บทความทั่วไป

31/10/2561

ยุคตื่นทองในบราซิล


นิทรรศการภาพถ่ายระดับโลก Sebastiao Salgado: The World Through His Eyes ที่จัดโดยสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อต้นปี 2017 ทำให้คนไทยได้ชมผลงานภาพถ่ายของศิลปินระดับโลกที่ชื่อเซบาสเทียว ซาลกาโดจำนวน 120 ภาพ หนึ่งในชุดภาพถ่ายที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ ภาพคนงานในเหมืองแร่ทองคำ Serra Pelada ที่แสดงถึงความมืดมนในยุคตื่นทองของบราซิลซึ่งไม่สว่างไสวเหมือนสีของทองคำเหมืองทองคำเซย์ร่า เปร์ลาด้า(Serra Pelada) อยู่กลางผืนป่า ห่างไกลความเจริญทางตอนเหนือของประเทศบราซิล เริ่มเปิดดำเนินการในปี ค.ศ. 1980 สามเดือนหลังจากค้นพบทองคำ ทหารบราซิลได้เข้ามาดำเนินการเพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากคนงาน มีผู้คนทั่วบราซิลกว่า 1 แสนคน มุ่งหน้าไปแสวงโชคในเหมืองที่ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ไม่มีความปลอดภัยและไร้ซึ่งการควบคุม เหมืองนี้ขุดด้วยมือของคนงานโดยนายทุนไม่ได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกหรือหามาตรการเพื่อความปลอดภัยใดๆอีกทั้งยังมีการใช้สารปรอทในการสกัดทองคำทำให้บริเวณเหมืองเต็มไปด้วยสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตราย ในเหมืองที่ ที่มีความลึกกว่า 50-60 เมตร (เมื่อเหมืองนี้ปิดตัวลงในปีค.ศ.1986 ความลึกของเหมืองอยู่ในระดับ 100เมตร )ทองคำที่ขุดได้รัฐบาลตกลงรับซื้อทั้งหมดในราคาคิดเป็น 75 % ของราคาโลหะในลอนดอน ในขณะที่คนงานเหมืองได้รับค่าแรงเพียงวันละ 2-3 ดอลลาห์สหรัฐ และเพียง 20 เซนท์จากการแบกกระสอบที่บรรจุสินแร่หนักอึ้งในแต่ละเที่ยวนอกจากนักขุดทองแล้ว ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกเข้ามาทำการค้าขายในเหมืองทองเซย์ร่า เปร์ลาด้า ทั้งขายอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงประกอบกิจการสถานบันเทิงในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับผู้คนกว่า 100,000-120,000 คน และเมื่อมีคนมาอยู่รวมกันมากๆทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งมีคดีฆาตกรรมที่ปิดไม่ได้กว่า 60-80 เคสต่อเดือนเลยทีเดียวภายในระยะเวลา 6 ปีของการทำเหมืองมีการบันทึกอย่างเป็นทางการว่ามีการซื้อขายทองคำไป 45 ตัน แต่คาดการว่าความจริงแล้วมีทองคำที่ถูกขุดไปมากกว่า 360 ตันซึ่งส่วนมากถูกลักลอบออกไปขายในตลาดมืด เหมือง Serra Pelada นี้เคยถูกเล่าไว้ในส่วนหนึ่งของสารคดี The Salt of the Earth และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อปี 2013 ในชื่อเรื่องเดียวกันกับเหมืองคือ Serra Pelada เซบาสเทียว ซาลกาโด เป็นช่างภาพวัย 71ปีเกิดในปี ค.ศ.1944 ล้อมรอบไปด้วยป่าดงดิบทางตอนใต้ของประเทศบราซิลจบปริญญาเอก ด้านเศรษฐศาสตร์จากปรเทศฝรั่งเศส เขาได้รับการยกย่องจาก เดอะ การ์เดี้ยนว่า “ ไม่ได้เป็นเพียงช่างภาพที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่เขาอาจจะเป็นช่างภาพยอดเยี่ยมคนสุดท้าย” ปัจจุบัน ซาลกาโดและภรรยา กลับไปอยู่ที่ประเทศบราซิล ใช้เวลาฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่บ้านเกิดรวมถึงสถานที่อื่นๆ ด้วยการปลูกต้นไม้ โดยเขาปลูกต้นไม้ไปแล้วนับแสนต้นเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

31/10/2561

ยุคตื่นทองที่ได้มากกว่าทองคำ


7 ปีของยุคตื่นทองในแคลิฟอร์เนีย นอกจากผู้ที่เดินทางมาขุดทองแล้ว ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่หาโอกาสทางธุรกิจจากการทำงานกับผู้คนเหล่านี้ ส่งให้เกิดการพัฒนาเชื่อมโยงเศรษฐกิจในหลายด้านเพื่อรองรับผู้คนจำนวนมากที่มารวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน ทั้งธุรกิจอาหาร เครื่องมือขุดทอง เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม การเดินทาง บางธุรกิจกลายเป็นตำนานที่ยังคงมีชื่อเสียงอยู่จนถึงปัจจุบันหนึ่งในนั้นคือกางเกงยีนส์ลีไวน์สองปีหลังการขุดพบสายแร่ทองคำ พ่อค้าหนุ่มวัย 19 ปีชื่อลีไวน์ สเตราส์ เดินทางจากฝั่งตะวันออกมุ่งสู่ตะวันตก เขาไม่ได้มาขุดทองเหมือนคนอื่นๆ เพียงแต่ต้องการขยายธุรกิจขายส่งของแห้งของครอบครัวตั้งแต่ อาหารแห้ง เสื้อผ้า ร่ม เต็นท์และผ้าใบคลุมรถให้แก่บรรดานักขุดทอง แต่สิ่งที่เขาพบคือคนงานเหมืองต้องการกางเกงใช้งานที่ทนทานต่องานในเหมืองมากกว่าสินค้าอื่นๆ เขาจึงได้แนวคิดนำเอาผ้าเนื้อหนามาตัดเย็บเป็นกางเกงและขายมันให้กับนักขุด กางเกงของลีไวน์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วด้วยคุณสมบัติทนทานต่องานหนัก หลังจากนั้นลีไวน์จึงหันมาตัดเย็บเสื้อและกางเกงจากผ้าเนื้อหนาเพื่อใช้สำหรับการทำงานสมบุกสมบันประเภทอื่นๆ กางเกงเหล่านี้ได้ถูกเรียกว่า ยีนส์ ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่ได้รับความนิยม ไม่เฉพาะแต่ในสหรัฐหากยังแพร่หลายไปทั่วโลกภายใต้ชื่อบริษัท "Levi Strauss" ถือเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานกางเกงยีนส์อมตะของโลกนั่นเองการตื่นทองยังมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของแคลิฟอร์เนีย เพราะทำให้ได้เลื่อนฐานะขึ้นเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประมาณ 15,000 คนเป็น 250,000 คนในเวลาเพียง 4 ปี จากดินแดนที่เคยเงียบเหงาของเม็กซิโก กลายเป็นมลรัฐที่มั่งคั่งร่ำรวยมลรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา และได้รับการสถาปนาให้เป็นมลรัฐที่ไม่มีทาสใน ค.ศ. 1850 จนได้รับสมญานามว่า มลรัฐทองคำ หรือGolden State อีกธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หลังการพบทองที่แคลิฟอร์เนียนั่นคือธุรกิจการเดินเรือ ทั้งนี้เพราะค่าเดินทางและค่าขนส่งสินค้าไปยังแคลิฟอร์เนียในช่วงที่มีการตื่นทองจูงใจให้นักธุรกิจชาวอเมริกันหันมาต่อเรือมากขึ้น และแม้การเดินทางทางเรือจากภาคตะวันออกไปภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกาจะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเดินทางทางบกด้วยเกวียนประทุน แต่นักขุดทองจำนวนไม่น้อยก็ยังเลือกเดินทางด้วยทางเรือ นักธุรกิจชาวนิวยอร์กหลายคนหันมาตั้งบริษัทเดินเรือ เพื่อจัดการเดินทางให้นัก แสวงโชคที่ต้องการเดินทางไปแคลิฟอร์เนียโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นคู่แข่งทางด้านพาณิชย์นาวีของอังกฤษและชาติที่เป็นนักเดินเรืออื่นๆ ด้วยการตื่นทองยังมีความสำคัญต่อความเจริญของดินแดนทางภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เป็นอย่างมาก เพราะทำให้เกิดเมืองสำคัญๆขึ้นในแถบนี้ โดยเฉพาะ San Francisco ซึ่งกลายเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของแถบชายฝั่งแปซิฟิก เกิดโครงการสร้างทางรถไฟเชื่อมภาคตะวันออกกับภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกาเข้าด้วยกัน ปัจจุบันแม้กระแสการตื่นทองที่แคลิฟอร์เนียจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เรื่องราวของนักขุดทอง ความมั่งคั่งชั่วข้ามคืน รวมทั้งชื่อเสียงของแคลิฟอร์เนีย ยังคงเป็นที่กล่าวขวัญเรื่อยมาในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา.เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

31/10/2561

ยุคตื่นทองของโลก


ไม่น่าเชื่อว่า การพบแร่ทองคำที่นำไปสู่ปรากฏการณ์ตื่นทองหรือgold rush นั้น จะเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันแม้จะอยู่ห่างกันคนละมุมโลกก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดาและแอฟริกาใต้ที่สหรัฐอเมริกา วันที่ 24 มกราคม ค.ศ.1848 นายเจมส์ ดับบลิว มาร์แชลล์ นักบุกเบิกชาวอเมริกันได้พบแร่ทองคำจำนวนมากในธารน้ำข้างโรงเลื่อยที่หุบเขา โคโลมา บริเวณ South Fork ของแม่น้ำ American ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง Sacramento ขณะรับจ้างสร้างโรงเลื่อยให้ Augustus Sutter ซึ่งอพยพจากสวิตเซอร์แลนด์มาทำไร่ในที่ดินผืนนี้ตั้งแต่แคลิฟอร์เนียยังเป็น ของเม็กซิโก ข่าวการค้นพบทองคำของเขาแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ชักนำผู้คนคนนับพันให้พากันมาที่โรงเลื่อยพร้อมกับอุปกรณ์ขุดหาทองคำ จนในปี ค.ศ. 1853 มีผู้ตื่นทองเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 300,000 คน ประมาณการณ์กันว่าทองคำที่ผลิตขึ้นได้ในครั้งนั้นมีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ หลายคนกลายเป็นเศรษฐี แต่อีกหลายคนก็ยังคงจนเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามการตื่นทองก็นำมาซึ่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและเกิดเมือง ชุมชน ตามมาอีกมากมายเมื่อมีการสร้างทางรถไฟเชื่อมตะวันออก-ตะวันตก เช่นการเกิดเมืองซานฟรานซิสโก เมืองเก่าของชุมชนสเปนในอดีต ที่ได้กลายมาเป็นแหล่งชุมชนที่มั่งคั่ง เป็นศูนย์กลางการค้าของยุคตื่นทอง และยั่งยืนต่อมาถึงทุกวันนี้แม้ทองจะหมดไปแล้วก็ตาม รวมถึงการก่อกำเนิดของไชนาทาวน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองมาจนถึงปัจจุบัน ที่ประเทศออสเตรเลีย ปี ค.ศ.1851 มีการพบแร่ทองคำจำนวนมากในธารน้ำของเมืองนิวเซาท์เวลส์ และ รัฐวิกตอเรีย ทำให้มีนักแสวงโชคเดินทางมาจากทั่วโลกกว่า 500,000 คน ทั้งอเมริกัน เยอรมัน ชาวโปลด์ และชาวจีน และยิ่งฮือฮามากขึ้นไปอีกเมื่อชาวเหมืองชื่อนายจอห์น เดียสัน กับ นายริชาร์ด โอเตส พบก้อนทองคำบริสุทธิ์ยาว 60 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร และหนัก 66 กิโลกรัม ซึ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาฝังอยู่ใต้ดินลึกเพียงแค่ 3 เซนติเมตรเท่านั้น ขณะทำงานอยู่ที่เหมืองทางตอนกลางของรัฐวิกตอเรีย ในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ.1869 ทั้งสองขายมันไปด้วยราคา 9,500 ปอนด์ หรือราว 500,000 บาท ก่อนที่ก้อนทองคำยักษ์นี้จะถูกหลอมให้กลายเป็นแท่งทองคำและขนไปเก็บไว้ในธนาคารที่ประเทศอังกฤษ ถัดมาอีก 3 ปีคือในปี ค.ศ.1872 นายเบอร์นาร์ด ออตโต โฮลเตอร์มานน์ ได้พบแร่ทองคำก้อนใหญ่ที่สุดในโลกที่มีน้ำหนักถึง 283 กก. ที่นิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเมื่อสกัดแล้วก็ได้ทองคำแท้ 84 กิโลกรัมเลยทีเดียวที่ประเทศแอฟริกาใต้ ขุมทองในดินแดนอันห่างไกล นักแสวงโชคชื่อนายจอร์จ แฮร์ริสัน ได้ค้นพบแร่ทองคำในบริเวณแอ่งวิตวอเตอร์สแรนด์ ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่าเป็นแหล่งทองคำที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามที่ดินบริเวณนี้เปลี่ยนเจ้าของไปหลายมือจนกระทั่งในปี 1950 มีการค้นพบชั้นแร่ทองคำเมื่อเจาะลงไปในดินราว 1,500 เมตร ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งแร่ทองคำที่ให้ผลผลิตทองคำถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณทองคำทั้งโลก ที่ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 1896 คนงานเหมืองได้พบทองคำที่ย่านคลอนไดค์ ในรัฐยูคอน ทางตอนเหนือของแคนาดา และเมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ทำให้ชาวอเมริกันกว่า 100,000 คนพากันอพยพมาแสวงโชคที่เมืองนี้ แม้จะเดินทางด้วยความยากลำบากเพราะต้องเดินทางนานนับปี พร้อมแบกเสบียงอาหารและอุปกรณ์การร่อนทองที่หนักมากไปด้วยก็ตาม เพียงแค่สองปีจาก ปีค.ศ.1896 ถึง ปีค.ศ. 1898 ชาวเมืองที่เดิมมีเพียง 500 คนก็เพิ่มขึ้นเป็น 30,000 คน ทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาทั้งการทำลายสิ่งแวดล้อม ของแพง เกิดโรคระบาด บางคนประสบความสำเร็จร่ำรวย แต่ส่วนใหญ่โชคร้ายไม่พบทอง อดอยากและล้มตาย กระทั่งปี 1903 เหตุการณ์ตื่นทองจึงสงบลง เหลือแต่เพียงบริเวณอันเป็นตำนานที่เรียกขานกันว่า โบนันซ่า (Bonanza) อันหมายถึงความโชคดีมั่งคั่งที่อุบัติขึ้นอย่างไม่คาดฝันนั่นเองเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

31/10/2561

ทองนาโน


นอกจากเราจะใช้ทองคำเพื่อเป็นเครื่องประดับ เพื่อการลงทุน เพื่อเป็นทุนสำรองของประเทศ และเพื่อประโยชน์ทางด้านอวกาศอิเล็กทรอนิกส์ และทันตกรรมแล้ว เรายังวิจัยและพัฒนาจนสามารถนำอานุภาคของทองคำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆได้อีกด้วย เช่น ด้านศิลปะ อุตสาหกรรมเคมี และทางการแพทย์ อานุภาคนาโนเป็นอานุภาคที่มีขนาด 1-100 นาโนเมตร หรือมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของคนประมาณ 1,000-100,000 เท่าสามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่นหลังเกิดไฟป่าหรือภูเขาไฟระเบิด และเกิดจากการกระทำของมนุษย์ โดยกระบวนการทางเคมี ซึ่งอานุภาคนาโนของทองคำ หรือที่เรียกสั้นๆว่าทองนาโน ก็เกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมี เพื่อให้ได้อนุภาคทองคำที่มีขนาดเล็กระดับนาโนซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้แม้จะมองด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของคนเราถึง 1000 เท่าอนุภาคนาโนทองคำถูกนำมาใช้ในงานทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย ได้แก่การตรวจวัดและกำจัดเซลล์ก้อนเนื้อที่เป็นส่วนของเซลล์มะเร็ง โดยใช้อนุภาคนาโนทองคำเป็นตัวนำส่งยาไปที่เซลล์มะเร็งเพื่อการรักษาร่วมกับการฉายแสง และมีรายงานจากการวิจัยยืนยันว่าอนุภาคนาโนทองคำสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งบางชนิดได้ซึ่งวิธีการนี้ใช้ทองคำหนักเพียง 1 กรัม ก็สามารถผลิตอนุภาคนาโนเพื่อรักษาผู้ป่วยได้ถึง 50 คนเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้มีการนำอนุภาคนาโนทองคำไปใช้ในการตรวจDNAได้อย่างแม่นยำ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ทองนาโนในการวัดDNAแทนเทคนิคเดิมที่เคยใช้มา และนำมาใช้ในการตรวจวัดเชื้อโรคได้อีกหลายชนิด รวมถึงการสร้างภาพทางชีวภาพหรือภาพอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ ที่อยู่ในร่างกายที่เรียกว่าbioimagingเพื่อการรักษาอีกด้วย ในส่วนของผู้ป่วยที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียการมองเห็นและต้องได้รับการฉีดยาเข้าดวงตาทุกเดือน การใช้ไฮโดรเจลผสมอนุภาคทองคำระดับนาโนเป็นตัวนำยาเข้าสู่ดวงตา ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยเลื่อนระยะเวลาในการมาพบแพทย์ออกไปเป็นหกเดือนครั้งเท่านั้น อนุภาคทองยังไม่ทำให้เกิดอาการแพ้และมีความปลอดภัยโดยได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) แล้ว·อนุภาคนาโนทองคำยังถูกนำมาใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในอุตสาหกรรมเคมี และมีการนำไปใช้ในงานศิลปะโดยนักวิจัยนาโนจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้นาโนคริสตัลทองคำ บริสุทธิ์ 99.99% วาดลายไทยลงบนผ้าไหมได้เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นใบเบิกทางการใช้งานวิจัยเพื่อพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานศิลป์ต่อไปในอนาคตเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

25/10/2561

ฉลองพระองค์ครุย


ครุยเป็นเสื้อประเภทหนึ่งใช้สวมหรือคลุม มีหลายชนิด ใช้เป็นเครื่องประกอบเกียรติยศหรือแสดงหน้าที่ในพิธีการหรือแสดงวิทยฐานะ มีใช้กันมาตั้งแต่สมัยยุโรปยุคกลาง ใส่กันทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีลักษณะหลวม ยาวถึงเข่าหรือยาวทั้งตัว ในประเทศไทยมี 3 แบบคือ ครุยพระราชวงศ์ ครุยเสนามาตย์ และครุยตำแหน่ง ผ้าที่นิยมใช้ในการทำฉลองพระองค์ครุยสำหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์มีหลายชนิด และที่สำคัญคือ "ผ้ากรองทอง" เป็นผ้าที่เกิดจากการนำเส้นลวดทองหรือไหมทองมาถักประกอบกันจนเป็นผืนผ้าซึ่งนอกจากจะมีความวิจิตรงดงามแล้วยังมีน้ำหนักมากด้วย ฉลองพระองค์ครุยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 นั้นมีชื่อเรียกว่าฉลองพระองค์บรมราชภูษิตาภรณ์ หรือฉลองพระองค์ครุยมหาจักรี เป็นฉลองพระองค์พระราชวงศ์ที่มีพื้นกรองทองหรือกรองเงิน ปักทองลายก้านแย่งหรือพื้นสีสลับทองหรือขาวสลับทอง มีสีดำรดขอบ สำรดต้นพระกร ปลายพระกรและสำรดฉลองพระองค์ครุยนั้นพื้นกรองทอง ปักทองหรือใช้ทองเส้นหยาบ ขลิบลูกไม้ทองมีดวงตรามหาจักรีทั้งองค์ฉลองพระองค์ครุยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่9 สร้างขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2493 มีน้ำหนักประมาณ 7- 8 กิโลกรัม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงใช้ฉลองพระองค์ครุยนี้ประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ถึงปีที่ 60 แห่งการครองราชย์ จึงได้มีการจัดสร้างฉลองพระองค์ครุยองค์ใหม่ขึ้นแทนองค์เดิม ซึ่งมีน้ำหนักเบาและโปร่งกว่า เนื่องจากทรงมีพระชนมายุมากขึ้น หลังจากนั้นฉลองพระองค์ครุยองค์แรกจึงถูกเก็บเป็นประวัติศาสตร์ของแผ่นดิน จนเมื่อทางพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ทูลขอสิ่งของพระราชทานเกี่ยวกับในหลวง รัชกาลที่ 9 ไปจัดแสดง เมื่อคราวมีงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิการเจ้า ฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีนี้จึงถูกส่งไปจัดแสดงเพื่อเป็นตัวแทนของคนไทยและยังคงจัดแสดงอยู่จนถึงปัจจุบัน การสวมเสื้อครุยในราชสำนักยังเห็นได้จากงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ทั้งของพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการสวมเสื้อครุยเพื่อแสดงวิทยฐานะ เช่น ผู้พิพากษาที่เป็นเนติบัณฑิต เมื่อขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดี บัณฑิต ที่สำเร็จการศึกษาในสถาบันต่างๆ และการสวมเสื้อครุยสำหรับเจ้านาคที่จะบรรพชาอุปสมบทตามประเพณี เป็นต้นเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

25/10/2561

เหรียญทองคำใหญ่ที่สุดในโลก


สถาบันการประมูล โดโรเธี่ยม (Dorotheum)หนึ่งในสถาบันการประมูลเก่าแก่ที่สุดในโลกได้นำเหรียญทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลกออกประมูล ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2010 และบริษัทโลหะสัญชาติสเปนกลายเป็นเจ้าของใหม่ที่ประมูลค่าไปด้วยมหาศาลราคา 3.27 ล้านยูโร หรือกว่า 131 ล้านบาท เหรียญทองคำนี้เป็นของประเทศแคนาดามีชื่อว่า โกลด์ เมเปิล ลีฟ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 53 เซ็นติเมตร (21 นิ้ว) หนา 3 ซ.ม. น้ำหนัก 100 กิโลกรัม ผลิตจากทองคำบริสุทธิ์ 99.999 เปอร์เซ็นต์ ออกแบบโดยนายสแตนเล่ย์ วิทเท่น ผลิตขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2007 โดย บริษัท รอยัล แคนาเดียน มินท์ (RCM) ผู้ผลิตเหรียญกษาปณ์และเหรียญโลหะล้ำค่าเพื่อการสะสมของประเทศแคนาดา ด้านหน้าของเหรียญเป็นภาพ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2 แห่งสหราชอาณาจักร ด้านหลังเป็นภาพใบเมเปิล 3 ใบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของประเทศแคนาดา หน้าเหรียญระบุไว้ว่ามีมูลค่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 32 ล้านบาท ได้รับการจดบันทึกลงในกินเนสส์ บุ๊ค ออฟ เวิลด์ เรคคอร์ดส ว่าเป็น “เหรียญทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” “หนักที่สุดในโลก” และเป็นเหรียญที่ผลิตจากทองคำบริสุทธิ์มากที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเหรียญทองคำล้ำค่าหายากมากที่สุดในโลกอีกด้วยบริษัท รอยัล แคนาเดียน มินท์ นำเหรียญทองคำนี้มาเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2007 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโปรโมทภาพลักษณ์ของบริษัทในระดับนานาชาติ และยังเป็นการเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ ซึ่งก็คือเหรียญทองคำที่ผลิตจากทองบริสุทธิ์ถึง 99.999 เปอร์เซ็นต์นั่นเองที่ผ่านมาบริษัทรอยัลแคนาเดียนมินท์ ได้ผลิตเหรียญทองคำขนาดใหญ่นี้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 5 เหรียญหนึ่งห้าเหรียญที่ถูกนำมาประมูลในครั้งนี้อยู่ในความครอบครองของบริษัท AvW Invest ในประเทศออสเตรีย ซึ่งถูกยื่นฟ้องล้มลายไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2010 หลังจากเจ้าของและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทถูกจับกุมข้อหาทุจริตและละเมิดความไว้วางใจ ส่วนบริษัทค้าทองและโลหะล้ำค่าของประเทศสเปนที่ประมูลได้ในครั้งนี้มีมีชื่อว่า ORO direct ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด ทุ่มประมูลไปสูงกว่าราคาหน้าเหรียญกว่า 4 เท่า สำหรับเหรียญทองคำยักษ์อีก 4 เหรียญที่เหลือมีการเปิดเผยว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2 แห่งสหราชอาณาจักร เป็นหนึ่งในผู้ครอบครองเหรียญทองคำนี้ อีก 2 เหรียญอยู่ในการครอบครองของนักลงทุนนิรนาม 2 คนในเมืองดูไบ ส่วนอีกหนึ่งเหรียญไม่มีการเผยชื่อหรือที่อยู่ของผู้ครอบครองแต่อย่างใดเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

