขอคืนเงินมากน้อยเพียงใด ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจออมทองหลายๆ แห่ง จะมีการจัดทำรายละเอียดการออมทองคำดังกล่าวไว้เป็นข้อมูลให้แก่ผู้บริโภค ดังนั้น ผู้บริโภคต้องมีการสอบถามข้อมูลดังกล่าวให้ชัดเจน หากเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับเงื่อนไขการทำธุรกรรมผ่อนทองคำ ต้องมีการสอบถามข้อมูลจากผู้ประกอบธุรกิจทันที เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของผู้บริโภคและระมัดระวังการเอาเปรียบจากผู้ประกอบดังกล่าว

Read More

30/08/2562

มงกุฎที่พระพันปีหลวงไม่เคยทรงออกงาน


มงกุฎทองคำประดับเพชร เป็นมงกุฎที่รัฐบาลจัดสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ(พระยศในขณะนั้น) ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5รอบ 60 พรรษา จัดทำโดยช่างสิบหมู่กองหัตถศิลป์กรมศิลปากรมงกุฎนี้ทำด้วยทองคำหนัก 2กิโลกรัม นำไปผ่านกรรมวิธีผสมทองให้กลายเป็นทองลูกบวบแบบทองสมัยโบราณ มีเพชรประธาน 1เม็ด หนัก 2.7กะรัต กว้าง 9 มิลลิเมตร เจียระไนจากประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งถือเป็นประเทศที่เจียระไนเพชรยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังประดับเพทายขาวอีก 600 เม็ด และนพรัตน์ที่ ประดับเรียงลำดับตามโบราณราชประเพณีในลักษณะเครื่องราชอิสริยาภรณ์สมัยรัชกาลที่ 4 โดยช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เป็นผู้ออกแบบสลักผสมผสานลวดลายไทยโบราณ ใช้เวลาจัดทำนาน 45 วัน อย่างไรก็ดี สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก็มิได้ทรงมงกุฎเพชรองค์นี้ออกงานเลยอย่างไรก็ดี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีมงกุฎที่ทรงออกงานบ่อยๆอีกหลายองค์ ซึ่งแต่ละองค์ก็มีความวิจิตรงดงามและทรงทรงคุณค่าแตกต่างกันไป ได้แก่ Diamond Fringe Tiara เป็น มงกุฎองค์ที่มีความพิเศษมาก เพราะเป็นทั้งมงกุฎและเป็นสร้อยพระศอได้ด้วย แต่เดิมเป็นของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระองค์ทรงได้รับเป็นของขวัญ เมื่อครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป มงกุฎองค์นี้จึงได้ชื่อว่าเก่าแก่มากที่สุดองค์หนึ่ง และพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวม มงกุฎองค์นี้บ่อยครั้ง Diamond Necklace Tiara มงกุฎองค์นี้สร้างขึ้นในปี 2503 โดยแบรนด์ Van Cleef & Arpels เพื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงโดยเฉพาะ มีความทันสมัยและมีความพิเศษเพราะเป็นทั้งสร้อยพระศอ และทรงสวมเป็นมงกุฎได้เช่นกัน เป็นมงกุฎองค์ที่โปรดมากองค์หนึ่ง Thai Tiara เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่ทำขึ้นโดยแบรนด์ Van Cleef & Arpels ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการดีไซน์ มงกุฎแบบดั้งเดิมของไทย โดยเพชรสีเหลืองที่อยู่ตรงกลางสามารถถอดออกมาเป็น สร้อยพระศอ และ สร้อยข้อพระหัตถ์ได้ ซึ่งมงกุฎองค์นี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเลือกใช้งานบ่อยครั้ง เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จเยือน ยุโรป และประเทศสหรัฐอเมริกา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ก็ยังเคยทรงสวมมงกุฎองค์นี้อีกด้วยFloral Bandeau Tiara ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีที่มาอย่างชัดเจนว่า มงกุฎองค์นี้ผู้ใดเป็นคนสร้าง แต่คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นฝีมือจากแบรนด์ Van Cleef & Arpels ซึ่ง มงกุฎองค์นี้ทำขึ้นเป็นรูปดอกไม้ ประดับเพชร เกสรตรงกลางแต่ละดอกประกับด้วยทับทิม Coronation Tiara เป็นมงกุฎไทยโบราณที่หาชมได้ยาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงสวมมงกุฎองค์นี้เพียงสองครั้งคือ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และอีกหนึ่งครั้งในช่วงปี 1960 ทำมาจากทองคำ ประดับด้วยเพชรเหลี่ยมกุหลาบ งดงามและทรงคุณค่ายิ่ง

