บทความทั่วไป

17/03/2563

การทำธุรกิจเครื่องประดับอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม


ปัจจุบันผู้บริโภคในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรปให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าใดๆต้องสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไปของสินค้านั้นๆได้ โดยเฉพาะซื้อเครื่องประดับทองคำและอัญมณี ปัจจุบันผู้ผลิตเครื่องประดับรายย่อยจำนวนมากให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบจากเหมืองที่สามารถติดตามตรวจสอบที่มาได้ผ่านองค์กรต่างๆ เช่น Anna Loucah ผู้ขายเครื่องประดับจากสหราชอาณาจักรใช้ทองส่วนใหญ่จากเหมืองขนาดเล็กที่ติดตามข้อมูลได้ในเปรู ซึ่งเป็นเหมืองที่ได้รับการรับรองจากองค์กร Fairtrade ขณะเดียวกันบริษัทเครื่องประดับรายใหญ่ก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน เช่น Tiffany and Co. ก็ใช้ทองซึ่งสามารถติดตามข้อมูลย้อนกลับไปยังเหมืองต้นกำเนิดได้ ผู้ผลิตเครื่องประดับจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง Chopard และผู้ผลิตเครื่องประดับจากฝรั่งเศสอย่าง Cartier ก็ใช้ทองคำซึ่งบางส่วนสามารถติดตามข้อมูลกลับไปถึงเหมืองได้ และผู้ถลุงทองก็สามารถให้บริการถลุงทองคำแบบแยกส่วนเพื่อให้ทองคำยังคงระบุแหล่งที่มาได้ โดย Chopard นั้นหาทองคำบางส่วนจากเหมืองที่ได้รับการรับรองจากองค์กร Fairmined ในละตินอเมริกา ในส่วนของการจัดหาวัตถุดิบเพชรนั้น แบรนด์ต่างๆ เช่น Forevermark ก็ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเพชรในตลาดโลก เพราะมีการรับประกันแหล่งที่มาที่ถูกต้องตามหลัก Kimberley Process และสนับสนุนให้ผู้หญิงได้ก้าวหน้าทางอาชีพการงาน ทั้งในฐานะคนงานเหมือง นักธรณีวิทยา และวิศวกรในประเทศผู้จัดหาวัตถุดิบเพชร นอกจากนี้ผู้ประกอบการหลายแห่งยังพยายาม หลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมือง โดยการหันมาใช้ทองคำและอัญมณีรีไซเคิลแทน ซึ่งผู้ค้าที่ประสบความสำเร็จในด้านนี้ คือ แบรนด์ Hoover and Strong ในตลาดสหรัฐฯ ที่ได้มีการนำเสนอชุดเครื่องประดับ Harmony Metals and Gems และได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี หรือการหันมาใช้เพชรและพลอยสีสังเคราห์ (Lab Grown Diamonds and Colored Gemstones) ก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

Read More

17/03/2563

การใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ


ปัจจุบันมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมากขึ้น เนื่องจากการผลิตสินค้าประเภทนี้อาศัยทักษะความชำนาญ ความคิดสร้างสรรค์ และความประณีตละเอียดอ่อนของช่างมีฝีมือไม่ว่าจะเป็นช่างทอง ช่างเจียรนัยเพชร เป็นต้น ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์เครื่องประดับรูปแบบใหม่อย่างเหมาะสม จะสร้างโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ สำหรับตัวอย่างนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เริ่มถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในปัจจุบันได้แก่ เทคโนโลยี 3D Printing เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในการผลิตเครื่องประดับตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ช่วยลดต้นทุนในการผลิต และใช้เวลาในการผลิตน้อยลง เทคโนโลยีนี่นำมาช่วยสร้างต้นแบบเครื่องประดับด้วยแนวคิดสามมิติ ทำให้ได้ต้นแบบหลากดีไซน์ไม่ซ้ำกัน และ 3D Printer ช่วยให้สามารถพิมพ์ต้นแบบเครื่องประดับได้หลายรูปแบบ จำนวนมากในครั้งเดียว 3D printing ยังสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการ ออกแบบเครื่องประดับด้วยตัวเองได้อีกด้วยซึ่งปัจจุบันมีบริษัทหลายรายจากหลายประเทศทั่วโลกนำเทคโนโลยี 3D printing มาใช้อย่างกว้างขวาง เทคโนโลยี CNC Machining เป็นเทคโนโลยีการผลิตชิ้นงานโดยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำงานโดยใช้หัวกัดหรือดอกสว่านเพื่อสกัดเนื้อวัสดุออกจากบล็อกชิ้นงาน เพื่อให้ได้รูปทรงชิ้นงานที่ต้องการ เทคโนโลยีนี้เป็นที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับในหลายประเทศ เช่น จีน ยุโรป โดยไทยและอินเดียก็เริ่มนำเทคโนโลยี CNC มาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับมากขึ้นด้วย AI (Artificial Intelligence) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่ร้อนแรงที่สุดในปัจจุบันซึ่งผู้ประกอบการในเกือบทุกอุตสาหกรรมได้นำ AI ไปใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ความชาญฉลาดของAI ทำให้สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละคน และส่งสารถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ทำให้สามารถคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจได้ เช่นในอุตสาหกรรมเพชรได้นำ AI มาประยุกต์ใช้ในการจัดระดับคุณภาพเพชร เพื่อลดความผิดพลาดของนักอัญมณีศาสตร์ ซึ่ง AI จะช่วยวิเคราะห์เพชรได้ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น AIยังช่วยให้ผู้ซื้อเพชรออนไลน์ตัดสินใจเลือกซื้อเพชรบนทางเลือกที่ดีที่สุดอีกด้วย Digital Ring Sizer ที่เรียกว่า PerfectFit เป็นแอพลิเคชั่นที่ใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ IOS และ Android สำหรับวัดขนาดนิ้วมือเพื่อสวมแหวน ได้อย่างแม่นยำภายในเวลาเพียงหนึ่งนาที การใช้งานแสนง่ายโดยเมื่อเปิดแอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์แล้วเลือกเพศ จากนั้นวางนิ้วมือลงไปที่หน้าจอโทรศัพท์ กดปุ่มเครื่องหมายบวกหรือลบเพื่อกำหนดเส้นรอบนิ้วมือ ทั้งนี้ แอพลิเคชั่น PerfectFit สามารถรองรับทุกแพลตฟอร์ม E-commerce บนมือถือ ยังไม่สรุปว่าเทคโนโลยีและนวตกรรมเหล่านี้ทำให้ช่างเพชร ช่างทองได้รับผลกระทบมาน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คืออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับต้องปรับตัวให้ทันกับโลกและการค้าที่เปลี่ยนไป เพราะหากธุรกิจปรับตัวไม่ทันก็จะถูกกลืนหายไปจากตลาดในอนาคต

Read More

17/03/2563

ผลกระทบของ Covid-9 ต่อตลาดเครื่องประดับในจีน


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-9 ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมาก ธุรกิจเกือบทุกประเภทได้รับผลกระทบ รวมถึงธุรกิจเครื่องประดับในจีนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบในครั้งนี้ได้ สำนักวิจัยเศรษฐกิจต่างๆประเมินว่าผลกระทบจากไวรัส Covid-9 นี้ น่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือGDPของจีนในปี 2563 มีโอกาสโตต่ำกว่า 6% สาเหตุหลักๆมาจากการขยายเวลาหยุดงานของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะที่เมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรม นักท่องเที่ยวที่ลดลงจากการหลีกเลี่ยงเดินทางในจุดเสี่ยง ผู้คนไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นในส่วนของผลกระทบต่อธุรกิจเครื่องประดับนั้น ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนเช่น แบรนด์เครื่องประดับระดับโลกอย่าง Bvlgari ที่มีร้านค้าปลีกกว่า 51 แห่งในจีน ยอมรับว่าวิกฤติไวรัสในครั้งนี้จะทำให้ยอดขายลดลง 1-8% สอดคล้องกับทาง Burberry ที่มีการปิดร้านไปแล้วกว่า 24 แห่ง จากทั้งหมด 64 แห่งในประเทศจีนและจำนวนผู้ซื้อลดลงกว่า 80% จากการปิดหลายเมืองของจีน เช่นเดียวกับแบรนด์ดังอย่าง Pandora ซึ่งต้องปิดสาขาในจีนลงชั่วคราว 70 แห่ง จากจำนวนร้านทั้งหมด 240 แห่ง ตามคำแนะนำของรัฐบาล ขณะที่สาขาในห้างสรรพสินค้าก็ซบเซาไม่มีลูกค้า ซึ่งยอดขาย 10% นั้นมาจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและฮ่องกง โดยคาดการณ์ว่ายอดขายปีนี้จะลดลง 3-6% ทางด้าน Tiffany & Co., Cartier และ Gucci ก็ยืนยันว่าได้ปิดร้านค้าหลายแห่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในประเทศจีน แต่ไม่เปิดเผยถึงตัวเลขที่แน่ชัด นอกจากหลายร้านค้าต้องปิดตัวลงแล้ว การแพร่ระบาดยังส่งผลกระทบต่อการจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับทั้งในประเทศจีนและนอกประเทศ เช่น Hong Kong International Jewellery Show ในฮ่องกงเลื่อนที่ต้องเลื่อนออกไปจากเดือนมีนาคมเป็นเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ดี สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้มากขึ้น มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดี โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะกระทบต่อธุรกิจในระยะสั้นช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ขณะเดียวกันก็มีหลายธุรกิจได้รับผลดีจากเหตุการณ์ดังกล่าว เช่น เภสัชกรรม สื่อบันเทิงออนไลน์ การซื้อขายออนไลน์ แม้แต่รถยนต์ส่วนบุคคล เนื่องจากผู้บริโภคมีความวิตกกังวลการใช้ระบบขนส่งสาธารณะและการช็อปปิ้งในสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก การประชาสัมพันธ์และนำเสนอสินค้าในช่องทางออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่ผู้ค้าต้องหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นทั้งนี้คาดการณ์ความเสียหายทางเศรษฐกิจของจีนจาก COVID-19 น่าจะรุนแรงกว่า SARS ในปี 2003 อย่างน้อย ๆ 4 เท่า หรือจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่าสองแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับทางการจีนจะสามารถควบคุมโรค COVID-19 ได้เร็วแค่ไหน

Read More

17/03/2563

ราชวงศ์ปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา


ราชวงศ์ปราสาททอง เป็นราชวงศ์ที่ 4 ที่ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา สมเด็จเจ้าฟ้าปราสาททองทรงสถาปนาราชวงศ์ขึ้นโดยการยึดอำนาจจากสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ กษัตริย์ราชวงศ์สุโขทัยพระองค์สุดท้าย ราชวงศ์ปราสาททองปกครองกรุงศรีอยุธยานาน 58 ปี (พ.ศ. 2171- พ.ศ. 2231) มีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ 4 พระองค์ได้แก่ • สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ผู้สถาปนาราชวงศ์ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุ 30 พรรษา ครองราชย์เป็นเวลา 27 ปี (พ.ศ. 2172 - 2199) • สมเด็จเจ้าฟ้าไชย (พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2199) พระโอรสของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ครองราชย์ได้เพียง 2 วัน (7 - 8 สิงหาคม) ก็ถูกพระนารายณ์ (พระอนุชา) ร่วมกับพระศรีสุธรรรมราชา ทำการยึดอำนาจและประหารชีวิต • สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา (พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2199) พระอนุชาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และเป็นพระเจ้าอาของเจ้าฟ้าไชย อยู่ในราชสมบัติได้เพียง 2 เดือน 18 วัน พระนารายณ์ก็ชิงราชสมบัติและสำเร็จโทษพระศรีสุธรรมราชา • สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231) พระโอรสของพระเจ้าปราสาททอง เมื่อพระราชบิดาสวรรคต พระนารายณ์ทรงร่วมกับ พระเจ้าอ (พระศรีสุธรรมราชา) ชิงราชสมบัติจากพระเชษฐา(เจ้าฟ้าไชย) และต่อมาทรงยึดอำนาจจาก พระศรีสุธรรมราชา แล้วจึงสถาปนาพระองค์ "ปราบดาภิเษก"เป็นพระมหากษัตริย์ ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ฯ ถือได้ว่ากรุงศรีอยุธยารุ่งเรืองถึงขีดสุด ทรงติดต่อสัมพันธ์กับชาวต่างประเทศมากมาย แต่ผลของการดำเนินนโยบายที่ล่อแหลมของพระองค์และการที่ทรงสนพระทัยในคริสต์ศาสนา ทำให้บรรดาขุนนางไทยและพระสงฆ์เกิดความรู้สึกต่อต้านชาวต่างชาติ เมื่อพระองค์ประชวร ได้ทรงแต่งตั้งให้พระเพทราชารักษาราชการ โดยยังไม่ได้มอบราชสมบัติให้ผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นพระอนุชา โอรสบุญธรรมหรือพระธิดาของพระองค์ พระเพทราชาจึงยึดอำนาจ พระปีย์(โอรสบุญธรรม)ถูกลอบสังหาร สมเด็จพระนารายณ์ฯ สวรรคตเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 พระเพทราชาก็ขึ้นครองราชสมบัติและสถาปนาราชวงศ์บ้านพลูหลวงสืบต่อมา พระอนุชาของพระนารายณ์คือ เจ้าฟ้าอภัยทศและเจ้าฟ้าน้อยถูกสำเร็จโทษจึงเป็นอันสิ้นสุดของราชวงศ์ปราสาททองนับแต่นั้นอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา มีพระมหากษัตริย์ 33 พระองค์ จาก 5 ราชวงศ์ คือ • ราชวงศ์อู่ทอง มีกษัตริย์ 3 พระองค์ • ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีกษัตริย์ 13 พระองค์ • ราชวงศ์สุโขทัย มีกษัตริย์ 7 พระองค์ • ราชวงศ์ปราสาททอง มีกษัตริย์ 4 พระองค์ • ราชวงศ์บ้านพลูหลวง มีกษัตริย์ 6 พระองค์

Read More

17/03/2563

พบขุมทองแห่งใหม่ในอินเดีย


สำนักงานเหมืองแร่ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย เปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางและรัฐอุตตรประเทศ ค้นพบร่องรอยสินแร่ทองคำจำนวนมากกว่า 2,940 ตัน ในเขตเมืองโซนภารา รัฐอุตตรประเทศ และอีก 646 กิโลกรัมในเมืองฮาร์ดีปาฮาดี หลังจากมีการสำรวจหาทองคำในพื้นที่นี้มานานกว่า 10 ปี ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐกำลังดำเนินการเปิดป่า และทำแผนงานด้านสิ่งสิ่งแวดล้อม ก่อนทำการเปิดให้นักลงทุนที่สนใจร่วมการประมูลเพื่อทำเหมืองทอง โดยประเมินว่าระดับความเข้มข้นของทองคำในพื้นที่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 กรัมต่อสินแร่ 1 ตัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัฐอุตตรประเทศกำลังทำงานร่วมกับ สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งชาติอินเดีย เพื่อลงความเห็นว่า จะสามารถขุดทองจากเหมืองแห่งนี้ได้มากน้อยเท่าใดกันแน่ก่อนหน้านี้รัฐบาลอินเดียมีความพยายาม รื้อฟื้นการทำเหมืองแร่ทองคำที่เคยทำในยุคอาณานิคม ที่มีอยู่หลายเมืองในรัฐกรณาฏกะ ทางภาคใต้ขึ้นมาใหม่ แต่โครงการดังกล่าวต้องล้มเลิกไป เพราะหลังการศึกษาวิจัยแล้วพบว่าการลงทุนทำเหมืองทองเหล่านี้น่าจะได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องจากจะได้ผลผลิตทองคำต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่สูงมากนั่นเอง ทั้งนี้อินเดีย เป็นประเทศผู้บริโภคทองคำรายใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก โดยอินเดียสามารถขุดทองจากเหมืองทองในประเทศ ได้ปีละประมาณ 2 - 3 ตัน ทำให้ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ทองคำภายในประเทศที่มีสูงถึงปีละ 843 ตัน ทำให้ต้องมีการนำเข้าทองคำจำนวนมากจากต่างประเทศตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทองที่นำเข้ามานี้ถูกนำไปทำเครื่องประดับ เพื่อบูชาเทพเจ้า หรือในพิธีวิวาห์ปีที่แล้ว(2019)อินเดียนำเข้าทองคำ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (977,998 ล้านบาท) นับเป็นสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากน้ำมันดิบรัฐอุตตรประเทศ มีเมืองหลวงชื่อลัคเนาว์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียห่างจากกรุงนิวเดลีประมาณ 500 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญในศาสนาฮินดู เช่น เมืองพาราณสี เมืองอโยธยา เมืองมธุรา และอัลลาลาบัดหรือเมืองโกสัมพีในสมัยพุทธกาล