25/10/2561

พระพุทธรูปทองคำในเมืองไทย


ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา มีพระพุทธรูปที่มีความสำคัญมากมายหลายองค์ มีทั้งที่เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองแดง เนื้อปูน เนื้อสัมฤทธิ์ และพระพุทธรูปทองคำที่ประดิษฐานอยู่ในวัดต่างๆทั่วประเทศซึ่งมีขนาดและความเก่าแก่ต่างกันที่สำคัญได้แก่พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรหรือหลวงพ่อทองคำ ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหารย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่เดิมไม่มีใครทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำเนื่องจากมีการพอกปูนลงรักปิดทองทั่วทั้งองค์ ต่อมาเมื่อมีการเคลื่อนย้ายองค์พระไปประดิษฐานในอุโบสถ หลังใหม่ด้วยมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ทำให้องค์พระพุทธรูปตกกระแทกพื้น ปูนที่หุ้มบริเวณพระอุระกะเทาะออก เผยให้เห็นข้างในเป็นทองเนื้อเจ็ด น้ำสองขา (มีค่าของเนื้อทองรองจากทองนพคุณหรือทองเนื้อเก้าส่วนคำว่าสองขาหมายถึง ๒ สลึง)มีน้ำหนักกว่า ๕ ตัน คิดเป็นน้ำหนักทองคำ ๒๕,๐๐๐ ปอนด์ เจ้าอาวาสในขณะนั้นจึงให้ลอกปูนออกทั้งองค์ และประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำนี้ไว้ในวิหาร วัดวิทยารามวรวิหารตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นต้นมา หนังสือกินเนสบุ๊ค ฉบับปี ค.ศ. ๑๙๙๑ ได้บันทึกไว้ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีมูลค่าเฉพาะเนื้อทองคำสูงถึง ๒๑.๑ ล้านปอนด์หลวงพ่อพระร่วงพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่สมัยสุโขทัย มีพุทธลักษณะที่งดงามมากรัชกาลที่ 3 อันเชิญจากจังหวัดสุโขทัยมาประดิษฐานที่อุโบสถวัดมหรรณพารามวรวิหาร องค์พระมีขนาดหน้าตักกว้าง 1วา1ศอก1คืบ5นิ้วสูง 1 วา 3 ศอก 1 คืบ 7 นิ้วกรมศิลปากรพิสูจน์แล้วลงความเห็นว่าเนื้อองค์พระร่วงนี้ มีทองคำเป็นส่วนผสมประมาณ 60 %พระพุทธรัชสุวรรณมงคลพระพุทธรูปทองคำสมัยกรุงศรีอยุธยา มีหน้าตักกว้าง 110 เซนติเมตร สูง 170 เซนติเมตร องค์พระมีลักษณะสมส่วน พระพักตร์กลม พระโอษฐ์ยิ้ม พระเนตรเป็นมุกอยู่ในลักษณะลืมตา ยอดเศียรเปลวอุณาโลม มีความงดงามมาก ประดิษฐานอยู่ที่วัดพะเยาว์ จังหวัดสระบุรีเชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำในสมัยกรุงศรีอยุธยาเพียงหนึ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน พระพุทธสุโขโพธิ์ทอง วัดพิพัฒน์มงคล จังหวัดสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ น้ำหนักประมาณ 9 กิโลกรัม หน้าตักกว้าง 9 นิ้ว สร้างด้วยศิลปะสมัยสุโขทัย มีความงดงามด้านพุทธศิลป์ เดิมองค์พระพอกปูนลงรักปิดทองหุ้มตัวองค์พระทองคำไว้ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สกุลช่างสุโขทัย มีอายุประมาณ 700 นอกจากนี้ยังมี พระพุทธรูปทองคำที่สำคัญอีกเช่นพระพุทธรูปทองคำ วัดคลองแดน และหลวงพ่อพระทอง วัดพระทอง จังหวัดภูเก็ต เป็นต้นเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

25/10/2561

เหรียญทองคำ ขุมทรัพย์เหนือกาลเวลา


บันทึกจากประวัติศาสตร์บอกว่า พระเจ้าดาริอุส แห่งจักรวรรดิเปอร์เซียเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่สร้างระบบเงินตราขึ้นใช้แลกเปลี่ยนกัน โดยทรงกำหนดให้เหรียญทองคำ 1 เหรียญมีค่าเป็นสิบสามเท่าของเงินที่มีน้ำหนักเท่ากัน หรือเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนมาตรฐาน 1 ต่อ13 หลังจากนั้นก็มีการใช้เหรียญทองคำในการแลกเปลี่ยนต่อมาทุกยุคสมัย เพราะมีการค้นพบเหรียญทองคำอายุเก่าแก่หลายพันปีมาเป็นระยะล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนปี 2018 ระหว่างการ สำรวจทางโบราณคดีที่เมืองโคโม ประเทศอิตาลีคนงานได้ขุดพบอัมฟอรา (amphora) หรือไหโบราณถูกฝังอยู่ใต้ดินของอดีตโรงละครเครสโซนี แต่ที่สร้างความตื่นตะลึงอย่างมากก็คือการพบเหรียญทองคำโบราณเหลืองอร่ามบรรจุอยู่เต็มไหราว 300 เหรียญนักโบราณคดีจากกระทรวงมรดกทางวัฒนธรรมและกิจกรรมของอิตาลีได้เข้ามาตรวจสอบและนำเหรียญทองคำที่พบส่งไปยังห้องปฏิบัติการที่เมืองมิลาน เพื่อตรวจวิเคราะห์และดำเนินกระบวนการเพื่ออนุรักษ์ พบว่าเหรียญทองคำดังกล่าวมีอายุราว 1,500 ปีหรือย้อนกลับไปในยุคที่อิตาลียังคงเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน แต่ยังไม่รู้รายละเอียดอื่นๆมากนัก เช่น ทำไมถึงมีการบรรจุเหรียญเหล่านี้ไว้ในอัมฟอรา บรรจุไว้เมื่อใด ทำไมถึงทิ้งของมีค่าเช่นนี้ไว้แล้วผู้ที่ทิ้งไว้คือใครทำไมไม่กลับมาเก็บคืนไป เป็นต้น และแม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยว่าเหรียญทองคำจำนวนหลายร้อยเหรียญนี้มีมูลค่าเท่าใดแต่สื่ออิตาลีคาดว่าจะมีมูลค่าหลายล้านยูโรโดยสำหรับโรงละครเครสโซนี เปิดทำการเมื่อปี 1807 และปิดตัวลงในทศวรรษที่ 1990 ตั้งอยู่ใกล้แหล่งโบราณคดี Novum Comum ไม่ไกลจากทะเลสาบโคโม ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งการค้นพบนี้มีขึ้นขณะทำการพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นสถานตากอากาศสุดหรู ส่วนภาชนะที่เรียกว่าอัมฟอรานั้น มีลักษณะคล้ายขวดหรือโถที่มีหูจับ 2 ข้างซึ่งชาวโรมันโบราณใช้ในการบรรจุของเหลวต่างๆ ตั้งแต่ ไวน์ ไปจนถึงน้ำมันมะกอก สำหรับการขนย้าย การค้นพบเหรียญทองคำก่อนหน้านี้คือย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 นักดำน้ำสมัครเล่นชาวอิสราเอล พบเหรียญทองคำเก่าแก่ อายุราว 1,000 ปี จำนวนกว่า 2,000 เหรียญ น้ำหนักรวมประมาณ 8 กก. จากการดำน้ำสำรวจหลายครั้งบริเวณฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในเมืองซีซาเรีย ทางตะวันออกของอิสราเอล สำนักงานโบราณวัตถุแห่งอิสราเอล ตรวจสอบแล้วพบว่าเหรียญทองคำดังกล่าวผลิตขึ้นในยุคคอลิฟะอัล-คิม แห่งราชวงศ์อิสลามฟาติมิดซึ่งปกครองดินแดนแถบตะวันออกกลางประมาณศตวรรษที่ 11 และเมื่อนำเหรียญมาเทียบกับมูลค่าทองในปัจจุบันคิดเป็นเงินได้ราว 240,000 แสนดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 7.68 ล้านบาท แต่มูลค่าทางประวัติศาสตร์มีมากจนไม่อาจประเมินได้ขยับขึ้นมาอีกปีคือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2016 ครอบครัวนักประดาน้ำชาวรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ได้พบสมบัตรล้ำค่าในเรือที่อับปางสู่ใต้มหาสมุทร เป็นเหรียญทองคำ 51 เหรียญ สายสร้อยทองคำทำยาว 40 ฟุต และเหรียญทองคำรอแยล(Royal) คาดว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายกษัตริย์ฟิลลิปที่ 5 แห่งสเปน ที่น่าเหลือเชื่อคือพวกเขาพบเรือนี้จมอยู่ในระดับน้ำลึกแค่ 15 ฟุตเท่านั้น กองเรือ “1715 Fleet -Queen Jewels LLC”ของสหรัฐ ตรวจแล้วยืนยันว่าเรือลำนี้เป็น 1 ใน 11 ลำ ที่อับปางลงเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1715 หรือกว่า 300 ปีมาแล้วด้วยฤทธิ์พายุเฮอริเคน ขณะแล่นจากกรุงฮาวานา คิวบา มุ่งสู่สเปน วันนี้เราไม่ได้ใช้เหรียญทองคำในการแลกเปลี่ยนแล้ว แต่เหรียญทองคำได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนและกำลังจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในต่างประเทศรวมถึงนิยมลงทุนทองคำในไทยด้วยเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

25/10/2561

อู่ทอง เมืองแห่งทองคำ


เมืองโบราณ “อู่ทอง” ไม่ใช่ชื่อที่ตั้งขึ้นลอยๆแต่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าที่แห่งนี้เป็น CITY OF GOLD หรือเมืองแห่งทองจริงๆ เมื่อมีการค้นพบทองคำจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วเมือง ทั้งเศียรพระพุทธรูปทองคำเครื่องประดับทองคำต่างๆเช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู กำไลต้นแขน รวมถึงการพบเบ้าหลอมทำต่างหูทองคำอีกด้วย เครื่องทองโบราณที่พบที่อู่ทองนี้ส่วนใหญ่ได้มาจากการปรับพื้นที่ทำการเกษตรของชาวไร่ชาวนา ทองจำนวนหนึ่งอยู่ในความครอบครองของคนอู่ทอง บางส่วนถูกคนนำไปหลอมทำเครื่องประดับใหม่ ส่วนทองโบราณอีกจำนวนหนึ่งถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.ผู้รับผิดชอบการพัฒนาพื้นที่เมืองโบราณอู่ทองได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ เชิงลึกทางวิทยาศาสตร์ว่า “ทองคำโบราณ” ที่ “เมืองโบราณอู่ทอง” มีความเป็นมาอย่างไร โดยเชิญ ดร.แอนนา เบนเน็ตต์ นักวิทยาศาสตร์โบราณคดีที่มีผลงานวิชาการด้านการวิเคราะห์โลหะโบราณของสถาบันและพิพิธภัณฑ์ชั้นนำทั่วโลกมาเป็นผู้ศึกษาวิเคราะห์ และถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ที่มีการศึกษาในลักษณะนี้ในการสืบค้นต้นตอที่มาของทองคำโบราณ ดร.แอนนาใช้วิธีการวิทยาศาสตร์และเครื่องไมโครสโคป เครื่องไมโครโฟโต้กราฟฟี่ และ เครื่องเอ็กซ์เรย์ ฟลูออเรสเซนต์ ที่นำมาจากบรัซเซลส์ เป็นเครื่องมือในการศึกษา โดยใช้วิธีวิเคราะห์ที่ผิวนอกไม่ใช่เนื้อในเพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายให้กับวัตถุโบราณต่างๆ ซึ่งกล้องไมโครโฟโตกราฟฟี่สามารถขยายวัตถุขนาดเล็กๆให้เห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจนจนสามารถบอกส่วนประกอบ วิธีทำ และอายุได้อย่างแม่นยำผลจากการศึกษาพบว่า ภูมิภาคนี้โดยเฉพาะประเทศไทย มีความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้าในการนำทองคำมาประดิษฐ์สร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว มีความหลากหลายของชนิดและรูปแบบ ทองที่นำมาทำเป็นทองที่ร่อนได้จากแม่น้ำแล้วนำมาประกอบเป็นทองรูปพรรณ การผลิตเป็นการหลอมเป็นเม็ดทองเล็กๆ แปะติดกันโดยใช้ความร้อนและไม่ใช้น้ำยาเชื่อมประสาน ซึ่งเป็นเทคนิคเก่าแก่ ที่คนอิตาลีใช้กันมานาน สันนิษฐานว่าได้เทคนิคนี้ผ่านมาทางอินเดียหรืออาหรับ นอกจากเครื่องประดับแล้วก็ยังพบพระพุทธรูปทองและจี้ที่มีลักษณะพิเศษคล้ายธรรมจักรในพุทธศาสนา อันอาจเป็นการสนับสนุนสมมุติฐานเดิมที่ว่าดินแดนแห่งนี้คือต้นกำเนิดของอาณาจักรสุวรรณภูมิ ที่พัฒนาต่อมาจนกลายเป็นทวารดีซึ่งเป็นต้นทางของอารยะธรรมไทยในปัจจุบันการค้นพบทองโบราณที่เมืองโบราณอู่ทองยังทำให้พบข้อมูลสำคัญที่สามารถเชื่อมต่อประวัติศาสตร์ที่หายไปและข้อสงสัยต่างๆได้ว่า เมืองอู่ทองนี้มีพัฒนาการของบ้านเมืองมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 2-3 ซึ่งสอดคล้องกับแผ่นดินสุวรรณภูมิ มีนักเดินทาง พ่อค้า ผู้คนมากมาย เป็นศูนย์กลางการติดต่อค้าขายจากทั่วโลก ทั้งจีน อินเดีย อาหรับ และโรมัน รวมถึงเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาอีกด้วย จากการศึกษาพบเป็นทองร่อนจากแม่น้ำแล้วนำมาประกอบเป็นทองรูปพรรณ แล้วยังมีสร้อยทองชิ้นหนึ่งที่เคยสรุปไว้ว่าทำด้วยเบ้าหลอม แต่ผลศึกษาครั้งนี้ไม่ใช่ เป็นการหลอมเป็นเม็ดทองเล็กๆ แปะติดโดยไม่ใช้น้ำยาเชื่อมประสาน ใช้ความร้อน เป็นเทคนิคเก่าแก่ ที่บรรพบุรุษคนอิตาลีใช้ สันนิษฐานว่าจะผ่านมาทางอินเดียหรืออาหรับ ตลอดจนเศียรพระพุทธรูปทอง และส่วนเท้า มีการนำทองจากคนละแหล่งมาผลิตทองโบราณอู่ทองเป็นการค้นคว้าวิจัยครั้งแรกๆ ของเอเชียอาคเนย์ ที่ผ่านมามีการศึกษาลักษณะนี้น้อยมาก ข้อมูลการศึกษาที่ได้ไม่ใช่แค่รูปทรง เทคนิคการผลิต หรือเนื้อทอง แต่เป็นประโยชน์ด้านการศึกษาเครื่องประดับโบราณและเทคโนโลยีโบราณ จะสร้างการรับรู้แดนทองของไทย ช่วยเพิ่มนักท่องเที่ยวและนักโบราณคดีเดินทางมาไทยมากขึ้นนอกจากศึกษาเครื่องประดับทองคำ เศียรพระพุทธรูปทองคำที่พบในแหล่งขุดแต่งโบราณสถาน ได้สำรวจภาพประติมากรรมนูนสูงประดับตามโบราณสถานเมืองอู่ทอง ดูสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู กำไลต้นแขน รวมถึงการพบเบ้าหลอมทำต่างหูทองคำ ยังไม่รวมโบราณสถานกว่า 60 แห่ง กว่าครึ่งเป็นวัด ศาสนสถาน ทำให้ตนนึกถึงจารึกแผ่นทองแดงอินเดียโบราณกล่าวถึงเมืองหนึ่งในเอเชียอาคเนย์สมัยโบราณ มีสถูปมากมาย มีลูกปัดหินสี สร้อยทอง แล้วยังพบหลักฐานอู่ทองเชื่อมต่อโลกตะวันออกและตะวันตก ทั้งเหรียญที่มีรูปเรือซึ่งใช้ในอินเดีย ในอินเดียมีจารึกไว้ว่า กองเรือ 500 ลำมาหาทองที่ดินแดนสุวรรณภูมิ แล้วยังมีเหรียญโรมัน จี้ทองโรมัน ส่วนบรรพบุรุษคนอู่ทองไม่ได้อพยพมาจากไหน มีคนตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่แรกอพท.ตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญเกี่ยวกับอารยธรรมทวารวดีและต้นกำเนิดสุวรรณภูมิประวัติศาสตร์โบราณคดีเมืองโบราณอู่ทองมีคุณค่า ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติผลศึกษาพบว่า ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าในการนำทองคำมาประดิษฐ์สร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับมาแล้วไม่น้อยกว่า 2,000 ปี เฉพาะที่อู่ทองมีความหลากหลาย นอกจากพระพุทธรูปทองคำแล้ว ยังพบจี้ที่มีลักษณะพิเศษคล้ายธรรมจักรในพระพุทธศาสนา สนับสนุนสมมติฐานการเป็นดินแดนสุวรรณภูมิของอาณาบริเวณนี้ และพัฒนาต่อเป็นอารยธรรมทวารวดี ถือเป็นต้นทางอารยธรรมไทยทุกวันนี้ ข้อมูลที่ได้มาถือเป็นฐานความรู้สำคัญพัฒนาเมืองโบราณอู่ทองเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

25/10/2561

เครื่องประดับทองโบราณ งานศิลป์ชั้นสูงของไทย


จากสมัยสุโขทัย อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร์ เครื่องประดับทองโบราณของไทยถือเป็นงานศิลป์ชั้นสูงที่ผ่านการเดินทางมา กว่าพันปี เป็นสมบัติล้ำค่าที่บ่งบอกเอกลักษณ์และความรุ่งเรืองของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันในอดีตนั้น เครื่องประดับทองเป็นของมีราคาแพง จะใช้กันเฉพาะในราชสำนักและชนชั้นสูงเท่านั้น เพราะเป็นงานประณีตศิลป์ที่ต้องอาศัยความละเอียดในการทำซึ่งมีแต่ช่างทองหลวงในวังเท่านั้นที่ทำได้ อีกทั้งยังเชื่อกันว่าเครื่องทองเป็นของสูงชาวบ้านทั่วไปจึงไม่ใส่เครื่องประดับทอง แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป มุมมองที่ของชาวบ้านที่มีต่อเครื่องประดับทองก็เปลี่ยนไป และราคาทำคำก็มีมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลก เครื่องประดับทองจึงกลายเป็นของที่สามารถซื้อหามาสวมใส่ได้ทั่วไปเพื่อแสดงสถานะทางสังคมอย่างไรก็ตามเครื่องประดับทองโบราณของไทยก็มีลวดลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้จะต่างกันบ้างตามยุคสมัยแต่วัตถุประสงค์และการใช้ไม่ต่างกัน เพราะเครื่องประดับทองบางชิ้นจะใช้ในโอกาสที่แต่งชุดชุดไทยเท่านั้นอย่างได้แก่ ปิ่นปักผมปิ่นเป็นเครื่องประดับของสตรีล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ หัวปิ่นอาจทำด้วยพลอยสีแก้ว ทองเหลือง เงิน ทองคำ แล้วแต่ฐานะความเป็นอยู่ โดยปิ่นปักผมนั้นคนเหนือเดิมเรียกว่าหย่อง เวลาใช้จะมีสายเชือกมัดปลายผมแล้วเสียบตัวปิ่นเข้าไปในมวย การใช้ปิ่นปักผมมีมาต่อเนื่องจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์แต่รูปแบบเปลี่ยนแปลงไปตามสมัยนิยมของแต่ละสมัยสังวาล เป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกฐานะของผู้สวมใส่ ใช้ใส่เฉลียงพาดลำตัวเป็นทางเดียวกับสไบ นิยมใส่สังวาลทับกันสองเส้น และใส่ทุกครั้งที่ห่มสไบ นอกจากเป็นเครื่องประดับบอกฐานะแล้วยังช่วยทับสไบไม่ให้ปลิวอีกด้วยทับทรวง คือ เครื่องประดับชนิดหนึ่ง เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ประดับด้วยเพชร พลอย ติดอยู่ตรงที่ไขว้สังวาลสะพายแล่งทับหน้าอก หรือห้อยกับสายสร้อย บางครั้งเรียก ตาบหน้า หรือ ตาบทับ รูปทรงดัดแปลงมาจากลายประจำยาม ตรงกลางยกสูงประดับพลอย ทับทรวง มี 2 ชนิดคือ จี้ตัวเมีย มีขนาดใหญ่และมีตุ้งติ้งห้อยตรงส่วนปลายของจี้ กับจี้ตัวผู้ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าจี้ตัวเมียและไม่มีตุ้งติ้งห้อยตรงส่วนปลายของจี้ปั้นเหน่ง หรือเข็มขัดทองคำถักลายแน่นทั้งเส้น ปั้นเหน่งแบบไทยนั้นเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย สำหรับบุรุษและสตรีที่นุ่งผ้ายาวหรือโจงกระเบนยาว หลังจับชายผ้าเหน็บที่เอวให้กระชับแล้วจึงมักคาดทับด้วยเข็มขัดเส้นเรียบๆ ที่มีหัวเข็มขัดเป็นรูปกลมและรูปรีเมื่อคาดประกอบแล้วจะดูคล้ายกับผูกเชือกรอบเอว นอกจากนี้ยังมี ต่างหูปะวะหล่ำ สร้อยคอแบบยาวนั้นเป็นที่นิยมกันมากในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น กำไลข้อมือ แหวนทองคำทรงมณฑปหัวแหวนประดับด้วยอัญมณีขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยเพชรและพลอยเป็นบริวาร เครื่องประดับทองคำโบราณเหล่านี้ยังหาซื้อได้ตามร้านทองทั่วไปหรือร้านทองโบราณหรือสามารถสั่งทำเป็นการเฉพาะก็ได้ เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

25/10/2561

เปิดร้านทองโบราณต้องทำอย่างไร


เครื่องทองโบราณ เป็นเครื่องประดับที่ทำจากทองคำ 99.99% เป็นงานฝีมือที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์แบบไทยโบราณ ผู้ประกอบการที่ต้องการจะเป็นเจ้าของธุรกิจร้านเครื่องทองโบราณ นอกจากต้องมีใจรักและมีความเชี่ยวชาญในงานฝีมือที่เป็นมรดกตกทอดแต่มาแต่ครั้งโบราณแล้ว ยังต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องอีกด้วยเพื่อให้ธุรกิจร้านทองโบราณดำเนินไปอย่างถูกต้อง และความสำเร็จทางธุรกิจในการดำเนินธุรกิจการเริ่มต้นธุรกิจร้านทองโบราณ ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มประกอบกิจการ จากนั้นยื่นขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรกับกรมสรรพากร เพื่อใช้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและการชำระภาษีต่างๆที่เกี่ยวข้อง ผู้ผลิตร้านทองโบราณ มีภาษีที่เกี่ยวข้อง2 ประเภทคือ ภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อผู้ประกอบการต้องซื้อวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่งหรืออุปกรณ์ต่างๆซึ่งราคาของมักบวกภาษีมูลค่าเพิ่มมาแล้ว และภาษีหัก ณ ที่จ่าย เมื่อต้องจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง และสวัสดิการให้กับพนักงาน ลูกจ้างหรือคนงาน และต้องจัดทำรายงานภาษีขายเพื่อบันทึกจำนวนยอดขายสินค้าและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้เรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าในแต่ละวันเพื่อยื่นแสดงกับกรมสรรพากร นอกจากนี้ผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าทองคำเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องทองโบราณจะต้องยื่นเรื่องขออนุญาตนำเข้าทองคำจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และลงทะเบียนเป็น ผู้ผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์กับกรมศุลกากรเสียก่อน เมื่อมีรายได้จากการจำหน่ายเครื่องทองโบราณ ผู้ประกอบการร้านทองโบราณต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีพร้อมเสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านทองโบราณ ได้แก่ • ภาษีเงินได้ เมื่อมีรายได้การขายผลิตภัณฑ์เครื่องทองโบราณ ทั้งขายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่ต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานในกระบวนการผลิตเครื่องทองโบราณ • ภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับผู้ประกอบการที่ขายสินค้าจนมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยคำนวณ ภาษีที่ต้องเสียจาก ภาษีขาย หักด้วยภาษีซื้อ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านทองโบราณสามารถยื่นแบบแสดงรายการเพื่อ เสียภาษีกรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาใน เขตท้องที่ที่ร้านตั้งอยู่เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