Read More

30/08/2562

ราคาทองคำพุ่ง สูงสุดในรอบ 6 ปี


เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา(6 สิงหาคม 62 ) ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยมีปัจจัยมาจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นักลงทุนจึงหันมาลงทุนกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำทั้งนี้ ราคาทองสปอตพุ่งขึ้นแตะ 1,474.81 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2556 ส่วนราคาทองในตลาดฟิวเจอร์ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ดีดตัวขึ้น 8.20 ดอลลาร์ หรือ 0.56% สู่ระดับ 1,484.70 ดอลลาร์/ออนซ์นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงยืดเยื้อต่อไป และไม่มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนเพิ่มขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนต่างมีจุดยืนที่แข็งกร้าว และคาดว่าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้าได้ โกลด์แมน แซคส์ยังระบุว่า การที่จีนสั่งระงับการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ และตัดสินใจปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ ถือเป็นการตอบโต้ต่อคำขู่เรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนมีท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจา และหวังรอจนกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเสร็จสิ้นในปีหน้า ก่อนที่จะทำการคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า สิ่งนี้จึงทำให้สหรัฐและจีนไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าในเร็วๆนี้ขณะเดียวกันสหรัฐก็มั่นใจถือไพ่เหนือกว่าจีนในการเจรจาการค้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งกว่า โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนกำลังล่มสลาย และจีนไม่ได้เป็นประเทศที่ทรงพลังเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน โดยตัวเลขสถิติบ่งชี้ว่าการลงทุน และเศรษฐกิจของจีนกำลังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลข GDP ของจีน ซึ่งอาจมีการแต่งเติมไปหลายจุด ก็กำลังลดลงเรื่อยๆ สหรัฐจึงมั่นใจว่าจีนกำลังได้รับผลกระทบมากกว่าที่สหรัฐได้รับด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งอย่างมาก ขณะที่อัตราดอกเบี้ย และโอกาสในการลงทุนกำลังเป็นปัจจัยดึงดูดเม็ดเงินจำนวนมากออกจากจีนและส่วนอื่นๆของโลก ซึ่งเงินจำนวนนี้กำลังหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐ จากปัจจัยความปลอดภัย โอกาสในการลงทุน และอัตราดอกเบี้ย และมองว่าอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งอย่างมาก ปัจจุบัน การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน นี้ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี และรัฐบาลจีนยังได้สั่งให้บริษัทของรัฐระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐดูท่าว่าจะยังไม่จบลงง่ายๆในเร็ววันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวต่อไป และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นหากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป

Read More

13/08/2562

พาเทียลา(Patiala) สร้อยคอทองคำประดับเพชรที่หายไป


พาเทียลา (Patiala)เป็นสร้อยคอทองคำ 5 แถวประดับด้วยเพชร 2,930 เม็ด ล้อมรอบด้วยทับทิมพม่า และ อัญมณีอื่นๆโดยมีเซ็นเตอร์พีชเป็น เพชรเดอเบียร์สหรือเพชรสีเหลืองหนัก 234.6 กะรัต ซึ่งเป็นเพชรที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก สร้อยพาเทียลาเส้นนี้ ออกแบบโดยเจ้าของบริษัท Cartier เมื่อปี 1928 มอบให้แก่มหาราชา เซอร์ บูพินเดอร์ ซิงห์ อย่างไรก็ตาม สร้อยเส้นนี้ได้หายไปเมื่อปี 1948 โดยไม่รู้ว่าหายสาบสูญไปไหน แต่เป็นที่ทราบกันว่าบุคคลสุดท้ายที่ได้สวมสร้อยเส้นนี้ ก็คือ มหาราชา ยาดาวินดรา ซิงห์ บุตรชายของมหาราชา เซอร์ บูพินเดอร์ ซิงห์ นั่นเอง ตัวแทนของ Cartier ในลอนดอนได้พยายามออกติดตามหาเบาะแสของสร้อยพาเทียลาเส้นนี้มาตลอดระยะเวลา 50 ปี แต่ก็ยังไม่มีใครค้นพบมัน ทั้งนี้เป็นที่เชื่อว่าสร้อยเส้นนี้อาจถูกขโมยออกไปขายโดยสมาชิกในครอบครัวมหาราชา แต่ก็เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น ต่อมาภายหลังมีรายงานว่ามีคนพบสร้อยเส้นนี้แต่เพชรทุกเม็ดได้ถูกแกะออกไปจากตัวเรือนนี้หมดแล้ว เหลือแต่ตัวเรือนเปล่าๆ ทาง Cartier จึงได้ประมูลตัวเรือนเปล่าของสร้อยเส้นนี้กลับมาแล้วหาพลอยและหินสีมาเจียระไนให้เหมือนเดิมทุกเม็ด เมื่อสร้อยเส้นนี้ถูกปลุกให้มีชีวิตเสมือนจริงขึ้นมาอีกครั้ง ทาง Cartier ได้นำออกแสดงหลายครั้ง เพื่อให้คนทั่วไปได้เห็นถึงความงามและความล้ำค่าของสร้อยพาเทียลา นี้ว่าเคยงดงามขนาดไหน หากอยู่ถึงปัจจุบัน สร้อยพาเทียลา น่าจะมีมูลค่าสูงถึง 20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 650-975 ล้านบาท)เลยทีเดียว Cartier แบรนด์เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงสัญชาติฝรั่งเศสโดยสามพีน้องตระกูลคาร์เทียร์ คือหลุยส์ ฌาคส์และปิแอร์ ที่สานต่อกิจการของหลุยส์-ฟรองซัวส์ (ลุง)ผู้ก่อตั้งคาร์เทียร์เมื่อ ปี ค.ศ.1847 หรือ 172 ปีมาแล้ว Cartierเป็นเลิศในโลกแห่งเครื่องประดับและนาฬิกา เป็นที่โปรดปรานของราชสำนักต่างๆ และบุคคลสำคัญมากมาย