Read More

17/03/2563

เท้าดอกบัวทองคำ ความงามตามความเชื่อของสาวจีน


ในวัฒนธรรมโบราณของชาวจีน มีประเพณีการมัดเท้าสตรีให้มีขนาดเล็กจนผิดรูปเรียกกันว่า "เท้าดอกบัวทองคำ”คือเท้าที่มีขนาดใหญ่ไม่เกินสามนิ้ว หากมีขนาดใหญ่กว่าสามนิ้วแต่ไม่เกินสี่นิ้วจะเรียกว่าเท้าดอกบัวเงิน ส่วนที่เกินสี่นิ้วขึ้นไปเรียกว่าดอกบัวเหล็ก ที่เรียกว่าดอกบัวเพราะดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของพระโพธิสัตว์กวนอิม จึงหมายถึงลักษณะของเท้าที่ประเสริฐ เทียบได้กับดอกบัว นอกจากนี้สัณฐานของเท้าที่ผ่านการรัดจะมีลักษณะคล้ายกับดอกบัวอีกด้วย ในขั้นตอนการรัดเท้าให้ได้ลักษณะเป็นเท้าดอกบัวทองคำนั้น ขั้นแรกหญิงสาวต้องล้างเท้าให้สะอาดเสียก่อน จากนั้นถูด้วยสารส้ม แล้วค่อยพันเท้าด้วยผ้ารัดเท้าที่ทำจากผ้าไหม หรือผ้าฝ้าย เป็นชั้นๆจากส้นเท้าไล่ขึ้นไปจนถึงนิ้วเท้า โดยหักนิ้วเท้าทั้งสี่ให้ติดชิดกับฝ่าเท้าด้านใน แล้วพันจนแน่น ผ้าที่ใช้รัดเท้าปกติกว้างประมาณ 3 นิ้ว - 3.5 นิ้ว แคบสุดไม่ต่ำกว่า 2.5 นิ้ว และยาว 7-10 ฟุต หลักฐานเก่าแก่ที่สุดของประเพณีการรัดเท้าในจีนที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายเกิดขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิหลี่อี้ว์ หรือหลี่โฮ่วจู่ แห่งราชวงศ์ถังใต้ ในยุค 5 ราชวงศ์ (พ.ศ. 1466-1479) โดยอ้างกันว่า นางกำนัลคนหนึ่งของจักรพรรดิหลี่อี้ว์ ชื่อ เหย่าเหนียง ต้องการทำให้จักรพรรดิพอพระทัย จึงใช้ผ้าที่ทำจากแพรไหมสวยงามรัดที่เท้าจนเรียวเล็กราวพระจันทร์เสี้ยว ขณะที่ร่ายรำต่อหน้าพระพักตร์ ทำให้จักรพรรดิหลี่อี้ว์ทรงพอพระทัยการแสดงครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาเหย่าเหนียงได้สั่งให้ทำรองเท้าที่ประดับประดาด้วยไข่มุก อัญมณีนานาชนิด แล้วให้นางสนมกำนัลสวมใส่หลังจากที่รัดเท้าแล้ว ก็ยังคงสร้างความพอพระทัยให้กับองค์จักรพรรดิเช่นเคย นับแต่นั้นแฟชั่นการรัดเท้าในหมู่นางในจึงค่อยๆ ขยายวงออกไปยังหมู่ลูกสาวของเหล่าขุนนางในสังคมชั้นสูง จนมาถึงสมัยราชวงศ์หมิง (พ.ศ. 1911-2187) ความนิยมในการรัดเท้าจึงค่อยแผ่กว้างไปในหมู่หญิงสาวสามัญชนทั่วประเทศ ล่วงมาถึงสมัยราชสำนักชิงจักรพรรดิเฉียนหลง (พ.ศ. 2279-2338) ได้ทรง ออกคำสั่งห้ามไม่ให้รัดเท้า ความคลั่งไคล้ในการรัดเท้าของหญิงสาวจึงค่อยลดลงไปแต่ก็ยังมีการลักลอบทำกันอยู่บ้าง จนเมื่อวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้าสู่สังคมจีนอย่างแพร่หลายในยุคหลังสงครามฝิ่น ประเพณีการรัดเท้าจึงยกเลิกไปในที่สุด

Read More

17/03/2563

ธงไชยเฉลิมพล


ธงไชยเฉลิมพลหรือธงชัยเฉลิมพลนั้น เดิมเรียกว่า ” ธงประจำทัพ ” มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับทหารทุกนายเพราะถือเป็นตัวแทนจอมทัพ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเหล่าทหารหาญยามออกรบ และเป็นมิ่งขวัญแก่ทหารทั้งปวง เมื่อธงนี้โบกสะบัดอยู่ที่ใดย่อมหมายความว่า พระเจ้าอยู่หัวฯ ประทับอยู่ ณ ที่นั้น ซึ่งธงชัยเฉลิมพลนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตอกฆ้อนเงินลงบนตะปูทองเหลืองเพื่อตรึงธงแต่ละผืนติดกับด้ามธงด้วยพระองค์เองธงชัยเฉลิมพลประจำกองทหาร มีลักษณะคล้ายธงชาติ พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นพระราชทานแก่หน่วยทหารเป็นคราวๆละหลายธง โดยก่อนทำพิธีมอบธงชัยเฉลิมพลให้กับหน่วยต่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงประกอบพระราชพิธีตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพล ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ท่ามกลางพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ชั้นผู้ใหญ่ ธงหนึ่งผืนมีรูตะปูประมาณ 32-35 ตัว ที่ส่วนบนของคันธงจะมีลักษณะเป็นปุ่มโลหะกลึงกลมสีทองภายในกลวง ปุ่มกลมนั้นทำเป็นฝาเกลียวปิด-เปิดได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงบรรจุเส้นพระเจ้า (เส้นพระเกศาของพระเจ้าอยู่หัว) พร้อมด้วยพระพุทธรูปที่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกแล้ว หรือที่เรียกว่า พระยอดธง ลงในปุ่มกลมแล้วทรงปิดฝาเกลียวขันแน่น ทรงเจิมแป้งกระแจะจันทน์ที่ยอดธงทุกคัน พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา แล้วจึงทำพิธีมอบธงชัยเฉลิมพลให้กับหน่วยต่าง ธงชัยเฉลิมพล ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเหล่าทหาร ให้มีความกล้าหาญก่อนการออกศึกและเมื่อออกศึกจะต้องคุ้มครองป้องกันธงชัยเฉลิมพลไว้ด้วยชีวิตและห้ามไม่ให้ธงตกถึงมือศัตรูเพราะนั่นย่อมหมายถึงการสูญสิ้นซึ่งจอมทัพ โดยกองทัพบกจะประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหาร เนื่องในวันกองทัพบก ประจำปีทุกปีเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่กำลังพลของกองทัพ ธงชัยเฉลิมพลมี 4 ประเภท คือ ธงชัยเฉลิมพลของทหารบก ธงชัยเฉลิมพลของทหารเรือ ธงชัยเฉลิมพลของทหารอากาศ และธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

Read More

24/02/2563

ทองคำ... เคล็ดลับความงามของคลีโอพัตรา


คลีโอพัตรา ราชินีแห่งอียิปต์ ความงดงามของพระนางถูกเล่าขานว่าเหนือสตรีทั่วหล้า ดังปรากฏให้เห็น จากงานศิลปะต่างๆ ในเวลาต่อมา เล่ากันว่าพระนางมีเคล็ดลับความงามมากมายไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำนม น้ำกุหลาบ น้ำผึ้ง และทองคำ ทองคำเป็นกุญแจไขความงามของพระนางคลีโอพัตรา โดยพระนางจะใช้หน้ากากทองบริสุทธิ์สวมใส่บนใบหน้าขณะบรรทมทุกคน ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาส่วนผสมของธาตุทองคำในเครื่องสำอางหลายรูปแบบ เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทรีทเม้นต์ สบู่ ลิปสติก และที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือการพอกหน้าด้วยทองคำ เพราะเชื่อว่าทองคำมีคุณสมบัติ ช่วยการทำงานของต่อมน้ำเหลืองในการขับสารพิษและของเสีย, กระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอความเสื่อมของคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน น้ำนม พระนางคลีโอพัตรา ทรงแช่ตัวในน้ำนมที่ผสมกับน้ำมันอัลมอนด์ เป็นประจำเพื่อให้ผิวมีความอ่อนนุ่ม สว่าง กระจ่างใสดุจน้ำนม จากหลักฐานทางโบราณคดีระบุว่าพระนางใช้นมของลาเพราะเป็นนมที่อุดมด้วยวิตามินเอและอีสูงกว่านมของสัตว์ชนิดอื่น อีกทั้งยังมีเอนไซม์ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการเกิดเซลล์ผิว น้ำกุหลาบ พระนางคลีโอพัตรา ใช้น้ำกุหลาบ ในการล้างหน้า เช้าเย็น วันละ 2 ครั้ง เพราะกุหลาบคือ ‘ราชินีแห่งดอกไม้’ น้ำมันสกัดจากดอกกุหลาบจะช่วยฟื้นฟูผิวจากมลพิษและความเหนื่อยล้าให้ผิวสดชื่นขึ้น เป็นการบำรุงผิวหน้า ให้มีความงามอ่อนนุ่ม เรียบเนียน ครีมประทินผิว พระนางคลีโอพัตราจะใช้ครีมประทินผิวที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้งร้อน ผสมด้วย น้ำว่านหางจระเข้ น้ำมันหอมดอกกุหลาบ และน้ำมันอัล น้ำผึ้ง พระนางใช้น้ำผึ้งมาร์คหน้าเป็นประจำ เพราะน้ำผึ้งมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ดูมีน้ำมีนวลเป็นธรรมชาติ การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งจึงช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่น นุ่มนวล ไข่มุก เล่าต่อกันมาว่าผิวขาวดุจไข่มุกของพระนางคลีโอพัตรา เกิดจากการใช้ผงไข่มุกแท้ทาตัวตลอดหลายปี ผิวจึงขาวผ่อง ลื่นเรียบ ดุจไข่มุกแท้ คลีโอพัตรา หรือคลีโอพัตราที่ 7 ฟิโลพาเธอร์ เป็นพระราชินีแห่งอียิปต์โบราณและเชื้อพระวงศ์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ทอเลมีแห่งมาซิโดเนีย ราชินีแห่งอียิปต์ผู้นี้ คือหญิงสาวที่มีพร้อมทั้งรูปลักษณ์และมันสมอง ประวัติศาสตร์เล่าว่า เธอสามารถพูดได้ถึง 6 ภาษา รวมทั้งยังเก่งเรื่องอักษรศาสตร์และศิลป์ แต่สิ่งที่ได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุดคือความงามที่เธอมีเหนือผู้ใด พระนางใช้งูพิษปลิดชีพพระองค์เองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ในปีที่ 30 ก่อนคริสตกาลด้วยการฆ่าตัวตายด้วยงูพิษ

Read More

24/02/2563

แหล่งแร่ทองคำใหญ่ทั่วโลก


ปัจจุบันมีการทำเหมืองผลิตแร่ทองคำทั่วโลกประมาณ 82 ประเทศ โดยแอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลกและเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก ราว 31,000 ตัน รองลงมาเป็นรัสเซีย ราว 7,000 ตัน และจีนอยู่ในอันดับ 3 ราว 6,328 ตันส่วนประเทศผู้ผลิตทองคำ อื่นๆได้แก่ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และเปรู ประเทศแอฟริกาใต้ มีการผลิตแร่ทองคำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2448 ปัจจุบันเป็นแหล่งผลิตทอง แหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก แหล่งแร่ทองคำส่วนใหญ่อยู่ในแอ่งที่ราบวิตวอเตอร์สแรนด์ (Witwatersrand Basin) ซึ่งเป็นแหล่งแร่ทองคำแบบทุติยภูมิ หรือแหล่งแร่ทองคำแบบลานแร่ ที่ซึ่งมีการทำเหมืองทองคำมาแล้วกว่า 100 ปี และได้ผลิต โลหะทองคำไปแล้วกว่า 41,000 ตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการค้นพบแร่ทองคำครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2396 ด้วยเทคโนโลยีการทำเหมืองแร่ที่ทันสมัยทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีผลผลิตแร่ทองคำอยู่ในอันดับต้น ของโลกมาโดยตลอด ประกอบกับเนื้อที่ของประเทศมีขนาดกว้างใหญ่ และมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่เอื้อต่อการกำเนิดแร่ทองคำ จึงมีโอกาสสำรวจพบแหล่งแร่ทองคำเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยมีการทำเหมืองทั้ง 2 แบบ คือ แหล่งแร่ทองคำแบบทุติยภูมิหรือแบบลานแร่ เช่น ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) รัฐอลาสก้า (Alaska) รัฐไอดาโฮ (Idaho) และรัฐออเรกอน (Oregon) ส่วนแหล่งแร่ทองคำแบบปฐมภูมิมีการทำเหมืองแร่ทองคำหลายพื้นที่ เช่น ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) รัฐโคโลราโด (Colorado) รัฐเนวาดำ (Nevada) รัฐอลาสก้า (Alaska) และรัฐเซ้าท์ดาโกต้า (South Dakota) ประเทศจีน มีแหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในมณฑลเสฉวน กานซู มองโกเลียใน และหูหนาน และยังพบแหล่งแร่ทองคำแห่งใหม่ๆที่มณฑลฉานซี ซึ่งคาดว่าเป็นแหล่งแร่ทองคำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก จากการประเมินในเบื้องต้นพบว่ามีปริมาณแหล่งแร่ทองคำประมาณ 16 ล้านเมตริกตัน และยังมีหลายพื้นที่ที่ยังไม่มีการเข้าไปสำรวจซึ่งคาดว่ายังมีแร่ทองคำอยู่มาก 30 กว่าปีมานี้ อุตสาหกรรมทองคำของประเทศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว อัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2521 จีนผลิตทองคำได้เพียง 19.67 ตัน ขณะที่ ในปี 2550 ปริมาณการผลิตทองคำในจีนอยู่ที่ 270.5 ตัน แซงหน้าแอฟริกาใต้ได้เป็นครั้งแรก กลายเป็นชาติที่ผลิตทองคำได้มากสุดในโลกจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2553 จีนผลิตทองคำได้ราว 340.876 ตันประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศที่มีทองคำเป็นสินค้ำออก ที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศ เป็นอันดับที่ 2 รองจากถ่านหิน อย่างไรก็ตาม พบว่า ในปี 2559 มีการผลิตแร่ทองคำจากเหมืองแร่ทั่วโลกประมาณ 3,100 ตัน โดยประเทศจีนกลายมาเป็นประเทศที่มีการผลิตทองคำมากที่สุด คือ 455 ตัน รองลงมา ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ ในขณะที่ประเทศที่มีปริมาณสำรองแร่ทองคำมากที่สุดได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และแอฟริกาใต้ ตามลำดับ

Read More

24/02/2563

ทองคำหวานๆ


ปัจจุบันนิยมนำทองคำมาเป็นส่วนผสมของอาหารและขนมหวานมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และนี่คือ 7 ขนมหวานที่มีส่วนผสมของทองคำ 1.อมยิ้มทองคำ เป็นผลผลิตของประเทศอเมริกา เป็นอมยิ้มรสแชมเปญ ที่มีส่วนผสมจากเกล็ดทอง 24k สามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ มีลักษณะเป็นสีขาวใส ทำให้เห็นเกล็ดสีทองที่บรรจุอยู่ภายใน คุณสามารถซื้อเป็นของขวัญเพื่อมอบให้กับคนพิเศษได้ในสนนราคาชิ้นละ 1.200 บาท2.ป๊อปคอร์นผสมทองคำ เป็นป๊อปคอร์ที่มีส่วนผสมของ คาราเมล วานิลลา เนย และเกล็ดทองคำ 23k ออกวางจำหน่ายที่ราคาถังละ 8,800 บาท3.พิซซ่าทองคำ ทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี มหกรรมศึกซูเปอร์โบว์ล มีผสมของเกล็ดทองคำ 24K จำหน่ายในราคาถาดลำ 3,500 บาท4.โดนัททองคำ เป็นโดนัทรสกาแฟเคลือบทองคำ จากคลับหรูใน Brooklyn เช่นเดียวกับป๊อบคอร์นทอง จำหน่ายในราคาเบาๆชิ้นละ3,500 บาท 5.ช็อกโกแลตเคลือบทองคำ เป็นของผลิตภัณฑ์ Kit Kat จากประเทศญี่ปุ่น ทำจากช็อกโกแลตเคลือบทองคำ 24k ผลิตเพียง 500 ชิ้นเท่านั้นจำหน่ายในราคาชิ้นละ 3,100 บาท 6. ซีเรียลผสมทองคำ เป็นของแบรนด์ Kellogg บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตซีเรียล เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ เป็นซีเรียลชนิดพิเศษที่ประกอบไปด้วยทองคำ เพชร ไข่มุก และถั่วมะคาเดเมีย7..ซอฟท์ไอศครีมเคลือบเกล็ดทองคำบริสุทธิ์ เป็นของร้าน Kinkaku Soft Ice Cream ที่ตั้งอยู่ในวัดมรดกโลกKinkakuji ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตัวไอศกรีม ทำมาจากผงชาเขียวและถั่วแดงห่อด้วยเกล็ดทองคำบริสุทธิ์ จำหน่ายไม่แพงอยู่ที่ราคา 330 บาทเท่านั้น 8. มิลค์เชคผสมทองคำ เป็นผลิตภัณฑ์ของอังกฤษ เป็นมิลค์เชคนมผสมไอศกรีมวานิลลา ราดด้วยเกล็ดช็อกโกแลต และเกล็ดทองคำเป็นท็อปปิ้ง สนนราคาอยู่ที่แก้วละ 2,800 บาท ทองคำบริสุทธิ์ ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะถูกขับออกจากร่างกายโดยไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