17/10/2561

แหล่งแร่ทองคำใหม่ๆในทวีปแอฟริกา


ทวีปแอฟริกา มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ภูมิอากาศแห้งแล้ง และเป็นทะเลทรายส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรคาอนข้างยากลำบาก แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเพราะดินแดนแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและสินแร่มีค่าอย่างเช่นเพชร และทองคำ จำนวนมากทวีปแอฟริกา มีแร่ทองคำมากเป็นอันดับสองรองลงมาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีปริมาณแร่ทองคำประมาณ 841.7 ล้านออนซ์ จากแหล่งแร่ทองคำ 109 แห่ง แต่ถ้าพิจารณาในเชิงคุณภาพจะพบว่า แหล่งแร่ทองคำของแอฟริกา มีคุณภาพหรือเกรดสูงกว่าในภูมิภาคอื่นของโลก โดยมีคุณภาพเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.87 กรัมต่อตัน (แหล่งแร่ทองคำ 580 แหล่งทั่วโลก มีคุณภาพทองคำเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.01 กรัมต่อตัน) นอกจากมีแหล่งแร่ทองคำคุณภาพดีแล้ว ทวีปแอฟริกายังมีแหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดและมีประวัติการทำเหมืองแร่ที่ยาวนานที่สุดในโลกอีกด้วย ที่แหล่งแร่ทองคำที่อยู่ในแอ่งที่ราบวิตวอเตอร์สแรนด์(Witwatersrand Basin) ในประเทศแอฟริกาใต้โดยมีการทำเหมืองแร่ทองคำมาแล้วกว่า 100 ปี และถึงแม้ว่าจะมีการทำเหมืองแร่ทองคำมาอย่างยาวนานแต่ทุกวันนี้ก็ยังมีการค้นพบแหล่งแร่ทองคำใหม่ๆในอีกหลายประเทศ เช่นการค้นพบแหล่งแร่ทองคำบริเวณทะเลทรายซาฮารา ในประเทศมอริเตเนียและรัฐบาลของมอริเตเนียได้อนุญาตให้ประชาชนสามารถเข้าไปขุดหาทองคำในบริเวณดังกล่าวได้ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ตื่นทองยุคใหม่ขึ้น เพราะทองคำที่ขุดได้สามารถขายได้ถึงราคากรัมละราว 1,300 บาท ที่ประเทศเคนยา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 ได้มีการเปิดเผยการสำรวจพบแหล่งสำรองทองคำมูลค่ากว่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเมืองKakamegaทางทิศตะวันตกของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าเคนยามีแหล่งสำรองแร่ทองคำและแร่มีค่าอื่น ๆในปริมาณมหาศาลเช่นเดียวกับในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น แทนซาเนีย และยูกันดา การค้นพบแหล่งสำรองทองคำนี้ทำให้เชื่อได้ว่าKakamega น่าจะมีแหล่งสำรองสินแร่ทองคำอย่างน้อย1.31 ล้านออนซ์หรือมีสินแร่ทองคำ 12.1 กรัมต่อหินน้ำหนัก 1 ตัน ซึ่งเป็นการค้นพบสินแร่ทองคำที่มีสัดส่วนทองคำในหินสูงที่สุดในทวีป และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้อย่าง ในทันที แต่คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกราว 3 ปีในการสำรวจเพื่อทำแผนที่แหล่งสำรองสินแร่ทองคำอย่างสมบูรณ์ต่อไป การสำรวจพบนี้ดำเนินการโดยบรรษัทAcacia Miningของสหราชอาณาจักรที่ได้รับสัมปทานในการสำรวจและขุดค้นสินแร่ทองคำรวมถึงสินแร่อื่น ๆ ในเคนยา แทนซาเนีย มาลี และเบอร์กินาฟาโซเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

17/10/2561

ซื้อขายทองคำ Shanghai Gold Exchange (SGE)


หลายปีที่ผ่านมาเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีความต้องการทองคำสูงที่สุดคิดเป็นสัดส่วนถึง 76% ของปริมาณความต้องการทองคำของโลก เฉพาะจีนประเทศเดียวก็มีปริมาณความต้องการทองคำคิดเป็นกว่าหนึ่งในสามของตลาดโลกแล้ว และเมื่อธนาคารกลางจีนจัดตั้งศูนย์ซื้อขายทองคำ Shanghai Gold Exchange หรือ SGE เมื่อปี 2002 การพัฒนาตลาดซื้อขายทองคำของประเทศจีน ก็ถูกจับตามมองนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาในช่วงแรกศูนย์ซื้อขายทองคำ Shanghai Gold Exchange (SGE) เปิดให้ภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการเงินเท่านั้นที่สามารถซื้อขายทองคำแบบแบบส่งมอบทันที (Spot) และซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold futures)ได้ ก่อนจะเปิดเสรีให้แก่ประชาชนทั่วไปซื้อขายทองคำแท่งเพื่อการลงทุนได้ในปี 2007 เพื่อรองรับการซื้อขายทองคำในประเทศ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากทองคำแล้ว SGE ยังเปิดให้มีการซื้อขายโลหะมีค่าอีกหลายประเภท เช่น เงิน แพลตตินั่ม เป็นต้น แต่ทองคำเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีการซื้อขายในหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่ผู้ลงทุนต้องมีทองคำหรือมีเงินเต็มจำนวนก่อนการซื้อขาย (Gold Spot T+0) และแบบที่ผู้ซื้อผู้ขายสามารถใช้เงินวางประกันเพียงร้อยละ 20 และจะต้องมีการรับมอบทองคำและจ่ายเงินค่าซื้อทองคำกันภายในวันที่มีการซื้อขายเท่านั้น (T+2)นอกจากนี้ ยังมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบที่เรียกว่า Deferred Gold Contract เป็นการซื้อขายทองคำที่ไม่ต้องวางเงินเต็มทั้งจำนวนก่อนซื้อขาย และให้โอกาสผู้ลงทุนในการเลื่อนการส่งมอบรับมอบทองคำได้ตามที่ผู้ลงทุนต้องการ โดยจะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ SGE ยังมีการซื้อขายสินค้าที่เป็น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่(Forward)สัญญาแลกเปลี่ยน(Swap) และสิทธิที่จะซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Options) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคธนาคารและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในการซื้อขายรวมถึงธุรกรรมการให้ยืมทองคำอีกด้วย ปัจจุบัน SGE เปิดกระดานซื้อขายที่เรียกว่า International Board ที่ให้เฉพาะผู้ลงทุนจากต่างชาติเข้าทำการซื้อขายได้ เพื่อรองรับนโยบายด้านต่างประเทศของจีนและเป็นการสนับสนุนการทำธุรกรรมทองคำของจีนให้มีบทบาทมากขึ้นในตลาดโลก ก่อนหน้านี้ตลาดที่มีการซื้อขายทองคำระหว่างประเทศที่สำคัญของโลกมี 2 แห่งคือ Commodity Exchange, Inc (COMEX) ที่นิวยอร์ก และ London Metal Exchange (LME) ที่ลอนดอน และ Shanghai Gold Exchange (SGE) ซึ่งเป็นองค์กรแลกเปลี่ยนซื้อขายทองคำแบบการรับมอบและส่งมอบทองคำจริง (physical gold) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังจะกลายเป็นตลาดซื้อขายทองคำระหว่างประเทศที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลกเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

17/10/2561

มาตรฐานเหมืองแร่ทองคำ


ทองคำที่มีการซื้อขายกันระหว่างประเทศจะต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองไปยังแหล่งกำเนิดหรือเหมืองแร่ทองคำเหล่านั้นว่าการประกอบกิจการได้มาตรฐานตามที่กำหนด รวมถึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน หรือไม่ ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานจัดทำมาตรฐานหรือข้อแนะนำ เกี่ยวกับการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำในระดับสากลเอาไว้หลายสถาบันได้แก่ 1. มาตรฐานของ London Bullion Market Association (LBMA) ซึ่งดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ สมาชิกส่วนใหญ่เป็นธนาคารระหว่างประเทศรายใหญ่หรือตัวแทนจำหน่าย เช่น LBMA Responsible Gold Guidance 2 (คำแนะนำผู้ผลิตที่รับผิดขอบต่อสังคม)เป็นต้น 2. ข้อแนะนำของ Organization for Economic Co-operation andDevelopment (OECD) หรือองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี เป็นองค์กรระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และยอมรับระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจการค้าเสรีในการร่วมกันและพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคยุโรปและโลกเช่น OECD Due Diligence Guidance for Responsible supply Chains of Minerals from Conflict-Affected and High-Risk Areas3 เป็นต้น 3. มาตรฐานของ World Gold Council หรือสภาทองคำโลก องค์กรพัฒนาตลาดสำหรับอุตสาหกรรมทองคำ เช่น Conflict-Free Gold Standard เป็นต้น 4. ข้อแนะนำของ International Council on Mining & Metals (ICMM) หรือ สภาระหว่างประเทศเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่และโลหะ (ICMM) ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และโลหะ เช่น ICMM Good Practice Guidance for Mining and Biodiversity5 และ ICMM Indigenous Peoples and Mining Good Practice Guide6 เป็นต้นทั้งนี้ เนื่องจากทองคำเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง ดังนั้น ทองคำที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศจึงต้องมีการตรวจสอบและรับรองโดยหน่วยงานที่ได้รับความน่าเชื่อถือ เช่น Perth Mint Gold Certificates ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐบาล Western Australia, LBMA Good Delivery Lists ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการได้รับการรับรองจำนวนทั้งสิ้น 70 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์และอินโดนีเซียด้วย ในส่วนของอุตสาหกรรมเครื่องประดับนั้นต้องผ่านการรับรองของ Responsible Jewellery Council Chain-of-Custody certification ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ถูกตั้งขึ้นในปี 2555 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบและรับรองแหล่งกำเนิดที่มีความรับผิดชอบสาหรับอุตสาหกรรมเครื่องประดับเป็นการเฉพาะเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

17/10/2561

เทคโนโยลีใหม่ในการทำเหมืองทองคำ


การทำเหมืองทองคำในยุคปัจจุบัน การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่การต่อสู้แย่งชิงแหล่งแร่ทองคำเหมือนในอดีต แต่คือการแข่งขันกันด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการผลิต เพื่อให้สามารถขุดทองคำขึ้นมาจากพื้นดินได้เร็วและถูกที่สุด ใครทำได้คือผู้ชนะกระบวนการทำเหมืองทองทั่วๆไปการนำแร่ออกมาจากพื้นดิน จะทำได้สองแบบคือการทำเหมืองเปิดคือการเปิดหน้าดินที่คลุมแร่ออก และการทำเหมืองใต้ดิน คือการขุดอุโมงค์ลึกลงไปในดินแล้วทยอยขนดิน หิน แร่ ขึ้นมาจากพื้นดิน จากนั้นจึงส่งเข้าสู่กระบวนการแยกแร่ เพื่อแยกหินและแร่อื่นๆออกด้วยการบดให้มีขนาดเล็กลงแล้วนำไปคัดแยกทองออกด้วยกระบวนการทางเคมีเพื่อให้ได้แร่ทองคำ ซึ่งก่อนที่ทองเหล่านี้จะถูกทำให้บริสุทธิ์ต้องขนถ่ายไปสู่กระบวนการแยกแร่ด้วยไฟฟ้าซึ่งโรงงานอยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ เหล่านี้เป็นกระบวนการที่ใช้กันทั่วโลกและเป็นกระบวนการผลิตที่สร้างสิ่งสกปรกเหลือใช้ถึง75%ของทองคำนักวิทยาศาสตร์ชาวแอฟริกาใต้ของบริษัทฮาร์โมนี โกลด์ จำกัด ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ 5 ของโลกและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของแอฟริกาใต้ ได้พัฒนากระบวนการทางเคมีเพื่อให้สามารถผลิตทองคำได้ครบทุกขั้นตอนภายในเหมือง ตั้งแต่การดึงแร่ออกจากพื้นดิน การทำแร่ทองให้บริสุทธิ์จนถึงการผลิตเป็นทองคำแท่ง ซึ่งเหมืองทองคำของฮาร์โมนีโกลด์ถือเป็นเหมืองทองคำแห่งแรกที่นำเทคโนโลยีใหม่นี้มาใช้ ขั้นตอนการผลิตทองคำด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้เริ่มจากการนำทองคำที่ได้จาการแยกแร่ซึ่งเป็นทองที่ยังไม่บริสุทธิ์ มาทำละลายด้วยสารละลายที่ผสมระหว่างกรดไนตริกและกรดไฮโดรคลอริก จากนั้นจึงผสมลงในพาราฟิน เพื่อทำให้ทองคำแยกชั้นออกจากสิ่งเจือปน จากนั้นพาราฟินถูกนำไปผสมกับน้ำบริสุทธิ์ ทำให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จนได้ผงทองคำบริสุทธิ์ในที่สุด ทองคำบริสุทธิ์99.99%นี้จะถูกนำไปหลอมละลาย เทลงแม่พิมเพื่อทำเป็นทองคำแท่งต่อไปกระบวนการนี้ถูกกว่าและเร็วกว่าวิธีการที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งคนงานเหมืองก็มีความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้น ผลดีที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งคือ มีการสร้างงานใหม่มากขึ้น มีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นจากการผลิตเครื่องประดับทองคำเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทองคำสามารถผลิตได้ในเหมือง ทำให้พวกเขาสามารถสร้างโรงงานผลิตเครื่องประดับได้ในบริเวณใกล้ๆกัน บริษัทฮาร์โมนีโกลด์ ดำเนินธุรกิจในแอฟริกาใต้และปาปัวนิวกีนี มีเหมืองทองคำใต้ดิน 9 เหมือง และเหมืองเปิดอีกหลายแห่งในแอฟริกาใต้ และปาปัวนิวกีนี ปี 2017 สามารถผลิตทองคำได้ 1.18 ล้านออนซ์ และจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนปี 2018 การผลิตทองคำของบริษัทฮาร์โมนีโกล์ดอยู่ที่ 1.228 ล้านออนซ์ และตั้งเป้าว่าจะสามารถผลิตทองคำได้เกินเป้าหมายการผลิตประจำปีประมาณ 4% เมื่อถึงสิ้นปีเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

17/10/2561

มัณฑะเลย์ ศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับทอง


ถ้าเมืองจันทบุรีคือศูนย์กลางการค้าขายพลอย และเครื่องประดับอัญมณีของไทย เมืองมัณฑะเลย์ก็คือแหล่งค้าขายอัญมณีที่สำคัญของเมียนมาเช่นกัน รวมไปถึงเครื่องประดับทองทั้งทองคำรูปพรรณ และทองคำประดับอัญมณีอีกด้วย มัณฑะเลย์เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของพม่า รองจากย่างกุ้ง พ่อค้าชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยเดินทางเข้าไปซื้ออัญมณีในเมืองมัณฑะเลย์ เพราะมี สนามบินนานาชาติ และยังเป็นจุดแวะพัก สำหรับเดินทางไปซื้อพลอยสีต่อที่เมืองโมกกซึ่งสามารถเดินทางไปกลับภายในหนึ่งวันได้อีกด้วย มัณฑเลย์จึงได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้า การผลิตอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของพม่าตอนเหนือผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในเมืองมัณฑะเลย์ทำธุรกิจเจียระไนหยก และเครื่องประดับทองทั้งทองคำรูปพรรณและทองคำประดับอัญมณี ตลาด Maha Aung Myay Kyuak Myat ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการซื้อขายหยกที่สำคัญแห่งเดียวในเมืองนี้ มีพ่อค้ามาค้าขาย และรับซื้อหยกกันอย่างคับคั่ง ภายในบริเวณตลาดยังมีช่างท้องถิ่นชาวเมียนมารับจ้างเจียระไนหยก โดยใช้เครื่องมือเจียระไนแบบดั้งเดิมส่วนเครื่องประดับทอง ส่วนใหญ่ขายอยู่ในร้านค้าปลีกท้องถิ่นที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมถนนสายสำคัญๆหรือย่านการค้าต่างๆ เช่น ริมถนนสาย 84 ตัดถนนสาย 26 บริเวณใกล้เคียงกับ Zegyo Market ซึ่งเป็นตลาดท้องถิ่น สินค้าที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมนี้ส่วนมากเป็นเครื่องประดับทองรูปพรรณ 22-24 กะรัต เครื่องประดับทองขาวหรือทองสีเหลืองและสีขาวสลับเป็นลวดลายสไตล์อิตาลี 18 กะรัต และเครื่องประดับเพชร เครื่องประดับทองตกแต่งคิวบิคเซอร์โคเนีย ส่วนเครื่องประดับทองตกแต่งด้วยอัญมณีอื่นๆเช่นหยก พลอยสี ไข่มุก รวมถึงทองคำแท่งก็มีอยู่บ้างในบางร้านแต่มีสัดส่วนการจำหน่ายที่น้อยกว่า ชาวเมียนมาส่วนใหญ่นิยมสวมใส่ทองรูปพรรณเพื่อเป็นเครื่องประดับและถือเป็นการสะสมทรัพย์สินแบบหนึ่ง ขณะที่คนที่มีฐานะร่ำรวยจะชื่นชอบเครื่องประดับเพชรเพื่อแสดงฐานะทางสังคมมากกว่า สำหรับเครื่องประดับทองและทองคำแท่งที่วางขายในร้านค้าปลีกต่างๆ ผลิตขึ้นเองโดยช่างฝีมือของแต่ละร้านซึ่งเป็นชาวเมียนมาทั้งหมด รูปแบบเครื่องประดับเรียบง่ายค่อนข้างคล้ายคลึงกันเกือบทุกร้าน เว้นเพียงเครื่องประดับทองขาว 18 กะรัต ที่ทุกร้านจะนำเข้ามาจากฮ่องกงผ่านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้นส่วนบริเวณริมถนนสาย 78 ใกล้กับห้างสรรพสินค้า Diamond Plaza ใจกลางเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งถือเป็นย่านที่เจริญที่สุดของเมือง มีร้านค้าปลีกเครื่องประดับที่ดูทันสมัยมากขึ้น เน้นกลุ่มลูกค้ามีฐานะดี นักธุรกิจหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ สินค้า รูปแบบของเครื่องประดับที่จำหน่ายส่วนใหญ่จึงมีดีไซน์ที่ร่วมสมัยและดูหรูหรามากขึ้น เช่นเครื่องประดับทอง 18 กะรัต ทั้งตกแต่งและไม่ตกแต่งอัญมณี และเครื่องประดับเพชร และเครื่องประดับเพชรตกแต่งไข่มุกหรือพลอยสีเป็นต้นเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

17/10/2561

เมียนกับการค้าทองคำยุคใหม่


เมื่อปลายเดือนกันยายน 2018 รัฐบาลเมียนมาได้เปิดศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (one stop service center) ในกรุงย่างกุ้ง เพื่อเชื่อมโยงตลาดทองคำของเมียนมาเข้ากับตลาดทองคำโลก โดยมีเป้าหมายที่จะให้บริการด้านการจัดหาอัญมณีและเครื่องประดับอื่นๆที่ผลิตจากทองคำของเมียนมา และนำเข้าเครื่องประดับจากต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ยุคใหม่ของการค้าทองคำในเมียนมาอย่างแท้จริงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตลาดทองคำในเมียนมาได้รับการพัฒนาขึ้นตามลำดับ จนมาถึงเดือนมกราคม 2018 กระทรวงพาณิชย์เมียนมาได้ประกาศให้มีการเปิดการค้าทองคำ เสรี และต่อมาในเดือนกันยายนก็ได้อนุญาตให้มีการส่งออกและนำเข้าทองคำได้โดยเสรี การเปิดศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (one stop service center)ของเมียนมาช่วยให้ขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆในการซื้อขายทองคำคล่องตัวขึ้น ใช้เวลาสั้นลง โดยราคาทองที่ศูนย์บริการนี้จะอ้างอิงทั้งราคาทองคำในตลาดโลกและราคาทองคำภายในประเทศ ผู้ประกอบการสามารถส่งออกทองคำเหล่าเข้าสู่ตลาดเซี่ยงไฮ้ ดูไบ และตลาดอื่นๆได้ ภายใต้แบรนด์และตราสัญลักษณ์ของเมียนมาเอง นับเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งออกทองคำเมียนมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างแท้จริงก่อนหน้านี้ตลาดการค้าขายทองคำเมียนมาไม่ได้อ้างอิงราคาตลาดตามมาตรฐานสากล ทำให้ราคาทองคำอาจจะต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาตลาดโลก และมีปัญหา เรื่องความบริสุทธิ์ของทองคำที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ของประเทศ เพราะขาดเกณฑ์มาตรฐานในการวัด ทำให้การนำเข้าหรือส่งออกเป็นเรื่องยาก และเป็นอุปสรรค ต่อการทำธุรกิจข้ามชาติ ดังนั้น การค้าขายทองคำในเมียนมาจึงเป็นเพียงสินค้าสำหรับคนมีฐานะในประเทศจะเก็บไว้เพื่อเป็นทุนสำรองส่วนตัวเท่านั้น เมียนมา เป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่ธาตุต่าง ๆ รวมทั้งทองคำ เหมืองทองคำของเมียนมาเป็นเหมืองขนาดใหญ่มีทั้งหมด 8 เหมือง และเหมืองขนาดเล็กอีกหลายร้อยเหมือง การทำเหมืองทั้งหมดเป็นไปในลักษณะของการร่วมทุนกับบริษัทเอกชนจากต่างประเทศเช่นจากจีน เกาหลีใต้ และไทย โดยการแบ่งปันผลประโยชน์กับรัฐในอัตราส่วน 30:70 เปอร์เซ็นต์ แม้จะเป็นประเทศที่มีแร่ทองคำในปริมาณมากแต่รัฐบาลเมียนมาไม่เคยประกาศตัวเลขทองคำสำรองของประเทศเลยว่ามีปริมาณเท่าไหร่ จนเมื่อสิ้นเดือนตุลาคม 2013 ธนาคารกลางพม่าได้ประกาศเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีว่า มีปริมาณทองคำสำรองเป็นจำนวน 7.1539 ตัน และมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวน US$ 8.1 พันล้าน ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศนั่นเองเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

17/10/2561

การซื้อ-ขายทองคำในสปป.ลาว


ในขณะที่ประเทศไทยมีคำสั่งยกเลิกสัมปทานเหมืองแร่ทองคำเนื่องจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แต่ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) รัฐบาลส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้าไปสำรวจและขุดค้นหาสินแร่ในโครงการเหมืองทองคำและอัญมณี ขนาดใหญ่ที่มีอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ เช่น โครงการขุดเจาะแร่ทองคำเซโปน เมือง วิละบูลี แขวงสะหวันนะเขต โครงการขุดเจาะแร่ทองคำพูเบี้ย แขวงเวียงจันทน์ และแขวงเชียงขวาง เป็นต้น โดยเป็นการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติและรัฐบาลสปป.ลาว ถือหุ้นร้อยละ 10ทองคำที่ขุดได้ในสปป.ลาว ส่วนใหญ่ส่งออกไปต่างประเทศ เนื่องจากจำนวนประชากรที่มีไม่มากและกำลังซื้อต่อปีไม่สูงนัก ตลาดส่งออกที่สำคัญคือ เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลียและสวิสเซอร์แลนด์ มูลค่าการส่งออกกว่า 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ ภายในประเทศมีขนาดเล็กกว่าและมีการแข่งขันสูงสำหรับการผลิตทองคำรูปพรรณและเครื่องประดับอัญมณีของสปป.ลาว มักทำเป็นอุตสาหกรรมภายครัวเรือน มีขนาดไม่ใหญ่มาก และกระบวนการผลิตเป็นในรูปแบบ Hand Made ถึง 98% กล่าวคือร้านใดจำหน่ายเครื่องประดับทองรูปพรรณ ก็จะมีช่างออกแบบและผลิตเครื่องประดับอยู่ในครอบครัวด้วย ร้านจำหน่ายทอง และเครื่องประดับ ในสปป.ลาว มีอยู่ทุกแขวง ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก จึงเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงมาก และอยู่ในระดับท้องถิ่น โดยแทบไม่มีการผลิตเพื่อป้อนร้านสาขาในต่างแขวง ซึ่งกลยุทธ์ที่ใช้ในการแข่งขันก็แตกต่างกันไป ตั้งแต่ด้านคุณภาพ บริการหลังการขาย และการการลดราคาเพื่อจูงใจผู้ซื้อ เป็นต้น ปัจจุบันคนลาวยังคงนิยมเครื่องประดับที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์แบบดั้งเดิม ของสปป.ลาว คือมีลวดลายที่โดดเด่น แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามวิถีชีวิตดั้งเดิม และกลิ่นอายของอารยธรรมล้านช้าง ทำให้การ ออกแบบเครื่องประดับเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ80 ยังคงเป็นลายแบบเดิมๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก อีกทั้งค่าแรงในการออกแบบเครื่องประดับใหม่ๆ ก็ยังไม่จูงใจมากพอ ซึ่งเครื่องประดับทองคำในลาวมีทั้งแบบ 18K และ 24K แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทองคำที่มีความบริสุทธิ์ประมาณ 98-99% มีสีเหลืองอมส้ม ใช้วิธีชั่งน้ำหนักเป็นบาท สลึง เช่นเดียวกับประเทศไทยในส่วนของการกำหนดราคาทองคำรูปพรรณ ก็จะอ้างอิงราคาตลาดโลก บวกค่ากำเหน็ดประมาณ 200-500 บาท ขึ้นอยู่กับลวดลาย การรับซื้อคืนจะมีส่วนต่างที่ประมาณ 800-1000 บาท ส่วนทองคำแท่งราคาขายออกและรับซื้อคืนจะต่างกันประมาณ 200-300 บาท ทองคำแท่งที่ขายตามร้านทองมีน้ำหนักตั้งแต่ 5 บาท ไปจนถึง 65.6 บาท(ประมาณ 1 กิโลกรัม) ถ้าได้มีโอกาสไปเยือนสปป.ลาว ลองหาโอกาสไปซื้อทองรูปพรรณที่ตลาดเช้าในนครหลวงเวียงจันทน์ดูก็ได้ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับทองคำและเงิน ของสปป.ลาวเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