Read More

13/08/2562

สวิตเซอร์แลนด์คุมเข้มนำเข้าทองคำ


สวิตเซอร์แลนด์ออกมาตรการตรวจสอบแหล่งที่มาของทองคำจากนอกประเทศและการนำเข้าทองคำเพื่อให้แน่ใจว่าทองคำที่นำเข้าประเทศนั้น ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการผลิต สวิตเซอร์แลนด์ถือเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในตลาดทองคำระหว่างประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงถึงอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำและตลาดทองคำrecycled นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำเข้าและส่งออกทองคำมากที่สุดในโลก โดยในปี ค.ศ. 2017 สวิสนำเข้าทองคำปริมาณ 2,404 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่า69.6 พันล้านฟรังก์สวิต และส่งออกทองคำปริมาณ 1,684 ตัน มูลค่า 66.6 พันล้านฟรังก์สวิตรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้ทำข้อตกลงในระดับชาติและนานาชาติเกี่ยวกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมทองคำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าทองที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการผลิตเข้าสู่ประเทศ ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าทองคำของสวิสถือได้ว่ามีความเข้มงวดมากที่สุดประเทศหนึ่ง เช่น ข้อกฎหมาย Precious Metals Control Act และ Anti-Money Laundering Act ทั้งนี้ เพื่อให้การตรวจสอบมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการบิดเบือนแหล่งที่มาของทองคำภายในรายงานของสภาแห่งชาติได้มีการแนะนำมาตรการเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความโปร่งใสและระบบการค้าทองคำแก่รัฐบาลกลาง โดยระบุว่า การเปิดเผยแหล่งที่มาของแร่หินมีค่าและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง และเป็นหนทางเดียวที่จะป้องกันการนำเข้าทองคำจากเหมืองแร่ที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเข้าสู่ประเทศได้ นอกจากนี้ สภาแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ยังได้แนะนำให้เพิ่มบทบาทของผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรม และขยายความร่วมมือในการผลิตทองคำที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมในแต่ละปีมีทองคำบริสุทธิ์ถูกส่งไปสกัดเป็นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กว่า 2 ใน 3 ของจำนวนทองคำทั่งโลก สวิตเซอร์แลนด์จึงเป็นเสมือน “เมืองหลวงของทองคำ” มีบริษัทผลิตทองคำที่มีคุณภาพมากที่สุดในโลกหลายแบรนด์ เช่น “PAMP” ผู้ผลิตทองคำยักษ์ใหญ่ ซึ่งชื่อ “PAMP” หมายถึง “Artistic Precious Metals Products” หรือ “งานศิลปะบนโลหะอันทรงคุณค่า” ซึ่งรังสรรค์ “งานฝีมือ” จากทองทุกชิ้น ด้วยดีไซน์ ลวดลายที่งดงาม ด้วยฝีมือช่างมืออาชีพ ทองคำของ PAMP มีความบริสุทธิ์มากกว่า 99.99% ตามมาตรฐาน LBMA (London Bullion Market Association) หรือ ตลาดทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Read More

13/08/2562

ของรับขวัญเจ้าชายน้อยจากพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2


“Botswana Flower” เข็มกลัดประดับด้วยเพชรเจียระไนรูปทรงหยดน้ำจำนวน 11 เม็ด บนตัวเรือนทองคำ คือเครื่องประดับที่สื่อในอังกฤษหลายสำนัก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีและเครื่องประดับ ต่างคาดการณ์ว่าจะเป็นของรับขวัญที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะทรงพระราชทานให้กับดัชเชสแห่งซัสเซกซ์เนื่องในโอกาสให้กำเนิดพระโอรสในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2562เข็มกลัดทองประดับเพชรนี้ออกแบบให้มีลักษณะเป็นรวงข้าวฟ่าง พืชเศรษฐกิจของประเทศบอตสวานา เพราะเพชรทั้ง 11 เม็ดถูกขุดพบจากเหมืองเพชรในประเทศบอตสวานา โดยประธานาธิบดีแห่งประเทศบอตสวานาได้ถวายให้แก่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 2007 ทั้งนี้บอตสวานาเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เนื่องจากเป็นสถานที่ซึ่งทั้งสองพระองค์เคยเดินทางไปท่องเที่ยวและใช้เวลาร่วมกันเมื่อครั้งที่ยังทรงคบหาดูใจกันในฐานะคู่รัก อีกทั้งเพชรเม็ดหลักบนแหวนหมั้นที่ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงมอบให้ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ยังเป็นเพชรจากเหมืองในประเทศบอตสวานาอีกด้วยนอกจากเข็มกลัด“Botswana Flower” ยังมีเครื่องประดับชิ้นอื่นๆอีก ได้แก่ เข็มกลัด The Flower Basket เป็นเข็มกลัดที่ออกแบบให้เป็นตระกร้าดอกไม้ ตกแต่งด้วยเพชร ทับทิม ไพลิน และมรกต ซึ่งควีนเอลิซาเบธ เมื่อครั้งเป็นเจ้าหญิงเอลิซาเบธ ได้รับพระราชทานเป็นของขวัญจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 (พระบิดา) และสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ (พระมารดา) ในโอกาสแห่งการให้กำเนิดเจ้าชายชาร์ลส์ พระโอรสพระองค์แรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1948 เข็มกลัด The Flower Basket เป็นเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่งซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงโปรดเป็นอย่างมาก ในช่วง 7 ทศวรรษที่ผ่านมา พระองค์มักทรงเข็มกลัดชิ้นนี้อยู่บ่อยครั้ง โดยครั้งล่าสุด คือวันที่ 21 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ และในปีนี้ยังตรงกับวันอีสเตอร์อีกด้วยสมาชิกแห่งราชวงศ์วินเซอร์ พระโอรสพระองค์น้อยของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ มีพระนามว่า “อาร์ชี แฮริสัน เมาท์แบตเทน-วินด์เซอร์” (Archie Harrison Mounbatten-Windsor) ทรงเป็นรัชทายาทในลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ และเป็นเหลนคนที่ 8 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระ

Read More

13/08/2562

4 ปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อเครื่องประดับทอง


สภาทองคำโลก (World Gold Council) รายงานผลการวิจัยเกี่ยวกับแรงกระตุ้นในการซื้อเครื่องประดับทองของผู้บริโภคว่ามี 4 ปัจจัยหลักคือ ซื้อเครื่องประดับทองเพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเอง เพื่อสร้างความประทับใจ เพื่อความโดดเด่น และเพื่อแสดงความรัก เป็นที่มาของการออกแบบเครื่องประดับทองของนักออกแบบชาวอิตาลีที่ได้รับความสำเร็จอย่างมากเมื่อนำออกแสดงยังประเทศต่างๆทั่วโลกอิตาลียังคงแสดงความแข็งแกร่งในศักยภาพด้านการออกแบบและเทคโนโลยีการผลิตเครื่องประดับทองทั้งแบบที่หรูหราและที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันใน 4 คอเลกชันคือ- Expression เป็นเครื่องประดับที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ อารมณ์และความรู้สึกของผู้สวมใส่ เป็นรูปแบบที่สวย แปลกตา- Impression เป็นเครื่องประดับที่สง่างาม หนาและใหญ่ ทำให้ผู้สวมใส่ดูมีพลังและสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น จึงเป็นเครื่องประดับที่เหมาะสำหรับการฉลองความสำเร็จ หรือเป็นรางวัลให้แก่ตัวเอง- Glow เป็นเครื่องประดับทองที่มีความอ่อนไหว เป็นธรรมชาติ สื่อถึงความเป็นผู้หญิง เครื่องประดับทองในกลุ่มนี้บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นที่ซ่อนอยู่ภายใน และแรงผลักดันอันลี้ลับจาเครื่องประดับทอง- Love ความงดงามของเครื่องประดับทองชุดนี้ เป็นตัวแทนของสายสัมพันธ์อันแนบแน่นซึ่งเกิดจากความรัก และมิตรภาพอันงดงามระหว่างเพื่อน เช่นเดียวกับคุณสมบัติของทองคำที่มีพลัง ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนรูปร่าง แต่มีความอดทน แข็งแกร่ง อิตาลีเป็นศูนย์กลางทางด้านการพัฒนาการออกแบบและเทคนิคการผลิตเครื่องประดับที่มีคุณภาพ ละเอียด ประณีต แสดงถึงความลงตัวทางชั้นเชิงในการผลิตและการออกแบบที่มีพื้นฐานมาจากพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ มีอิทธิพลในการออกแบบเครื่องประดับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน มีการพัฒนาทั้งวัตถุดิบและเทคโนโลยีการผลิตที่มีคุณภาพสูง มีรูปแบบที่ค่อนข้างหลากหลาย มีหลายชิ้นที่แสดงถึงความหรูหรา รวมทั้งคิดถึงการนำโครงสร้างมาใช้ในการออกแบบด้วยเช่นกัน โดยเริ่มต้นจากการออกแบบเครื่องประดับสมัยใหม่จากศิลปะเครื่องประดับสมัยอาร์ตนูโวซึ่งเป็นแนวความคิดเริ่มต้นเป็นต้นมา

Read More

13/08/2562

ส่งออก“ทองคำ”ไทยขยายตัว


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) รายงานสถานการณ์การส่งออกเครื่องประดับและอัญมณีไทยในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2562 ว่าสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดในช่วง 6 เดือนแรกของปี นี้ คือ ทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปหรือทองคำกึ่งสำเร็จรูป ในสัดส่วนร้อยละ 46.89 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยโดยรวม โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 40.15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2561การส่งออกทองคำที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากการส่งออกเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา เนื่องด้วยราคา ทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับราคาเฉลี่ย 1,359.04เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในเดือนมิถุนายน ซึ่งส่งผลให้การส่งออกในเดือนมิถุนายนสูง กว่า 3.17 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม โดยราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นนั้น ได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงิน เหรียญสหรัฐ หลังจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด ส่งสัญญาณจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปีนี้แน่นอน และสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน รวมถึงความวิตกกังวลต่อข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกและจีน ที่อาจจะลุกลามไปทั่วโลกจนส่งผลกระทบ ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้เกิดแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนในตลาด รวมถึงกองทุน SPDR Gold Trust กองทุนรายใหญ่ของโลกที่เข้าซื้อทองคำเพิ่มมากขึ้นกว่า 16 ตันส่วนสินค้าส่งออกในอันดับที่ 2 คือเครื่องประดับแท้เป็นคิดเป็นด้วยสัดส่วนร้อยละ 23.62 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยรวมหดตัวลงร้อยละ 10.31 โดยการส่งออก - เครื่องประดับเงิน ลดลงร้อยละ 19.79 เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ตลาดที่ครองส่วนแบ่งรวมกันกว่าครึ่งหนึ่ง ออสเตรเลีย และฮ่องกง ที่อยู่ในอันดับ 4 และ 5 ที่ล้วนหดตัวลงร้อยละ 19.64, ร้อยละ 22.31, ร้อยละ 39.57 และร้อยละ 24.48 ตามลำดับ ส่วนการส่งออกไปยังจีน ซึ่งอยู่ในอันดับ 3 ยังคงเติบโตได้ร้อยละ15.16 - เครื่องประดับทอง ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.49 จากการส่งออกไปยังฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และสวิตเซอร์แลนด์ ตลาดในอันดับ 1, 2 และ 4 ได้ลดลงร้อยละ 11.79, ร้อยละ 14.15และร้อยละ 20.04 ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร ที่อยู่ในอันดับ3 และ 5 ขยายตัวได้ร้อยละ 1.69 และร้อยละ 40.09ตามลำดับ - เครื่องประดับแพลทินัม ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 3โดยเป็นผลจากการส่งออกไปยังญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสิงคโปร์ ตลาดในอันดับ 1, 3 และ 5 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.55,ร้อยละ 27.52 และร้อยละ 47.55 ตามล าดับ สำหรับการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และฮ่องกง ที่อยู่ในอันดับ 2 และ4 ลดลงร้อยละ 9.27 และร้อยละ 56.19 ตามลำดับพลอยสีเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 3 คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ11.17 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ โดยรวมของไทย เพชร เป็นสินค้าส่งออกรายการสำคัญในอันดับ 4 ใน สัดส่วนร้อยละ 11.04 ของมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.54 และครื่องประดับเทียม เป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 5 ด้วยสัดส่วนร้อยละ 2.84 และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 6.39 จากการส่งออกไปยังหลายตลาดสำคัญได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างลิกเตนสไตน์ และสิงคโปร์ส่วนตลาดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยมีมูลค่าสูงสุดในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์สหรัฐเมริกา และอินเดียขอขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