Read More

24/02/2563

อยากทำธุรกิจค้าทอง ...ต้องเรียน


การจะเข้าไปทำธุรกิจค้าขายทองคำไม่ใช่เรื่องง่าย ในอดตีการเรียนรู้ส่วนใหญ่มักเป็นการถ่ายทอดหรือส่งต่อความรู้กันในครอบครัว แต่ปัจจุบันนี้การเรียนรู้ธรกิจค้าทองคำง่ายขึ้น ด้วยมีการเปิดสอนเกี่ยวกับธุรกิจทองคำและโลหะมีค่า ให้ผู้สนเข้าสมัครเข้ารับการอบรมได้ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ และสมาคมค้าทองคำ การเปิดสอนหลักสูตรธุรกิจค้าทอง ก็เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทองคำให้ผู้บริโภคและ ผู้สนใจแบบครบวงจร ตั้งแต่คุณสมบัติของทองคำ กระบวนการผลิต การตรวจสอบ และการพัฒนาสินค้าทองรูปพรรณให้กับผู้ประกอบการ พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางวิชาการและยกระดับคุณภาพของบุคลากรในวงการอุตสาหกรรมเครื่องประดับทองของไทยด้วยเนื้อหาในหลักสูตร จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลหะมีค่า แหล่งกำเนิด ประวัติ การทำเหมืองทองและโลหะอื่นๆ เทคนิควิธีการตรวจสอบโลหะมีค่าด้วยเทคนิคพื้นฐาน และเครื่องมือขั้นสูง กระบวนการผลิตเครื่องประดับทองคำ และการประเมินราคาทอง รูปแบบธุรกิจค้าทองและเครื่องประดับ ภาษี กฎหมาย และมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง การลงทุนในทองคำ (AEC – Global) เป็นต้น ผลที่คาดว่าจะได้รับจากหลักสูตรนี้ คือ ผู้เรียนสามารถแยกชนิดต่างๆ ของอัญมณี และวิเคราะห์อัญมณีแท้ -เทียม หรือเลียนแบบ หรือที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพชนิดต่างๆ ที่ เป็นที่นิยมในตลาดอัญมณีได้ และยังสามารถประเมินคุณภาพและราคาของเพชร พลอย และเครื่องประดับตามมาตรฐานสากลได้ ทดสอบเปอร์เซ็นต์ทองและแยกชนิดทองแท้ ทองปลอม ทองยัดไส้ได้ จากเนื้อหาหลักฐานหรือผลที่จะได้รับจากหลักฐานนี้ถือเป็นประโยชน์หรือโอกาสที่ดีสำหรับใครที่ ต้องการเป็นจะผู้ประกอบการร้านทอง ร้านจิวเวลรี่ โรงรับจำนำ หรือร้านรับซื้อเครื่องประดับมือสอง หรือเป็นนักอัญมณีศาสตร์มืออาชีพที่สามารถดูเพชรพลอยได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถเรียนรู้หลักสูตรแบบนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านโลหะมีค่า แค่เพียงพร้อมเปิดใจรับที่จะเรียนรู้ สำหรับหลักสูตรนี้ถือเป็นวิชาที่ดีและน่าเรียนรู้อีกหลักสูตรหนึ่ง

Read More

21/02/2563

“Little Iron Horse” หนึ่งในเหรียญกษาปณ์รุ่นใหม่ที่นักสะสมไม่ควรพลาด


ตลอดปี 2019 ที่ผ่านมาโรงกษาปณ์แคนาดา (Royal Canadian Mint)ผลิตเหรียญที่ระลึกและเหรียญกษาปณ์เพื่อนักสะสมและนักลงทุนมากมายหลายรุ่น หนึ่งในนั้นคือเหรียญ “Little Iron Horse” เหรียญกษาปณ์รุ่นใหม่ดีไซด์หรู โดดเด่นด้วยสีดำและทอง ด้วยการผสมผสานกันระหว่างโรเดียมสีดำและสีเหลืองของทองคำผลงานของศิลปินชื่อดัง คล็อด ธีเวียร์จ เพื่อเชิดชู"เจ้าม้าเหล็ก" ที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์แคนาดามากว่า400 ปี“Little Iron Horse” เป็นเหรียญกษาปณ์รูปหัวม้า 2 หัว จัดวางในลักษณะหยิน-หยาง เพื่อเป็นที่ระลึกสายสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างม้ากับประวัติศาสตร์ของแคนาดา อีกด้านหนึ่งของเหรียญจำลองพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง สีทองตัดกับพื้นหลังโรเดียมสีดำ โดยการจัดสร้างเหรียญรุ่นพิเศษนี้ดำเนินการพร้อมกับเหรียญรุ่นอื่นๆที่พิเศษไม่แพ้กัน เช่นเหรียญเฉลิมฉลองซีซันที่ 25 ของทีมโทรอนโตแร็ปเตอส์ แชมป์บาสเกตบอลเอ็นบีเอ และเหรียญที่ระลึกเที่ยวบินครั้งประวัติศาสตร์บนยานอวกาศ เป็นต้น เหรียญกษาปณ์รุ่น First Canadian in Space ราคาหน้าเหรียญ 25 เซนต์ เป็นผลงานของศิลปินชื่อโทนี เบียนโก ผลิตขึ้นเพื่อยกย่องเที่ยวบินครั้งประวัติศาสตร์ของมาร์ค การ์โน (Marc Garneau) บนยานอวกาศ Challenger เมื่อปี 1984 ทำจากโลหะผสมสามชนิด ตัวเหรียญมีการไล่สีเป็นชั้นๆ เพื่อแสดงให้เห็นชั้นบรรยากาศของโลก วงแหวนรอบนอกทำจากบรอนซ์ วงแหวนรอบในทำจากคิวโปรนิกเกิล และตรงกลางเป็นทองเหลือง ส่วนเหรียญเฉลิมฉลองซีซันที่ 25 ของทีมบาสเกตบอลแชมป์ลีกเอ็นบีเออย่างทีมโทรอนโตแร็ปเตอส์ มี 2 รุ่นคือ รุ่นที่ทำจากเงินเกรดดีหนัก 1 ออนซ์ กับรุ่นที่ทำจากเหล็กกล้าชุบนิกเกิลราคาหน้าเหรียญ 25 เซนต์ มีโลโก้ของทีมทั้งใหม่และเก่าอยู่บนเหรียญ บรรจุอยู่ภายในแฟ้มโชว์ประดับตราประทับสีทองเพื่อเฉลิมฉลอง2019 NBA Championship นอกจากนี้ยังมีเหรียญกษาปณ์รุ่นพิเศษอีกหลายรุ่นที่เปิดตัวไปในปี 2019 ที่ผ่านมา ที่น่าสนใจได้แก่ - เหรียญทองคำแท้นูนสูงพิเศษราคาหน้าเหรียญ 200 ดอลลาร์ประจำปี 2019 รุ่น Purely Brilliant Collection: Forevermark Black Label Square ออกแบบโดยคริส รี้ด และโรซินา หลี่ ประดับเพชรแท้ทรงสี่เหลี่ยม - เหรียญเงินเกรดดีราคาหน้าเหรียญ 50 ดอลลาร์ประจำปี 2020 รุ่น Christmas Train ผลงานล่าสุดของโรงกษาปณ์แคนาดาที่มีชิ้นส่วนเงินเคลื่อนที่ได้ - เหรียญเงินเกรดดีราคาหน้าเหรียญ 50 ดอลลาร์ประจำปี 2020 รุ่น Real Shapes: The Caribou เหรียญรุ่นใหม่ในทรงหัวกวางคาลิบู ดังที่ปรากฏให้เห็นทั่วไปในเหรียญ 25 เซนต์ - เหรียญทองคำแท้ราคาหน้าเหรียญ 500 ดอลลาร์ประจำปี 2019 รุ่น 40th Anniversary of the Gold Maple Leaf ทำจากทองคำแท้ 99.99% หนัก 5 ออนซ์ - เหรียญทองคำแท้ราคาหน้าเหรียญ 2,500 ดอลลาร์ประจำปี 2019 รุ่น Into the Light: Lion หนัก 1 กิโลกรัม แสดงภาพหนึ่งในผลงานชิ้นเอกชุดทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกา ของศิลปินชีวิตสัตว์ป่าชื่อดังอย่างโรเบิร์ต เบตแมน ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเป็นผลงานของโรงกษาปณ์แคนาดา ที่มีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายมากที่สุดในโลก เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบเรื่องการผลิตเหรียญกษาปณ์และการจำหน่ายเหรียญหมุนเวียนของแคนาดา

Read More

21/02/2563

คนอเมริกันให้อะไรกันในวันวาเลนไทน์


เครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับจากแรนด์หรู เครื่องประดับทอง เงิน อัญมณี ยังคงติดอันดับของขวัญที่มีมูลค่าการใช้จ่ายสูงที่สุดที่คนอเมริกันเลือกมอบให้กันในวันวาเลนไทน์ โดยมีมูลค่ารวมสูงถึง 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยของขวัญที่คนอเมริกันนิยมซื้อให้คนรักมากเป็นอันดับหนึ่งได้แก่ ลูกอมรองลงมาคือการ์ดวาเลนไทน์ ดอกไม้ และดินเนอร์มื้อค่ำ สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาหรือNational Retail Federation(NRF) ซึ่งเป็นองค์กรค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลก สำรวจตัวเลขการใช้จ่ายของชาวอเมริกันในช่วงวันวาเลนไทน์ไว้ ว่า ในวันแห่งความรักนี้เป็นวันหนึ่งที่ชาวอเมริกันให้ความสำคัญและมีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดวันหนึ่ง แม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะไม่ดีนักแต่ชาวอเมริกันกลับมีแผนจะใช้จ่ายเงินซื้อของขวัญให้แก่คนรักเพิ่มขึ้นถึง 32% หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายราว 27.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะซื้อเครื่องประดับเป็นของขวัญืเพิ่มสูงถึง 48.7% นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกัน 55% มีแผนจะเฉลิมฉลองในวันวาเลนไทน์ และจะใช้จ่ายเงินสำหรับซื้อของขวัญราคาเฉลี่ย 196.31 เหรียญสหรัฐ โดยลูกค้าที่จะใช้จ่ายเงินในวันวาเลนไทน์สูงที่สุด 358.78 เหรียญสหรัฐ คือ กลุ่มอายุ 35-44 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 25-34 ปี ที่จะใช้จ่ายราว 307.51 เหรียญสหรัฐ ตามด้วยกลุ่มอายุ 18-24 ปี ซึ่งจะใช้จ่ายราว 109.31 เหรียญสหรัฐ โดยลูกค้าผู้ชายจะใช้จ่ายมากกว่าผู้หญิงกว่า 2 เท่า สำหรับของขวัญที่ชาวอเมริกันเลือกซื้อให้กับคนรัก ได้แก่ ลูกอม (52%) การ์ดวาเลนไทน์ (43%) ดอกไม้ (37%) ดินเนอร์มื้อค่ำ (34%) และเครื่องประดับ (21%) ซึ่งมีมูลค่าการใช้จ่ายสูงที่สุดถึง 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ชาวอเมริกันราว 27% ยังมีแผนที่จะซื้อของขวัญให้แก่สัตว์เลี้ยงด้วย โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนแหล่งซื้อของขวัญวาเลนไทน์ที่นิยม ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า 36% ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Discount Store) และร้านค้าออนไลน์ 32% (Amazon และ The like) ร้านค้าปลีกเฉพาะทาง 19% เช่น ร้านค้าปลีกเครื่องประดับแบรนด์ต่างๆ และร้านดอกไม้ 17% ด้วยเหตุนี้ สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยจึงยังมีโอกาส ในตลาดอเมริกาโดยเฉพาะในช่วงวันหรือเทศกาลสำคัญที่ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับให้แก่กัน ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด งานแต่งงาน วันแม่ (เดือนพฤษภาคม)และเทศกาลคริสต์มาส ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรผลิตสินค้าที่เข้ากับเทศกาลต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำยอดขายในตลาดอเมริกามากขึ้น

Read More

21/02/2563

ของกำนัลแทนใจของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8


ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์อังกฤษ เล่าถึงเรื่องราวโศกนาฎกรรมความรักพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 กับพระนางแอนน์ โบลีน ไว่ว่าแม้ความรักของทั้งสองจะไม่ยืนยาวนัก แต่พระเจ้าเฮ็นรี่ที่ 8 ก็ได้มอบของกำนัลให้แอนน์ โบลีน (Anne Boleyn) หลายชิ้นในช่วงที่นางได้รับการสถาปนาเป็นพระราชินีแห่งอังกฤษ ดังปรากฏตามภาพวาดต่างๆ เช่น จี้ทองคำอักษร ‘H’ ซ้อนทับกับ ‘A’ สร้อยคอไข่มุกประดับจี้ทองคำอักษรย่อ ‘B’ และพระราชินีแอนน์ โบลีนนี่เองคือผู้ให้กำเนิด “เจ้าหญิงอลิซาเบธ”ซึ่งต่อมาภายหลังได้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษนั่นเองเครื่องประดับเหล่านี้แฝงไว้ด้วยความหมายและความรู้สึกอันลึกซึ้งของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่มีต่อพระนาง เช่น สร้อยคอที่มีจี้ทองเป็นตัวอักษร ‘H’ ซ้อนทับกับ ‘A’ เป็นอักษรย่อพระนามของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และชื่อย่อของแอนน์ โบลีน แหวนประดับเพชรด้านในจารึกภาษาละติน และสร้อยคอไข่มุกขนาดสั้นติดคอ ประดับด้วยจี้ทองคำอักษรย่อ ‘B’ ด้านล่างห้อยไข่มุกทรงหยดน้ำ 3 เม็ด ซึ่งเป็นชื่อตระกูลโบลีน (Boleyn) ของนางนั่นเองแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn) เป็นบุตรของเซอร์โทมัส โบลีน ขุนนางคนสำคัญซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 ในวัยเด็กเธอถูกส่งตัวไปเป็นข้าราชบริพารในสมเด็จพระราชินีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศส(พระนางแมรี ทิวดอร์) แล้วจึงกลับมาเข้ารับราชการเป็นข้าราชบริพารในสมเด็จพระราชินีแคทเธอรีนแห่งอารากอน (พระราชินีในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8) แอนน์ โบลีน ขึ้นชื่อเรื่องความเฉลียวฉลาด มั่นใจในตัวเอง มีบุคลิกโดดเด่น ทำให้เธอเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ต่างจากเหล่าข้าราชบริพารสาวคนอื่นๆในราชสำนัก เธอจึงเป็นที่หมายปองของบรรดาขุนนางมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจังถึงขนาดต้องการที่จะแต่งงานกับนาง พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ต้องการหย่ากับพระราชินีแคทเธอ เพื่อจะได้แต่งงานกับแอนน์ โบลีน จึงส่งสาส์นไปยังวาติกันเพื่อขอหย่าจากพระนางแคทเธอรีน โดยให้เหตุผลว่าพระนางไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายเพื่อเป็นรัชทายาทแก่แผ่นดินอังกฤษ ได้ ซึ่งแน่นอนว่าได้รับการปฏิเสธจากวาติกัน (การหย่าร้างของกษัตริย์ต้องได้รับการยินยอมจากสมเด็จพระสันตปาปาแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกก่อน) เจ้าเฮนรี่ที่ 8 ซึ่งมีความลุ่มหลงในตัวของแอนน์ โบลีนเป็นอย่างมากจนไม่อาจหักห้ามใจได้ จึงแอบสมรสอย่างกันอย่างลับๆ โดยให้อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรีประกาศให้การสมรสระหว่างพระองค์กับสมเด็จพระราชินีแคทเธอรีนเป็นโมฆะ ด้วยพระนางเคยผ่านสมรสกับเจ้าชายอาเธอร์ (พระโอรสองค์โตของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 7)มาก่อน เหตุการณ์ครั้งนี้ยังนำไปสู่การประกาศแยกตัวออกจากคริสตจักรโรมันคาทอลิกของอังกฤษอีกด้วยหลังเข้าพิธีรับตำแหน่งราชินีแห่งอังกฤษได้ไม่นาน (วันที่ 1 มิถุนายน 1533) เธอได้ให้กำเนิดพระธิดานามว่า ‘เจ้าหญิงอลิซาเบธ’ สร้างความผิดหวังให้พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 หวังเป็นอย่างยิ่งเพราะทรงหวังว่าบุตรที่เกิดจากพระนางแอนน์ โบลีน จะเป็นพระโอรส ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความรักที่พระงองค์เคยมีต่อนางจืดจางลง ทรงเบื่อหน่ายกับพระราชินีที่กล้าคิด กล้าพูดจนเกินงาม จนดูเหมือนเป็นการแทรกแซงเรื่องการเมืองการปกครองอย่างไม่ไว้หน้าพระองค์ ซึ่งหนทางเดียวที่แอนน์จะรักษาสถานภาพและตำแหน่งราชินีของตนเองไว้ได้ก็คือ การให้กำเนิดพระโอรสเท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็ตั้งครรภ์และแท้งอีก 2 ครั้ง เมื่อไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้ก็ทำให้สถานภาพของพระนางสั่นคลอน ต่อมาพระนางถูกจับในข้อหา “คบชู้” กับชายมากหน้าหลายตารวมถึง ‘จอร์จ โบลีน’ น้องชายร่วมสายเลือด ข้อกล่าวหาอันรุนแรงดังกล่าวนี้บ้างก็ว่าเป็นเรื่องจริง ด้วยนางต้องการมีบุตรชายเพื่อรักษาสถานภาพของตนเองเอาไว้ แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ทรงยัดเยียดข้อกล่าวหานี้เพื่อกำจัดนางให้ออกไปพ้นทาง ความจริงเป็นเช่นไรไม่มีใครทราบได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วพระนางก็ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตัดคอในวันที่ 19 พฤษภาคม 1536 ณ หอคอยแห่งลอนดอน