17/10/2561

ลงทุนทองคำอย่างไร ให้เหมาะกับตัวเอง


ปัจจุบันการซื้อขายทองคำ เป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีวิธีการลงทุนหลายรูปแบบ ส่วนใครจะเลือกลงทุนแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับเงินทุน ภาวะราคาทองคำในตลาดและความชอบส่วนบุคคล ซึ่งรูปแบบการลงทุนทองคำในปัจจุบันนั้นมีหลายรูปแบบดังนี้1.การลงทุนทองรูปพรรณ คนทั่วไปที่มีรายได้ไม่มากนักมักจะนิยมลงทุนในทองรูปพรรณ เป็นการซื้อสะสมไปตามกำลังทรัพย์เพราะสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องประดับและแสดงฐานะทางสังคมได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถนำออกมาเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีที่ต้องการ ทั้งในภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงินหรือทองขึ้นราคา อาจถูกร้านทองหักราคาบ้างจากค่ากำเหน็จแต่ก็มีความสะดวกซื้อง่าย ขายคล่องเป็นอีกหนึ่งการออมที่ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง2.การลงทุนในทองคำแท่ง เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มคนที่มีเงินเก็บ แทนที่จะเก็บเป็นเงินสดในธนาคารก็เลือกเก็บเป็นทองคำแท่ง เพราะต้นทุนต่ำกว่าทองรูปพรรณเนื่องจากไม่ต้องเสียค่ากำเหน็ด อีกทั้งยังซื้อง่ายขายคล่อง มีตั้งแต่ขนาด 1 บาท 5 บาท 10บาท 20 บาท30 บาท 40 บาท 50บาท เป็นทอง96.5% ซื้อได้ตามร้านทองตู้แดงทั่วไป ส่วนนักลงทุนชาวต่างชาติจะนิยมทองคำ 99.99% ซึ่งขนาดที่ซื้อขายกันมี 100 กรัม และ 1 กิโลกรัม 3.การลงทุนโกลด์ ออนไลน์ เป็นการลงทุนทองคำแท่งแบบซื้อขายผ่านออนไลน์ โดยอ้างอิงราคาตามตลาดโลกแบบ Real Time สามารถซื้อขายได้ทุกวันไม่มีวันหยุด ตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะกับการลงทุนระยะสั้นมีสะดวก ปลอดภัย เพราะไม่ต้องเดินทางไปร้านทอง4.การลงทุนเหรียญทองคำ เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ และแคนนาดา เพราะเป็นการซื้อขายตามน้ำหนักทอง และนักสะสมมีโอกาสทำกำไรจากความนิยมในตัวเหรียญทองได้มากกว่าการลงทุนทองคำแท่ง ในบ้านเราถ้ามองในแง่ของการลงทุนแบบหวังผลกำไร อาจยังมีไม่มากนัก แต่ก็เริ่มมีการเปิดตลาดให้มีการสะสมกันบ้างแล้ว5. การลงทุนแบบกองทุนรวมทองคำ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ใช้เงินไม่มาก ในการซื้อกองทุน และกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมทองคำในต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง การลงทุนประเภทนี้ถือว่ามีความเสี่ยงทั้งในแง่ของราคาทองและอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนสามารถซื้อกองทุนได้จากบริษัทจัดการกองทุนหลายแห่งในเมืองไทย มีทั้งแบบไม่มีเงินปันผล แบบมีเงินปันผล และแบบเพื่อการเลี้ยงชีพ 6. โกลด์ ฟิวเจอร์ส เป็นการลงทุนทองคำผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นการลงทุนระยะสั้นที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนในเมืองไทยพอสมควร เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ให้ผลตอบแทนสูง ขณะเดียวกันก็มีโอกาสขาดทุนสูงด้วย ส่วนการลงทุนทองคำแบบไหนให้ผลตอบแทนดีที่สุดหรือเสียงขาดทุนน้อยที่สุดก็ต้องเลือกรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า ต้องการลงทุนระยะสั้น หรือระยะยาว ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดถึงปัจจัยที่มีผลกับการขึ้นลงของราคาทอง และต้องปรึกษาผู้รู้ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำเพื่อให้การลงทุนมีความเสี่ยงน้อยที่สุดเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

10/10/2561

สามเหลี่ยมทองคำ


สามเหลี่ยมทองคำ(Golden Triangle) เป็นพื้นที่รอยต่อของ 3 ประเทศคือ บ้านสบรวก จังหวัดเชียงราย ของไทยแขวงบ่อแก้วของลาว และท่าขี้เหล็ก รัฐฉานของพม่า มีพื้นที่ประมาณ 1.5 แสนตารางเมตร มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมมาบรรจบกัน มีแม่น้ำโขงตัดผ่านชายแดนไทยและลาว และเป็นที่ๆแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกมาบรรจบกันเรียกว่า “สบรวก”ในอดีตพื้นที่ในแถบนี้เคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและผลิตยาเสพติดแหล่งใหญ่ของโลก มีโรงงานผลิตเฮโรอีนกระจายอยู่ตามชายแดน ว่ากันว่าผลผลิตฝิ่นจากทั่วโลก มาจากสามเหลี่ยมทองคำถึง70% มีชนกลุ่มน้อยและกองกำลังติดอาวุธอยู่หลายกลุ่มเป็นเจ้าของ เมื่อมีการซื้อขายฝิ่นจะทำการลำเลียงกันไปเป็นขบวนคาราวาน ลัดเลาะไปตามไหล่เขาพร้อมกองกำลังคุ้มกันอาวุธครบมือ ซึ่งในสมัยนั้นฝิ่นมีราคาแพงมาก จนได้ฉายาว่า ทองดำ หรือ Black Gold และการซื้อขายจะไม่ใช้เงิน แต่จะถูกแลกเปลี่ยนกันด้วยทองคำในน้ำหนักที่เท่ากัน จึงเป็นที่มาของชื่อ สามเหลี่ยมทองคำตำนานสามเหลี่ยมทองคำ แหล่งผลิตฝิ่นและเฮโลอีนแหล่งใหญ่ของโลกปิดฉากลงเมื่อรัฐบาลไทยทำการปราบปรามอย่างจริงจัง ในช่วงปี 2510 - 2520 มีการผลักดันกองกำลังติดอาวุธออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะกองกำลังของขุนส่าที่มีฐานที่มั่นอยู่ที่บ้านหินแตก ปัจจุบันสามเหลี่ยมทองคำเป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งท่องเที่ยวรอยต่อระหว่างประเทศที่มีธรรมชาติสวยงาม และเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีท่าเรือขนาดเล็กเป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าไปยังประเทศจีนและลาว ถ้าไปสามเหลี่ยมทองคำในเวลานี้ไม่มีไร่ฝิ่นหรือโรงงานผลิตเฮโลอีนให้ดูแล้ว มีแต่หอฝิ่น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สมเด็จย่าทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องราวทั้งหมดของฝิ่นไว้ให้ประชาชนได้เรียนรู้อย่างครบวงจร ณ สถานที่ที่ได้ชื่อว่าแหล่งผลิตยาเสพติดระดับโลกแห่งนี้ และยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น(House of Opium Museum) พิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ของเอกชน เป็นสถานที่จัดแสดงเครื่องมือ เครื่องใช้ในการสูบฝิ่นของผู้คนในอดีต มีทั้งประวัติของสามเหลี่ยมทองคำ สถานที่ปลูกฝิ่นการปลูกและสูบฝิ่น และมีอุปกรณ์ที่ใช้สูบฝิ่นจัดแสดงให้ชมด้วยนอกจากหอฝิ่นก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจ หลายอย่างเช่น หลักกิโลเมตรสามเหลี่ยมทองคำ พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือพระพุทธนวล้านตื้อ พระพุทธรูปสีทองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นใหม่แทนองค์เดิมที่จมลงไปในแม่น้ำโขง ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ปิดทองด้วยบุศราคัม น้ำหนักถึง 69 ตัน หน้าตักกว้าง 9.99 ม.สูง 15.99 ม. ประดิษฐาน ณ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

10/10/2561

ตลาดเครื่องประดับทองคำในจีนเติบโตต่อเนื่อง


การที่เศรษฐกิจภายในประเทศของจีนปรับตัวดีขึ้นอย่าง ส่งผลให้ตลาดการค้าทองคำคึกคักขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2013 โดยเฉพาะตลาดเครื่องประดับทองคำ24k ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะชาวจีนมองว่าเครื่องประดับทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนเพื่อเก็งกำไรได้ ปัจจุบันจีนถือเป็นผู้บริโภคสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับรายใหญ่ หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของความต้องการบริโภคเครื่องประดับทั้งหมดในตลาดโลก โดยจากรายงานของ The China Gold Association พบว่าในภาพรวมผู้บริโภคชาวจีนมีความต้องการบริโภคทองคำแท่ง และเครื่องประดับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2017 ในปริมาณ 815.9 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นความต้องการบริโภคทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.5 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่นิยมซื้อทองคำแท่งเพื่อนำมาใช้ประกอบการลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคเครื่องประดับที่ทำจากทองคำก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน จากการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของชาวจีน พบว่าผู้บริโภคในกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) หรือผู้ที่เกิดในช่วงปี 1980 จนถึงปี 2000 ถือเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความต้องการบริโภคทองคำ และเครื่องประดับในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นประชากรที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน มีกำลังซื้อ มีความคิดก้าวทันตามกระแสโลกและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี จึงทำให้เปิดรับการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ซึ่งกำลังเติบโตและเป็นที่นิยมในจีนได้มากกว่าผู้บริโภครุ่นเก่า โดยเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ7.44 จากอิทธิพลของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลนี้เองที่ทำให้ภาพรวมของตลาดการค้าเครื่องประดับในจีนกลับมาคึกคักและมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการในจีนเกิดแรงจูงใจที่จะเพิ่มมูลค่าทางการค้า โดยหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบชิ้นงานเครื่องประดับให้มีความร่วมสมัย และเป็นไปตามเทรนด์แฟชั่นมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อรสนิยมของผู้บริโภคกลุ่มนี้ ควบคู่ไปกับการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อผลักดันให้ยอดขายเครื่องประดับเติบโตได้ดียิ่งขึ้น เฉพาะสองเดือนแรกของปี 2018 สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่ายอดขายปลีกของทองคำ เงิน และ เครื่องประดับ ในจีนมียอดขายเพิ่มขึ้น 3% โดยยอดขายแตะไปถึง 50.9 พันล้านหยวน ประมาณ 8.09 พันล้านเหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งในภาคการบริโภคเครื่องประดับของจีนข้อมูลของรัฐบาลจีนยังชี้ให้เห็นว่ายอดขายเครื่องประดับในปี 2560 เพิ่มขึ้น 5.6% มาแตะที่ 297 พันล้านหยวน หรือประมาณ 47.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียวซึ่งสอดคล้องกับรายงานของสภาทองคำโลกที่ระบุว่า ความต้องการเครื่องประดับทองคำตลอดทั้งปี2017 เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์เป็น 2,135.5 ตัน โดยมีอินเดีย จีน และ สหรัฐอเมริการเป็นผู้นำในการบริโภคเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

10/10/2561

ห้องนิรภัยที่ปลอดภัยที่สุดในโลก


ถ้าพูดถึงห้องนิรภัย เอาที่ใกล้ตัวที่สุดก็คงเป็นห้องเก็บทองคำสำรองของประเทศที่เรียกว่าห้องมั่นคงของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด หรือห้องมั่นคงของธนาคารต่างๆที่รับฝากของมีค่าจากลูกค้า หรือห้องนิรภัยของผู้ประกอบการธุรกิจทองคำ และร้านทองทั่วไป แต่ถ้าพูดถึงห้องนิรภัยระดับโลกที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่สุดในโลกและเก็บสิ่งของหรือทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดในโลกนั้นมีหลายแห่ง ส่วนที่ไหนมีมาตรการการรักษาความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก ถ้าให้เดาก็คงเดาไม่ถูกหลายคนคงคิดว่าห้องนิรภัยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ ของธนาคารแห่งอังกฤษซึ่งเป็นที่เก็บทองคำสำรองและของมีค่าจะมีความปลอดภัยที่สุดในโลกแล้วนั้นเป็นการเข้าใจผิด เพราะห้องนิรภัยที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีที่สุดในโลกไม่ได้สร้างไว้เพื่อเก็บทองคำ แต่คืออุโมงค์เก็บเมล็ดพันธุ์พืชที่ชื่อว่า Svalberd Global Seed Vault ตั้งอยู่บนเกาะสปีตสเบร์เกน ในประเทศนอร์เวย์ ที่นี่เป็นแหล่งเก็บรวบรวมเมล็ดพันธุ์พืชจากทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่าในยามเกิดวิกฤติหรือเกิดการทำลายล้างโลก มนุษย์จะมีแหล่งอาหารมากเพียงพอ อุโมงค์นี้สร้างอยู่ใต้ดินมีประตูเหล็กหนาพร้อมระบบกุญแจนิรภัย ปลอดภัยจากขีปนาวุธ แผ่นดินไหว และน้ำท่วมห้องมั่นคง( Strong room ) ของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve Bank) หรือ ที่รู้จักกันในชื่อสั้นๆว่า เฟด ก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ๆมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาอีกแห่งหนึ่งของโลก ห้องนี้สร้างอยู่ลึกลงจากระดับถนน 24 เมตรหรือประมาณตึก 4 ชั้น ประตูห้องมั่นคง ก่อนที่จะเข้าสู่บริเวณที่เก็บทองคำ ทำจากเหล็กหนา 3 เมตร หนักกว่า 90 ตัน ภายในเป็นถังเหล็กขนาด 90 ตัน เสริมด้วยคอนกรีตขนาด 140 ตัน คาดว่าเก็บรักษาทองคำไว้มากกว่า 5,000 ตัน Fort Knox คืออีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลก ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นที่เก็บทรัพย์สินมีค่าของสหรัฐ สร้างด้วยหินแกรนิตที่หนาถึง 4 ฟุต ก่อนที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้วยปูนซีเมนต์อีกหลายชั้น โดยประตูทางเข้าอาคารยังสร้างจากเหล็กกล้าชั้นดีมีน้ำหนักรวมมากถึง 20 ตัน หน้าต่างทุกบานใช้กระจกกันกระสุน ทนต่อไฟป้องกันการทำลายล้างทุกรูปแบบ มีระบบป้องกันการโจรกรรมจากใต้ดิน ด้วยการใช้ปูนซีเมนต์และหินแกรนิตที่หนาถึง 10 ฟุต ปลอดภัยจากขีปนาวุธและนิวเคลียร์ ที่สำคัญยังมีหน่วยทหารประจำการกว่า 30,000 นาย คาดการกันว่ามีทองคำแท่งเก็บไว้ที่ Fort Knox มากถึง 4,500 ตัน นอกจากนี้ยังมีของมีค่าทางประวัติศาสตร์อื่นๆอีก เช่น คำกล่าวสุนทรพจน์ของอับราฮัม ลินคอล์น คัมภีร์ไบเบิลกูเทนแบร์ก ฉบับพิมพ์ครั้งแรก มงกุฎและเครื่องราชอิสริยยศของกษัตริย์ฮังการี คำประกาศอิสรภาพและรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกมากมาย ที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย นอกจากนี้ยังมีห้องนิรภัยของธนาคารแห่งอังกฤษที่ใช้เก็บรักษาทองคำแท่งกว่า 4,500 ตันก็ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดห้องนิรภัยที่ปลอดภันที่สุดในโลกเช่นกันเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

10/10/2561

เครื่องราชอิสริยยศ สมัยรัตนโกสินทร์


เครื่องราชอิสริยยศหรือเครื่องยศ มักทำด้วยวัสดุที่มีค่าสูงอย่างทองคำ และงดงามด้วยฝีมือช่างที่มีความประณีต วิจิตรบรรจง มีลวดลายและลักษณะแตกต่างกันตามลำดับชั้นยศ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาเพชรพิชัยซึ่งเป็นขุนนาง สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นผู้บอกแบบแผนขนบธรรมเนียมประเพณี ต่างๆเมื่อครั้งกรุงเก่า ดังนั้นแบบแผนของเครื่องราชอิสริยยศ และการพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์จึงสืบเนื่องมาจากครั้งกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี และมีการพระราชทานเพิ่มเติมต่อมาจนถึงปัจจุบัน สามารถ แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ 7 ประเภท ดังนี้1 . เครื่องอุปโภค ได้ แก่ พานพระศรีทองคำเครื่องพร้อมกาพระสุธารส ที่พระสุธารส ขันน้ำเสวย พร้อมฝาครอบ ขันสรงพระพักตร์ หีบพระศรี 2. เครื่องศิราภรณ์ ได้แก่ พระอนุราชมงกุฎ พระมาลา เส้าสูง พระมาลาหุ้มตาด3. เครื่องภูษณาภรณ์ ได้แก่ เจียระบาด เสื้อครุย ประกอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 4. เครื่องศาสตราวุธ ได้แก่ พระแสงกระบี่สันปรุคร่ำทอง พระแสงกระบี่ศีรษะนาค 3 เศียร 5. เครื่องสิริมงคล ได้แก่ สายดิ่งทองคำ สังวาลพระนพน้อย พระตะกรุด 6. เครื่องสูง ได้แก่ พระสัปตปฎลเศวตฉัตร พระเบญจปฎลเศวตฉัตร เศวตฉัตร 3 ชั้น ฉัตรขาวลายทอง ฉัตรตาด ฉัตรโหมด เครื่องสูงหักทองขวาง เครื่องสูงทองแผ่ลวด 7. พระราชยาน ได้แก่ พระวอสีวิกา วอประเวศวัง พระวอประเทียบ แคร่กันยาเครื่องยศในหมวดเครื่องอุปโภค หรือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นเครื่องยศที่เราได้มีโอกาสเห็นในพระราชพิธีสำคัญๆบ้าง เช่น พานหมาก หีบหมาก คนโท เจียด กาน้ำ ขันน้ำ ที่ชา กระโถน เป็นต้น เครื่องยศเหล่านี้ วัสดุที่ใช้ผลิตจะแตกต่างกันตามลำดับยศที่จะพระราชทาน เช่น ถ้าพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และสามัญชนที่ดำรงตำแหน่งสมเด็จเจ้าพระยาจนถึงพระอัครมเหสี ก็เป็นเครื่องอุปโภคทองคำลงยาราชาวดี แต่ถ้าพระราชทานแก่พระองค์เจ้าต่างกรมลงมา จนถึงผู้ดำรงตำแหน่งพระยา ก็เป็นเพียงเครื่องอุปโภคทองคำลายสลัก เป็นต้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา จึงมีการสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขึ้นแทนเครื่องราชอิสริยยศ โดยทำเป็นดวงดาราต่าง ๆ ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการตราพระราชบัญญัติและสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลต่างๆขึ้น เช่น จุลจอมเกล้า ช้างเผือกและรามาธิบดี เพื่อพระราชทานเพื่อบำเหน็จความชอบการพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศจึงงดไปเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

10/10/2561

เครื่องราชอิสริยยศ


เครื่องราชอิสริยยศหรือเครื่องยศเป็น เครื่องหมายแสดงเกียรติยศ เครื่องประกอบยศ และบำเหน็จความชอบที่พระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยโบราณสร้างขึ้นเพื่อ พระราชทานให้แก่ ราชสกุลขุนนางข้าราชการและบุคคลทั่วไป ที่มีตำแหน่ง หน้าที่ ความชอบในแผ่นดินให้ปรากฏตามยศชั้น และฐานันดรศักดิ์นั้นๆ เครื่องยศนี้มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เราจะเราจะรู้ว่าขุนนางท่านใดมีความสำคัญแค่ไหนมี หน้าที่ และบำเหน็จความชอบอย่างไร ก็ดูได้จากเครื่องยศนี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้มีการกล่าวถึงการพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ผู้ที่ทำความชอบในหน้าที่ราชการและการสงคราม ดังปรากฏหลักฐานในกฎมณเฑียรบาล และพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ สามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้ 6 ประเภทคือ 1.เครื่องอุปโภค เช่น เจียด พาน คนโทหรือพระเต้า เชี่ยนหมาก หย้อนน้ำ(เครื่องรองภาชนะสำหรับน้ำกิน)ขันทอง ตลับทอง เสื่อทอง เบาะเจียม(ที่รองนั่งทำด้วยขนสัตว์) 2.เครื่องสูง เช่น อภิรม(ฉัตร)กรรชิง ร่มทงยู(ร่มบุด้วยกระดาษอาบน้ำมันกันฝน) ร่มปลิก(ร่มที่ทำยอดต่อให้สูงขึ้นไป มักทำด้วยทองคำ) ทานตะวันเบื้อ(เครื่องสูงอย่างหนึ่ง สำหรับบังแดด) พระกลด กระแอทอง(เครื่องบังแดด มีคันปักดิน) 3. พระราชยาน เช่น ทิพยยานทอง ทิพยยานนาก เทวียานมีมกรชู เสลี่ยงงา เสลี่ยงกลีบบัว คานหาม เก้าอี้เรือคฤห 3 ตอน 4.เครื่องศาสตราวุธ เช่น กระบี่บั้งทอง กระบี่กั้นหยั่น กระบี่ฝักทอง กระบี่นาคเศียรเดียว 5.เครื่องภูษณาภรณ์ เช่น ฉลองพระองค์ครุย เสื้อครุย ผ้าเยียรบับ ผ้าอัตลัต ผ้าท้องขาวเชิงชายเขียน ผ้าลายสรรพางค์ไหมลายปูม เกือกทอง เกือกกำมหยี่สักหลาด 6.เครื่องศิราภรณ์ เช่น ศิรเพศมวยทอง(เครื่องประดับศีรษะ) มาลามวยหางหงส์หมวกล่วมทอง(มาลาทรงประพาส) ครั้งมาถึงสมัยกรุงธนบุรี ยังคงสืบทอดราชประเพณีในการพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศอยู่แต่ให้สร้างเพิ่มเติมจากสมัยกรุงศรีอยุธยาอีกหลายชนิด เช่น เครื่องอุปโภค สร้างพานพระศรีทองคำเครื่องพร้อม บ้วนพระโอษฐ์ เครื่องศิราภรณ์ สร้าง พระมาลายอดพระมาลาทองคำประดับพระยี่ก่าทองคำมีขนนกการเวก มาลา เส้าสะเทิน สร้างเครื่องภูษณาภรณ์ เพิ่มเติมประกอบด้วยเสื้อทรงประพาส เสื้อเข้มขาบ พระภูษาคลุมบรรทม สนับเพลาเชิงงอน ฉลองพระบาทปักหักทองขวาง เสื้อญี่ปุ่น เครื่องศาสตราวุธ สร้างพระแสงดาบญี่ปุ่น พระแสงหอกซัด พระแสงปืนสันคร่ำทอง พระแสงปืนยาว พระแสงปืนคาบศิลา ทวนภู่แดง ของ้าวช้างกัลเม็ด กั้นหยั่นปักกรีฝักเงินกาไหล่ทอง ปืนท้ายช้าง หอก ง้าว และเครื่องสิริมงคลได้แก่ประคำทองคำ และธำมรงค์นพรัตน์ ต่อมาเมื่อสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คงแบบแผนการการพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรีไว้ และมีการพระราชทานเพิ่มเติมต่อมาจนถึงปัจจุบันเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

10/10/2561

ทองคำสำรองของไทย


กระแสการเร่งสะสมทองคำ ในคลังสำรองของแต่ละประเทศทั่วโลกดูจะคึกคักมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย จีน สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในปีนี้ที่ดูจะโดดเด่นกว่าปีที่ผ่านมาหลังจากที่ทองคำสำรองของไทยทรงตัวอยู่ที่ระดับ 152.41 ตัน มาตั้งแต่ปี 2012 หรือานานกว่า 6 ปีมาแล้วที่ไม่มีการสะสมทองคำเพิ่มเติม แต่มาในปีนี้เฉพาะไตรมาสแรกของ ปี 2561 ไทยได้สะสมทองคำสำรองเพิ่มขึ้นอีก 1.59 ตัน นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ไทยมีทองคำสำรองถึง 154 ตัน ก่อนหน้านี้ ทองคำสำรองของไทยค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2543-2561อยู่ที่ประมาณ 108.92 ตัน และต่ำเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรกของปี 2543 หลังวิกฤติต้มยำกุ้งปริมาณทองคำสำรองของไทยอยู่ที่ 72.59 ตันเท่านั้น นอกจากประเทศไทยแล้วเพื่อนบ้านอาเซียน อย่าง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ลาว พม่า ก็เพิ่มประมาณสำรองทองคำด้วยเช่นกัน โดยในปี 2561นี้ ฟิลิปปินส์ มีทองคำสำรองอยู่ที่ 196.40 ตัน มากกว่าไทยเกือบ 50 ตันทั้งที่ก่อนหน้านั้นในปี 2555 ฟิลิปปินส์ มีทองคำสำรองน้อยกว่าไทยเสียอีก อินโดนีเซียในปี 2557 ถือครองทองคำอยู่ระดับ 78.07 ตัน ในปี 2560 ถึง ต้นปี 2561 อินโดนีเซียมีทองคำสองรองเพิ่มขึ้น 2.53 ตันมาอยู่ที่ ที่ 80. 60 ตัน ขณะที่ทองคำสำรองของสิงคโปร์อยู่ที่ 127.4 ตันประเทศอื่นๆในเอเชียก็สะสมทองคำเพิ่มขึ้นเช่นอินเดีย ที่ทรงตัวอยู่ที่ 557.8 ตัน มาตั้งแต่ปี 2010 ในไตรมาสแรกของปี 2018 นี้กลับมีการสะสมทองคำสำรองเพิ่มขึ้นที่ระดับ 558.10 ตันเช่นกัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าที่หลายประเทศมีการสะสมทองคำเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่สกุลเงินของประเทศตัวเอง และลดความเสี่ยงในถือเงินดอลลาร์ โดยหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น อีกทั้งการเร่งสะสมทองคำแบบนี้ เป็นดัชนีที่สำคัญและชัดเจนในการเตรียมความพร้อมก่อนการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือสงครามใหญ่ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเงินกระดาษจะไร้ค่าทันที สินค้าทุกอย่างต้องซื้อด้วยทองคำ ประเทศใดที่สะสมทองคำสำรองไว้มากกว่าก็จะรอดพ้นจากวิกฤติได้ง่ายกว่าเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