13/08/2562

ความสัมพันธ์ของ “ฟาแบร์เช” ช่างทองหลวงแห่งราชสำนักรัสเซีย กับราชสำนักสยาม


ฟาแบร์เช่ เป็นช่างทองหลวงแห่งราชสำนักรัสเซีย ต้นตระกูลมีพื้นเพมาจากแคว้นปิการ์ดี (ปัจจุบันอยู่ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส) แต่อพยพลี้ภัยทางการเมืองและศาสนา มาอยู่รัสเซียในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ฟาแบร์เช่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านเครื่องอัญมณีชั้นสูงที่มีชื่อเสียงของยุโรปที่ได้รับความนิยมจากเหล่าบรรดาราชวงศ์รวมถึงบุคคลชั้นสูงทั่วโลก รวมถึงรัชกาลที่ 5 ของราชสำนักสยามด้วยฟาแบร์เช่ คือเจ้าของฝีมือกล่องใส่พระโอสถมวน(บุหรี่) ลงยาสีทอง หนึ่งในของที่ระลึกจำนวนมากที่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนรัสเซีย ซึ่งพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ได้ทรงมารอรับเสด็จด้วยพระองค์เองถึงยังสถานีรถไฟกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและได้ทูลเชิญเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ (Peterhof Palace) หรือพระราชวังฤดูร้อน ตลอดช่วงเวลาที่ประทับอยู่ในรัสเซีย โดยบนกล่องมีตรามงกุฎรัสเซียประดับเพชรติดอยู่ ส่วนภายในกล่องจารึกข้อความ“From Your Friend Nicholas 1897” อันแสดงถึงสัมพันธไมตรีอันแนบแน่นระหว่างสองราชวงศ์ซึ่งพระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรดกล่องใส่พระโอสถมวนนี้มาก และฟาแบร์เช ก็กลายเป็นช่างทองที่พระพุทธเจ้าหลวงโปรดปรานมากเช่นกันนอกจากกล่องพระโอสถมวนที่ระลึกจากพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรง เลือกซื้อเครื่องทองฝีมือฟาแบร์เชด้วยพระองค์อีกหลายชิ้นเมื่อคราวเสด็จเยี่ยมชมกิจการของฟาแบร์เชในกรุงมอสโก ในการเสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี 2440 และ ฟาแบร์เชก็มีโอกาสได้ถวายงานให้แก่ราชสำนักสยามอีกหลายต่อหลายครั้ง ตัวอย่างผลงานของฟาแบร์เชซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้ทำขึ้น เช่น กรอบใส่พระบรมฉายาลักษณ์ บาตรน้ำมนต์สลักจากหยกที่บริเวณฐานเป็นโค หงส์ และครุฑสัตว์พาหนะของเทพเจ้าทั้งสามในศาสนาพราหมณ์ ทำจากทองคำประดับเพชร ทับทิม และมรกต หีบพระโอสถมวน (บุหรี่) ตัวหีบสลักจากหยก ฝาทำจากทองคำ 18 กะรัต ลงยาสีขาว มีภาพวาดพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นต้น ฟาแบร์เช เป็นช่างทองที่มีชื่อเสียงมากในการทำศิลปวัตถุรูปไข่ลงยาสีสันสวยงามและตกแต่งด้วยเพชรพลอย และมักจะมีกลไกต่างๆ ที่สร้างความประหลาดใจแฝงไว้ในทุกชิ้นงาน ทั้งนี้ฟาแบร์เชมีความใกล้ชิดกับราชสำนักรัสเซียเป็นอย่างมาก มักได้รับคำสั่งให้ทำไข่อีสเตอร์เพื่อเป็นของขวัญแก่พระบรมวงศานุวงศ์อยู่เสมอ โดยผลงานชิ้นแรกคือ ‘Hen’ ไข่ไก่ทองคำที่ด้านนอกลงยาสีขาวเหมือนเปลือกไข่ เมื่อเปิดเข้าไปจะพบกับไข่แดงสีเหลืองทองและเมื่อเปิดชั้นไข่แดงก็จะได้พบกับแม่ไก่ทองคำตัวจ้อยอยู่ในนั้น นอกจากนี้ยังมีผลงานมากมายเช่น Coronation Egg, Lilies of the Valley Egg, Peacock Egg, และ Bay Tree Egg เป็นต้น ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนถูกสร้างสรรค์อย่างประณีตวิจิตรบรรจงทั้งสิ้น และห้างทองของฟาแบร์เช่ ก็ได้รับพระราชทานตราตั้ง โปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็นช่างหลวงแห่งราชสำนักรัสเซีย ในปีพ.ศ. 2428 อีกด้วย