Read More

19/02/2563

เข็มกลัดทองคำล้อมเพชรและแหวนมรกต ของพระราชทานแห่งความทรงจำ


อาภัสรา หงสกุล ผู้ได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาลนางงามจักรวาลคนที่ 14 ในการประกวดที่หาดไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกาและเป็นคนแรกของไทย เปิดเผยของพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี 2 วาระ 2 ชิ้น คือ จี้ทองคำล้อมเพชรและแหวนมรกต ที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ แหวนมรกตล้อมเพชร แหวนมรกต เป็นของขวัญพระราชทานเนื่องในพิธีมงคลสมรสระหว่างคุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล กับม.ร.ว.เกียรติคุณ กิติยากร โดยหลังจากได้รับตำแหน่งนางงามจักวาลคนแรกของประเทศไทยแล้ว ต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่นางงามจักวาลทั่วโลก เมื่อกลับประเทศไทยก็ได้พบรักกับ ม.ร.ว.เกียรติคุณ กิติยากร โดยคุณปุ๊กเล่าว่าคุณชายเกียรติคุณว่า เป็นสุภาพบุรุษที่น่ารัก เป็นชายในฝันของบรรดาของสาวๆในยุคนั้น ในวันแต่งงานของทั้งคู่ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี ได้พระราชทานเครื่องประดับเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมเพชรให้เป็นของขวัญ โดยระหว่างที่พระราชทานทรงมีรับสั่งว่า "ทำชื่อเสียงให้ประเทศไทย" แล้วก็พระราชทานแหวนมรกตให้ วันนั้นคุณปุ๊กเล่าว่ารู้สึกปลาบปลื้มใจมาก แม้จะยืนตลอด ทั้งคืนก็ไม่เหนื่อยเพราะดีใจมาก เข็มกลัดทองคำลงยาสลักตราประจำพระองค์ หลังแต่งงานคุณอาภัสรา ได้มีโอกาสถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หลายครั้ง โดยมีหน้าที่ฟ้อนถวายในงานพระราชทานเลี้ยงพระราชอาคันตุกะหลายครั้ง เช่นงานเลี้ยงต้อนรับ ควีนอลิซาเบธ พระเจ้าซาร์ ทั้งเซิ้ง ฟ้อนเล็บ และรำลาวดวงเดือน วันหนึ่งในงานพระราช ทานเลี้ยงขอบใจผู้ที่มีส่วนร่วมการถวายการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง สมเด็จฯพระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานเข็มกลัดทองคำลงยาสลักตราประจำพระองค์ พระนามาภิไธยย่อ สก.เดินขอบด้วยเพชร จากพระหัตถ์แก่คุณปุ๊ก พร้อมมีพระราชดำรัสว่า "รำอยู่หลายงานค่ะ” นั่นคือความประทับใจและความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จฯพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผ่านช่วงเวลาความสุขที่สุด ของนางงามจักรวาลตลอดกาล คุณปุ๊กอภัสรา หงสกุล อาภัสรา หงสกุล ชื่อเล่น ปุ๊ก เกิดที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 6 คนของนาวาอากาศเอก (พิเศษ) เพิ่ม และเกยูร หงสกุล เป็นนางสาวไทยพ.ศ. 2507 ครองมงกุฎนางงามจักรวาล ค.ศ. 1965 เป็นนางงามจักรวาลคนที่ 14 และคนที่ 2 ของเอเชีย ต่อจากอากิโกะ โคจิมะ นางงามญี่ปุ่นที่ครองตำแหน่งนี้เมื่อ ค.ศ. 1959

Read More

19/02/2563

ไวรัสโคโรนา กับผลกระทบต่อราคาทองคำ


ในปี 2545 เกิดการระบาดของโรคซาร์ที่มณฑลกวางตุ้งของจีน ทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้น จาก 318.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปแตะระดับสูงสุดที่ 388.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์(ต้นเดือนธ.ค. 45-ก.พ. 2546) หรือปรับตัวสูงขึ้นมากสุดถึง 21.94% จึงมีคำถามตามมาว่า สถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่ระบาดอยู่ในขณะนี้จะมีผลต่อราคาทองคำอย่างไร การระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งนี้ สร้างความวิตกให้กับนักลงทุนไม่น้อย ประกอบกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก" ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาจะสามารถควบคุมได้ เมื่อไหร่ ราคาทองคำก็มีโอกาสปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หากย้อนดูผลกระทบจากโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ ซาร์สเมื่อ 17 ปีก่อน ก็น่าจะประเมินได้ว่าส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในตลาดโลกอย่างแน่นอนย้อนดูผลกระทบของ โรคซาร์ส ต่อราคาทองคำจะพบว่าในครั้งนั้น โรคซาร์สมีต้นกำเนิดที่มณฑลกวางตุ้งของจีน ก่อนจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปสู่ฮ่องกงและระบาดต่อเนื่องไปอีก 30 ประเทศทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากซาร์สมากถึง 774 คนทั่วโลก จากจำนวนผู้ป่วย 8,098 คน ในครั้งนั้น ราคาทองคำทะยานขึ้นสุดสุดถึง 21.94% จาก 318.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เป็น388.5 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และตัวเลขปริมาณความต้องการบริโภคทองคำของจีนช่วงเวลาดังกล่าวลดลงเกือบ 1 ใน 3 จากระดับ 63.2 ตันในไตรมาส 1 สู่ 44.6 ตันในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2003 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 3 สู่ระดับ 58.6 ตัน ซึ่งเป็นช่วงหลังจากสิ้นสุดการระบาดของซาร์สปัจจุบันการระบาดของโรคไวรัสโคโรนาที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตแซงหน้าโรคซาร์สไปแล้ว อาจสร้างมูลค่าความเสียหายเป็นเม็ดเงินมากกว่าโรคซาร์สถึง 3-4 เท่า เพราะจีนมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และเศรษฐกิจจีนยังคิดเป็นสัดส่วนถึง 17% ของ GDP โลก สถานการณ์นี้จึงสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน และหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเป็นวงกว้างขึ้น โดยนักลงทุนยังต้องจับตาดูสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด

Read More

19/02/2563

เปิดคดีฟอกเงิน “ค้าทองคำ” ตลาดมืด


ศาลเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียมพิพากษาอดีตผู้บริหารบริษัททำธุรกิจโรงสกัดทองคำและโลหะมูลค่าสูงรายใหญ่ ในข้อหาฟอกเงินและฉ้อโกงโดยการลักลอบขนทองคำออกจากประเทศเวเนซูเอลาและร่วมกันสร้างเครือข่ายซื้อขายทองคำอย่างไม่สุจริตกับลูกค้านิรนาม ผ่านรูปแบบการซื้อขายในตลาดมืด สำนักข่าวอิศรานำเสนอรายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2563 ที่ผ่านมาว่านายอัลเลน โกตส์ (Alain Goetz) อดีตผู้บริหารบริษัท Tony Goetz ถูกพิพากษาจำคุกเป็นระยะเวลา 18 เดือน ในข้อหาฟอกเงินและฉ้อโกง โดยศาลได้มีคำวินิจฉัยว่า"... โรงสกัดทองจะซื้อขายทองกับทางลูกค้าและจะแบ่งยอดการซื้อทองที่มีจำนวนราคาสูงเป็นหลายๆครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ยอดจำนวนเงินซื้อขายเกินกับจำนวนที่กำหนดไว้ในการโอนเงินแต่ละครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่าโรงสกัดทองแห่งนี้ยังเคยรับซื้อขายอัญมณีทองคำที่ได้มีจากการปล้นในเมืองแอนต์เวิร์ปด้วย..."คำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการสอบสวนพบว่านายอัลเลน อดีตผู้อำนวยการบริษัท Tony Goetz ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการก่อสร้างโรงสกัดทองคำในประเทศยูกันดา ลักลอบขนทองคำออกจากประเทศเวเนซูเอลาเพื่อนำมาใช้ในโรงสกัดทองดังกล่าวโดยร่วมกับนายซิลเวน โกตส์ พี่ชายคนโต ประธานบริษัทคนปัจจุบันสร้างเครือข่ายซื้อขายทองคำกับลูกค้านิรนามในตลาดมืด คำพิพากษายังระบุถึงรูปแบบการซื้อขายทองคำว่า โรงสกัดทองจะซื้อขายทองกับทางลูกค้าและจะแบ่งยอดการซื้อทองที่มีจำนวนราคาสูงเป็นหลายๆครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ยอดจำนวนเงินซื้อขายเกินกับจำนวนที่กำหนดไว้ในการโอนเงินแต่ละครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่าโรงสกัดทองแห่งนี้ยังเคยรับซื้อขายอัญมณีทองคำที่ได้มีจากการปล้นในเมืองแอนต์เวิร์ปด้วยเบื้องต้น ศาลได้พิพากษาสั่งปรับเงินโรงสกัดทองเป็นจำนวนทั้งสิ้น 99,000 ยูโร (3,395,177 บาท) แต่ให้ภาคทัณฑ์เอาไว้ก่อน อย่างไรก็ตามโรงสกัดทองคำได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ยืนยันว่าได้ทำตามข้อบังคับการซื้อขายทุกประการ และว่านายอัลเลนเป็นเพียงอดีตผู้บริหารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด โดยบริษัทกำลังวางแผนที่จะยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อไป ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีลูกค้าอย่างน้อยจำนวน 25 รายของบริษัท Tony Goetz ถูกตรวจสอบพบความผิดจากการมีส่วนร่วมในกระบวนการซื้อขายอันไม่สุจริตนี้และอาจต้องโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 9 เดือนด้วยขอขอบคุณข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)

Read More

19/02/2563

ของเล่นเศรษฐี


เศรษฐีกับทองคำดูเหมือนเป็นของคู่กันมายาวนาน ผู้มีอันจะกินที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้มักมีความสุขกับการสรรหาของกินของใช้ที่ทำด้วยทอง ซึ่งบางครั้งคนธรรมดาทั่วไปก็เกินจะจินตนาการได้ว่าทำไปเพื่ออะไร และนี่คือตัวอย่างของ ของเล่นเศรษฐี ที่ปรากฏให้เห็นจนหลายคนอิจฉา ตะเกียบทองคำ เป็นผลงานของร้าน Erotic Jewellery ร้านเครื่องเพชรชื่อดังในเมืองโกลด์โคสต์ รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ผลิตขึ้นมายั่วน้ำลายเศรษฐีกระเป๋าหนัก ทำด้วยทองคำ 18 กะรัต ตกแต่งให้สวยงาม และหรูหราด้วย เพชร ไข่มุก และไม้มะเกลือ ใช้เวลาทำกว่า 340 ชั่วโมง ราคาเบาๆสำหรับมหาเศรษฐีที่ 139,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.3ล้านบาท) นอกจากนี้ ไข่มุกที่ติดอยู่ปลายตะเกียบยังสามารถถอดออกไปสวมเป็นสร้อยคอได้ด้วย รถยนต์ทองคำ บรรดามหาเศรษฐีจากอาหรับเช่นดูไบ ซาอุดิอารเบีย กาตาร์ นิยมขับรถสปอตหรูสีทองอร่ามทั้งคันเพื่อโชว์ความมั่งคั่ง บางคันไม่เพียงหุ้มด้วยทองเท่านั้นแต่ยังประดับตกแต่งด้วยเพชรรอบคันอีกด้วย เรื่องราคาคงยากจะคาดเดากล้องทองคำ Lomography ได้ออกแบบคอลเลคชั่นใหม่ “Lomography Gold Edition” กล้องโลโม่สีทองสุดหรู 3 แบบ Diana F+, Diana Mini และ Fisheye No.2 หรูหราด้วยสีทอง, สีขาว และสีดำ มาพร้อมโซ่ทองคล้องคอสไตล์ Bling-Bling ล่อตาล่อใจเศรษฐีที่ชื่นชอบสีเหลืองอร่ามของทองได้เป็นอย่างดี แฮนสปินเนอร์ ทองคำ บริษัท Caviarจากรัสเซียที่เคยสร้างความฮือฮามาแล้วจากiPhoneทองคำราคาหลักแสนบาท มาคราวนี้พวกเค้าได้เปิดตัวแฮนสปินเนอร์ของเล่นยอดฮิต มีหลายแบบ หลายราคาให้เลือก ตั้งแต่แบบที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ชุบทองทั้งอัน ราคาเบาๆที่14,900 รูเบิลรัสเซีย (ประมาณ 8,400 บาท) ถ้าทำมาจากทองคำ และประดับเพชร ราคาอยู่ที่ 99,000รูเบิลรัสเซีย (ประมาณ 56,000 บาท) ส่วนตัวท็อปสุดทำมาจากทองคำทั้งอัน ราคาอยู่ที่ 999,000รูเบิลรัสเซีย (ประมาณ 570,000 บาท) เศรษฐีคนไหนสนใจก็หาซื้อได้แล้วในเวลานี้ตู้ ATM สำหรับซื้อทองคำแท่งการกดเงินจากตู้ATM มันธรรมดาไป หลายๆประเทศจึงติดตั้งตู้กดทองคำไว้บริการลูกค้า เช่นที่ศูนย์การค้า Westfield ประเทศอังกฤษ ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตและที่สิงคโปร์ โดยลูกค้าสามารถใช้บัตรเครดิตหรือเงินสด เพื่อซื้อเหรียญทองคำ หรือทองคำแท่งขนาดต่างๆ ได้ภายในไม่กี่วินาทีจากตู้ATM นี้สุดท้ายเป็นเรื่องของเศรษฐีบ้าทองเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม นาย Tran Ngoc Phuc นักธุรกิจชาวเวียดนามวัย 36 ปี ผู้หลงใหลในสีเหลืองอร่ามของทองคำ ทุกครั้งที่ออกจากบ้านจะต้องใส่เครื่องประดับทองออกไปด้วยตลอด รวมน้ำหนักบนตัวไม่ต่ำกว่า 13 กิโลกรัม ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ เหรียญทองห้อยคอ และกำไลคิดเป็นมูลค่ากว่า 550,000เหรียญ (ประมาณ 18 ล้านบาท) จึงไม่น่าแปลใจที่การออกไปนอกบ้านแต่ละครั้งเขาต้องจ้างบอดี้การ์ดถึง 5 คน เพื่อคอยคุ้มกันทั้งทองคำ และตัวเอง ถ้าไม่รักจริงคงไม่ใส่ไปให้ลำบากขนาดนี้

Read More

19/02/2563

ยอดส่งออกทองคำไทยปี62 พุ่ง เตือนรับมือเศรษฐกิจปี 63 ทรุด


การกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกทองคำไทยตลอดปี2562 ว่าเพิ่มขึ้นถึง 73.71% จากการส่งออกไปเก็งกำไรทำกำไรในช่วงที่ราคาทองคำอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยตลาดการส่งออกที่สำคัญคือสวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์และออสเตรเลีย อีกทั้งการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในปี 2562 ก็มีการฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้น 6.34% มูลค่ากว่า 8พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2.5 แสนล้านบาทสรุปยอดรวมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับตลอดปี 2562 มีมูลค่ากว่า 1.56 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 30.91% โดยได้อานิสงค์จากส่งออกทองคำไปเก็งกำไร และการส่งออกพลอยสีที่มาแรงตลอดทั้งปี โดยพลอยก้อน พลอยเนื้อแข็งเจียระไน และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไนมีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้น 294.82% , 6.75% และ 10.72% ตามลำดับ ขณะที่เศษหรือของที่ใช้ ไม่ได้ทำด้วยโลหะมีค่า เพิ่มขึ้นมากว่า300% และเครื่องประดับทอง เพิ่ม 0.66% แต่ก็มีสินค้าหลายรายการที่มียอดการส่งออกลดลงเช่น เครื่องประดับแท้ เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับแพลทินัม เพชร เพชรก้อน และเพชรเจียระไน อาเซียนยังเป็นตลาดส่งออกที่ขยายตัวมากสุด 177.48% จากการส่งออกไปสิงคโปร์ กัมพูชาและเวียดนาม รองลงมา คือ อินเดีย เพิ่ม 89.79% จากการที่เศรษฐกิจอินเดียขยายตัว ทำให้มีการนำเข้า เพชรเจียระไน พลอยก้อน พลอยเนื้ออ่อน-เจียระไน และโลหะเงิน เพิ่มขึ้น และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพิ่ม 1.19% จากการส่งออกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนฮ่องกงตลาดอันดับ 1 การส่งออกยังคงลดลงต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากผลกระทบจากสงครามการค้าทำให้จีนนำเข้าจากฮ่องกงลดลง และปัญหาการประท้วงทำให้นักท่องเที่ยวลด ร้านค้าปลีกหลายรายปิดตัวลงการนำเข้าจากไทยจึงลดลง ขณะที่สหภาพยุโรปเกิดปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นเดียวกับสหรัฐฯ การส่งออกจึงลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2563 นี้ ผู้ส่งออกคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าที่อาจลุกลามไปสหภาพยุโรป สงครามระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านที่อาจรุนแรงขึ้น ไวรัสโคโรนาที่หากลุกลามและกินเวลานาน จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ทำให้เกิดผลต่อเนื่องถึงการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ชะลอตัวลง และในที่สุดก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวตามไปด้วย รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการอาจต้องหันมาให้ความสำคัญกับการค้าออนไลน์ และเพิ่มช่องทางการค้าผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น เพื่อสื่อสารกับลูกค้า และต้องศึกษาความต้องการของตลาดและผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการด้วย เพื่อทำให้สินค้าไทยยังคงเป็นที่ต้องการและส่งออกได้เพิ่มขึ้น