10/10/2561

เมื่อจีนจับมือรัสเซีย ปลดแอกจากดอลลาร์สหรัฐ


ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในการซื้อ-ขายทองคำในตลาดโลก โดยเฉพาะการขยับตัวของประเทศจีนและรัสเซียกับการส่งสัญญาณสะสมทองคำในอัตราเร่งแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนที่ผ่านมา จีน ไม่เพียงเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลกอีกด้วย มีรายงานระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2017 ที่ผ่านมาออสเตรเลีย ได้ส่งออกทองคำไปที่จีนมากที่สุดที่ 77% หรือคิดเป็น 54.1 ตัน มากขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2016 ที่ส่งออกแค่ 37.2 ตัน และในไตรมาสที่สองของปี 2017 ออสเตรเลียก็ยังส่งออกทองคำไปที่จีนมากขึ้นอีก โดยจีนเริ่มนำเข้าทองคำจากออสเตรเลียในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆมาตั้งแต่ปี 2011 ปัจจุบัน จีนมีทองคำสำรองอยู่อันดับ 6 ที่ 1,842.60 ตันขณะที่รัสเซียเองก็เป็นประเทศที่มีอัตราเร่งการสะสมทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดในโลกในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในสามสี่ปีหลังนี้ ธนาคารกลางของรัสเซียได้เพิ่มอัตราการซื้อทองคำเพื่อสะสมในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น จนขยับขึ้นมาเป็นอันดับ5 ของโลกข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2018 ระบุว่ามีทองคำสะสมอยู่ที่ 1,909.80ตัน และเป็นผู้ผลิตทองคำอันดับสามของโลก รองจาก จีนและ ออสเตรเลีย ที่ 250 ตันต่อปี(รัสเซียเคยมีทองคำสำรองแค่ 343 ตันเท่านั้นในช่วงการล่มสลายของสหภาพโซเวียส)จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นักวิเคราะห์มองว่าที่ทั้งจีนและรัสเซียเร่งผลิตและซื้อทองคำเพิ่มด้วยอัตราเร่งสูงนี้ก็เพราะทั้งสองประเทศกำลังมีแผนระยะยาวในการนำมาตรฐานการผลิตเงินที่มีทองคำค้ำประกันกลับมาในระบบการค้าและการเงินของโลกอีกครั้งหลังจากสหรัฐได้ยกเลิกมาตรการนี้ไปหลายสิบปี และเพื่อปลดแอกการเงิน การค้า จากการพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโร และเงินเยนมาตรการที่เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมคือการที่ธนาคารกลางของรัสเซียไปเปิดสาขาที่กรุงปักกิ่งเมื่อ 16 มีนาคม 2017เพื่อขยายการทำธุรกรรมทางการเงินที่ไม่ผ่านดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้แค่เงินหยวนและรูเบิ้ลเท่านั้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ธนาคารกลางของรัสเซียไปเปิดสาขาในต่างประเทศ ที่ปรกติจะมีเฉพาะธนาคารของเอกชนเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านเหมืองและการเงินระบุว่าทองคำที่สามารถสกัดจากเหมือง อาจหมดไปจากโลกในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้า ซึ่งหากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ราคาทองคำอาจทะยานขึ้นเป็นออนซ์ละ 3,000 ดอลลาร์ หรือสูงกว่านี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น จีนกับรัสเซียจะอำนาจต่อรองทางการเงินการค้าของโลกทันที เพราะทองคำสำรองของสหรัฐที่อ้างว่ามีมากที่สุดในโลกที่ 8,134.00 ตันนั้นจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ามีจริงหรือไม่เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

10/10/2561

อีกก้าวของรัสเซีย ในฐานะผู้ผลิตทองคำลำดับ 2 ของโลก


@page { margin: 2cm } p { margin-bottom: 0.25cm; direction: ltr; line-height: 115%; text-align: left; orphans: 2; widows: 2 } ปัจจุบันออสเตรเลียคือประเทศผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก รองลงมาคือประเทศจีน ในขณะที่รัสเซียเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่เป็นอันดับ3 ของโลก และตั้งเป้าว่าจะขยับอันดับขึ้นแซงจีนขึ้นมาเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลกอันดับ2 ได้ในไม่ช้านี้ สาเหตุที่รัสเซียมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มการผลิตทองคำได้ก็เพราะได้มีการเปิดเหมืองและโรงงานถลุงแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดไปเมื่อปีที่แล้ว (2017) ซึ่งจากการเปิดเผยของกระทรวงการพัฒนารัสเซียตะวันออกไกล ระบุว่า Poluys ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตทองคำของรัสเซีย ได้เปิดโรงงานเพื่อพัฒนาแหล่งแร่ทองคำในโครงการ Natalka ซึ่งเป็นเหมืองแบบเปิดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตเทนคินสกีย์ในภูมิภาคมากาดาน ห่างจากเมืองมากาดานออกไปประมาณ 400 กิโลเมตร คาดว่าเมื่อโครงการนี้เปิดดำเนินการเต็มรูปแบบจะส่งผลให้มีการแปรรูปแร่ทองคำได้ในปริมาณสูงกว่า 200 ตันต่อปี ขณะที่ปริมาณการผลิตทองคำจะอยู่ที่ 13 ล้านตันต่อปี และส่งผลให้ผลผลิตทองคำของรัสเซียสูงขึ้น 5% ก่อนหน้านี้บริษัท Polyus ได้เริ่มขั้นตอนแรกของการทดสอบระบบโดยรวมของโครงการ Natalka อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2017 ที่ผ่านมา และจะเริ่มดำเนินการผลิตอย่างเต็มรูปแบบภายในสิ้นปี 2018 นี้ ทั้งนี้ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเหมืองทองของรัสเซียสามารถสกัดทองคำได้มากขึ้นเกือบเท่าตัว เกิดเหมืองทองขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคกลางและภาคตะวันออกไกลของประเทศ โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สามารถขุดแร่ทองคำไปทั้งหมด 2,189 ตัน เมื่อปีที่แล้ว รัสเซียสามารถสลัดแร่ทองคำได้มากถึง 8.8 ล้านออนซ์ คิดเป็น 8.3 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทองคำของทั้งโลก นอกจากนี้รัสเซียยังค้นพบแหล่งแร่ทองคำและเงินใหม่ๆรวมเกือบ 900 ตัน เมื่อต้นปีนี้2018 ในสาธารณรัฐบัชคอร์โตสถาน ซึ่งเป็นเขตการปกครองหนึ่งของรัสเซีย แบ่งเป็นทองคำเกือบ 90 ตัน และเงินอีกเกือบ 800 ตัน สภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่ารัสเซียไม่ใช่แค่ผู้ซื้อทองคำอย่างเป็นทางการรายใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นชาติผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกด้วย ทั้งนี้แค่ทศวรรษที่แล้วช่วงเดียว เหมืองรัสเซียสามารถผลิตทองคำได้มากกว่า 2,000 ตัน และคาดหมายว่ากำลังผลิตทองคำรายปีของรัสเซียจะเพิ่มขึ้นอีก 400 ตันภายในปี 2030 ปัจจุบันบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่สัญชาติรัสเซียหลายแห่งกำลังวางแผนเพิ่มปริมาณการผลทองคำขึ้นอีกเกือบเท่าตัว ซึ่งจะทำให้รัสเซียขยับจากการเป็นประเทศผู้ผลิตทองคำมากเป็นอันดับ 3 ของโลก มาอยู่ที่อันดับ 2 ได้ภายใน 10 ปี ซึ่งจะแซงหน้าประเทศจีนได้สำเร็จ และเป็นรองเพียงออสเตรเลียที่ครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองได้มากที่สุดในโลกเท่านั้นเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

01/10/2561

FIFA World Cup Trophy


ปี2018นี้ เราได้ฝรั่งเศสเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่21 ที่ได้ชูถ้วยแชมป์ มูลค่า 400,000 เหรียญสหรัฐซึ่งมีเพียง 6 ชาติเท่านั้น ที่ได้ชูถ้วยนี้คือเยอรมนี อาร์เจนตินา อิตาลี บราซิล ฝรั่งเศส และ สเปนถ้วยฟุตบอลโลกนี้มีน้ำหนัก ออกแบบโดยประติมากรชาวอิตาเลียน ซิลวิโอ กาซซานิก้า ในปีค.ศ. 1971 โดยให้ชื่อว่า ฟีฟ่า เวิลด์คัพ (FIFA World Cup Trophy) มีความสูง 36 เซนติเมตร ทำจากทองคำ 18 กะรัต น้ำหนัก 6.175 กิโลกรัม ฐานของถ้วยมีเส้นสีเขียว 2 ชั้นทำจากมรกต ใต้ฐานของถ้วยรางวัลสลักปีและชื่อของทีมผู้ชนะเลิศฟุตบอลโลกตั้งแต่ปีค.ศ. 1974 นักบอลคนแรกที่ได้ชูถ้วยนี้ในฐานะแชมป์โลกคือ ฟรานซ์ เบ๊คเคนบาวเออร์กัปตันทีมอินทรีเหล็ก เยอรมันนั่นเอง ถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพ นี้ไม่ได้เป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะฟีฟ่าหรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ถือว่าถ้วยนี้จะต้องอยู่ถาวรกับฟีฟ่า ผู้ชนะจะได้รับถ้วยจำลองที่ทำจากทองผสม ส่วนที่ฐานซึ่งมีแหวนคาดสองเส้น มีพื้นที่ไว้สลักชื่อผู้ชนะ 17 ช่อง ซึ่งเมื่อถึงปีค.ศ.2038 ชื่อก็จะเต็มช่องเหล่านี้ จากนั้นจะทำอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อก่อนที่จะมีถ้วยฟีฟ่า เวิลด์คัพ ในมหกรรมฟุตบอลโลกครั้งแรกปีเมื่อ 1930 มีถ้วยรางวัลที่ชื่อว่า วิกตอรี ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของอาเบล ลาเฟลอร์ ประติมากรชื่อดังชาวฝรั่งเศส เป็นรูปปั้นเทพีไนกี้ ซึ่งเทพีแห่งชัยชนะในตำนานของกรีก ทำจากส่วนผสมของเงินและทองคำน้ำหนัก 3.8 กก. ตัวถ้วยมีความสูง 35 ซม. ส่วนฐานของถ้วยทำด้วยหินสีฟ้าหรือไพฑูรย์ (Lapis lazuli) ตรงบริเวณมุมทั้ง 4 ด้านของฐานมีการสลักชื่อของชาติที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกจำนวน 9 ทีมนับตั้งแต่ปี 1930-1970 ต่อมาชื่อวิกตอรีได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นถ้วยจูลส์ ริเมต์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานฟีฟ่าผู้ให้กำเนิดงานฟุตบอลโลกนั่นเอง ในปี 1970 ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ได้ตกเป็นกรรมสิทธของประเทศบราซิลอย่างถาวรเนื่องจากสามารถครองแชมป์ฟุตบอลโลกได้ 3 สมัย อย่างไรก็ตาม ในปี 1983 ถ้วยจูลส์ ริเมต์ ที่ถูกจัดแสดงไว้ ณ สำนักงานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งบราซิล ในเมืองรีโอเดจาเนโร ได้ถูกขโมยไปถือเป็นการปิดฉากตำนานอันยิ่งใหญ่ของถ้วยจูลส์ ริเมต์ ใบนี้และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครได้พบเห็นถ้วยรางวัลนี้ อีกเลย มีบางกระแสข่าวอ้างว่าถ้วยเกียรติยศใบนี้อาจถูกคนร้ายนำไปหลอมละลายเพื่อนำทองคำไปขายเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

01/10/2561

ทองคำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์


ด้วยคุณสมบัติของทองคำที่เหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าได้ดีที่สุด มีความยืดหยุ่นและป้องกันการเกิดสนิมได้ จึงมีการนำทองคำมาใช้เป็นส่วนประกอบของแผงวงจรในอุปกร์ณอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิดวงการอิเล็คทรอนิกส์ และการสื่อสารโทรคมนาคมนำทองคำมาใช้ในหลายด้าน เช่น ทำสวิตซ์โทรศัพท์ที่ใช้เป็นแผงตัด เพื่อให้กระแสไฟฟ้าเดินได้สะดวก ,การใช้ลวดทองคำขนาดจิ๋วเชื่อมต่อวัสดุกึ่งตัวนำ และทรานซิสเตอร์, การใช้ลวดทังสเตน และโมลิบดีนัมเคลือบทองคำใช้ในอุตสาหกรรมหลอดสูญญากาศ, การเคลือบผิวเสาอากาศด้วยทองคำ เพื่อการสื่อสารระยะไกล, การใช้ตาข่ายทองคำ เพื่อป้องกันการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในระบบการสื่อสารการบินพาณิชย์, การใช้อลูมิเนียมเคลือบทองในเครื่องถ่ายเอกสาร เพื่อทำหน้าที่สะท้อนรังสีอินฟราเรด, การใช้โลหะทองคำเจือเงิน และนิกเกิล ประกบผิวทองเหลืองในปลั๊ก และปุ่มสวิตที่ไช้งานหนัก หรือสปริงเลื่อนในลูกบิดเลือกเปลี่ยนช่องทีวี,ใน แผงวงจรต่างๆ ก็มีทองคำเป็นตัวนำไฟฟ้า เพื่อให้ทำงานได้ตลอดอายุงาน เนื่องจากทองคำอยู่ตัว และไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ,ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็มีทองคำเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยที่น่าสนใจคืออาคารสำนักงานใหญ่ๆ ของธนาคารกลาง ในนครโตรอนโต้ ประเทศแคนนาดา ก็ติดแผ่นฟิล์มด้วยทองคำทอง 24K มีน้ำหนักรวมถึง77.7 กิโลกรัม เพื่อลดความร้อน และปรับอุณหภูมิในอาคารให้พอเหมาะ และเพิ่มความสวยของอาคารอีกด้วยนอกจากนี้ในสมาร์ทโฟนทุกรุ่น ก็ยังมีทองคำเป็นส่วนประกอบในวงจรอิเลคทรอนิกส์ เว็บไซต์ 911metallurgistเปิดเผยข้อมูลเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าใน iPhoneทุกเครื่อง มีปริมาณของทองคำที่ใช้เป็นชิ้นส่วนอยู่ภายในเครื่องประมาณ 0.0012 ออนซ์ซึ่งสามารถตีเป็นราคาได้ราว $1.58 หรือราว 52 บาท และยังมีโลหะมีค่าอีกหลายประเภทที่นำมาใช้งานในiPhoneไม่ว่าจะเป็นเงิน ประมาณ 0.012 ออนซ์ , แพลตินั่ม 0.000012 ออนซ์ และทองแดง 0.56 ออนซ์ เป็นต้นถ้านับยอดขาย iphone เมื่อปี 2017 ที่ประมาณ 237 ล้านเครื่อง จะคิดเป็นมูลค่าทองคำใน iphone ได้ถึง 12,000 ล้านบาทเลยทีเดียวมีตัวเลขที่น่าสนใจจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า ถ้ารวบรวมโทรศัพท์มือถือได้ 1 ตัน จะสกัดทองได้ประมาณ 300-350 กรัม เทียบกับการถลุงแร่ 1 ตันจะสกัดทองได้เพียง 5 กรัมเท่านั้น ดังนั้นการรีไซเคิลขยะอิเลคทรอนิกส์อย่างสมาร์ทโฟนจึงน่าจะคุ้มกว่าการทำเหมืองทอง และไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะตามมาจากการทำเหมืองทองอีกด้วยเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

01/10/2561

ธุรกิจร้านทองของไทย


ในประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับทองคำ 4 ประเภทคือ ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก และ ผู้ผลิตทองรูปพรรณ ทองคำที่บริโภคในประเทศส่วนใหญ่นำเข้าโดยผู้นำเข้าจากต่างประเทศที่มีอยู่ 10 ราย โดยนำเข้ามาเป็นทองแท่ง และจำหน่ายต่อให้กับผู้ค้าส่งที่มีอยู่ 35 ราย จากนั้นผู้ค้าส่งก็จะนำทองแท่งบางส่วนมาแปรรูปเป็นทองรูปพรรณ เช่น สร้อยคอ กำไร แหวน เป็นต้น โดยว่าจ้างบริษัทหรือผู้ผลิตทองรูปพรรณ จากนั้นผู้ค้าส่งก็จะขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณต่อไปยังผู้ค้าปลีกซึ่งอาจจะเป็นผู้ประกอบการร้านค้าทองคำรายใหญ่ เช่นร้านทองในย่านเยาวราช และผู้ประกอบการร้านทองรายย่อย ร้านทองรายเล็ก และร้านตู้แดง ที่เรียกว่า ผู้ค้าปลีกที่มีอยู่ราว 7,500 รายทั่วประเทศ ประเภทสินค้าที่ขายกันในระบบแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ ทองคำแท่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ทองคำแท่ง 99.99% และทองคำแท่ง 96.5% โดยทองคำส่วนใหญ่ที่นิยมในประเทศไทยจะเป็นทองคำแท่ง 96.5%ทองรูปพรรณเป็นทองคำที่ทำสำเร็จใช้เป็นเครื่องประดับ แบ่งความบริสุทธิ์ของเนื้อทองออกเป็น 2 ประเภทเช่นเดียวกับทองคำแท่ง ซึ่งทองรูปพรรณ 96.50% ได้รับความนิยมมากกว่าทอง 99.99%เมื่อปี พ.ศ. 2559 กรมสรรพากรมีนโยบายโน้มน้าวให้ร้านค้าทองคำโอนกิจการจากบุคคลธรรมดาไปเป็นนิติบุคคล โดยการเชิญชวนให้ผู้ประกอบการร้านทองทั่วประเทศที่เสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ให้จดทะเบียนเป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2559 มีร้านทอง จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล 4,454 ราย แยกเป็น กทม. 1,853 ราย ทุนจดทะเบียน 42,813 ล้านบาท ภูมิภาค 2,601 ราย ทุนจดทะเบียน 11,143 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้ประกอบการร้านทองที่เป็นนิติบุคคลจะได้รับประโยชน์มากกว่าผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาหลายด้านเช่น 1.ฐานภาษี กรณีเป็นบุคคลธรรมดาเสียภาษีจากฐานเงินได้พึงประเมินสุทธิ ถ้าเป็นนิติบุคคลเสียภาษีจากฐานกำไรสุทธิ ซึ่งจะเสียภาษีต่อเมื่อมีกำไรสุทธิทางภาษีเท่านั้น หากขาดทุนสุทธิก็ไม่ต้องเสียภาษี 2.อัตราภาษี กรณีบุคคลธรรมดาเสียภาษีตามขั้นบันไดตามเงินได้สุทธิตั้งแต่ร้อยละ 5 ถึงร้อยละ 35 แต่นิติบุคคลเสียภาษีจากกำไรสุทธิ ถ้าเป็นนิติบุคคลทั่วไปเสียภาษีทั้งจำนวนในอัตราร้อยละ 20 ส่วนนิติบุคคลที่เป็น SMEs มีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาทได้รับยกเว้นภาษี หากมีกำไรสุทธิเกิน 300,000 บาทขึ้นไปเสียภาษีร้อยละ 10 3.การจัดทำบัญชี และเอกสารประกอบการลงบัญชี - กรณีบุคคลธรรมดา ไม่ต้องจัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 ทำให้ขาดข้อมูลทางบัญชีในเชิงการบริหารจัดการ และการดำเนินธุรกิจ และมีความเสี่ยงตามกฎหมายของกรมสรรพากรเกี่ยวกับการกระทำความผิดอาญาฐานหลีกเหลี่ยง หรือฉ้อโกงภาษีที่เข้าข่ายกฎหมายฟอกเงินด้วย - กรณีนิติบุคคล ต้องจัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 ทำให้มีข้อมูลทางบัญชีที่น่าเชื่อถือในแต่ละธุรกรรม ไม่มีความเสี่ยงตามกฎหมายสรรพากรเกี่ยวกับการกระทำความผิดอาญาฐานหลีกเลี่ยง หรือฉ้อโกงภาษีที่ เป็นต้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยมียอดขายทองคำเฉลี่ย 400,000-500,000 ล้านบาทต่อปี แต่มีการเสียภาษีจริงจากยอดขายเพียง 200,000 ล้านบาทเท่านั้น เชื่อว่าภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงระบบจัดเก็บภาษีใหม่จะส่งผลให้ GDP ประเทศดีขึ้น และกระบวนการตรวจสอบเพื่อจัดเก็บภาษีจะมีความชัดเจนมากขึ้น และเชื่อว่าหากร้านค้าทองคำเข้าสู่ระบบชำระภาษีถูกต้องก็จะทำให้เสียภาษีลดลงกว่าที่เคยเสียอยู่ในแบบเดิมด้วยเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

01/10/2561

รองเท้าทองคำ


เป็นที่ฮือฮาไม่น้อย เมื่อบริษัทจิวเวอรี่ชื่อดังเปิดตัวรองเท้าสตรีสุดหรูที่ทำจากทองคำและเพชร มูลค่า 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 550 ล้านบาท โชว์ตัวอยู่ภายในโรงแรมเบิร์จ อัล อาหรับ มหานครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ เมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมารองเท้านี้มีชื่อว่า Passion Diamond Shoes เป็นรองเท้าที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ถูกออกแบบและสร้างขึ้นในอิตาลีใช้เวลาในการออกแบบนาน 9 เดือน ภายใต้การดูแลและการทำงานร่วมกันของแบรนด์ Jada Dubai และ Passion Jewellers ทำด้วยแผ่นหนังสีทอง ประดับเพชรเม็ดใหญ่ไร้ตำหนิ 15 กะรัต อยู่ตรงกลางปลายเท้า และเพชรเม็ดเล็กๆอีก 236 เม็ด เรียงร้อยอยู่รอบส่วนเปิดของรองเท้า Passion Diamond Shoes คู่นี้เป็นขนาด 36 ตามมาตรฐานยุโรป เป็นราคาที่ไม่สามารถเจรจาต่อรองได้และจะไม่มีการขายในงานนี้ แต่หลังจากนี้จะรับทำตามขนาดเท้าของลูกค้า เจ้าของรองเท้าสุดหรูยังบอกอีกว่าที่เลือกเปิดตัวในเมืองที่ดูไบเพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ มีสิ่งก่อสร้างสุดพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ที่เป็นที่สุดในโลกมากมาย เช่นเดียวกับรองเท้า Passion Diamond Shoes ที่มีหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้นก่อนหน้า Passion Diamond Shoes ในปี 2017 นักออกแบบชาวอังกฤษ Debbie Wingham ก็ได้ออกแบบรองเท้าส้นสูงที่ถือว่าเป็นรองเท้าที่มีราคาแพงสุดในโลกในขณะนั้นคือ 15.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำด้วยมือและเย็บด้วยเส้นทอง 18 กะรัตพร้อมเคลือบหนังแท้ด้วยแผ่นทอง 24 กะรัต ประดับตกแต่งด้วยเพชรสีชมพูสีฟ้าและสีขาว นอกจากนี้ Wingham ยังเป็นผู้สร้างชุดที่แพงที่สุดในโลกที่เรียกว่าชุด Red Diamond Abaya มูลค่า 15.45 ล้านเหรียญอีกด้วยแต่ถ้าพูดถึงรองเท้าที่ทำจากทองคำล้วนๆไม่มีประดับอัญมณีราคาแพงก็ต้องรองเท้าทองคำของ อัลเบอโต้ มาเรตติดีไซเนอร์รองเท้าชื่อดังจากอิตาลี ที่มีดาราดังหลายอย่างเช่น เจ้าแม่มอนสเตอร์ เลดี้ กาก้า เป็นลูกค้าประจำ รองเท้าทองคำของอัลเบอโต้ทำมาจากผ้าสักหลาดทับผิวด้วยแผ่นทองคำ 24 กะรัต มีทั้งรองเท้าส้นสูงสำหรับสุภาพสตรีและรองเท้าทรงโลฟเฟอร์สำหรับสุภาพบุรุษ ออกแบบเรียบหรูไม่ประดับประดาตกแต่งใด ๆ เพราะอัลเบอโต้มองว่าแค่ทองคำอย่างเดียวก็ให้ความรู้สึกหรูหราที่สุดแล้ว ขายอยู่ที่ราคา 2,000 ยูโร หรือประมาณ 80,800 บาท สามารถใช้สวมใส่เดินได้จริง แต่ถ้าอยากเป็นเจ้าของรองเท้าทองคำสุดหรูนี้ ต้องไปที่ห้างชื่อดัง 5 แห่งในโลกเท่านั้น ก็คือห้างบาร์นีย์ ในนิวยอร์ก, เฟร็ด ซีกัล ในลอสแอนเจลิส, เดอะ สวองค์ ในฮ่องกง, เลเวล ชู ดิสทริค ในดูไบ และห้างแฮร์รอด ในกรุงลอนดอนเท่านั้น สนใจก็ลองไปเดินเลือกซื้อกันได้ อย่าเผลอไปหาตามร้านทองรับรองไม่ได้เป็นเจ้าของแน่ๆ เพราะเขาไม่ได้ขายในร้านทอง เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