Read More

13/08/2562

ทองขาว ทองคำขาว ทองไมครอน


ทองคำ นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับสวมใส่เพื่อความสวยงามและแสดงสถานะทางสังคม แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่เครื่องประดับทองคำแท้เท่านั้นที่ได้รับความนิยม ทองไมครอน ทองคำขาว ทองขาว ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ซึ่งหลายคนยังไม่เข้าใจว่าทองทั้ง 3 ชนิดใช่ทองคำหรือไม่ ต่างจากทองคำแท้อย่างไร และขายได้ราคาหรือไม่ ทองขาว หรือ White Gold เกิดจากการผสมทองคำบริสุทธิ์กับพัลลาเดียม(Palladium, Pd) และโลหะชนิดอื่นๆ โดยหลังจากการผสมแล้วทำให้ได้โลหะที่เป็นสีเงินแวววาว เราเรียกโลหะชนิดนั้นว่า ทองขาว และทองขาวก็มีการแบ่งเปอร์เซนต์ทองเช่นเดียวกัน ที่พบมากทั่วๆไป คือ 18K และ 14K ทองขาวเป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ แต่ปัจจุบันคนไทยเริ่มนำทองขาวมาใส่เป็นเครื่องประดับแทนทองคำกันมากขึ้น เพราะปลอดภัยมากกว่าการใส่ทองคำและมีความสวยงามแวววาวของสีเงิน อีกทั้งทองขาวก็มีทองเป็นส่วนผสมทำให้คุณสมบัติของเครื่องประดับทองขาวจะคล้ายเครื่องประดับที่ทำจากทองคำมาก คือ มีคุณสมบัติ คงทนเก็บได้นาน ไม่ลอกไม่ดำ(คือไม่ทำปฎิกริยากับอ็อกซิเจนในอากาศ) มีความเงางามยิ่งเมื่อสวมใส่หรือขัดเช็คถูจะยิ่งเงาแวววาวมากขึ้น ทองคำขาว หรือPlatinum เป็นธาตุโลหะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมือนทองคำที่เป็นโลหะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน แต่มีชื่อสายแร่ธาตุคนละตัวและเป็นโลหะคนละชนิดกันอย่างสิ้นเชิง แพตตินั่มมีคุณสมบัติคล้ายกับทองคำแต่มีลักษณะเป็นสีเงินแวววาว ต่างจากทองคำที่เป็นสีเหลืองทองอร่าม ซึ่งแพตตินั่มเป็นที่นิยมในบางกลุ่มเท่านั้น และมีราคาแพงกว่าทองคำ ทองไมครอน คือ ทองที่ข้างในประกอบไปด้วยโลหะแล้วถูกชุบด้วยทองคำแท้ ( ชุบด้วยไฟฟ้า ) ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบ ทองคำจริงทั้งขนาด ลวดลาย หรือแม้แต่น้ำหนักทอง โดยส่วนใหญ่จะทำเลียนแบบทองรูปพรรณ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ กำไล ฯลฯ ไปจนถึง ทองคำแท่ง แม้แต่กรอบพระก็มี บางครั้งก็เรียกทองแบบนี้ว่า ทองชุบ/ ทองโคลนนิ่ง หรือทองหุ้ม ซึ่งก็มีความหมายเดียวกันคือโลหะที่เคลือบผิวด้วยทองคำนั่นเอง คำว่า “ไมครอน” คือหน่วยวัดปริมาณความหนาของผิวทองที่เคลือบ ส่วนใหญ่จะนิยมอยู่ที่ 1 , 3 , 5 ไมครอน โดยเทียบได้คือ ทอง 5 ไมครอน เท่ากับความหนา 0.005 มิลลิเมตร ,ยิ่งปริมาณทองที่ชุบ( ค่าไมครอน ) เยอะเท่าไหร่ก็มีผลให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย เช่น ทอง 5 ไมครอน จะมีราคาแพงกว่า ทอง 3 ไมครอน เพราะใช้ทองชุบหนากว่า โดยผลิตภัณฑ์ทองไมครอนในน้ำหนักต่าง ๆ จะมีราคาอยู่ที่หลักร้อย หลักพัน ซึ่งถูกกว่าทองคำแท้ 2-3 เท่า และไม่สามารถขายหรือจำนำได้ด้วย ส่วนระยะเวลาการใช้งานจะไม่นาน ขึ้นอยู่กับความหนาของทองที่ชุบ ใช้ไปนานๆสีจะหม่นหมอง หลุด ลอกออก ทำให้ต้องเสียเวลาไปชุบน้ำยาใหม่อยู่บ่อย ๆโดย น้ำยาชุบ ทำจากวัสดุหลายอย่าง เช่น เงิน , ทองเหลือง,ทองแดง,อัลลอย,เหล็กสแตนเลส ฯลฯ ทองไมครอน จึงไม่ใช่ทองคำแท้ที่ดูผิวเผินไม่สังเกตอย่างละเอียดจะแยกไม่ออกเพราะเหมือนทองคำแท้มาก แต่มีราคาถูกกว่ามาก จึงเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำมาหลอกขายว่าเป็นทองจริงทำให้คนถูกหลอกบ่อยๆ ฉะนั้นหากต้องการซื้อทองคำแท้จริงๆ ควรซื้อที่ร้านทองที่น่าเชื่อถือได้เท่านั้น