Read More

19/02/2563

ราคาทองคำไทย vs ราคาทองคำโลก


หลายคนอาจสงสัยว่าราคาทองคำในคลาดโลก กับราคาทองคำในบ้านเรา เท่ากันหรือต่างกันหรือไม่ อย่างไรแล้วที่มีคนบอกว่า ราคาทองหน้าร้านทองของไทยแพงกว่าราคาในตลาดโลกนั้นจริงหรือไม่ แล้วทำไมจรึงเป็นเช่นนั้น วันนี้มีคำตอบให้หายสงสัยกัน ความจริงแล้วทั้ง“ราคาทองไทย”และ“ราคาทองโลก”เป็นราคาทองเหมือนกันแต่มีที่มาแตกต่างกันจึงทำให้ราคาแตกต่างกัน โดยราคาทองโลก มาจากราคาทองในตลาดGold Spotซึ่งมีการซื้อขายกันวันจันทร์-วันศุกร์ ตลอด 24 ชั่วโมง ราคามีหน่วยเป็นดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์และมาตรฐานของทองที่ซื้อขายกันในตลาดต้องมีความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่า 99.5% ซึ่งราคา Gold Spot ขึ้น-ลงตามปัจจัยต่างๆเช่นวิกฤติทางการเงิน ภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้นแต่ราคาทองนี้เป็นราคาที่ซื้อขายกันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นยังไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายในการจัดการและส่งมอบ ส่วนราคาทองของไทยที่โชว์อยู่ที่หน้าร้านขายทอง จะขึ้น-ลงตาม 3 ปัจจัยคือ ราคา Gold Spot,อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินและค่า Premiumหรือค่าดำเนินการในการนำเข้าและส่งออก โดยราคาจะแสดงเป็นหน่วยบาท/ทองคำ 1 บาทอ้างอิงตามราคาจากสมาคมค้าทองคำ ซึ่งเป็นราคาที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปทั้งนี้ ราคาทองคำจากสมาคมค้าทองคำจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ ทองที่นิยมซื้อขายในไทยจะอยู่ที่ความบริสุทธิ์ 96.5% โดยทองรูปพรรณจะขายแพงกว่าทองคำแท่งเพราะมีการบวกเพิ่มค่ากำเหน็จหรือค่าใช้จ่ายในการขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับไว้ด้วย และเวลารับซื้อคืนราคาก็จะต่ำกว่าเพราะราคาซื้อ สมาคมค้าทองคำชี้แจงเรื่องสูตรการคำนวณราคาทองในประเทศไว้ว่าต้องนำเงินบาทซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญคูณเข้าไปในสูตรการคำนวณราคาทองด้วย สูตรการคำนวณราคาทองในประเทศจึงเป็นดังนี้ราคาทองไทย = (Spot Gold + Premium) x 32.148 x ค่าเงินบาท x (.965 /65.6)และหากถอดสูตรคำนวณด้านบนให้สั้นลงจะได้ราคาทองไทย = (Spot Gold + 2 ) x ค่าเงินบาท x 0.473อธิบายตัวเลขในสูตร ได้ว่า .473 ได้มาจาก 32.148 x (.965/65.6) จะเท่ากับ 0.4729 และปัดทศนิยมเป็น 3 หลักจะได้ 0.473premium คือ ต้นทุนในการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ จะมีค่าอยู่ระหว่าง 1-2 เหรียญ (ปัจจุบันค่า premium จะถูกปรับให้เป็น 2)32.148 คือ น้ำหนักของทองคำ 1 กิโลกรัม เมื่อเทียบเป็นออนซ์ ซึ่งเป็นทองคำต่างประเทศชนิด 99.99%0.965 คือ ทองคำในประเทศชนิด 96.5% คิดจาก 96.5/10065.6 คือ น้ำหนักของทองคำชนิด 96.5% 1 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับน้ำหนัก 1 บาท

Read More

19/02/2563

ทองคำสีเขียวของชาวคิวบา


ประเทศคิวบาได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งผลิตซิการ์ที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก ยอดจำหน่ายซิการ์ในแต่ละปีมีมูลค่านับหมื่นล้านบาทและยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้จะโดนสหรัฐคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะคิวบาเป็นแหล่งผลิตใบยาสูบคุณภาพดีที่นอกจากนำผลิตเป็นซิการ์แล้ว ก็ยังส่งออกใบยาสูบไปจำหน่ายทั่วโลกด้วย ดังนั้นเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบในคิวบาจึงเป็นเสมือนเจ้าของทองคำสีเขียว ที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงมาโดยตลอดใบยาสูบ เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตซิการ์และเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นๆ โดยปีที่ผ่านมา(2562) มียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากใบยาสูบไปแล้วกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อนหน้านั้น โดยมีประเทศจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่เช่นเดียวกับฝรั่งเศสและสเปน ซึ่งขณะนี้ผลิตภัณฑ์ใบยาสูบของคิวบา ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงตลาดในตะวันออกกลางและเอเชียที่มีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์จากใบยาสูบถือเป็น 1 ในรายได้หลักของคิวบานอกเหนือจากการท่องเที่ยว เหมืองแร่ และบริการทางการแพทย์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมยาสูบจึงได้รับการยกย่องให้เป็นทองคำสีเขียวสำหรับชาวคิวบา บริษัทบุหรี่ฮาบานอส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตบุรีที่มีรัฐบาลคิวบาเป็นเจ้าของร่วม เปิดเผยว่า ประเทศจีนได้แซงหน้าฝรั่งเศสขึ้นมากลายเป็นตลาดส่งออกซิการ์คิวบาที่ใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากสเปนแล้ว โดยยอดขายซิการ์ในจีนเติบโตถึง 55 % และในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกโดยรวมเติบโตขึ้น 9 % ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่ายอดขายซิการ์คิวบายังแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญกับความยากลำบากมาโดยตลอด ทั้งการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ การกีดกันทางการค้า รวมถึงผลกระทบในตลาดฝรั่งเศสจากการขึ้นภาษีผลิตภัณฑ์ยาสูบ 17 % ทำให้บริษัทต้องปรับขึ้นราคาจำหน่าย 8 - 10 % แต่การส่งออกก็ขังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยตลาดการส่งออกผลิตภัณฑ์จากใบยาสูบ(ซิการ์)ในปัจจุบันของคิวบา กว่า 54 เปอร์เซ็นต์ถูกส่งไปขายในยุโรป ตามมาด้วยละตินอเมริกา 17 เปอร์เซ็นต์และ 15 เปอร์เซ็นต์ส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สาธารณรัฐคิวบาตั้งอยู่บริเวณอ่าวเม็กซิโก ทะเลแคริบเบียน และมหาสมุทรแอตแลนติกมาบรรจบกัน ได้รับเอกราชจากสเปนในปี ค.ศ. 1898 เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สหรัฐฯ ให้ความสนใจมาโดยตลอด เพราะอยู่ห่างจากปลายสุดของแหลมฟลอริดาเพียง 150 กิโลเมตรเท่านั้น บุคคลที่มีชื่อเสียงของคิวบาคือประธานาธิบดีฟิเดล กัสโตร (Fidel Castro) และ เช กูวารา(Ernerto “Che”Guevara) ผู้นำการปฏิวัติคิวบาจนนำไปสู่การปิดประเทศเมื่อปี ค.ศ. 1959

Read More

07/02/2563

ปลียอดทองคำ พระธาตุพนม


หลังจากบูรณะยอดพระธาตุพนมใหม่ด้วยทองคำน้ำหนักกว่า 19 กิโลกรัม ประกอบด้วยการหุ้มทองยอดน้ำทองคำ(ฐานรองรับคันฉัตรพระธาตุพนม) กระดิ่งทองคำ จำนวน 32 ใบ และดอกบัวทองคำ พร้อมประดับตกแต่งด้วยเพชร ปิดทองและทาสีใหม่ทั้งองค์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเมื่อเดือนกันยายน ปี2562 ปีนี้ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม รวมพลังศรัทธาอีกครั้ง จัดพิธีอัญเชิญปลียอดพระธาตุพนมทองคำมูลค่ากว่า 61 ล้านบาท ขึ้นประดิษฐานบนยอดองค์พระธาตุพนมเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563 ท่ามกลางพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธา ประชาชน นักท่องเที่ยวนับหมื่น ร่วมกันประกอบพิธี ปลียอดพระธาตุพนมนี้เดิมปิดด้วยทองคำเปลว แต่ด้วยพลังศรัทธาจึงได้มีการบูรณะใหม่ด้วยการ ใช้ทองคำแท้โอบหุ้มปลียอดพระธาตุพนมที่มีความสูง 3.90 เมตร บริเวณคอส่วนบนและส่วนกลาง โดยใช้ทองคำน้ำหนัก 42 กิโลกรัม (มีความบาง 0.04 มิลลิเมตร)มูลค่ากว่า 61 ล้านบาท โดยหน่วยงานภาคเอกชน ห้างร้าน ประชาชน ร่วมกันจัดสร้าง ในการนี้สมเด็จอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานเจิมแผ่นทองคำหุ้มปลียอดพระธาตุพนมบรมเจดีย์ด้วย นอกจากปลียอดพระธาตุส่วนบนและส่วนกลางที่หุ้มทองไปแล้ว ก็ยังเหลือส่วนฐานที่ต้องทำการบูรณะใหม่โดยอาจต้องใช้ทองคำถึง 37 กิโลกรัมในการหุ้มทั้งหมด ซึ่งต้องรอผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพบูรณะต่อไป พระธาตุพนมสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1200–1400 ตามตำนานกล่าวว่าผู้สร้างคือ พระมหากัสสปะ พระอรหันต์ 500 องค์ และท้าวพระยาเมืองต่าง ๆในอาณาจักรศรีโคตรบูร เพี่อมาประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนพระอุระหรือหน้าอกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ในยุคแรกองค์พระธาตุสร้างจากดินดิบเป็นรูปสี่เหลี่ยม ข้างในเป็นโพรงมีประตูทั้ง 4 ด้าน และได้มีการบูรณะเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนมได้พังทลายลงมา เนื่องจากฐานมีความเก่าแก่มาก จึงมีการสร้างองค์พระธาตุพนมขึ้นใหม่เมื่อปี 2519 เป็นเจดีย์ทรงฐาน 4 เหลี่ยม ความสูง จากพื้นถึงยอดฉัตร 57 เมตร ฐานกว้างด้านละ 12 เมตร ยอดฉัตรเป็นทองคำน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม นอกจากพระบรมสารีริกธาตุแล้วยังมีของมีค่านับหมื่นชิ้นบรรจุในองค์พระธาตุด้วย

Read More

07/02/2563

กต.แนะไปอินเดียอย่าใส่ทอง


กระทรวงการต่างประเทศ เตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยระมัดระวังเรื่องการสวมใส่เครื่องประดับที่ทำจากทองเช่น สร้อยทอง เข้าประเทศอินเดีย เพราะอาจถูกกักตัวเพื่อให้สำแดงของเพื่อเสียภาษีศุลกากรเป็นครั้งคราว ซึ่งจะทำให้เสียทรัพย์ เกิดความยุ่งยากและเสียเวลาได้ ทั้งนี้กฎหมายอินเดียห้ามนำทองคำในลักษณะแท่ง หรือก่อนแปรรูปเข้าอินเดียโดยเด็ดขาดและกฎหมายอินเดียก็ไม่ได้ระบุมูลค่าทองคำที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถนำเข้าอินเดียไว้อย่างชัดเจน ระบุแต่เพียงว่า หากคนต่างชาตินำเข้าทองคำในปริมาณที่มากกว่าที่ใช้ใส่เป็นเครื่องประดับตามปกติ จะต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรอินเดีย และความผิดข้อหาลักลอบขนทองคำเข้าประเทศอินเดียโดยไม่สำแดง มีโทษทั้งจำคุกและปรับ นอกจากทองคำแล้ว กฎหมายอินเดียยังห้ามนักท่องเที่ยวนำเงินรูปีอินเดียเข้าหรือออกประเทศอินเดียอีกด้วย กรณีมีธนบัตรเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีมูลค่าเกิน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า หรือหากมีเงินธนบัตรไม่ถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากรวมกับเงินรูปแบบอื่นแล้วมีมูลค่าเกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่าต้องสำแดงแก่เจ้าหน้าที่ศุลกากร นอกจากนี้ ทางการอินเดียยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางออกนอกประเทศอินเดียนำเงินตราต่างประเทศออกไปได้ไม่เกินจำนวนเงินตราต่างประเทศที่นำเข้ามาด้วย ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนไทยถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำสนามบินนานาชาติอินทิรา คานธี จับกุมในข้อหาลักลอบนำทองคำเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย ถูกจับกันไปแล้วนับสิบราย มีทั้งรู้เท่าไม่ถึงการณ์และเจตนาละเมิดกฎหมาย ทั้งนี้อินเดียเป็นประเทศนำเข้าทองคำรายใหญ่ของโลกกำลังประสบปัญหาการลักลอบนำเข้าทองคำเถื่อนจากต่างประเทศ จนกระทั่งรัฐบาลต้องออกระเบียบศุลกากรห้ามนำทองคำจากต่างประเทศเข้ามาในมูลค่าเกินกว่า ๑๐๐,๐๐๐ รูปี (ประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาท หรือ เท่ากับปริมาณทองคำรูปพรรณในประเทศไทย ๒ บาท) ระเบียบนี้บังคับใช้อย่างเข้มงวด ใครก็ตามที่นำทองติดตัวไปอินเดียเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ข้างต้นจะต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อเสียภาษีนำเข้า หากหลีกเลี่ยงแล้วถูกตรวจพบจะโดนดำเนินคดีอย่างแน่นอน

Read More

07/02/2563

พระแสงดาบ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก


ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 นอกจากพระแสงขรรค์ชัยศรี ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องเบญราชกกุธภัณฑ์ที่ประกอบด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎธารพระกร พระวาลวิชนีและ ฉลองพระบาท แล้วยังได้มีการอัญเชิญพระแสงดาบอีกองค์อื่นๆมาเป็นส่วนหนึ่งตามเสด็จในพิธีด้วย เช่น พระแสงดาบคาบค่าย พระแสงดาบคาบค่าย เป็นหนึ่งในพระแสงดาบสำคัญที่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงโปรดมีรับสั่งให้สร้างขึ้นมาใหม่แทนองค์เดิมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่สูญหาญหายไปหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ฝักและด้ามทำด้วยทองคำ นอกจากเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องทรงชุดมหาพิชัยยุทธ และเครื่องประกอบในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว พระแสงดาบคาบค่ายของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนี้ ยังถือเป็นพระแสงสำคัญองค์หนึ่งในหมู่พระแสงรายตีนทอง สำหรับให้มหาดเล็กเชิญตามเสด็จในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ทั้งนี้เครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศที่ใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่ใช้ในงานบรมราชาภิเษกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนแต่เป็นของที่สร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 1 แทนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศที่สูญสิ้นไปเมื่อคราวเสียงกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ.2310โดยหมวดพระแสงที่มีการออกในพระราชพิธีนี้ ยังมีพระแสงศักดิ์สิทธิ์อีกหลายองค์ได้แก่ พระแสงดาบใจเพชร ฝักและด้ามทำด้วยทองคำฝังเพชร พระแสงเวียด ฝักและด้ามทำด้วยทองคำ พระเจ้าเวียดนามญาลองถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระแสงดาบเชลย พระแสงจักร พระแสงตรีศูล พระแสงธนู พระแสงดาบเขน พระแสงหอกชัย พระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่น้ำสะโตง พระแสงของ้าวเจ้าพระยาแสนพลพ่าย พระแสงทวน พระแสงง้าว พระแสงปืนคาบศิลาเคยทรง พระแสงขอตีช้างล้ม พระแสงขอคร่ำด้ามไม้เท้า พระแสงชนักต้น และพระแสงศรอนึ่ง เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์เครื่องหมายแห่งความเป็นพระราชา ซึ่งพราหมณ์ผู้ทำพิธีจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ในวันที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นเครื่องแสดงว่าได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินถูกต้องสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศที่ใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ใช้ในงานบรมราชาภิเษกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนแต่เป็นของที่สร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 1 แทนเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศที่สูญสิ้นไปเมื่อคราวเสียงกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2