01/10/2561

เปิดกรุสมบัติฟาโรห์ ตุตันคาเมน


ถ้าจะพูดถึงกรุสมบัติล้ำค่าที่ที่สุดมนุษย์ค้นพบ ก็จะต้องนึกถึงกรุสมบัติของฟาโรห์ ตุตันคาเมนแห่งหุบเขากษัตริย์ อาณาจักรอียิปต์ เพราะนอกจากหน้ากากทองคำของโฟโรห์อันโด่งดังแล้ว ยังพบสมบัติอื่นๆอีกถึง 5,230 ชิ้นเลยทีเดียววันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ จิตรกรชาวอังกฤษที่กลายมาเป็น นักอียิปต์วิทยาผู้โด่งดัง ได้ค้นพบสุสานฟาโรห์ ที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินลึกลงไปหลายเมตร และได้กลายเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่สุดของโลกครั้งหนึ่ง เพราะมันคือสุสานฟาโรห์ ตุตันคาเมนที่อัดแน่นไปด้วยสมบัติล้ำค่าที่มิอาจประเมินค่าได้ ในสุสานประกอบไปด้วยห้อง 4 ห้อง 3 ห้องแรกอัดแน่นไปด้วยเครื่องมือ เครื่องใช้จำนวนมาก อาทิ รถศึก พระบัลลังก์ พระแท่นบรรทมทองคำ หีบทองประดับด้วยงาช้าง แจกัน คนโท พระแสงชนิดต่าง ๆ ฉลองพระบาท และสิ่งของอีกจำนวนมาก ส่วนห้องสุดท้ายคือ ห้องบรรจุโลงหิน ฝาโลงทำด้วยหินแกรนิตสีชมพู แกะสลักนูนสูง ตรงมุมเป็นรูปเทพธิดาเซลคิทสยายปีกคอยปกป้อง ภายในมีโลงพระศพ 3 ชั้น สองชั้นแรกเป็นหีบพระศพแกะสลักจากไม้ท่อนฉาบทองคำ ฝังด้วยอัญมณีและแก้วหลากสี ทั้งโมราสีแดงและสีฟ้าเทอร์คอยส์ สลักลวดลายสวยงาม ภายในมีมัมมี่ของฟาโรห์ตุตันคาเมนนอนสงบนิ่งอยู่ บนในหน้าถูกครอบด้วย หน้ากากทองคำ ฝังประดับประดาด้วยอัญมณีและหินสีล้ำค่า วิจิตรงดงามงาม ทั้งโลงพระศพทองคำและหน้ากากทองคำล้วนเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งรุ่งเรื่องของอียิปต์ยุคโบราณ เช่นเดียวกับสมบัติชิ้นอื่นๆที่ค้นพบก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เช่น รูปสลักไม้เท่าคนจริง ของ ฟาโรห์ ตุตันคาเมน สร้างจากไม้สีดำ ปิดทอง มือซ้ายถือไม้ยาวสันนิฐานว่าเพื่อใช้ค้ำยันร่างกายเนื่องจากพระองค์ขาหัก ในวัยเยาว์และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่จากการศึกษาที่มีการเปิดเผยเมื่อปี 2010 พบว่าพระองค์เสียชีวิตด้วยโรคมาเลเรีย บัลลังก์ไม้ปิดด้วยทองคำ ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม พนักพิงด้านหลังเป็นรูปของ คิงตุตันคามุน และพระมเหสี แท่นบูชาไม้ ปิดทองคำเปลว มงกุฎทองคำที่สวมอยู่ที่พระเศียรของมัมมี่ตุตันคาเมน พระขันธ์ 2 เล่ม ใบมีดทำจากทองคำ 1 เล่มส่วนอีก 1 เล่มทำจากโลหะ รองเท้าทองคำ ที่ทำเลียบแบบรองเท้าสานที่ทำจากต้นกกเครื่องประดับ สร้อยคอที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงมีความสงสัยถึงปัจจุบันว่าแก้วสีเหลืองอ่อนตรงกลางรูปแมลงนั้นคืออะไร ซึ่งจากการศึกษาล่าสุดคาดว่าเป็นหินอุกกาบาตที่พุ่งลงกลางทะเลทราย และได้หลอมทราย และหินในบริเวณโดยรอบเป็นจนผลึกแก้วดังกล่าว จุกปิดพระโกศแกะสลักเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์ตุตันคาเมน สำหรับใส่อวัยวะภายในของฟาโรห์ขณะทำมันมี่ แผ่นปิดหน้าอก ทำจากทองคำ ประดับด้วยแผ่นแก้วสี เป็นรูปนกแร้ง โมเดลเรือพระที่นั่ง ของ ฟาโรห์ ตุตันคาเมน ขณะยังมีพระชนชีพ พัดปิดทอง เป็นรูปขณะฟาโรห์กำลังออกล่านกกระจอกเทศ เตียงทองคำ ที่มีตัว Ammut สัตว์ในจินตนาการของชาวอียิปต์มีลักษณะรวมกันของฮิปโป จรเข้ และสิงโตยืนเป็นฐานอยู่ 2 ตัว เป็นต้นตุตันคาเมนเป็น ฟาโรห์ที่ไม่มีบทบาทมากนัก และสิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระชนมายุ 18 พรรษาครองราชย์ระหว่างปี 1336-1327 ก่อนคริสต์ศักราช ปัจจุบันทรัพย์สมบัติของสุสานฟาโรห์ตันคาเมนถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกลางกรุงไคโรเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

01/10/2561

Corporación Ananea เหมืองทองสูงเสียดฟ้า


ถ้าเหมืองทองคำTauTona ในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ของประเทศแอฟริกาเป็นเหมืองทองคำที่ลึกที่สุดในโลก เหมือง Corporación Ananea ในประเทศเปรูก็คือเหมืองทองคำที่สูงที่สุดในโลกเหมือง Corporación Ananea ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน La Rinconada บนเทือกเขาแอนดีส (Andes) ในประเทศเปรู ห่างจากชายแดนโบลิเวียเพียง 20 กม. เป็นที่อยู่อาศัยที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเพราะอยู่สูง เหนือระดับน้ำทะเล 5,100 เมตร และแม้จะตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร แต่อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีของที่นี่ก็อยู่ที่ 1.2 องศาเซลเซียสเท่านั้น ในเมือง La Rinconadaมีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 50,000 คน เศรษฐกิจส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการผลิตทองคำ ผู้ชายทุกคนทำงานในเหมืองCorporación Ananea ในขณะที่ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำงานในเหมืองตามความเชื่อที่ว่าจะนำโชคร้ายมาให้ ส่วนใหญ่จึงทำอาชีพขายสินค้า หาเศษทองเล็ก ๆที่อาจหลงเหลือออกมาจากการทำเหมือง หรือสร้างรายได้จากการค้าประเวณี ด้วยราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นทำให้ประชากรของเมืองเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมา คนงานในเหมืองทองที่นี่ไม่ได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน แต่ระบบการทำงานที่เรียกว่า “Cachorreo” พวกเขาจะต้องทำงานฟรี 30 วัน เพื่อที่จะได้ใช้สิทธิหาแร่ทองในเหมืองเป็นของตัวเองได้หนึ่งวัน เป็นการทำงานที่ต้องอาศัยการเสี่ยงโชคเพราะอาจต้องทำงานฟรีตลอดทั้งเดือนหากหาทองไม่ได้หรือถ้าโชคดีก็อาจได้ทองคำก้อนโตเป็นค่าแรง อีกทั้งธุรกิจเหมืองแร่ทองคำที่นี่เป็นแบบผิดกฎหมาย ไม่ได้รับการดูแลตามมาตรฐาน กำไรที่ได้ไม่ถูกนำไปพัฒนาเมือง แร่ทองคำที่ได้ส่วนใหญ่จะถูกขายในตลาดมืด โดยมีนายหน้าเป็นตัวแทนรับซื้อทองจากบริษัทและคนงานเนื่องจากกฎหมายเข้าไม่ถึง การเดินทางยากลำบาก และขาดการบริหารจัดการที่ดี ที่นี่จึงไม่มีถนน ไม่มีระบบประปาและไม่มีระบบกำจัดสิ่งปฏิกูล ผู้อาศัยจะต้องรับผิดชอบกำจัดของเสียและขยะด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่มักจะนำไปเผาทิ้งตามทางเดิน เด็กๆไม่ได้รับการศึกษา คุณภาพชีวิตย่ำแย่ บ้านที่อยู่อาศัยทำด้วยแผ่นลูกฟูกไม่มีฉนวนกันความร้อนจึงอยู่อย่างยากลำบากในสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตกว่า 30 รายจากอุบัติเหตุการทำเหมืองแร่ และอีก 70 รายจากการทะเลาะวิวาท อีกทั้งยังไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่ได้มาตรฐานในการทำเหมืองที่เต็มไปด้วยสารปรอทและไซยาไนด์ ปนเปื้อนเป็นจำนวนมาก ดังนั้เหมืองCorporación Ananea ในเมือง La Rinconadaนอกจากเป็นเหมืองที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ผู้คนที่นี่ยังต้องอยู่อย่างดิ้นรนและยากลำบากมากที่สุดด้วยเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

01/10/2561

หน้ากากทองคำ


เมื่อไม่นานมานี้เราได้ยินข่าวว่ารัฐบาลเยอมันได้ส่งคืนหน้ากากทองคำสมัยศตวรรษที่ 8 คืนแก่ชาวเปรูหลังจากรัฐบาลเปรูใช้ความพยายามกว่า 20 ปีผ่านทางช่องทางการทูตและกฎหมาย ในการทวงสมบัติของชาติชิ้นนี้กลับคืน ซึ่งในที่สุดหน้ากากทองคำเก่าแก่นี้ก็ได้เดินทางกลับบ้านย้อนกลับไปเมื่อปี พ. ศ. 2538 รัฐบาลเปรูได้เปิดเผยว่าหน้ากากทองคำได้หายไป หลังจากนั้นอินเตอร์โพลได้ยึดหน้ากากทองคำไว้ได้จากพ่อค้าขายผลงานศิลปะชาวตุรกีคนหนึ่งในเมืองทางด้านตะวันตกของเยอรมนีเมื่อปี 2542 ซึ่งถูกจับกุมข้อหารับซื้อของโจรหน้ากากทองคำนี้เป็นของวัฒนธรรม ซีแคน (Xikan) ทางชายฝั่งทะเลทางตอนเหนือของเปรูซึ่งมีความรุ่งเรืองอยู่ในช่วงคริสตศตวรรษที่ 8-14 เป็นหน้ากากในงานศพของขุนนางในสังคม Xikan ในข่าวไม่มีการให้รายละเอียดว่าการสวมหน้าการทองคำนั้นนอกจากแสดงฐานะทางสังคมแล้วยังมีนัยยะอื่นๆแฝงไว้ด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ก็ทำให้เราเห็นว่าวัฒนธรรมการสวมหน้ากากทองคำให้กับผู้เสียชีวิตที่อยู่ในชนชั้นสูง หรือชนชั้นปกครองมีมานานนับพันปีแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในวัฒนธรรมใดหรืออยู่มุมไหนของโลก ตั้งแต่การค้นพบหน้ากากทองคำของตุตันคาเมน ฟาโรห์แห่งอียิปต์ มาจนถึงการสวมหน้ากากทองคำในพระราชพิธีพระบรมศพของไทยการขุดพบสุสานตุตันคาเมน ทำให้ชาวโลกต้องตกตะลึงเพราะเป็นการขุดพบกรุสมบัติที่มีจำนวนมากมายมหาศาลกว่า 5,2000 รายการ รวมถึงการพบ “หน้ากากทองคำและโลงศพทองคำ”ด้วย นั่นทำให้สุสานตุตันคาเมนกลายเป็นสุสานที่โดงดังที่สุดในหุบเขากษัตริย์แห่งอียิปต์หน้ากากทองคำที่พบตีให้เข้ากับรูปหน้าของของกษัตริย์หนุ่มมีหนักประมาณ 14 กิโลกรัม ขณะพบยังคงเปล่งประกายแวววาวมาตลอดกว่า 3 พันปี บนพระนลาฏ(หน้าผาก)มีรูปงูเห่าและนกแร้ง ตกแต่งด้วยเพชรพลอยและอัญมณีมีค่าต่าง มัมมี่ของฟาโรห์ตุตันคาเมนนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงพระศพไม้ฉาบทองคำฝังด้วยอัญมณีและแก้วหลากสี ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่สามารถยืนยันความเชื่อได้อย่างแน่ชัดว่าโลงทองคำจะมีส่วนในการช่วยรักษาสภาพศพให้อยู่สมบูรณ์ได้หรือไม่ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าศพมัมมี่ที่ค้นพบล้านบรรจุอยู่ในโลงทองคำทั้งสิ้น สำหรับประเทศไทย ข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ ระบุว่าตามโบราณราชประเพณี ในการพระราชพิธีพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ และพระราชวงศ์ชั้นสูงนั้น เมื่อมีการสวรรคต หรือสิ้นพระชนม์ลง ก็จะมีการพระราชพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ ถวายเครื่องขาวทรงพระบรมศพ และถวายเครื่องบรมราชภูษิตาภรณ์ คือ เครื่องทรงพระบรมศพเต็มยศพระมหากษัตริย์ หรือ พระอัครมเหสี จากนั้นเจ้าพนักงานจะถวายพระสาง(หวี) แก่องค์ประธานเพื่อทรงหวีพระเกศาพระบรมศพขึ้นหนึ่งครั้ง ลงหนึ่งครั้ง และขึ้นอีกหนึ่งครั้ง จากนั้นทรงหักพระสางวางที่พานซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่ วางแผ่นทองคำจำหลักลายปิดพระพักตร์ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติพระบรมศพ เพื่อไม่ให้เห็นพระพักตร์หากพระบรมศพมีสภาพที่มิบังควรเห็น ซึ่งพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก็รับการถวายแผ่นพระพักตร์นี้ปิดที่พระพักตร์ตามโบราณราชประเพณีทุกประการเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

น้ำหนักทอง วัดกันอย่างไร


เวลาไปร้านทองเพื่อซื้อทองรูปพรรณหรือทองคำแท่ง เราจะซื้อกันด้วยน้ำหนักเป็นบาท หรือเป็นสลึง ตามหน่วยวัดน้ำหนักทองคำของบ้านเรา แต่บางครั้งเราได้ยินการรายงานข่าวราคาซื้อขายทองคำในตลาดโลกวัดน้ำหนักเป็นออนซ์ หรือ กรัม ทั้งนี้ก็เพราะหน่วยวัดน้ำหนักของทองมีหลายประเภทและมีวิธีแปลงน้ำหนักที่ต่างกันไป หน่วย กรัม (Gram:g) เป็นหน่วยมาตรฐานหน่วยสากลที่ใช้กันทั่วโลก ไม่ว่าแต่ละประเทศจะมีหน่วยวัดน้ำหนักเป็นอะไร ก็จะต้องเทียบค่ามาเป็นกรัมเสมอทรอยออนซ์ (Troy Ounce : oz) หรือที่เรียกสั้นๆว่า ออนซ์ เป็นหน่วยน้ำหนักที่ใช้ในการกำหนดราคาซื้อขายกันในตลาดโลก ส่วนใหญ่จะใช้กันในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลียโทลา (Tolar) ใช้กันในอินเดีย ปากีสถาน สิงคโปร์ และทางประเทศในแถบตะวันออกกลางตำลึง (Tales)ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาจีน เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ชิ (Chi)ใช้ในประเทศเวียดนามดอน (Don) ใช้ในประเทศเกาหลีใต้บาท (Bath) ใช้ในประเทศไทย ทองคำความบริสุทธิ์ 96.5% ตามมาตรฐานในประเทศไทย ขนาดน้ำหนัก 1 บาทเมื่อเทียบเป็นกรัมจะมีน้ำหนักต่างกันคือ ทองคำแท่ง น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัม สาเหตุที่ทองคำแท่ง 1บาท มีน้ำหนักมากกว่าทองรูปพรรณ เมื่อเทียบเป็นกรัม ก็เพราะการทำทองรูปพรรณมีการสูญเสียเนื้อทองไปในกระบวนการแปรรูปนั่นเอง ส่วนทองคำความบริสุทธิ์ 99.99% 1 กิโลกรัม เท่ากับ 32.1508 ทรอยออนซ์ ทองคำ 1 ทรอยออนซ์ มีน้ำหนักเท่ากับ 31.1034 กรัม และเมื่อแปลงน้ำหนักทองคำหน่วยต่างๆกับกรัมจะได้ดังนี้ ทองคำ 1ตำลึง เท่ากับ 37.429กรัมทองคำ 1โทลา เท่ากับ 11.6638กรัมทองคำ 1ชิ เท่ากับ 3.75กรัมทองคำ 1ดอน เท่ากับ 3.75กรัมมีข้อสังเกตสำหรับระบบออนซ์ที่เอาไว้ชั่งน้ำหนักนั้นมีสองแบบ คือออนซ์ (Avoir.)ที่เป็นหน่วยสำหรับชั่งน้ำหนักสิ่งของทั่วไป เช่น อาหารนั้น 1 ออนซ์= 28.3495231 กรัม ส่วนทรอยออนซ์ (Troy,Apoth.) ที่เอาไว้ชั่งโลหะมีค่าต่างๆ เช่น ทอง เงิน 1 (ทรอย)ออนซ์ = 31.104 กรัม จะเห็นว่าอ่านว่า ออนซ์เหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันนั่นคือ 0.91146 ออนซ์ (Avoir.) = 1 ออนซ์ (Troy,Apoth.) นั่นเองเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

สภาทองคำโลก


เรามักได้เห็นชื่อ “สภาทองคำโลก” อยู่บ่อยๆตามสื่อต่างๆในฐานะองค์กรที่คอยรายงานสถานการณ์ทองคำในตลาดโลก ปริมาณดีมานด์-ซัพพลาย หรือการเผยแพร่งานวิจัย บทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับทองคำ จริงๆแล้วสภาทองคำโลกคืออะไร และมีหน้าที่อะไรสภาทองคำระดับโลก หรือ World Gold Council (WGC) เป็นองค์กรพัฒนาตลาดสำหรับอุตสาหกรรมทองคำ ก่อตั้งขึ้นเพื่อกระตุ้นและรักษาอุปสงค์ทองคำให้มีความยั่งยืน นอกจากนี้สภาทองคำโลกยังทำหน้าที่กระตุ้นความต้องการทองคำในตลาดใหม่ๆโดยร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมอัญมณีและสถาบันการศึกษาระดับโลกทำการศึกษา วิจัยห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำจะมีความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อผู้บริโภคล่าสุด สภาทองคำโลก ได้เผยแพร่บทความพิเศษ ที่มีชื่อว่า “Gold 2048” พูดถึงทิศทางของตลาดทองคำ ในอีก 30 ปีข้างหน้า โดยได้ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในอุตสาหกรรมทองคำจากทั่วโลกมาร่วมกันวิเคราะห์ ซึ่งข้อสรุปสำคัญที่ได้จากข้อเขียนนี้คือการขยายตัวของชนชั้นกลางในจีนและอินเดีย รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจในวงกว้างมากขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความต้องการทองคำการใช้ทองคำในภาคพลังงาน เฮลท์แคร์ และเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่สถานะของทองคำจะยังคงเป็นวัตถุทางเลือกต่อไป และจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงในอีกหลายทศวรรษข้างหน้าแอปพลิเคชันมือถือสำหรับการลงทุนในทองคำ ซึ่งจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถซื้อ,ขาย ลงทุนและมอบทองคำเป็นของขวัญจะได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในอินเดียและจีนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและการเมืองการปกครองจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการผลิตของอุตสาหกรรมเหมืองแร่อุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำจะต้องรับมือกับความท้าทายในการผลิตทองคำให้ได้ในระดับใกล้เคียงกับระดับเดิมในอีก 30 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณที่เคยส่งมอบในอดีตบทความนี้สรุปไว้ในตอนท้ายว่า ในอีก 30 ปีข้างหน้า ตลาดทองคำจะพบกับเปลี่ยนแปลงในครั้งสำคัญ บางสิ่งเป็นเรื่องที่ได้คาดการณ์ไว้แล้ว แต่บางสิ่งก็อยู่เหนือความคาดหมายเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

วงจรชีวิตของเหมืองทองคำ


การทำเหมืองแร่เป็นเพียงขั้นตอนเดียวในกระบวนการทำเหมืองทองคำที่ใช้เวลายาวนานและซับซ้อน ก่อนที่ทองคำจะถูกสกัดออกมาต้องผานกระบวนการต่างๆมากมายตั้งแต่การสำรวจ พัฒนา การประเมินปริมาณสินแร่ ก่อนที่จะเปิดเหมืองเพื่อขุดทองจนถึงการปิดเหมืองและการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวงจรชีวิตของเหมืองทองคำการสำรวจเหมืองทองคำ การสำรวจเหมืองทองเป็นเรื่องที่ท้าทายและซับซ้อน ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในหลายด้าน เช่น ด้านภูมิศาสตร์ ด้ารธรณีวิทยา ด้านเคมี และด้านวิศวกรรมในขณะที่ความเป็นไปได้ที่จะค้นพบแหล่งทรัพยากรจนนำไปสู่การพัฒนาเป็นเหมืองทองนั้นมีน้อยกว่า 0.1% ขั้นตอนการสำรวจนี้ใช้เวลา 1 - 10 ปีการพัฒนาเหมืองทองคำการพัฒนาเหมืองทองเป็นขั้นตอนที่สองของกระบวนการทำเหมืองแร่ทองคำ โดยเมื่อพบพื้นที่ๆเหมาะสมแล้ว บริษัทเหมืองแร่จะต้องทำการวางแผนการก่อสร้างเหมือง การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อรองรับความต้องการด้านลอจิสติกส์และสวัสดิการของพนักงาน ทั้งนี้บริษัทเหมืองแร่ต้องได้รับใบอนุญาตให้เข้าดำเนินกิจการก่อนจึงจะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ โดยทั่วไปจะใช้เวลา 1 - 5 ปี ขึ้นอยู่กับสถานที่ การทำเหมืองแร่ทองคำขั้นตอนการทำเหมืองแร่ทองคำหมายถึงอายุการใช้งานของเหมืองซึ่งในระหว่างนั้นแร่จะถูกสกัดและแปรรูปเป็นทองคำโดยทั่วไปจะมีทองคำ 60-90% เหมืองแต่ละแห่งจะมีอายุการใช้งาน 10 - 30 ปีการปลดประจำการเหมืองแร่ทองคำหลังจากที่เหมืองหยุดการดำเนินงานอาจเป็นเพราะแร่หมดหรือเหลือแร่ในปริมาณน้อยมากไม่คุ้มค่าการลงทุนต่อไป บริษัทเหมืองแร่ต้องทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ และทำการฟื้นฟูพื้นที่ สภาพแวดล้อม เพื่อให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ดีอีกครั้ง และเพื่อทำให้แน่ในว่าจะไม่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นตามมาในระยะยาว ซึ่งในการฟื้นฟูนี้จะต้องใช้เวลานาน 1 - 5 ปีหลังการปิดเหมืองเพราะเป็นงานที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