Read More

02/08/2562

คุณทองแดง จากสุนัขจร สู่สุนัขทรงเลี้ยง


คุณทองแดง เป็นสุขัขจรจัดที่ได้รับพระเมตตาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 นำเข้ามาเลี้ยงในวัง จากสุนัขจรจัดจึงกลายเป็นสุนัขทรงเลี้ยงที่ทรงโปรดที่สุด โดยเป็นสุนัขทรงเลี้ยงสุนัขที่ 17ในรัชกาลคุณทองแดง เป็นสุนัขเพศเมีย เป็นลูกของนังแดง สุนัขจรจัดบริเวณถนนพระราม 9 เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 มีพี่น้องร่วมท้อง 7 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้พบคุณทองแดงครั้งแรกเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดศูนย์การแพทย์พระราม 9 ได้มีนายแพทย์คนหนึ่งนำทองแดงมาทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรแล้วก็มีรับสั่งว่าให้นำเข้าไปเลี้ยงในวัง โดยทรงยกคุณทองแดง ให้ "คุณมะลิ" สุนัขแม่ลูกอ่อนทรงเลี้ยงในวังเป็นผู้เลี้ยงดู ส่วนแม่ของทองแดงมีผู้รับไปเลี้ยงดูแล คุณทองแดง มีลักษณะพิเศษต่างจากลูกสุนัขตัวอื่น คือ มีสายสร้อยรอบคอครึ่งเส้น มีถุงเท้าขาวทั้ง 4 ขา มีหางม้วนขดเป็นวง ปลายหางมีดอกสีขาว และมีจมูกแด่น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงค้นในหนังสือพบว่า "คุณทองแดง" มีลักษณะคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์บาเซนจิ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โบราณ มีถิ่นกำเนิดทางแอฟริกาใต้ นิยมใช้งานในการล่าสัตว์ แต่คุณทองแดงมีขนาดตัวใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์บาเซนจิทั่วไป พระองค์จึงทรงเรียกคุณทองแดงว่าเป็น สุนัขพันธุ์ไทยซูเปอร์บาเซนจิ จากก่อนหน้านี้ทรงเรียกว่า เป็นสุนัขพันธุ์เทศ ซึ่งย่อมาจาก เทศบาลนั้นเอง เมื่อเข้ามาอยู่ในวังคุณทองแดงก็เป็นที่โปรดปรานของในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องจากเป็นสุนัขที่ฉลาดมาก เช่น เมื่อ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเรียกให้คุณทองแดงขึ้นเฝ้าฯ เพื่อที่จะชั่งน้ำหนัก แค่เพียงรับสั่งว่า ทองแดงไปชั่งน้ำหนัก คุณทองแดงก็จะเดินขึ้นตาชั่ง หรือเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับที่พระตำหนักเปี่ยมสุข พระราชวังไกลกังวล เมื่อเสด็จลงมาเพื่อทรงออกกำลังกายตรงถนนบริเวณชายหาดซึ่งมีต้นมะพร้าวอยู่ เพียงรับสั่งว่า อ้อมต้นมะพร้าว คุณทองแดงก็จะวิ่งอ้อมต้นมะพร้าวทันที โดยไม่ต้องมีการสอน นอกจากนี้ เวลาในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนิน คุณทองแดงจะนำเสด็จอยู่หน้าพระองค์ท่านตลอดเวลา ส่วนเวลาพระองค์ท่านประทับ คุณทองแดงก็จะนั่งหมอบอยู่ด้านหน้า ใช้สองขาหน้าเกยกันเหมือนคนกำลังหมอบคลาน แล้วหันหน้าออกไปด้านนอกเหมือนคอยระแวดระวังภัย และทุกครั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สด็จประทับพักผ่อนอิริยาบถที่ใด คุณทองแดง ก็จะตามเสด็จด้วย ด้วยเหตุนี้ คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงสุนัขที่ 17 ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จึงได้รับการตั้งฉายาว่าเป็น สุนัขประจำรัชกาล และได้ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ "เรื่อง ทองแดง (The Story of Tongdaeng)" ออกเผยแพร่ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีกด้วย