Read More

07/02/2563

อินเดียฟื้น ซื้อทองคำเพิ่ม


อินเดียกำลังฟื้นตัว หันมาซื้อทองคำเพิ่มขึ้นหลังจากปีที่แล้ว(2562)ปริมาณความต้องการทองคำลดลงไปถึง 9% ลงไปแตะที่ระดับ 690.4 ตันในปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากราคาทองที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี สภาทองคำโลกคาดการณ์ว่า ความต้องการทองคำของอินเดียในปี2563นี้จะแตะที่ระดับ 700-800 ตัน ทำให้อินเดียเป็นประเทศที่ซื้อทองคำมากเป็นอันดับสองของโลก โดยความต้องการทองคำในระยะยาวโดยเฉลี่ยของอินเดียน่าจะอยู่ที่ประมาณ 850 ตัน เมื่อประเมินจากความชื่นชอบทองคำของคนอินเดีย รวมถึงบริบททางสังคมและเศรษฐกิจอินเดียสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความต้องการทองรูปพรรณของอินเดียในปี 2562 ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 9% แตะ 544.6 ตันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น(2561)ในแง่ของปริมาณ แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% ในแง่ของมูลค่าเมื่อคำนวณตามค่าเงินอินเดีย หลังสกุลเงินรูปีได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนในอินเดีย ปรับตัวลดลง 10% แตะ 145.8 ตัน แต่เพิ่มขึ้น 2% เมื่อคำนวณตามค่าเงินอินเดียสภาทองคำโลกระบุในรายงานว่า ตลาดทองคำอินเดียยังคงมีปัจจัยท้าทายอยู่บ้างในระยะสั้น เช่น การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อันเป็นผลจากนโยบาย เช่น การบังคับให้มีการทำเครื่องหมายบนทองคำ ที่มีผลมาตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้การบริโภคทองคำมีความโปร่งใสมากขึ้นในอินเดีย นอกจากคาดการณ์ว่าจะซื้อทองคำเพิ่มขึ้นแล้ว ในปีบประมาณ 2563-64 อินเดียมีแนวโน้มทีจะลดภาษีนำเข้าทองคำ จากปัจจุบันอยู่ที่ 12.5% เพื่อเป็นการส่งเสริมการส่งออกอัญมณี แม้ว่าการลดภาษีจะส่งผลกระทบต่อภาวะขาดดุลการค้าของประเทศก็ตาม อินเดียถือเป็นผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ทีสุด เพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ จาก ข้อมูลล่าสุดการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับในช่วงเดือนเมษายน-พฤศจิกายนที่ผ่านมามีอัตราลดลงถึงร้อยละ 1.5 คิดเป็น มูลค่า 20.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปี2561-62 การนำเข้าทองคำของอินเดียลดลงประมาณ 3% คิดเป็น มูลค่า 32.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการนำเข้าทองคำที่น้อยลงทำให้ประเทศขาดดุลการค้า น้อยลง ถึง 0.9% ของ GDP คิดเป็น มูลค่า 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเดือน กรกฎาคม-กันยายน ปีงบประมาณ 2562-63 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึงขาดดุลที่ 2.9% คิดเป็น มูลค่า 19 พันล้านเหรียญสหรัฐแม้ว่าจะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากลดภาษีนำเข้าทองคำแต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำเพื่อกระตุ้นการส่งออกให้สูงขึ้น

Read More

07/02/2563

กระบวนการรับรองแหล่งที่มาของทองคำ ของ UAE


สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการรับรองแหล่งที่มาของทองคำอย่างถูกต้องและมีความรับผิดชอบ (Responsible Sourcing Regulatory) เพื่อช่วยลดหรือกำจัดทองคำแท่งที่ไม่ผ่านการรับรองแหล่งที่มาให้หมดไปจากตลาด และช่วยสร้างความโปร่งใสให้อุตสาหกรรมทองคำมากขึ้น ปัจจุบันการเข้าร่วมกระบวนการรับรองแหล่งที่มาของทองคำใน UAE ยังคงขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แม้ผู้ประกอบการบางรายยังมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอยู่บ้าง แต่ในสถานะที่UAE (ดูไบ) เป็น “เมืองแห่งทองคำ” (City of Gold) มาตรการนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อช่วยจัดการปัญหาการได้มาซึ่งทองคำจากเหมืองที่ไม่มีธรรมาภิบาลโดยเฉพาะทองคำจากแหล่งผลิตในแอฟริกา โดยการเข้าร่วมระบบการรับรองแหล่งที่มาของทองคำอย่างถูกต้องและมีความรับผิดชอบ (Responsible Sourcing Regulatory) นั้นผู้ประกอบการในธุรกิจทองคำและเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็นผู้ขายปลีก ผู้ขายส่ง ผู้ค้าทองคำแท่ง และกิจการโรงงานสกัดทองคำ จะต้องตรวจสอบว่าทองคำที่ซื้อมาและนำไปใช้งานนั้นมาจากแหล่งผลิตที่ผ่านการรับรองและติดตามข้อมูลได้ สามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึง “ผู้จัดหาทองคำสองรายก่อนหน้านั้น” แต่หากไม่สามารถระบุข้อมูลดังกล่าวได้ ก็ไม่ควรดำเนินการซื้อขายต่ออย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมชี้ว่าทองคำจากแหล่งทำเหมืองที่ไม่ผ่านการรับรองแหล่งที่มานั้นไม่ใช่ปัญหาในระดับค้าปลีก แต่เป็นสิ่งที่ผู้สกัดทองคำทุกรายต้องพึงระวัง เพราะทองคำที่ไม่ผ่านการรับรองอาจอยู่ในรูปของเม็ดทองคำขนาดเล็กซึ่งส่งตรงไปยังโรงงานสกัดทองคำเพื่อเลี่ยงภาษี โรงงานอาจซื้อเม็ดทองคำเหล่านี้ได้ในราคาลดพิเศษ แล้วนำไปสกัดและแปรรูปให้เป็นทองคำแท่ง ในขณะที่ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่นั้นไม่ได้รับซื้อทองคำดิบ แต่จะซื้อทองจากธนาคารทองคำที่มีชื่อเสียงระดับโลก อีกทั้งยังมีมาตรฐานการดำเนินงานที่เข้มงวดอยู่แล้ว เช่น บริษัท Malabar Gold & Diamonds ผู้ผลิตและผู้ค้าเครื่องประดับทองรายใหญ่ 1 ใน 5 รายสำคัญของดูไบ ระบุว่า ทองคำที่บริษัทใช้กว่าร้อยละ 80 มาจากธนาคารทองคำ ส่วนที่เหลือนั้นเป็นทองคำรีไซเคิลซึ่งมาจากผู้ซื้อในประเทศ ฉะนั้นทองคำแท่งที่จัดหามาอย่างไม่ถูกต้องนั้นมีจำนวนน้อยมากในตลาดUAE ขณะเดียวกันการขอรับการตรวจสอบว่าเป็นกิจการที่จัดหาทองคำอย่างถูกต้องไม่ยุ่งยาก แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายไม่ต้องการเข้าร่วม เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้จะเพิ่มภาระต้นทุนสำหรับผู้ค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ความต้องการทองคำชะลอตัว ดังนั้น กระบวนการรับรองแหล่งที่มานี้น่าจะได้ผลในระดับผู้สกัดทองคำมากกว่าในระดับอื่นๆ แต่จากมุมมองของภาคอุตสาหกรรม ถ้าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าร่วมแนวทางการรับรองก็จะช่วยสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้นได้ในทุกภาคส่วน โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในฐานะประเทศศูนย์กลางการค้าทองคำและเครื่องประดับระดับโลก มุ่งเน้นการประกอบธุรกิจบนพื้นฐานหลัก 3 ข้อคือ ธรรมาภิบาล ความยั่งยืน และนวัตกรรม

Read More

07/02/2563

ทั่วโลกเข้ม มาตรการตรวจสอบแหล่งที่มาของทองคำ


ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในธุรกิจการค้าทองคำและเครื่องประดับ การ“จัดหามาอย่างถูกต้อง” (Responsibly Sourced)จึงกลายมาเป็นมาตรฐานที่ผู้ประกอบกิจการแต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขายปลีก ผู้ขายส่ง ผู้ค้าทองคำแท่ง และโรงงานสกัดทองคำ จะต้องตรวจสอบว่าทองคำที่ตนซื้อและนำไปใช้งานนั้นมาจากแหล่งที่ผ่านการรับรองและติดตามข้อมูลได้ ด้วยวิธีนี้ การค้าทองคำที่ไม่ผ่านการรับรองและไม่ทราบแหล่งที่มาก็กำจัดไปโดยสิ้นเชิงตัวอย่างของประเทศที่นำมาตรการ“จัดหามาอย่างถูกต้อง” (Responsibly Sourced) มาใช้อย่างเข้มข้นได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ในตลาดทองคำระหว่างประเทศ รัฐบาลสวิสให้ความสำคัญกับมาตรการตรวจสอบแหล่งที่มาของทองคำจากนอกประเทศ โดยได้ทำข้อตกลงในระดับชาติและนานาชาติเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าทองคำที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการผลิตเข้าสู่ประเทศ โดยออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าทองคำของสวิส คือ Precious Metals Control Act และ Anti-Money Laundering Act อย่างเข้มงวด เพื่อให้การตรวจสอบมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการบิดเบือนแหล่งที่มาของทองคำ นอกจากนี้ สภาแห่งชาติของสวิสยังได้แนะนำให้เพิ่มบทบาทของผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมและขยายความร่วมมือในการผลิตทองคำที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย สหรัฐอเมริกาก็เป็นอีกประเทศที่กำลังเตรียมออกกฎหมายใหม่กำหนดให้ธุรกิจเครื่องประดับจะต้องรับรู้และเปิดเผยข้อมูลแหล่งที่มาของวัตถุดิบทั้งหมด ไม่ใช่แค่อัญมณี เพชรหรือพลอยสี แต่รวมถึงทองคำและโลหะมีค่าอื่นๆ ด้วย มิฉะนั้นจะถูกดำเนินการตามกฎหมายใหม่ที่คาดว่าจะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมนี้อย่างเข้มงวดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญต่อประเด็นดังกล่าว โดยนอกเหนือจากการเข้าร่วมและปฏิบัติตามข้อกำหนดของ Kimberley Process สำหรับการค้าเพชรแล้ว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังพยายามผลักดันแนวทางในการจัดหาทองคำด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าจะช่วยลดหรือกำจัดทองคำแท่งที่ไม่ผ่านการรับรองแหล่งที่มาให้หมดไปจากตลาด และช่วยสร้างความโปร่งใสให้แก่ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นนอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังศึกษาและดำเนินการกำหนดกระบวนการรับรองแหล่งที่มาของทองคำเช่นกัน อย่างเช่น สหภาพยุโรปที่คาดว่าจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายในเดือนมกราคม 2021 โดยอ้างอิงกระบวนการตาม OECD ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการไทยที่จะส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในตลาดเหล่านี้ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่แต่ละประเทศกำหนดไว้ และให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบสำหรับผลิตเป็นเครื่องประดับ ซึ่งควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ใช้วัตถุดิบอย่างทองคำและอัญมณีจากเหมืองที่ใช้แรงงานเด็กหรือเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง รวมถึงอุตสาหกรรมเหมืองทองและอัญมณีนั้นดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกสามารถตรวจสอบได้ โดยผู้ประกอบการจะต้องสำแดงเอกสารแหล่งที่มาของวัตถุดิบให้เป็นไปตามกระบวนการที่กำหนดอย่างถูกต้องจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสในธุรกิจเครื่องประดับที่ดำเนินการอยู่ การจัดหาวัตถุดิบทั้งอัญมณีและโลหะมีค่าตามหลักจริยธรรมทางการค้า เป็นจุดเริ่มต้นและต่อยอดไปถึงภาคการผลิตและการค้าเครื่องประดับ เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและโปร่งใสตลอดห่วงโซ่อุปทาน ขอขอบคุณ : ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Read More

07/02/2563

UAE เข้ม ค้าขายทองคำอย่างมีธรรมาภิบาล


ปัจจุบันธุรกิจเครื่องประดับให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมและปฏิบัติตามข้อกำหนดของ Kimberley Process สำหรับอุตสาหกรรมการค้าเพชร หรือแม้แต่การจัดหาทองคำจากแหล่งที่มาที่สามารถยืนยันกระบวนการผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง “จัดหามาอย่างถูกต้อง” หรือ “Responsibly Sourced” เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการผลักดันอย่างจริงจังจากรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ผู้นำอุตสาหกรรมทองคำรายใหญ่ของโลก Dubai Multi Commodities Centre (DMCC) เป็นองค์กรหลักที่กำหนดกฎระเบียบในด้านการหาวัตถุดิบจากแหล่งที่มาอย่างถูกต้องและมีความรับผิดชอบ (Responsible Sourcing Regulatory) มาตรฐานด้านจริยธรรมทางการค้าและแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมทองคำและโลหะมีค่า โดยที่ผ่านมากิจการสกัดทองคำและค้าทองคำภายใน UAE เป็นการสมัครเข้าร่วมปฏิบัติตามข้อกำหนดด้วยความสมัครใจ โดยผู้สมัครเข้าร่วมมาตรการ“จัดหามาอย่างถูกต้อง” (Responsibly Sourced)ส่วนหนึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าทองคำและเครื่องประดับซึ่งเป็นสมาชิกของ Dubai Gold Jewellery Group (DGJG) และยังมีผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้เข้าร่วมกระบวนการรับรองอีกจำนวนหนึ่ง เนื่องจากความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ที่ผ่านมา DMCC ได้ดำเนินการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการว่าด้วยการจัดหาวัตถุดิบอย่างถูกต้อง การดูแลให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสมและเพิ่มความเข้มงวดรัดกุมมากยิ่งขึ้นด้วยการผลักดันการใช้มาตรการต่างๆ อย่างเหมาะสม เช่น การออกนโยบายริเริ่มใช้เทคโนโลยีในภาคการผลิต การจัดตั้งแพลตฟอร์มของรัฐบาลกลางสำหรับการค้าทองคำและติดตามแหล่งที่มาของทองคำให้ตรงตามมาตรฐานสากล รวมถึงส่งเสริมการตลาดระหว่างประเทศของธุรกิจทองและเครื่องประดับทอง ซึ่งคาดว่านโยบายนี้จะช่วยสร้างความโปร่งใสและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้นปัจจุบันมีหลายประเทศที่ยึดหลักการสร้างความโปร่งใสในธุรกิจทองคำ เช่นสวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เพื่อให้แน่ใจว่าตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่เหมืองไปจนถึงกระบวนผลิตทองคำจะไม่มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนเหตุความขัดแย้งและกลุ่มนอกกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันประเด็นเรื่องการฟอกเงินที่รัฐบาลหลายประเทศควบคุมอย่างเข้มงวดมากขึ้น บางประเทศจึงได้ออกกฎหมายบังคับใช้โดยเฉพาะ ขณะที่บางหน่วยงานหรือสมาคมก็กำหนดให้มีกระบวนการรับรองแหล่งที่มาของทองคำมากขึ้น อีกทั้งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคยุคใหม่นั้น คำนึงถึงหลักจริยธรรมและธรรมาภิบาลทางการค้าประกอบด้วย ผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือมีการรับรองกระบวนการผลิตตามหลักการ“จัดหามาอย่างถูกต้อง” (Responsibly Sourced) ก็จะมีโอกาสและมีแต้มต่อมากว่าด้วยเหตุนี้ ด้วยเหตุนี้ UAE ศูนย์กลางการค้าและธุรกิจทองคำโดยเฉพาะดูไบในฐานะที่เป็น“เมืองแห่งทองคำ” (City of Gold) จึงให้ความสำคัญและเข้มงวดกับระบบการรับรองแหล่งที่มาที่ถูกต้องของวัตถุดิบเป็นอย่างมากอนึ่ง กิจการค้าทองคำและเครื่องประดับในดูไบ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของ Dubai Gold Jewellery Group (DGJG) องค์กรผู้แทนการค้าในภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดของดูไบ มีจำนวนสมาชิกทั้งหมดกว่า 500 ราย จากทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม ทั้งผู้ผลิตทองคำแท่ง ผู้ผลิตเครื่องประดับทองและเครื่องประดับเพชร ผู้ค้าส่งและผู้ค้าปลีกอัญมณีและเครื่องประดับ โดยสมาชิกราว 400 รายของ DGJG นั้นเป็นผู้ค้าปลีกที่ดำเนินกิจการร้านค้าราว 1,000 แห่งทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือคิดเป็นเกือบร้อยละ 70 ของอุตสาหกรรมค้าทองคำในประเทศทั้งในภาคธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจค้าส่ง