ดูแลทองอย่างไรไม่ให้สึกหรอ


หลายคนไม่รู้จักวิธีดูแลรักษาทองรูปพรรณ ทำให้เกิดการชำรุดสึกหรอทั้งที่ความจริงสามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงได้ รวมถึงไม่รู้จักการทำความสะอาด ส่วนมากมักไปให้ร้านทองล้างให้ทั้งที่สามารถทำได้ง่ายๆด้วยตัวเองการทำความสะอาดทองมีหลายวิธี สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวก วิธีที่ 1. นำเครื่องประดับทองไปแช่ในน้ำอุ่นผสมกับน้ำยาล้างจานแล้วขัดด้วยแปรงสีฟันขนนุ่มๆและล้างออกด้วยน้ำสะอาดวิธีที่ 2. ใช้แปรงสีฟันชุบยาสีฟัน แปรงให้ทั่วๆแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดเสร็จแล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้านิ่มๆวิธีที่ 3. แช่น้ำมะนาวไว้ประมาณ 1 วัน หลังจากนั้นถูคราบสกปรกออกเบาๆเช็ดให้แห้ง โรยด้วยแป้งเด็ก ใช้ผ้านิ่มๆขัดอีกรอบเพื่อความเงางามวิธีที่ 4. ขัดด้วยน้ำมะขามเปียก แล้วล้างน้ำออกให้สะอาดและเช็ดให้แห้งวิธีที่ 5. ในกรณีที่เครื่องประดับมีลวดลายละเอียดมากๆ การขัด หรือแปรงอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ ให้ใช้น้ำเดือดผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตหนึ่งหยิบมือ แล้วนำทองลงไปแช่ทีละชิ้น ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที จากนั้นนำขึ้นมาซับให้แห้งด้วยผ้านิ่ม แต่วิธีนี้ห้ามใช้กับเครื่องประดับที่ตกแต่งด้วยพลอย เพราะอาจทำให้พลอยร้าวเกิดความเสียหายได้การทำเครื่องประดับทอง จะช่วยให้เครื่องประดับกลับมาเงางามเหมือนใหม่อีกครั้ง เพราะเมื่อใช้สร้อย แหวน กำไล สร้อยข้อมือฯ ไปนานๆเมื่อไปสัมผัสกับเหงื่อซึ่งมีความเป็นกรดและมีความเค็มก็จะทำให้เครื่องประดับเหล่านั้นหมองคล้ำไปได้ อีกทั้งในขณะสวมใส่เครื่องประดับทองก็ต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดชำรุดเสียหายเช่น ควรถอดเครื่องประดับทองออกก่อนทุกครั้งเมื่อจะว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ เนื่องจากคลอรีนในน้ำ อาจทำลายผิวของทองหรือทำให้หนามเตยคลายออกได้ รวมถึงการแช่ตัวในอ่างน้ำร้อน ออนเซน หรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงด้วย เวลาใช้โลชั่นหรือสเปรย์ต่าง ๆ ก็ต้องระวังอย่าให้โดนเครื่องประดับที่ทำจากทอง เพราะ ไขมันจากเครื่องสำอางเหล่านี้จะไปเคลือบผิวทองทำให้ความแวววาวของทองคำลดลงได้ การเก็บรักษาก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ควรเก็บเครื่องประดับทองไว้รวมกัน เพราะอาจจะขูดขีดกันเป็นรอยได้ ควรแยกเก็บโดยอาจจะใช้กระดาษทิชชู หรือสำลีม้วนเก็บไว้หรือใส่กล่องแยกเก็บทีละชิ้นก็ได้การดูแลรักษาเครื่องประดับทอง ก็เพื่อให้ของเหล่านี้สวย เงางาม อยู่กับเราไปนานๆนั่นเองเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

ตู้เอทีเอ็ม(กด)ทองคำ


ปัจจุบันการซื้อ-ขาย ทองคำไม่จำเป็นต้องไปที่ร้านทองเสมอไป เพราะวิวัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ลูกค้าสามารถซื้อทองผ่านตู้เอทีเอ็มได้แล้ว และหลายประเทศได้นำมาให้บริการแล้วรวมถึงประเทศไทยด้วย ที่ประเทศอังกฤษ ในศูนย์การค้า Westfield ลูกค้าสามารถใช้บัตรเครดิตหรือเงินสด เพื่อซื้อเหรียญทองคำ หรือทองคำแท่งขนาดต่างๆ ได้ตั้งแต่เหรียญฯทองคำแท้ 24 กะรัตไปจนถึงทองคำแท่งขนาดต่างๆ เพียงแค่สัมผัสหน้าจอเลือกขนาดทองคำที่ต้องการ แล้วเสียบบัตรเครดิตหรือสอดธนบัตรเข้าไปตามราคาทองคำที่เลือก ภายในไม่กี่วินาทีทองคำพร้อมกล่องใส่ก็จะร่วงลงมาทางช่องรับ แต่เนื่องจากราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตู้หยอดเหรียญฯ Gold to Goจึงมีการอัพเดตราคาทุกๆ10 นาที เพื่อรักษาส่วนต่างกำไรให้อยู่ในระดับเดียวกับท้องตลาด และลูกค้าสามารถสั่งซื้อทองคำได้สูงสุดถึง 10,000 เหรียญสิงคโปร์ เป็นประเทศแรกในเอเชียที่ให้บริการตู้เอทีเอ็มทองคำในปี 2014 โดยบริษัท Asia Gold ATM มีการติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มกดเหรียญทองคำจำนวน 2 เครื่อง ติดตั้งที่รีสอร์ต เวิลด์ เซนโตซาเครื่องหนึ่ง และอีกเครื่องติดตั้งไว้ที่ มารินา เบย์ แซนด์ สำหรับเหรียญทองคำที่อยู่ในเครื่องเอทีเอ็ม เป็นเหรียญทองที่ผลิตโดยบริษัท PAMP ซึ่งเป็นบริษัทผลิตทองที่มีชื่อเสียงในสวิตเซอร์แลนด์ มีหลากหลายขนาดตั้งแต่ขนาดน้ำหนักน้อยสุด 1 กรัม ไปจนถึง 10 กรัม ขณะที่ราคาของเหรียญทองคำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน อินเดีย BlueStone บริษัทจำหน่ายเพชรและอัญมณีออนไลน์เปิดให้บริการตู้เอทีเอ็มกดทองคำทางตอนใต้ของเมืองบังกาลอร์ เพื่อต้อนรับเทศกาลดิวาลี ซึ่งเป็นเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ของชาวฮินดู ซึ่งเริ่มให้ บริการครั้งแรกเมื่อปี 2016 ตู้เอทีเอ็มกดทองคำนี้มีระบบการทำงานเหมือนตู้เอทีเอ็มกดเงินสดทั่วไปมีเหรียญทองคำจำหน่ายตามราคาทองคำในท้องตลาด ตั้งแต่น้ำหนัก 1–20 กรัม โดยลูกค้าสามารถเลือกชำระแบบเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ และบริษัทก็มีแผนจะติดตั้งตู้เอทีเอ็มทองคำในเมืองอื่นๆอีกรวมถึงกรุงนิวเดลีด้วยที่อาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต โรงแรมชั้นนำแห่งหนึ่งเอาใจลูกค้าที่มาพักในโรงแรมด้วยการติดตั้งตู้เอทีเอ็มจำหน่ายทองคำอัตโนมัติ ที่นำเข้าจากเยอรมนี ทองคำที่ซื้อผ่านตู้นี้เป็นทองคำแท่งขนาดเล็กหนักสูงสุด 10 กรัม รวมทั้งเหรียญทองคำขนาดต่างๆ โดยบนเครื่องเอทีเอ็มจะมีการอัพเดทราคาทองคำที่ซื้อขายกันในตลาดทุกๆ10 วินาที ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งนายโธมัส ไกลเลอร์ ผู้ผลิตตู้เอทีเอ็มอธิบายว่าการซื้อขายทองผ่านเอทีเอ็มทำได้ง่ายมาก แค่สอดเงินเข้าไปในตู้ ทองคำก็จะไหลออกมาตามจำนวนเงินที่สั่งซื้อ และต่อไปก็อาจใช้บัตรเอทีเอ็มซื้อทองคำได้ประเทศไทย ฮั่วเซ่งเฮง ถือเป็นเจ้าแรกของเมืองไทยที่นำระบบตู้ขายทองคำอัตโนมัติมาใช้เมื่อปี 2016 ซึ่งทำให้การซื้อทองคำเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยลูกค้าเพียงเสียบบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรเดบิตธนาคารกรุงเทพ ทำรายการซื้อตามที่ต้องการ จากนั้นตู้จะออกใบฝากทองคำยืนยันการซื้อซึ่งมีค่าเสมือนทองคำจริง ซึ่งแตกต่างกับตู้เอทีเอ็มกดทองคำของที่อื่นคือจะไม่มีการใส่ทองคำของจริงเอาไว้ที่ตู้ ทั้งนี้ราคาซื้อขายจากตู้อัตโนมัติจะอัพเดทตลอดเวลา ตู้เอทีเอ็มกดทองคำเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันที่มีไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่เน้นความสะดวกสบาย ช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทางไปซื้อทองในร้านขายทองทั่วไปด้วยเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

ธนาคารทองคำ


อินเดียเป็นประเทศที่มีการบริโภคทองคำมากติดอันดับโลกทุกปี(อันดับ1และ2 สลับกันกับประเทศจีน) เพราะมีประชากรจำนวนมากและมีวิถีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องการใช้ทองคำงานในเทศกาลและงานประเพณีต่างๆเช่น เทศกาลดิวาลี และงานแต่งงาน เป็นต้น ชาวอินเดียนิยมซื้อทองคำมาเก็บไว้ทั้งในรูปแบบที่เป็นเครื่องประดับ ทองคำแท่ง และเหรียญทองคำ เพื่อแสดงสถานะทางสังคมและเพื่อการลงทุน ด้วยการบริโภคทองคำจำนวนมากนี้เอง ทำให้อินเดียต้องพึ่งพาการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ ผลที่ตามมาคือการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ในปี 2015 รัฐบาลอินเดียจึงต้องใช้นโยบายคุมเข้มการนำเข้าทองคำด้วยมาตรการทางภาษี และการริเริ่มโครงการ ฝากทองไว้กับธนาคาร หรือGold Deposit Scheme: GDS เพื่อจูงใจให้ชาวอินเดียนำทองที่เก็บสะสมไว้มาฝากกับธนาคาร แทนการเก็บรักษาไว้ที่บ้าน หรือฝากไว้ตามร้านทอง โดยไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆและจะนำออกมาใช้ก็ต่อเมื่อมีงานแต่งงาน หรืองานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสต่างๆเท่านั้นแต่หากชาวอินเดียนำทองที่เก็บรักษาไว้มาฝากกับ ธนาคารทองคำ ที่ตั้งขึ้นก็จะได้รับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.75 - ร้อยละ 1 ของราคาทองคำที่นำมาฝาก สามารถฝากได้ตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 7 ปีและเมื่อครบอายุการฝากทอง ลูกค้าสามารถเลือกรับคืนในรูปของเงินสด ทองคำแท่งหรือเหรียญทองคำความบริสุทธิ์ 99.99% ก็ได้ หรือจะนำทองคำมาเข้าโครงการต่อเพื่อลงทุนใหม่หรือแม้กระทั่งโอนทองคำของตนไปยังบัญชีลูกค้ารายอื่นก็ได้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมนอกเหนือจากการได้รับดอกเบี้ยคือ ลูกค้าจะได้รับการยกเว้นภาษีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ได้มาจากการเข้าร่วมโครงการฝากทองอีกด้วยนโยบายการฝากทองไว้กับธนาคารนี้ นอกจากจะให้ผลตอบแทนนักลงทุนในรูปแบบของดอกเบี้ย และช่วยให้ภาคประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายจากการเก็บรักษาทองคำแล้ว การระดมทองคำภายในประเทศยังเป็นการช่วยลดการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศช่วยบรรเทาภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียยังมีการรณรงค์ให้วัดต่างๆ นำทองคำที่ได้รับบริจาคมาฝากไว้กับธนาคารแทนการเก็บไว้ในกรุ เพื่อให้ทองคำเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะให้ดอกเบี้ยเป็นการตอบแทนซึ่งที่ผ่านมาวัดหลายแห่งเริ่มทยอยนำทองคำออกมาฝากกับธนาคารแล้วการบริจาคทองคำให้กับวัดเป็นประเพณีที่ชาวอินเดียนิยมปฏิบัติสืบต่อกันมาเช่นวัดติรูปาติ ที่ชาวฮินดูนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มั่งคั่งมากที่สุดในโลก ในแต่ละปีมียอดบริจาคนับพันล้านดอลลาร์ที่มาในรูปของเงิน อัญมณี และทองคำ เฉพาะทองคำที่เก็บสะสมไว้ในวัดมีมากกว่า 7 ตัน คิดเป็นเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียวทองคำที่นำมาฝากกับธนาคารจะนำมาหลอมเป็นทองคำแท่งเพื่อจำหน่ายให้ร้านทองและร้านค้าอัญมณี ซื้อไปแปรรูปแทนการนำเข้าทองจากต่างประเทศเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

TauTona เหมืองทอง“ลึก”สุดโลก


เหมืองทองคำTauTona ตั้งอยู่ในพื้นที่ West Wits ทางฝั่งตะวันตกของ Johannesburg ประเทศแอฟริกา เปิดดำเนินการเมื่อปี 1962มีบริษัท AngloGold Ashanti เป็นเจ้าของ เป็นเหมืองใต้ดินมีความลึกราว 2 กิโลเมตรจากผิวดิน ต่อมาในปี 2006 มีการขยายเหมืองทองเพิ่มขึ้นอีก 2 กิโลเมตร (1.2ไมล์)ทำให้เหมืองTauTona มีความลึกถึง 3.9 กิโลเมตรหรือ 2.4 ไมล์จากผิวดิน กลายเป็นเหมืองทองที่ลึกที่สุดในโลก เนื่องจากมีความลึกมาก ทองคำที่ผลิตได้จากเหมืองTauTona จึงมีคุณภาพดี และสามารถขุดทองคำได้ประมาณ 8-10 ตันต่อปี (เหมืองทองที่จัดว่ามีสินแร่เกรดดี เวลาระเบิดหินขนาด 1 ตัน จะได้แร่ทองคำประมาณ 8-10 กรัม ส่วนเหมืองที่มีสินแร่เกรดไม่ดีระเบิดหินขนาดเท่ากัน จะได้แร่ทองคำเพียง 1-4 กรัมเท่านั้นและเหมืองแบบเปิด (open pits) มักจะมีเกรดต่ำกว่าเหมืองแบบปิดที่ต้องขุดเจาะลงไปใต้ดิน) เหมืองทอง TauTona เปิดดำเนินการมา 56 ปีแล้ว มีคนงานราว 5,600 คน อุโมงค์ต่างๆ ที่อยู่ใต้ดินมีความยาวรวมกัน 800 กิโลเมตร จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกเกือบ 4 กิโลเมตร เทียบเท่ากับตึก Empire State เรียงต่อกัน 9 ครั้งคนงานต้องออกจากบ้านตอนตี 3 เพื่อเข้าคิวลงลิฟท์ที่มีความเร็ว 16 เมตรต่อวินาที ต้องต่อลิฟท์ 3 ทอดจึงจะถึงจุดลึกสุด ซึ่งต้องใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมงออกจากลิฟท์แล้วต้องเดินต่ออีก 2-3 กิโล รวมระยะเวลาเดินทางเที่ยวไป 2 ชั่วโมงทำงาน 8-10 ชั่วโมง เมื่อเลิกงานต้องเดินทางขึ้นจากเหมืองอีก 2 ชั่วโมงยิ่งลึกลงไปอากาศยิ่งร้อน อุณหภูมิในชั้นหินสูงถึง 55 องศา ในเหมืองจึงต้องมีเครื่องทำความเย็น แต่ก็ยังมีคนงานที่เจ็บป่วยจาก Heat Stroke แทบทุกวันการทำงานในเหมืองใต้ดิน คนงานต้องเจออันตรายรอบด้าน เช่น หินถล่ม ก๊าซระเบิด น้ำท่วม และแผ่นดินไหว ภายในชั้นใต้ดินของเหมืองทองTauTona มีแผ่นดินไหวทุกวัน เฉลี่ยวันละ 10 ครั้ง และมีคน งานเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 5 คน ในปี2017 AngloGold Ashanti Limited เจ้าของเหมืองทองTauTona เป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก 7% ของทองคำที่ผลิตโดย AngloGold Ashanti นี้ มาจากเหมืองทอง TauTona นี่เองเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

อุปสงค์-อุปทานของทองคำ


อุปสงค์ของทองคำ(Gold Demand)คือความต้องการใช้ทองคำในตลาดโลกและอุปทานของทองคำ(Gold Supply) คือปริมาณทองคำในตลาดที่ผลิตได้ ซึ่ง Demandและ Supply ของทองคำทั่วโลกมาจากหลายกลุ่มอุปสงค์มาจาก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ภาคเครื่องประดับ,ภาคอุตสาหกรรมและการแพทย์และภาคการลงทุน1) ภาคเครื่องประดับ ถือเป็นผู้บริโภคทองคำกลุ่มหลักคิดเป็นประมาณร้อยละ 68 ของอุปสงค์ทองคำทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกลุ่มตะวันออกกลางและเอเชีย โดยเฉพาะอินเดียและจีน คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่าร้อยละ 60 ของการใช้เครื่องประดับทองคำของโลก2) ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์ มีการใช้ทองคำเพิ่มขึ้นตลอดช่วงศตวรรษที่ผ่าน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14 ของอุปสงค์ทั้งหมด และเชื่อว่าประมาณความต้องการทองคำในภาคนี้จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต3) ภาคการลงทุน ในอดีตหมายถึงการซื้อทองคำแท่งและเหรียญทองคำ แต่ปัจจุบันรวมถึง การลงทุนแบบสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กองทุนรวม จนถึงการลงทุนต่างๆ ที่มีทองคำเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในส่วนของอุปทานทองคำ (Gold Supply)ปริมาณทองคำในตลาดมาจาก 4 กลุ่มหลักคือ ผลผลิตจากเหมืองแร่ เศษทองคำเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ การขายจากหน่วยงานภาครัฐ และการขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงของผู้ผลิต1) ผลผลิตจากเหมืองแร่ ปัจจุบันผลผลิตทองคำจากเหมืองแร่เป็นปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญต่ออุปทานของทองคำมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณทองคำในตลาดแต่ละปี ทั้งนี้แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีการผลิตทองคำออกสู่ตลาดโลกมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 14 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก รองลงมาคือ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย กลุ่มลาตินอเมริกา จีน รัสเซีย เปรู ฯลฯ ตามลำดับ ซึ่งตั้งแต่ปี1990 เหมืองทองทั่วโลกมีผลผลิตทองคำรวมกันทั้งหมดประมาณ 2,500 ตันต่อปี2) เศษทองคำเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ เป็นทองคำจากผลิตภัณฑ์เก่าที่ถูกแปรรูปแล้วและนำมาสกัดใหม่ในรูปทองคำแท่ง มีบทบาทสำคัญต่อกลไกราคาทองคำ รองจากผลผลิตจากเหมืองแร่ และทำให้ราคาทองคำมีเสถียรภาพมากขึ้น 3) การขายทองคำจากหน่วยงานภาครัฐ ปัจจุบันธนาคารกลางและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น IMF ถือครองทองคำในรูปของเงินทุนสำรองรวมกันประมาณร้อยละ 25 ของปริมาณทองคำทั้งหมดที่มีในโลก ธนาคารกลางของประเทศต่างๆจะถือครองทองคำประมาณร้อยละ 10 ของทุนสำรองของประเทศโดยเฉลี่ย ซึ่งธนาคารกลางยังอาจทำการขายทองคำออกสู่ตลาดได้ (ภายใต้เงื่อนไขไม่เกิน 500 ตันต่อปี) 4) การขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงของผู้ผลิต เมื่อบริษัทเหมืองทองทำการขายทองล่วงหน้า คู่ค้าจะทำธุรกรรมยืมทองคำจำนวนเดียวกันจากผู้ครอบครองทองรายอื่นเช่นธนาคารกลางในปริมาณที่เท่ากันไปขายเพื่อนำเงินที่ไปลงทุนอื่นๆเมื่อถึงกำหนดส่งมอบทองคำตามสัญญา บริษัทเหมืองทองจะส่งมอบทองคำให้กับคู่ค้าในราคาตามที่ตกลงกันไว้ ทางคู่ค้าก็จะนำทองคำที่รับมอบมาส่งคืนให้กับผู้ที่ให้ยืมมาพร้อมค่าธรรมเนียมการกู้ยืมเหล่านี้คืออุปสงค์-อุปทานของทองคำ ที่มีผลต่อราคาและความต้องการทองคำในตลาดโลกเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

4 ปัจจัยกำหนดราคาทองคำในตลาดโลก


ปัจจุบันการลงทุนในทองคำได้รับความนิยมมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของราคาทองจึงมีความ สำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนและการเก็งกำไร ซึ่งการขึ้นหรือลงของราคาทองขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัยหลักคือ 1.ค่าเงินเหรียญสหรัฐ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินสกุลหลักที่ใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้นเมื่อค่าเงินเหรียญสหรัฐฯมีสัญญาณอ่อนค่าลง ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ที่ถือครองเงินเหรียญสหรัฐฯ มักจะกระจายความเสี่ยง โดยแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น เงินสกุลอื่นๆ รวมถึงทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นด้วย เพราะการซื้อทองคำเป็นการป้องกันความเสี่ยงในมูลค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯนั่นเอง2.อัตราเงินเฟ้อ ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อที่มีประสิทธิภาพ โดยเราจะสังเกตทิศทางอัตราเงินเฟ้อได้จากทิศทางราคาพลังงาน เช่นน้ำมัน และราคาอาหารต่างๆ เพราะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อภาวะเงินเฟ้อโดยตรง โดยทั่วไปราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น 3.ความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศและระบบการเงิน ราคาทองคำมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนในระบบการเงินโลก เนื่องจากในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ผู้ลงทุนมักจะป้องกันความเสี่ยงที่สินทรัพย์อื่นจะมีราคาตลาดลดลง ด้วยการย้ายมาถือครองทองคำ จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเหตุการณ์ 4.อุปสงค์และอุปทาน หากปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น เมื่อมีผู้ต้องการซื้อทองคำในปริมาณที่มากกว่าปริมาณทองคำที่มีในตลาด ทั้งนี้ อุปสงค์ (Demand) คือความต้องการใช้ทองคำนั้นส่วนใหญ่มาจาก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภาคเครื่องประดับ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์ และภาคการลงทุน ส่วนอุปทาน (Supply) นั้น คือ ความต้องการขายทองคำ ส่วนใหญ่มาจาก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผลผลิตทองคำจากเหมืองทอง แรงขายจากธนาคารกลางประเทศ ต่างๆ และปริมาณทองคำเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบส่วนราคาทองคำในประเทศไทยจะมีปัจจัยเพิ่มเข้ามาก็คือ ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ราคาทองคำในประเทศไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐฯอ่อนค่าลง เนื่องจากประเทศไทยไม่สามารถผลิตทองคำได้เอง จึงต้องนำเข้าทองคำจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งตลาดทองคำโดยทั่วไป มักจะใช้เงินสกุลเหรียญสหรัฐฯเป็นสกุลเงินอ้างอิงในการซื้อขาย ดังนั้น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและเงินเหรียญสหรัฐฯ จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์


เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ เป็นเครื่องทรง 5 อย่างของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งจะทรงเพียงแค่ครั้งเดียวคือวันที่เข้าพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์เท่านั้น และจะไม่ทรงเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์นี้อีกเลยตลอดรัชกาล พระมหากษัตริย์ที่ยังไม่ได้ทำพิธีบรมราชาภิเษก จะไม่ออกพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเรียกพระนามเพียงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ส่วนคำสั่งจะเรียกเพียงพระราชโองการ ยังไม่ใช้คำว่า พระบรมราชโองการเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ประกอบด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกร วาลวีชนีพร้อมพระแส้จามรี และฉลองพระบาทเชิงงอน พระมหาพิชัยมงกุฎ เป็นเครื่องประดับพระเศียร สร้างในรัชกาลที่ 1 ทำด้วยทองคำลงยาบริสุทธิ์ ประดับเพชร โดยเฉพาะที่ยอดประดับเพชรเม็ดใหญ่เรียกว่า พระมหาวิเชียรมณี เฉพาะองค์พระมหามงกุฎไม่รวมพระกรรเจียกจอน สูง 51 ซ.ม. ถ้ารวมพระกรรเจียกจอนสูง 66 ซ.ม. มีน้ำหนัก 7.3 กิโลกรัม สื่อความหมายถึงพระราชภาระของพระมหากษัตริย์ ที่ต้องทรงแบกรับ ทุกข์ สุข ของพสกนิกรทั้งปวง พระแสงขรรค์ชัยศรี เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงพระปัญญาในการปกบ้านครองเมือง เป็นของโบราณตั้งแต่สมัยขอม รัชกาลที่1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทำด้ามและฝักขึ้นใหม่ด้วยทองลงยาราชาวดี มีน้ำ หนักกว่า 1.9 กิโลกรัม ธารพระกร แสดงถึงการครองราชย์โดยธรรม มีลักษณะเหมือนไม้เท้า มีความ ยาว 118 เซนติเมตร ทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์หุ้มทอง เมื่อชักยอดออกแล้วจะกลายเป็นพระแสงเสน่าหรือมีดสำหรับขว้าง ธารพระกรนี้เป็นเครื่องหมายแห่งการปกครองที่เปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณ ก่อให้เกิดความมั่นคงแก่แผ่นดินพัดวาลวิชนี และพระแส้จามรี แสดงถึงพระราชภารกิจที่ต้องคอยปัดเป่าความทุกข์ บำรุงความสุขให้แก่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ พัดวาลวีชนีทำด้วยใบตาลปิดทองทั้ง 2 ด้าน ด้ามและเครื่องประกอบทำด้วยทองคำลงยา ส่วนพระแส้ทำด้วยขนจามรี มีด้ามเป็นแก้ว ฉลองพระบาท ทำด้วยทองคำลงยาราชาวดีฝังเพชร เป็นเครื่องหมายแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในทุกที่ๆพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินไป นอกจากเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์จะเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของช่างไทย ที่ถ่ายทอดงานศิลปะออกมาได้อย่างวิจิตรงดงาม เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมาถึงปัจจุบันเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