Read More

02/08/2562

โกลเด้น เพลซ ป้ายทองอาหารปลอดภัย แห่งแรกของไทย


“โกลเด้น เพลซ” เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริที่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9” ทรงจัดตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นต้นแบบร้านค้าปลีกเพื่อคนไทย โดยเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2544 ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท สุวรรณชาด จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายในร้าน Golden Place จะจัดสรรแบ่งหมวดหมู่สินค้าเอาไว้คล้ายซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป มีทั้งมุมอาหารสด ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล มุมเครื่องอุปโภค ข้าวของเครื่องใช้ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม โดยมากเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ผลิตภัณฑ์ในแต่ละท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ OTOP ตามวัตถุประสงค์ที่จัดตั้งร้านสินค้าต่างๆในร้านโกลเด้นเพลสมาจากโครงการตามพระราชดำริ, โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา สินค้าเกษตรปลอดสารพิษตามมาตรฐานสากล สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบคุณภาพถึงแหล่งผลิต รวมทั้งมีสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปจำหน่ายรวมอยู่ในร้านด้วย เพื่อให้ทั้งผู้ขายและเกษตรกรมีรายได้ ขณะที่ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลาย มีพืชผักและอาหารที่สะอาดปลอดภัยรับประทานในราคาไม่แพงจนเกินไป นอกจากนี้ “โกลเด้น เพลซ” ยังถือเป็นร้านค้าที่เป็นต้นแบบของความปลอดภัยด้านอาหารโดยได้รับการป้ายการันตี Food safety หรือ “ป้ายทองอาหารปลอดภัย” เป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีการตรวจสอบสารปนเปื้อนต่างๆทุกวัน ทำให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าอาหารจากที่นี่ปลอดภัย 100% ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบผักและผลไม้ ด้วยชุดทดสอบยาฆ่าแมลงกลุ่มฟอสเฟตและคาร์บาเนต การตรวจสอบอาหารทะเล ด้วยชุดทดสอบฟอร์มาลีน การตรวจสอบบอแรกซ์ในเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ผลไม้ดอง ฯลฯ การตรวจสอบกรดซาลิซิลิคในน้ำดองผักและผลไม้ การตรวจสอบโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ (สารฟอกขาว) ในอาหารจำพวกผักผลไม้สด การตรวจสอบแบคทีเรียในอาหารพร้อมทาน และอาหารพร้อมปรุง การตรวจสอบความสะอาดของพนักงาน และอุปกรณ์ที่ใช้การตรวจโคลิฟอร์มในน้ำ และน้ำแข็ง เป็นต้น โกลเด้น เพลซ เป็นการทำธุรกิจค้าปลีกแบบยั่งยืนเกี่ยวกับสินค้าการเกษตร ด้วยการส่งเสริมด้านการผลิตให้มีคุณภาพสม่ำเสมอ เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรในรูปแบบเกษตรอุตสาหกรรม และส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารเคมีตามมาตรฐานสากล นี่จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยทุกคน

Read More

02/08/2562

นายทองดี ฟันขาว


นายทองดี เป็นชื่อเดิมของพระยาพิชัยดาบหัก ทหารเอกคู่พระทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสิน เกิดเมื่อปี 2284 ที่บ้านห้วยคา เมืองพิชัย (อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน) ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า จ้อย เมื่อมีอายุได้ 14 ปี มีเรื่องวิวาทชกต่อยกับลูกเจ้าเมืองพิชัย จนต้องเปลี่ยนชื่อเป็น"ทองดี"แล้วก็ต้องหลบหนี ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของครูเที่ยงครูมวยชื่อดังที่วัดบ้านเก่ง และ ครูเมฆ ที่วัดท่าสา เมื่ออายุได้ 18 ปี ชื่อนายทองดีเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเพราะมีฝีมือทางเชิงมวยสามารถชกชนะครูมวยเจ้าถิ่นชื่อดังได้ จากนั้นได้เดินทางไปเรียนดาบที่เมืองสวรรคโลกจนเชี่ยวชาญ ต่อมาเปิดค่ายมวยเพื่อฝึกสอนวิชาดาบ ศิษย์คนแรกคือคนที่เขาเคยใช้มีดสั้นฆ่าเสือเพื่อช่วยชีวิตไว้จนชื่อเสียงของนายทองดีกลายเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว วันหนึ่งนายทองดีได้มีโอกาสขึ้นเวทีมวยที่เมืองตากซึ่งพระยาตาก (สิน) จัดขึ้นเพื่อคัดเลือกนักมวยฝีมือดีเข้ารับราชการในกองทัพ ซึ่งนายทองดี สามารถเอาชนะนักมวยชั้นยอดได้หลายคน จนเป็นที่ถูกใจของพระยาตากสิน จึงรับเข้าเป็นข้าราชการชื่อหลวงพิชัยอาสา ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ข้างกายของพระยาตากและเป็นครูมวยครูดาบให้กับทหารในกองทัพเมืองตาก หลวงพิชัยอาสาได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระยาตากสินเรื่อยมา ตั้งแต่ช่วยป้องกันกรุงศรีอยุธยาจากทัพพม่าที่เข้าล้อมกรุง จนกระทั่งร่วมกันฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าออกไปซ่องสุมกำลังพลทางหัวเมืองตะวันออกแล้วยกทัพกลับมาขับไล่พม่าที่กรุงศรีอยุธยาจนสามารถประกาศเอกราชได้ในปลายปี พ.ศ. 2310 ตลอดเวลานั้นนายทองดีหรือหลวงพิชัยอาสาได้มีส่วนร่วมในฐานะนายทหารคนสำคัญโดยตลอด เมื่อพระเจ้าตากสินปราบดาภิเษกเป็น "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" แห่งอาณาจักรธนบุรี หลวงพิชัยอาสาก็ได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนตำแหน่งเรื่อยมา ตั้งแต่ "จหมื่นไวยวรนารถ" "พระยาสีหราชเดโช" และ "พระยาพิชัย" เจ้าเมืองพิชัยซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง ส่วนนาม"พระยาพิชัยดาบหัก" ได้มาจากเหตุการณ์เมื่อปลายปี พ.ศ. 2316 พม่าได้ยกทัพจากเชียงใหม่ลงมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัยนำทัพออกไปดักซุ่มโจมตีอยู่ที่เมืองชัยภูมิ และได้เข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนดาบหักและใช้ดาบที่หักสู้กับทหารพม่าจนได้รับชัยชนะ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2317 การรบในครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงให้กับพระยาพิชัยเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน มีการสร้างอนุสาวรีย์และศาลเพื่อบูชานายทองดีหลายแห่งที่จังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระยาพิชัยดาบหักก็ รวมถึงอนุสาวรย์พระยาพิชัยดายหักด้วย เพื่อเชิดชูวีรชนผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ ซื่อสัตย์สุจริตและความกตัญญูกตเวที ส่วนชื่อทองดี ฟันขาว ได้มาเพราะไม่ได้กินหมากเหมือนคนอื่นๆนั่นเอง

Read More

Loading...
More