Read More

31/01/2563

วัดเชียงทอง แห่งล้านช้าง


วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในเมืองมรดกโลกหลวงพระบางสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นวัดเก่าแก่ วัดสำคัญวัดเดียวที่รอดพ้นจากการถูกเผาทำลายในศึกฮ่อธงดำบุกปล้นเมืองหลวงพระบาง เมื่อปี พ.ศ. 2428 ความงามงามของงานสถาปัตยกรรมที่ได้รับยกย่องให้เป็น “อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมสกุลช่างล้านช้าง” จึงยังปรากฎให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ วัดเชียงทองสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2103 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เจ้าผู้ครองอาณาจักรล้านช้างและล้านนา ในสมัยที่เมืองหลวงพระบางยังเป็นราชธานี ต่อมาพระองค์เมืองหลวงจากหลวงพระบางไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ วัดแห่งนี้จึงกลายเป็นวัดประตูเมือง และท่าเทียบเรือด้านเหนือสำหรับการเสด็จประพาสทางชลมารคของกษัตริย์หลวงพระบาง สถาปัตยกรรมสำคัญที่ถือเป็นหัวใจของวัดเชียงทองคือ สิม หรือ โบสถ์ แบบล้านช้างแท้ด้วยหลังคาโค้งอ่อนช้อยทรงปีกนก ลดหลั่นกัน 3 ชั้น บนสันกลางคามีช่อฟ้า 17 ช่อ แสดงถึงการเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง ส่วนโหง่หรือช่อฟ้าที่อยู่ส่วนยอดสุดของหน้าบันทำเป็นรูปเศียรพญานาคชูคออ่อนช้อยสวยงาม ประตูสิมด้านหน้าเป็นงานแกะสลักไม้อ่อนช้อย ผนังด้านนอก-ด้านใน รวมถึงที่หน้าบัน ตกแต่งด้วย“พอกคำ”หรืองานลงรักปิดทอง ภายในประดิษฐาน“พระองค์หลวง” พระประธานปางมารวิชัยด้านหลังสิม เป็นงานประดับกระจกรูปต้นทองขนาดใหญ่ สื่อถึงตำนานการสร้างเมืองหลวงพระบางที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อว่าเป็นเมืองที่มีต้นทองอยู่มาก โดยเฉพาะที่วัดเชียงทองแห่งนี้เคยมีต้นทองยักษ์ขนาดหลายคนโอบอยู่ด้วย ดังนั้นเมื่อมีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเชียงทองโดยเจ้าศรีสว่างวัฒนา ก็ได้ให้ช่างทำลวดลายเป็นรูปต้นทองไว้ที่ด้านหลังสิมเพื่อระลึกต้นทองยักษ์ในอดีตนั่นเองนอกจากสิมแล้ว ยังมีสิ่งก่อสร้างสำคัญอื่นๆอีก เช่น ซุ้มประตูโขง พระธาตุ หอไหว้น้อย หอไหว้สีกุหลาบ หอไหว้หลังพระอุโบสถ หอกลอง และหอราชโกศเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ เป็นต้น นับเป็นงานศิลปะสกุลช่างล้านช้างที่งดงามและสมบูรณ์ คู่ควรกับเมืองมรดกโลกเป็นอย่างยิ่ง สำหรับอาณาจักรล้านช้างมีสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน หลักฐานสำคัญคือพระธาตุศรีสองรักที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระเจ้าไชยเชษฐา ร่วมกันสร้าง มีศิลาจารึกเป็นตัวอักษรธรรมภาษาลาว อีกด้านหนึ่งเป็นอักษรขอมภาษาไทย เมื่อฝรั่งเศสเข้ามายึดเมืองด่านซ้ายใน พ.ศ.2449 ได้นำศิลาจารึกนี้ไปเวียงจันทน์ เนื้อความในศิลาจารึกกล่าวถึงกษัตริย์ทั้งสองนคร จะรักใคร่กลมเกลียวกันจน ชั่วลูกชั่วหลาน จึงกล่าวได้ว่าการสร้างพระธาตุศรีสองรักนี้ เป็นสักขีพยานในการเป็นพันธมิตรระหว่างไทยกับลาว หากฝ่ายใดถูกพม่ารุกราน อีกฝ่ายก็จะเข้าช่วยเหลือกัน ปัจจุบันพระธาตุศรีสองรักอยู่ในเขตอำเภอด่าซ้าย จังหวัดเลย

Read More

31/01/2563

Golden Week


หลายประเทศทั่วโลกมีช่วงวันหยุดยาวที่เรียกว่า Golden Week ซึ่งอาจเป็นวันสำคัญของชาติ วันทางศาสนา เทศกาลหรืองานประเพณี เป็นวันหยุดยาวที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้อยู่กับครอบครัว ออกไปท่องเที่ยวพักผ่อน หรือเฉลิมฉลองกับเทศกาลสำคัญพร้อมกันทั้งประเทศ และนี้คือชาวงเวลา Golden Week ของประเทศต่างๆทั่วโลกGolden Weekของญี่ปุ่น คือช่วงสัปดาห์ที่มีวันสำคัญซึ่งเป็นวันหยุดติดต่อกันหลายวันตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ได้แก่วันที่ 29 เมษายน วันโชวะ หรือวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นแห่งยุคโชวะ 3 พฤษภาคม วันรัฐธรรมนูญ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ตราขึ้นใช้หลังสงครามโลกครั้งที่2 เมื่อปี ค.ศ. 1947 4 พฤษภาคม – วันพฤษชาติและสิ่งแวดล้อม 5 พฤษภาคม – วันเด็กผู้ชายวันเฉลิมฉลองสำหรับเด็กผู้ชายจะมีการประดับธงปลาคราฟแขวนไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง Golden week ของจีน หรือวันชาติจีน เป็นช่วงวันหยุดติดต่อของจีนตั้งแต่วันที่1-7 ตุลาคม ของทุกปี เริ่มอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสมัยประธานาธิบดีเหมา เจ๋อ ตุง (1 ต.ค.2492) มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ที่จตุรัสเทียน อัน เหมิน มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 3 แสนคน ปัจจุบันชาวจีนทั่วประเทศต่างใช้โอกาสนี้กับครอบครัว เพื่อพักผ่อน หรือเดินทางท่องเที่ยว ไปตามสถานที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ปีที่ผ่านมา( 2562)คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วง Golden Week มีมากกว่า 800 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้นถึง100 ล้านคน โดยมีจุดหมายปลายทางที่ญี่ปุ่น เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือไทย ตามด้วยเกาหลีใต้ เวียดนาม สิงคโปร์ กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เหล่านี้คือ 10 อันดับประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีนจากการจัดอันดับของแอพพลิเคชั่นไป่ตู้แม็ปส์ (Baidu Maps) และซีทริป (Ctrip) นอกจากนี้ยังอาจรวม วันตรุษจีนไว้ใน Golden Week ของจีนได้ด้วยเพราะหยุดติดต่อกันหลายวันเช่นกันGolden Week ของอินเดีย คือช่วงวันดีปาวาลี ซึ่งไม่ระบุวันแน่นอน ชาวอินเดียในแต่ละพื้นที่จะฉลองไม่ตรงวันกัน เพราะการตีความปฏิทินฮินดูที่ต่างกัน แต่วันหยุดอาจยาวนานถึง 5 วัน Golden Week ของยุโรปและอเมริกา คือช่วง เทศกาลคริสต์มาสต่อเนื่องถึงปีใหม่หยุดยาวต่อเนื่อง 10-15 วันเลยทีเดียวสำหรับคนไทยช่วงที่เรียกว่า Golden Week น่าจะเป็นช่วงสงกรานต์วันที่ 13-15 เมษายน ที่บางครั้งหยุดต่อเนื่องนาน 5 วัน เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน เป็นวันที่ทุกคนในครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

Read More

31/01/2563

ทองแดงกับเครื่องประดับ


นอกจากทองคำแล้ว มนุษย์ก็ยังนำทองแดงมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับด้วยเช่นกัน โดยทำกันมาตั้งแต่ยุคบรอนซ์ แต่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าทองคำ เนื่องจากเครื่องประดับทองแดงและโลหะผสมทองแดงมีคุณค่าไม่เท่าโลหะมีค่าอย่างทองคำ หรือแม้แต่เงิน มันจึงถูกจัดให้เป็นเครื่องประดับเทียม เครื่องประดับตามสมัยนิยม หรือเครื่องประดับแฟชั่นเท่านั้นทองแดง หรือCopper จัดเป็นโลหะที่มีสีสันสวยงาม มีการนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเพราะทองแดงเป็นโลหะที่สามารถนำไฟฟ้าและความร้อนได้ดีรองลงมาจากทองคำและเงิน แต่ในการทำเครื่องประดับนั้น ถึงแม้ว่าทองแดงจะมีความสวยงามแต่ก็ไม่นิยมนำมาใช้เป็นโลหะหลักเนื่องจากทองแดง สามารถทำปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจนในน้ำและอากาศได้ หากปล่อยให้สัมผัสกับน้ำและอากาศเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดคราบสีเขียว สีดำ หรือคราบสีชมพูเมื่อโดนความร้อน ทำให้ไม่สวยงาม ยากต่อการดูแลรักษา การทำเครื่องประดับจากทองแดงจึงต้องนำไปผสมกับโลหะชนิดอื่นๆ เช่นใช้ทองแดง 87.5% ผสมสังกะสี 12.5% จะได้โลหะผสมที่มีสีเหลืองสวยงามเหมือนทองคำนิยมนำไปใช้ทำเครื่องประดับเทียม/เครื่องประดับแฟชั่น ที่มีราคาถูกกว่าเครื่องประดับเงินหรือทอง หรือแม้แต่ทองสัมฤทธิ์ (Bronze) ซึ่งเป็นโลหะผสมของทองแดง ดีบุกและสังกะสีเล็กน้อย ก็นิยมนำไปใช้ในงานเครื่องประดับเช่นกัน นอกจากนี้เหรียญที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็มีทองแดงเป็นโลหะผสมอยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ทองแดงยังนิยมใช้เป็นองค์ประกอบหลักนำไปผสมกับโลหะชนิดอื่นๆเพื่อการใช้งานอื่นๆนอกเหนือจากทำเครื่องประดับเช่น การใช้ทองแดง 70% ผสมกับสังกะสี 30% จะได้เป็น นิยมในไปใช้ทำเครื่องเรือน ของตกแต่งบ้าน เป็นต้น วิวัฒนาการของทองแดงมีมาเป็นเวลา 10,000 ปีแล้ว เริ่มจากมนุษย์ยุคหินได้นำทองแดงมาทำเป็นอาวุธ เพราะมีความเหนียว ขึ้นรูปง่าย ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีแต่ก็ยังมีข้อเสีย คือมีความแข็งแรงน้อย การนำทองแดงมาใช้งานจึงต้องอยู่ในขอบเขตจำกัด ข้อดีอีกอย่างของทองแดงคือ เป็นโลหะที่สามารถนำมารีไซเคิลเพื่อใช้งานได้หลายครั้ง โดยไม่ทำให้คุณสมบัติเปลี่ยนไป จึงเป็นโลหะที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยการนำมาใช้งานนั้น ก็มักจะนำมาใช้ทั้งในรูปของโลหะบริสุทธิ์และโลหะผสม

Read More

31/01/2563

“เวอร์มิล” เครื่องประดับชุบทอง


เวอร์มิล(Vermeil)คือเครื่องประดับที่ใช้เงินสเตอร์ลิงบริสุทธ์เป็นวัสดุหลัก(เงินสเตอร์ลิงคือโลหะผสมมีองค์ประกอบเป็นโลหะเงินร้อยละ ๙๒.๕ ทองแดงร้อยละ ๗.๒ ตะกั่วร้อยละ ๐.๒ และทองคำร้อยละ ๐.๑ ประเทศอังกฤษเคยใช้ทำเงินตรา) ชุบด้วยทองคำอย่างน้อย 10 กะรัต มีระดับความหนาอย่างน้อย 2.5 ไมครอน ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้มีนักออกแบบเครื่องประดับมากมาย หันมาสนใจและออกแบบเครื่องประดับประเภทนี้มากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้ว เครื่องประดับชุบทอง ที่ได้รับความนิยมมักจะเป็นเครื่องประดับแนววินเทจที่สื่อให้ผู้สวมใส่รู้สึกถึงความเป็นอิสระและเสรี ด้วยรูปแบบของดอกไม้ ใบไม้ แต่งเติมด้วยอัญมณีเพื่อช่วยเพิ่มประกายความสดใส และสร้างสีสันให้แก่เวอร์มิลชิ้นนั้นๆ ด้วยโดยพลอยที่นำมาใช้เช่น โรโดไลต์ ซิทริน แอเมทิสต์ ควอตส์สีควันบุหรี่ รวมทั้งการประดับมุกสีต่างๆ นอกจากนี้ขนาดของชิ้นงานส่วนใหญ่ มักมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเน้นความสะดุดตา ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเครื่องประดับเวอร์มิล ข้อมูลของ World Gold Council ระบุว่า ความต้องการทองคำในแง่มูลค่าอยู่ที่ 236,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นโอกาสให้เงินสเตอร์ลิงออกมาทำเงินไม่แพ้กับทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาอยู่ในเครื่องประดับที่ผ่านการออกแบบอย่างงดงาม เรียบง่าย สไตล์วินเทจที่กำลังได้รับความนิยมนั่นเอง ตำนานของเวอร์มิล(Vermeil)หรือเครื่องประดับชุบทอง มีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ เป็นเรื่องของ พระราชาไมดาส(Midas) กษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ปกครองนครไฟร์เกียที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองที่สุดนครหนึ่ง วันหนี่งไมดาสเสด็จประพาสริมฝั่งแม่น้ำซานการิอัสและได้พบชายชราขี้เมาผู้ หนึ่งถูกมัดนอนกลิ้งอยู่กับพื้น พระองค์จึงเข้าไปช่วยแก้มัดให้ชายผู้นั้น โดยหารู้ไม่ว่าชายผู้นั้นคือ ไซเลนนัส พระอาจารย์ของเทพไดโนนีซุส เทพเจ้าแห่งไวน์และการเฉลิมฉลองนั่นเองโดยในวันนั้นไซเลนนัส พลัดกับขบวนของเทพไดโอนีซุสเพราะดื่มจนเมามายและถูกกลุ่มชาวนาที่มาพบตัวจับมัดไว้เพราะเชื่อว่าจะสามารถถามเรื่องในอนาคตจากไซเลนนัสขณะมึนเมาได้ เมื่อกษัตริย์ไมดาสมาพบจึงได้ช่วยไว้ เป็นเวลาเดียวกับเทพไดโนนีซุสเสด็จมาพอดี พระองค์จึงทรงให้ไมดาสขอพรได้ข้อหนึ่ง เรื่องอะไรก็ได้ ด้วยความโลภไมดาสทรงขอให้ทุกสิ่งที่ตนสัมผัสนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด ซึ่งต่อมา สัมผัสของ Midas ได้กลายเป็นสำนวนหมายถึง การทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดผลกำไรงอกเงยขึ้นมานั่นเอง

Read More

31/01/2563

การถือครองทองคำประจำเดือนมกราคม ปี 2020


สภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยปริมาณการถือครองทองคำอย่างเป็นทางการของแต่ละรัฐบาลทั่วโลก (World Official Gold Holdings) ประจำเดือนมกราคม พ.ศ.2563 โดยอาศัยข้อมูลจากรายงาน International Financial Statistics ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund - IMF) พบว่า รัฐบาลทั่วโลกถือครองทองคำรวมกัน 34,564.95 ตันเพิ่มขึ้น 692.59 ตันจากช่วงเดือนเมษายน พ.ศ.2562 (33,871.36ตัน)โดยปริมาณการถือครองทองคำมากที่สุด 10 อันดับแรกมีดังนี้ทั้งนี้ เนเธอร์แลนด์ทีเคยครองอันดับ 10 ที่ 612.5 ตันถูกอินเดียแซงขึ้นมาเป็นผู้ถือครองมากกว่า โดยรัสเซียถือครองทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2556 ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นมากว่า 380 ตันเลยทีเดียวเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการถือครองดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโรหลังจากกลุ่มประเทศตะวันตกประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ส่วนประเทศไทยถือครองทองคำมากเป็นอันดับที่ 27 ของโลก มีปริมาณ 154 ตันไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คิดเป็นร้อยละ 3.1 ต่อทุนสำรอง ซึ่งนับว่ามากเป็นอันดับสองของประเทศในกลุ่มอาเซียน เป็นรองเพียงรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่มีทองคำปริมาณ 197.9 ตัน ที่มา : World Gold Council, International Financial Statistics, Jan 2020