10 ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำรายใหญ่ของโลก


ข้อมูลจากสภาทองคำโลก ระบุว่าในปี 2560 มีการผลิตทองคำทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 105 ล้านออนซ์ โดยปริมาณการผลิตทองคำจากเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุด 10 เหมืองซึ่งเป็นของบริษัทมหาชนและไม่ได้เป็นเจ้าของโดยรัฐในปี2560 อยู่ที่ระดับ 29.43 ล้านออนซ์ซึ่งลดลง 0.1% หรือลดลงจากระดับ 29.46 ล้านออนซ์ในปี 2559 โดยมีสัดส่วนเกือบ 30% ของปริมาณการผลิตทองคำทั่วโลก บริษัทผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลกได้แก่Barrick Gold Corporation เป็น บริษัท เหมืองแร่ทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลกมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โตรอนโต แคนาดา ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ในอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แคนาดา ชิลี สาธารณรัฐโดมินิกัน ปาปัวนิวกีนี เปรูซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอเมริกา และแซมเบียNewmont Mining Corporation ซึ่งตั้งอยู่ใน Greenwood Village รัฐโคโลราโดประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2459 มีเหมืองทองที่ใช้งานอยู่ในเนวาดา ออสเตรเลีย กานา และเปรู นิวมอนท์เป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลกรองหลัง Barrick GoldAngloGold Ashanti Limited ตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2547 เป็นผู้ผลิตทองคำอันดับสามของโลกรองจาก Barrick Gold และ Newmont Mining ในเหมือง 21 แห่งใน 4 ทวีป Kinross Gold Corporation ตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2536 ะมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ในปีพ.ศ.2560 คินรอส ผลิตทองคำรายได้เป็นอันดับ 4 ของโลก โดยมีเหมืองแร่ทองคำตั้งอยู่ในประเทศบราซิล กานา มอริเตเนีย รัสเซียและสหรัฐอเมริกา Goldcorp Inc. มีสำนักงานใหญ่ในแวนคูเวอร์ บริติชโคลัมเบีย, แคนาดา เป็น บริษัท ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ5 ของโลก PJSC Polyus เป็นบริษัทเหมืองแร่ทองคำรายใหญ่ที่สุดในรัสเซียและเป็นหนึ่งใน 10 บริษัท เหมืองแร่ทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลกโดย ในปี2560 มีปริมาณการผลิตทองคำ 2.16 ล้านออนซ์ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงมอสโกและมีสำนักงานอยู่ที่กรุงลอนดอนด้วย ในปี 2560 บริษัท Barrick Gold ยังคงเป็นบริษัทเหมืองทองคำอันดับ 1ของโลก โดยมี Newmont ตามมาเป็นที่ 2 ในปริมาณที่ห่างกันไม่มากนัก ในขณะที่ Kinross Gold ก็แซงหน้า Goldcorp ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ด้าน Polyus ของรัสเซียก็ประสบความสำเร็จในการแซงหน้า Gold Fields ของแอฟริกาใต้ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 7 และยังตั้งเป้าหมายที่จะไต่อันดับขึ้นในปีต่อ ๆ ไปหลังจากเหมือง Natalka mine ของ ตนเองเริ่มต้นการผลิตเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งจะทำให้ปริมาณการผลิตโดยรวมของ Polyus เพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 3 ล้านออนซ์ ทางด้าน Freeport McMoran ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 10 เป็นครั้งแรก มีการคาดการณ์กันว่าปริมาณการผลิตทองคำทั่วโลกในปี 2561 อาจลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาการค้นพบที่น้อยลง, เกรดหรือคุณภาพที่ต่ำลง, ความยุ่งยากทางเศรษฐศาตร์และกฎระเบียบในหลายประเทศ TOP TEN GOLD MONING COMPANIES 2017 1. Barrick 2. Newmont 3. AngloGold Ashanti 4. Kinross Gold 5. Goldcorp 6. Newcrest Mining 7. Polyus 8. Gold Fields 9. Angnico Eagle 10. Freeport McMoranเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

“พันธบัตรทองคำ” ครั้งแรกและครั้งเดียวในประเทศไทย


ปี พ.ศ.2585 ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่2 ประเทศไทยได้ออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินไปชดเชยเงินคงคลังที่ต้องจ่ายตามพระราชบัญญัติงบประมาณ จำนวน 30 ล้านบาทตามพระราชบัญญัติกู้เงินในประเทศ พ.ศ. 2485 และกฎกระทรวง (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2486 พันธบัตรนี้มีอายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% วงเงินกู้ 30 ล้านบาท ไถ่ถอนคืนตามราคาที่ตราไว้ หรือจะขอรับชำระเป็นทองคำก็ได้ ในอัตราทองคำบริสุทธิ์ กรัมละ 5.78 บาท ซึ่งการเลือกไถ่ถอนเป็นทองคำนี้เองจึงเป็นที่มาของคำว่า “พันธบัตรทองคำ” ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พันธบัตรทองคำนี้ มีชนิดราคา 10,000 บาท 1,000 บาท 100 บาท และ 50 บาท ออกจำหน่ายระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2486- 10 มิถุนายน พ.ศ. 2487 ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2494 และกระทรวงการคลังได้ขอซื้อทองคำอันเป็นทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศจากธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำเหรียญทองคำและแท่งทองคำ เพื่อใช้ในการไถ่ถอน ผู้ออกแบบเหรียญทองคำและแท่งทองคำคือ นายช่วง สเลลานนท์ นายช่างศิลป์ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีกองกษาปณ์ กรมคลัง เป็นผู้ดำเนินการจัดทำเหรียญและแท่งทองคำ มีบริษัทบาโรเบราว์ เป็นผู้ทำเบ้าหลอมทองคำ มีนายแนบ พหลโยธิน เป็นประธานคณะกรรมการควบคุมและจัดสร้างเหรียญและแท่งทองคำ สำหรับเหรียญทองคำและแท่งทองคำเพื่อใช้ในการไถ่ถอนตามวงเงิน 30,000,000 บาท นั้น มีจำนวนการผลิต คือ 1. เหรียญทองคำ ชนิดราคา 50 บาท จำนวน 2,028 เหรียญ 2. เหรียญทองคำ ชนิดราคา 100 บาท จำนวน 1,264 เหรียญ 3. เหรียญทองคำ ชนิดราคา 1000 บาท จำนวน 3,160 เหรียญ 4. แท่งทองคำ ชนิดราคา 10000 บาท จำนวน 641 แท่ง (ปัจจุบันพบแท่งทองคำนี้เพียง 2 แท่ง) 5. แท่งทองคำ ชนิดราคา 100000 บาท จำนวน 48 แท่ง (ปัจจุบันยังไม่พบแท่งทองคำนี้) 6. แท่งทองคำ น้ำหนักแตกต่างกัน ตามราคาพันธบัตรของผู้ถือรายใหญ่ จำนวน 8 ราย รวม 464 แท่ง (ปัจจุบันยังไม่พบแท่งทองคำนี้) ธนาคารแห่งประเทศไทยมีพันธบัตรทองคำจำนวนหนึ่งจากการซื้อพันธบัตรไว้ตั้งแต่เมื่อแรกออกพันธบัตรเมื่อ พ.ศ. 2485 และต่อมาได้รับซื้อพันธบัตรทองคำที่จัดทำขึ้นเพื่อการไถ่ถอนพันธบัตรเงินกู้จากกระทรวงการคลังและสำนักงานพระคลังข้างที่อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดได้นำเข้าไปเป็นทุนสำรองเงินตราของประเทศ ต่อมาได้โอนแท่งทองคำชนิดราคา 10,000 บาท จำนวน 1 แท่ง และ เหรียญทองคำทุกชนิดราคา ชนิดละ 2 เหรียญ ออกจากทุนสำรองเงินตรา โดยรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาเข้าไว้แทน ปัจจุบันเหรียญทองคำและแท่งทองคำนี้ จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นหลักฐานบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และความสำคัญของทองคำในฐานะทุนสำรองเงินตรา ของประเทศเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

เครื่องถมนคร


“เครื่องถม” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ อธิบายว่าเป็นภาชนะหรือเครื่องประดับ ที่ทำโดยใช้ผงยาถมผสมน้ำประสานทองถมบนลวดลายที่แกะสลักภาชนะหรือเครื่องประดับนั้นแล้วขัดผิวให้เงางาม เรียกว่าถมนคร ถมเงิน ถมทอง เครื่องถมนครมีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงรับสั่งให้เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยนั้น ส่งช่างถมที่มีฝีมือดีที่สุดไปยังกรุงศรีอยุธยาเพื่อให้ทำไม้กางเขนถมส่งไปถวายพระสันตปาปา ที่อิตาลี และทำเครื่องถมเป็นเครื่องใช้ไปบรรณาการแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เครื่องถมก็ยังถือเป็นของใช้ชั้นสูงที่ใช้เป็นเครื่องราชูปโภค และเครื่องราชบรรณาการ โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่2 เครื่องถมเมืองนครได้รับความนิยมอย่างมากในราชสำนัก และเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ก็เป็นผู้ส่งเสริมและทำนุบำรุงช่างถมให้เจริญก้าวหน้าจนเครื่องถมเมืองนครเข้ามามีชื่อเสียงในพระนครเป็นอย่างมาก ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงส่งเครื่องถมเมืองนครจำนวนหนึ่งร่วมไปกับเครื่องบรรณาการส่งไปถวายสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรียแห่งประเทศอังกฤษ ปัจจุบันยังคงจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังบัคกิ้งแฮม เมื่อครั้งสร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สมัยพระบาทสมเด็จฯพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้พระยาสุธรรมมนตรี ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นพระยานครศรีธรรมราชเป็นนายงานให้ช่างถมที่เมืองนครทำพระที่นั่งพุดตานถม ตั้งไว้ในท้องพระโรงกลางและทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เอง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 โปรดเกล้าฯให้ช่างทำหีบบุหรี่ถมทองสำหรับพระราชทานแก่ประธานาธิบดีไอเซนเฮาว์ และดร.ริสบอร์ นายแพทย์ที่ถวายการประสูติ และได้พระราชทานตลับแป้งถมทองแก่นางพยาบาลที่โรงพยาบาลในเมืองบอสตันทุกคนด้วย แสดงให้เห็นว่าเครื่องถมนครผูกพันกับประวัติศาสตร์ชาติไทยมาทุกยุคสมัย ปัจจุบันเครื่องถมนครยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ได้อย่างดีทั้งที่เป็นเครื่องประดับชิ้นเล็กอย่างแหวน กำไล เข็มกลัด ไปจนถึงงานชิ้นใหญ่ เช่น พานขันโตก ถาด แต่ด้วยทองและเงินมีราคาสูงขึ้น ประกอบกับการทำต้องอาศัยเวลาและฝีมือชั้นสูงที่มีน้อยลง ทำให้เครื่องถมนครมีราคาค่อนข้างสูงเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

การประกอบทองรูปพรรณ


การประกอบทองรูปพรรณนั้นจะทำเมื่อผ่านขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนต่างๆแล้วไม่ว่าจะเป็นลวดทอง ไข่ปลา หรือแผ่นทองสลักลาย โดยการนำชิ้นส่วนเหล่านั้นมาประกอบเป็นทองรูปพรรณตามแบบ ด้วยวิธีการต่างๆคือการถักหรือสาน เป็นการนำเส้นลวดทองมาถักหรือสานเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า การถักสร้อยต่างๆนี้ นิยมถักแบบสร้อย 4 เสา 6 เสา 8 เสา และแบบสมอเกลียวสายสร้อยจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า เมื่อถักเสร็จแล้วติดตะขอ ล้างขัดทำความสะอาด ถ้าไม่ต้องการตกแต่งลวดลายอื่นๆ ก็พร้อมส่งให้ลูกค้าหรือสวมใส่ได้ทันที แต่ถ้าต้องการประดับตกแต่งให้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก ช่างทองก็จะต้องผลิตชิ้นส่วนประดับรูปร่างต่างๆ เพื่อประกอบเข้ากับชิ้นงานทองรูปพรรณนั้น จนแล้วเสร็จตามที่ออกแบบไว้ การทำอะไหล่ส่วนประดับ เป็นการประดับตกแต่งชิ้นงานทองรูปพรรณให้สวยงาม ตามความต้องการของลูกค้า อะไหล่ส่วนประดับนี้ส่วนมากจะเป็นปะวะหล่ำ ลูกสน เต่าร้าง หรือการประดับด้วยการลงยาให้เกิดสีต่างๆ ส่วนมากจะเป็นสีแดง สีเขียว และสีน้ำเงินนอกจากนี้ ยังมีส่วนประดับที่เกิดจากการแกะสลัก การดุน การบุ เพื่อให้เกิดลวดลายต่างๆ เช่น ลายกระหนก ลายเครือเถา ลายพันธุ์พฤกษา ลายสัตว์ต่างๆ บางครั้งก็มีการลงยาผสมผสานเข้าไปด้วย ทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ส่วนประดับที่เกิดจากการแกะสลัก การดุน และการบุนั้น ส่วนมากเป็นจี้ทองประดับเข้ากับสร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไลข้อมือ ปัจจุบันมีการผลิตทองรูปพรรณเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วไป มีการผลิตทั้งแบบอุตสาหกรรมโดยการใช้เครื่องจักร และผลิตจากฝีมือของช่างที่มีชื่อเสียงเช่นสกุลช่างทองเพชรบุรี ช่างทองศรีสัชนาลัย และช่างทองสุโขทัย กระบวนการผลิตด้วยฝีมือช่างทองนี้ถือเป็นงานหัตถกรรมที่ใช้ศิลปะชั้นสูง มีลักษณะเฉพาะตัว ต่างจากทองที่ขายตามร้านทองทั่วไป เช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

กระบวนการผลิตทองรูปพรรณ


การผลิตทองรูปพรรณ มีความยุ่งยาก ซับซ้อน และต้องอาศัยฝีมือทางเชิงช่าง ซึ่งแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนหลักๆคือ กระบวนการการผลิตและและการประกอบ กระบวนการผลิตเริ่มที่การคัดเลือกเนื้อทอง เช่นถ้าทำทองสุโขทัย ก็จะต้องใช้ทอง99.99% เพื่อให้เนื้อทองสวย สีเหลืองอร่าม ช่างที่ชำนาญจะแยกเนื้อทองแต่ละชนิดได้ด้วยสายตา และยังบอกคุณภาพของเนื้อทองได้ว่า ควรจะนำทองไปหลอมใหม่หรือไม่ จากนั้นจึงนำไปหลอม การหลอมทองต้องใช้ความร้อน 1063 องศาเซลเซียส เพื่อหลอมละลายทองให้เป็นของเหลว แล้วนำไปเทลงเบ้าเป็นทองแท่งขนาดเล็ก แล้วนำไปรีดหรือตีให้มีลักษณะเป็นแผ่นหรือวงกลมขนาดต่างๆ ตามลักษณะงานที่จะทำ การหล่อทอง เมื่อทองหลอมละลายจนกลายเป็นของเหลวแล้ว นำไปเทลงในแม่พิมพ์แบบต่างๆ การหล่อทองนี้ส่วนมากใช้เพื่อทำเป็นกำไล แหวน ข้อต่อ สายสร้อย ลูกประดับ หัวเข็มขัด กระดุม และชิ้นงานเฉพาะอย่าง เมื่อทองเย็นลงแล้ว ก็นำชิ้นงาน ไปตกแต่งตามต้องการอีกครั้งหนึ่งเป็นการนำทองที่หลอมแล้ว ไปตีให้เป็นแผ่นบางลงไปอีก หรือหากเป็นแท่งเหลี่ยมเล็ก ก็ตีให้มีขนาดเล็กลงไปอีก เพื่อความสะดวกในการนำไปขึ้นรูป แกะลวดลาย ฉลุ หรือรีดเป็นเส้น การตีทองจะต้องตีให้ละเอียดและสม่ำเสมอ การตี บางครั้งเรียกว่าการบุ หรือการเคาะ เป็นกระบวนการที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมการประกอบเป็นทองรูปพรรณการชักลวดหรือการรีดเป็นการนำทองที่หลอมเป็นแท่งแล้ว มาตีให้เข้ากับขนาดของรูแป้นรีด เมื่อได้ขนาดที่ใกล้เคียงกับรูของแป้นแล้ว นำทองสอดเข้ารูแป้นรีด จากนั้นใช้คีมดึงออกมาอีกด้านหนึ่ง ลวดที่ออกมาจะมีเนื้อสม่ำเสมอ และมีขนาดต่างกัน ตามที่ช่างทองต้องการ ในส่วนการรีดก็ทำคล้ายๆ กัน ส่วนมากจะมีเครื่องรีดด้วยมือ ช่างทองสามารถปรับแต่งลูกรีดได้ขึ้นอยู่กับงาน ตั้งแต่ขนาดโตสุดจนเล็กสุด ส่วนมากจะรีดออกมาเป็นเส้นลวดขนาดเล็ก เพื่อนำมาสาน หรือถักเป็นชิ้นงานได้การทำไข่ปลาได้จากการนำทองที่ ได้จากการชักลวดหรือการรีดแล้ว มาตัดเป็นท่อนเล็กๆ ขนาด ๑๓ มิลลิเมตร จากนั้นนำไปเผาไฟหรือเป่าแล่น จนทองหลอมละลายเป็นก้อนกลมเล็กๆ คล้ายไข่ปลา ไข่ปลานี้นำ ไปเป็นส่วนประดับตกแต่งชิ้นงานการสลักและการดุนเป็นการทำให้เกิดลวดลาย หรือเขียนให้เป็นตัวหนังสือด้วยของมีคม มีความสวยงามตามแบบงานศิลปะ จากนั้นจึงนำชิ้นส่วนแต่ละอย่างที่ได้จากกระบวนการผลิต ไปประกอบเป็นชิ้นงานของรูปพรรณแบบที่ขายตามร้านทองต่อไปเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

ความหมาย บนลวดลายทองรูปพรรณ


การออกแบบลวดลายเครื่องทองรูปพรรณของคนไทยนั้น มักประยุกต์ ดัดแปลง เลียนแบบมาจากธรรมชาติ ของใช้ในชีวิตประจำวัน และสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งนอกจากมีความประณีตละเอียดอ่อนสวยงามแล้ว ยังแฝงไปด้วยความหมายและความเป็นสิริมงคลสำหรับผู้สวมใส่ ลวดลายที่เลียนแบบมาจากธรรมชาติ เช่น ลายเม็ดมะยม ลายหยดน้ำ ลายไข่ปลา กลุ่มลวดลายที่เลียนแบบจากดอกไม้และต้นไม้ เช่น ลายเครือเถา ลายดอกพิกุล ลายดอกบัว ลายพรรณพฤกษา เป็นต้น ลวดลายกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ใช้เทคนิคการลงยา ซึ่งเป็นศิลปะการทำเครื่องทองที่นิยมกันในสมัยอยุธยาแทนการประดับด้วยเพชรพลอย กลุ่มลวดลายสิงสาราสัตว์ เช่น ช้าง ม้า นาค หงส์ กลุ่มของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ลายสุ่ม ลายลูกตะกร้อ ลายตะกรุด ลายมัดหมี่ ลายเม็กกระดุม ลายปะวะหล่ำ เป็นต้นนอกจากความสวยงามแล้ว ความหมายอันเป็นมงคลของลวดลายต่างๆก็ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกดีด้วยเช่นลายปะวะหล่ำ เครื่องประดับทองของไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน เพราะนำรูปแบบมาจากโคมไฟของจีน ตามความเชื่อที่ว่าโคมไฟแสดงถึงความสว่างไสว เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความร่ำรวย การใส่เครื่องทองที่มีลวดลายปะวะหล่ำจึงมีความหมายอันเป็นมงคลให้กับผู้สวมใส่ด้วย ส่วนของการทำปะวะหล่ำนั้น ในอดีตจะใช้วิธีการดัดเกลียวลวดทองและนำมาเดินเป็นลวดลาย ต่อมามีการประยุกต์ด้วยการฝังอัญมณีลงไป ปะวะหล่ำที่ตกแต่งด้วยอัญมณีนี้เรียกว่า “ปะวะหล่ำทรงเครื่อง”ดอกบัว เป็นอีกลายที่นิยมนำมาใช้ในการออกแบบเครื่องประดับทองด้วยมีความหมายที่เป็นสิริมงคล คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกไว้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดความสุข ความเบิกบาน เพราะดอกบัวเปรียบเสมือนผู้ที่หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าเส้นใยของบัวช่วยทำให้เกิดความห่วงใยความผูกพันของคนในครอบครัว ลายบัวที่ได้รับความนิยมเช่นสัตตบงกชหรือบัวฉัตรชมพู เป็นต้นเครื่องประดับลายดอกพิกุล คนไทยในสมัยโบราณเชื่อว่าต้นพิกุล เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งในสวนของพระอินทร์ ดอกพิกุลจึงเปรียบเสมือนดอกไม้จากสวรรค์ การประกอบพระราชพิธีต่างๆจึงนิยมทำดอกพิกุลเงินและพิกุลทอง สำหรับการประกอบพระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีโสกันต์ พระราชพิธีลงสรง เป็นต้น พิกุลจึงมีความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญรุ่งเรือง หากมีไว้กับตัวจะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลในชีวิตนั่นเองเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/

Read More

27/09/2561

Gold-D การลงทุนทองคำรูปแบบใหม่


การลงทุนในทองคำทำได้ในหลายรูปแบบ ทั้งการลงทุนกับทองแท่ง การลงทุนในGold Futures(สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า) ล่าสุดบริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (Thailand Futures Exchange)หรือ TFEX ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ชื่อ Gold-D เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนGold-D เป็นสัญญาซื้อ ขายล่วงหน้าที่อ้างอิงทองคำแท่งความบริสุทธิ์99.99% ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ซื้อขายกันใน ต่างประเทศ โดยเสนอราคาซื้อขาย (quote) เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และกำหนดให้มีการชำระราคา ด้วยการรับมอบ/ส่งมอบทองคำจริง (Physical Delivery) เมื่อครบอายุสัญญา แม้ว่า การซื้อขาย Gold–D จะกำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐอเมริกาเพื่อความสะดวกในการติดตามราคาเทียบกับตลาดทองคำโลก แต่ในการวางหลักประกันและการชำระเงินจากการปรับสถานะทุกสิ้นวันนั้น ยังกำหนดเป็นเงินบาท เหมือนสินค้าอื่นๆในTFEXทั้งนี้ผู้ซื้อและผู้ขาย Gold-D ต้องวางหลักประกันไว้กับบริษัทสมาชิกTFEX ที่เปิดบัญชีซื้อขาย ดังนี้ หลักประกันขั้นต้น เป็นเงินประกันที่ผู้ลงทุนต้องวางก่อนส่งคำสั่งซื้อหรือขาย กำหนดเป็นอัตรา บาท/สัญญา ที่มูลค่าประมาณ 3-5% ของมูลค่าสัญญาหลักประกันรักษาสภาพ เป็นระดับเงินประกันขั้นต่ำที่ต้องดำรงไว้ในการซื้อขาย โดยหากหลักประกันของผู้ลงทุนต่ำกว่าระดับนี้ ผู้ลงทุนจะถูกเรียกวางเงินหลักประกันเพิ่มเติมหลักประกันสำหรับการส่งมอบ เป็นหลักประกันที่ผู้ลงทุนจะต้องวางก่อนสัญญาครบกำหนดอายุ 10 วันทำการ ซึ่งกำหนดเป็นอัตราบาท/สัญญา ที่มูลค่าประมาณ10%ของมูลค่าสัญญาแท้จะเป็นการลงทุนใน TFEX เหมือนกันแต่Gold–D และ Gold Futures ก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียดหลายอย่าง รายละเอียด Gold-D Gold Futures สินค้าอ้างอิง ทองคำแท่ง ความบริสุทธิ์99.99% ทองคำแท่งความบริสุทธิ์96.50% ขนาดของสัญญา ทองคำน้ำหนัก 100 กรัม (3.2148 ทรอยออนซ์ หรือประมาณ 6.5 บาททองคำ) ทองคำน้ำหนัก 10 บาท (152.44 กรัม) หรือ ทองคำน้ำหนัก 50 บาท (762.20 กรัม) ราคาซื้อขาย ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD) ต่อทองคำหนัก 1 ทรอยออนซ์ บาท (THBต่อทองคำหนัก 1 บาททองคำ) สัญญาที่มีให้เลือกซื้อขาย 1 ซีรี่ย์ครบกำหนดในเดือนสุดท้ายของ ไตรมาสที่ใกล้ที่ใกล้สุดจากปัจจุบัน 3 ซีรี่ย์ครบกำหนดอายุในเดือนคู่ 3 ลำดับใกล้สุดจากปัจจุบัน การชำระราคาเมื่อสัญญาครบกำหนดอายุ ส่งมอบทองคำ (Physical Delivery) ชำระราคาเป็นเงินสด (Cash Settlement) จำนวนทองคำขั้นต่ำในการส่ง มอบทองคำ 1 กิโลกรัม (หรือ 10 สัญญา) - (ไม่สามารถส่งมอบทองจริงได้) ราคาที่ใช้ชำระราคาเมื่อสิ้นสุดอายุ ราคาซื้อขายถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (VWAP) ในช่วง 30 นาทีสุดท้าย x (THB/USD) x 3.2148 LBMA Gold Price AM x (15.244/31.1035) x (0.965/0.995) x ((THB/USD) คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนว่าจะเลือกลงทุนแบบไหน ทองคำแท่ง Gold–D Gold Futures หรือแค่เดินไปซื้อทองในร้านทองเก็บไว้ก็ได้เหมือนกันเช็คราคาทองคำวันนี้และย้อนหลังได้ที่https://www.aagold-th.com/gold-rate/ @page { margin: 2cm } p { margin-bottom: 0.25cm; direction: ltr; line-height: 115%; text-align: left; orphans: 2; widows: 2 }

Read More

Loading...
More