Read More

31/01/2563

ทองคำกับยานอวกาศ


ทองคำ ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นวงการอุตสาหกรรมเครื่องประดับอัญมณี อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ วงการแพทย์และทันตกรรมความมั่นคงทางเศรษฐกิจการคลัง การคมนาคมและการสื่อสารโทรคมนาคมไม่เว้นแม้แต่กับเทคโนโลยีอวกาศสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติเผยแพร่ความรู้เรื่องการใช้ทองคำในแวดวงอวกาศเอาไว้ว่า ในยานอวกาศมีส่วนประกอบสำคัญชิ้นหนึ่งเรียกว่า Multi-Layer Insulation หรือ MLI ประกอบด้วยแผ่นสะท้อนแสงน้ำหนักเบา และบาง หลายๆชั้น ทำมาจากโพลีไมด์หรือโพลีเอสเตอร์ ที่เคลือบด้วยอลูมิเนียมบางทำหน้าที่ควบคุมความร้อน และปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในที่มีความละเอียดอ่อน เนื่องจากต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สุดขั้วในอวกาศ ตั้งแต่ -90องศาเซลเซียส ไปจนถึงมากกว่า 150 องศาเซลเซียส และยังสามารถป้องกันผลกระทบจากการชนของฝุ่น และอนุภาคขนาดเล็กในอวกาศได้อีกด้วย ทั้งนี้ในขณะที่ยานอยู่ในสภาวะสุญญากาศในอวกาศ การแผ่รังสีความร้อน จะส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ภายในของยานอวกาศมากกว่า การนำความร้อน และการพาความร้อน ดังนั้น ในขณะที่โคจรอยู่ในแสงอาทิตย์ MLI จะมีหน้าที่สะท้อนรังสีที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์เพื่อให้อุปกรณ์ภายในยังคงทำงานได้ด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะ ส่วนในเวลาที่ยานโคจรไปยังเงาของโลกวัสดุนี้จะรักษาอุณหภูมิภายในด้วยการกักเก็บความร้อนเอาไว้ จากอุณหภูมิที่เย็นจัดได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นนอกจากวัสดุที่ใช้จะช่วยในเรื่องของควบคุมความร้อนแล้ว การเคลือบวัสดุก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทองคำจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการนำมาใช้ เนื่องจากคุณสมบัติของทองคำที่สามารถป้องกันการกัดกร่อนจากแสงอัลตราไวโอเลต และรังสีเอกซ์ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามแผ่นที่เคลือบด้วยทองคำก็ยังไม่สามารถหุ้มตัวยานทั้งหมดไว้ได้ จึงมีการใช้ทองคำแท้สร้างส่วนประกอบบางส่วนแทนนอกจากนี้ เนื่องจากสารหล่อลื่นอินทรีย์ของยานอวกาศจะแตกตัวและระเหยกลายเป็นไอในสภาวะสูญญากาศ แผ่นทองคำบางๆ จึงถูกใช้เป็นสารหล่อลื่นสำหรับเครื่องจักรแทนเพราะมีความต้านทานแรงเฉือนต่ำ เมื่อมีแรงเสียดทานมากระทำโมเลกุลของทองคำจะเลื่อนผ่านกัน เสมือนเป็นสารหล่อลื่นไปในตัว และทองคำยังใช้เป็นส่วนประกอบของชุดมนุษย์อวกาศ โดยใช้เคลือบวัสดุหมวกเพื่อช่วยสะท้อนแสงอินฟราเรด ป้องกันอันตรายต่อดวงตาของนักบินอวกาศอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เราจึงมักเห็นดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นไปบนอวกาศ ถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุสีทองเสมอๆ

Read More

31/01/2563

Gold, White Gold, Platinum


ในวงการเครื่องประดับเรามักได้ยินคำว่า Gold,White Gold, Platinum หรือ ทองคำ ทองขาว และทองคำขาว กันอยู่เสมอๆ แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจว่าแร่ธาตุทั้ง 3 ชนิดนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ไม่ว่าในแง่ของคุณสมบัติ ความนิยม การนำไปใช้ และมูลค่าทองคำ(Gold) เป็นแร่ธาตุที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติทนทานต่อปฏิกิริยาภายนอกได้ ดี ไม่สึกกร่อนไปตามกาลเวลา ทนต่อสารเคมีต่างๆ มีสีเหลืองแวววาว สามารถเก็บรักษาโดยคงรูปลักษณ์ดั้งเดิมไว้ได้นานไม่หม่น หรือ หมองเหมือนโลหะชนิดอื่นๆ ทองคำนิยมนำมาทำเครื่องประดับสวมใส่เพื่อความสวยงาม ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นส่วนประกอบในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือทันตกรรม และเป็นการลงทุนทางการเงินทองคำขาว(Platinum: PT) เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่นเดียวกับทองคำแต่มีความแข็ง ความเหนียวมากกว่าทองคำ มีความคงทนไม่ลอกไม่ดำ นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ โดยเฉพาะการทำตัวเรือนเครื่องประดับเพชรและมีราคาสูงกว่าทองคำประมาณสองเท่าหรือมากกว่า ส่วนการจะรู้ว่าเครื่องประดับชิ้นใดเป็น Platinum ให้สังเกตที่ตรา Hallmark ที่ตอกลงบนตะขอหรือส่วนอื่นของเครื่องประดับ เช่น ถ้าแสตมป์คำว่า PT 950 หมายถึง มี Platinum อยู่ 95% เป็นต้น ทองขาว (White Gold) เป็นทองคำผสมกับโลหะอื่นที่ให้สีขาว สมัยก่อนใช้ นิกเกิล (Nickel) เป็นส่วนผสมแต่ระยะหลังนิยมเคลือบผิวด้วยโลหะสีขาวที่เรียกว่า โรเดียม (Rhodium) ซึ่งดูคล้ายกับทองคำขาวมากแต่เมื่อใช้ไปสักระยะจะหมอง เนื่องจากตัวโลหะที่เคลือบหลุดออกไปส่วนวิธีการดูว่าเครื่องประดับชิ้นใดทำจากทองคำขาวหรือทองขาวนั้นมีหลายวิธี นอกจากจะดูที่ตราประทับแล้วสามารถสังเกตได้จากสี โดยทองคำขาวแท้หรือ Platinum จะมีสีขาวบริสุทธิ์ ไม่เปลี่ยนสี ไม่หมอง ไม่ดำ แม้จะใช้ไปนานๆ มีความทนทานสูง แข็งและเหนียว ปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ยากจึงมีราคาแพงเพราะต้องจ้างช่างที่มีฝีมือและประสบการณ์สูงในการหล่อเป็นเครื่องประดับ และไม่ทำปฏิกิริยากับโลหะใดๆแม้แต่แม่เหล็ก นอกจากนี้ทองคำขาวยังทนต่อความร้อนได้ดี ไม่ละลายหรือสึกกร่อนแม้จะอยู่ในกรด ไม่เป็นสนิมและไม่หลอมละลายเมื่อโดนไฟหลอมทอง ที่สำคัญทองคำขาวแท้จะมีน้ำหนักมากกว่าทองคำ

Read More

31/01/2563

พิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับไทย


สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที จัดตั้งพิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับขึ้นเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเองด้านอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้ที่สนใจได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นับตั้งแต่การกำเนิดอัญมณีจนถึงขั้นตอนการผลิต จนเป็นเครื่องประดับที่สวยงาม. พิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับ ตั้งขึ้นด้วยเจตนารมณ์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่อนุรักษ์ตัวอย่างอัญมณีและเครื่องประดับและเพื่อการศึกษา ต่อเนื่องให้แก่คนรุ่นหลังอันจะนำไปสู่การพัฒนาบุคลากรทางด้านอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย นิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงการทำเหมืองอัญมณี การนำเสนอขั้นตอน การผลิตอัญมณี การจัดแสดงตัวอย่างอัญมณีทั้งก่อนและหลังการเจียระไน การจำแนกตามประเภทและคุณสมบัติของอัญมณี แต่ละชนิด รวมทั้งแบบและการผลิตของเครื่องประดับ ตลอดจนการแสดงวิดีทัศน์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอัญมณีและ เครื่องประดับและแสดงสถิติข้อมูลทางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ พิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับเปิดเป็นอย่างเป็นทางการเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2547 โดยสถาบันได้กราบทูลสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดพิพิธภัณฑ์อัญมณี และเครื่องประดับ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่พิพิธภัณฑ์ ภายในแบ่งการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับเป็นโซนต่างๆให้ผู้สนใจได้เลือกชม โซน A : การกำเนิด และเหมืองพลอยในประเทศไทยโซน B : ประเภทอัญมณีโซน C : เพชรโซน D : การเจียระไนและการทำเครื่องประดับโซน E : อัญมณีอินทรีย์โซน F : อัญมณีสังเคราะห์โซน G : เหมืองทองและโลหะมีค่าโซน H : เครื่องประดับตามสมัยนิยมนอกจากนี้ยังมีห้อง Theatre : จัดแสดงวิดิทัศน์ และจัดแสดงอัญมณีเรืองแสง มีการติดตั้งคอมพิวเตอร์ช่วยในการสอน (Computer Aided Instruction) สำหรับการศึกษาด้วยตนเองไว้ภายในห้องแสดงนิทรรศการอีกด้วย

Read More

31/01/2563

Gold Clay ทางเลือกใหม่การทำเครื่องประดับทอง


ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับทอง มีการขึ้นรูปหลากหลายแบบ เช่น การขึ้นรูปด้วยมือ การปั๊มม การหล่อ การขึ้นรูปแบบ 3 มิติ และการขึ้นรูปด้วยไฟฟ้า ซึ่งการบวนการขึ้นรูปเหล่านี้ต้องใช้ผู้ที่มีความชํานาญและความเชี่ยวชาญ แต่ตอนนี้มีมีเทคโนโลยีที่สามารถสร้างรูปร่างให้โลหะได้อย่างง่ายดายเรียกว่า Metal Clay ซึ่งเป็นการขึ้นรูปวิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเนื่องจากมีกระบวนการผลิตที่ง่าย ต้นทุนต่ำ ไม่ต้องใช้เครื่องมือขนาดใหญ่ ปัจจุบันนิยมนำวิธีการนี้มาใช้การขึ้นรูปเครื่องประดับทอง เรียกว่า เรียกว่า โกลด์ เคลย์ (Gold Clay)Metal Clay เกิดจากการนำผงโลหะมาผสมกับผงประสานอินทรีย์(Organic Binder) ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนกาวเพื่อช่วยประสานให้อนุภาคของผงโลหะสามารถรวมตัวกันและปั้นขึ้นรูปได้ง่าย แต่มีความคงตัว ไม่ไหลเยิ้ม และที่สำคัญต้องสลายตัวได้ง่าย เมื่อเผาแล้วมาเป็นพิษ ผงประสานอินทรีย์จะทำให้ผงโลหะจับตัวกันจนมีลักษณะเหมือนดินเหนียว สามารถนำมาปั้นขึ้นรูปได้ ทำให้สามารถดีไซน์รูปแบบได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องใข้เครื่องจักรหรือเครื่องหล่อโลหะที่มีราคาแพง จึงเรียกได้ว่าเป็นเครื่องประดับทำมือหรือHandmade Jewelryส่วนขั้นตอนการผลิตโกลด์ เคลย์นั้น เริ่มจากการนำเม็ดโลหะทอง มาผ่านการสังเคราะห์จนได้ผงโลหะทอง (Gold powder) จากนั้นนำผงโลหะทองมาผสมกับตัวประสานอินทรีย์ ทำการปั้นให้เป็นเครื่องประดับ รอจนชิ้นงานแห้งแล้วนำไปเผาที่อุณหภูมิประมาณ 700-900 ºC ตัวประสานจะสลายตัวออกไป อนุภาคทองจะเชื่อมประสานเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาขัดตกแต่งให้ สวยงามก็จะได้เครื่องประดับทองทำจากมือที่แข็งแรง สามารถสวมใส่ได้จริง เนื่องจากโกลด์ เคลย์ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กของทองที่ถูกล้อมรอบด้วยน้ำและตัวประสานอินทรีย์เมื่อทำการปั้นทิ้งไว้ให้แห้งน้ำบางส่วนจะระเหยออกเหลือเพียงตัวประสานที่ช่วยยึดอนุภาคทองไว้ เมื่อนำไปเผาตัวประสานจะสลายตัวออกหมด ทำให้ผงทองรวมตัวกัน เป็นเครื่องประดับทองที่สมบูรณ์การขึ้นรูปเครื่องประดับแบบ Gold Clay เป็นกระบวนการขึ้นรูปที่ง่าย สะดวก รวดเร็วและได้เครื่องประดับ ในแบบที่ตนเองต้องการ หากเป็นโลหะเงินก็จะได้เป็นเงินถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นทองก็จะได้ทอง 24K เนื้อทองไม่ขาดหายไประหว่างกระบวนการผลิตแต่อย่างใด จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการในการออกแบบเครื่องประดับทองรูปแบบใหม่ๆ

Read More

31/01/2563

5 พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจของโลก


ของเก่าแก่ สมบัติล้ำค่า ที่มีอยู่ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นโบราณวัตถุ เครื่องประดับ อัญมณี เครื่องทอง และอื่นๆอีกมากมายส่วนใหญ่ล้วนถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ และนี่คือพิพิธภัณฑ์ 5 แห่งในจำนวนสุดยอดพิพธภัณฑ์ของโลกที่ถูกกล่าวถึงไม่มากแต่ควรค่าแก่การหาโอกาสไปชื่นชมสักครั้งในชีวิต 1. THE NATIONAL JEWELRY ประเทศอิหร่าน เป็นพิพธภัณฑ์หรือจะเรียกว่า กรุสมบัติก็ไม่เกินความจริง เพราะที่นี่เป็นที่เก็บเครื่องเพชรพลอยและอัญมณีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก มากขนาดอาจใช้เป็นทุนสำรองค้ำเศรษฐกิจของประเทศอิหร่านได้เลย สมบัติทั้งหมดเก็บอยู่ในห้องมั่นคงในอาคารของธนาคารกลางแห่งประเทศอิหร่าน มีทั้งของเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ซาฟาวิด อายุกว่า 2,500 ปีก่อน มีทั้ง มหามงกุฎ เครื่องประดับ อัญมณี เครื่องทองประดับอัญมณี ฯลฯ มากมายหลายสิบตู้ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ 2. EL MUSEO DEL ORO โคลอมเบีย พิพิธภัณฑ์ทองคำแห่งโบโกตา เป็นพิพิธภัณฑ์ทองคำที่ใหญที่สุดในโลก จัดแสดงผลงานในทุกแง่มุมเกี่ยวกับทองคำในช่วงPre-Hispanic (ยุคก่อนการครอบครองของสเปน) จัดแสดงผลงานศิลปะ โบราณวัตถุมากกว่า 55,000 ชิ้น ซึ่งในจำนวนนี้ 30,000 ชิ้นเป็นทองคำ มีทั้งเป็นหน้ากากทองและเครื่องประดับต่างๆ ที่แสดงฝีมือช่างทองชั้นยอดในอดีต นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการการทำทองในสมัยโบราณและศิลปะการทำทองของช่างทองในยุคต่างๆอีกด้วย 3. BRITISH MUSEUM ประเทศอังกฤษ เป็นสถานที่รวบรวมโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกกว่า17 ล้านชิ้น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บันทึกเรื่องราววัฒนธรรมของโลกจากอดีตถึงปัจจุบัน โบราณวัตถุชิ้นสำคัญ เช่น ประตูหินแกะสลักขนาดใหญ่ชื่อบาลาวัต (Balawat gate) รากฐานของวัฒนธรรมแบบเปอร์เซียที่เคยยิ่งใหญ่จนเป็นอู่อารยธรรมของโลก มัมมี่และโลงศพที่ประดับประดาด้วยอัญมณะและของมีค่า และรูปปั้นอาลักษณ์ ผู้ที่มีหน้าที่บันทึกเรื่องราวต่างๆหนึ่งในอารยะธรรมล้ำค่าของอียิปต์ควรค่ากับการต้องหาเวลาไปชมเป็นอย่างยิ่ง 4. V&A MUSEUM พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับงานศิลปะ รออกแบบและงานมัณฑณศิลป์ ที่เปิดให้ชมฟรีในประเทศอังกฤษมีการจัดแสดงจิวเวลรี่และของสะสมของมหาเศรษฐินี ดอริส ดุ๊ก โดยเฉพาะศิลปวัตถุของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งหนึ่งในของที่นำมาจัดแสดงก็คือเข็มขัดทองและเข็มกลัดเพชรของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงที่ยืมมาจัดแสดงไว้โดยมีภาพที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถทรงเข็มขัดและเข็มกลัดนี้ประกอบกับการจัดแสดงด้วย นอกจากนี้ยังจัดแสดงวิวัฒนาการของแฟชั่นโลกตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 เลยทีเดีย 5. พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาชมความงดงามของผ้าไทยจากนิทรรศการ ‘ราชพัสตราจากผ้าไทย’ จัดแสดงฉลองพระองค์ชุดสากล ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นักออกแบบไทยและต่างชาตินำผ้าไหมไทยมาใช้ในการตัดเย็บโดยผสมผสานกับวัตถุดิบอื่นๆ และนิทรรศการ ‘ไทยพระราชนิยม’ จัดแสดงชุดประจำชาติ นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการ‘งามสมบรมราชินีนาถ’จัดแสดงฉลองพระองค์กว่า 30 องค์ ที่ออกแบบโดยนายปิแอร์ บัลแมง นักออกแบบชาวฝรั่งเศสผู้ดูแลการตัดเย็บฉลองพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมาเป็นเวลากว่า 22 ปี นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงมรดกล้ำค่าของโลก ที่ควรค่าแก่การศึกษาและชื่นชม

Read More

31/01/2563

ร้านค้าปลีกในสหรัฐปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กระทบการส่งออกเครื่องประดับไทย


ร้านค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาประกาศปิดตัวไปแล้วกว่า 9,300 แห่งในปี 2019 สูงขึ้นถึง 59% เมื่อเทียบกับปี 2018 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2012 และมีแนวโน้มว่าจะทยอยปิดตัวต่อเนื่องไปอีกหลายปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยทั้งปัญหาขาดสภาพคล่อง ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งการปิดตัวของร้านค้าปลีกเหล่านี้โดยเฉพาะร้านค้าอัญมณีและเครื่องประดับ(ทอง) ส่งผลโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกหลักของสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย โดยในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2019 ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯด้วยมูลค่า 1,189.52 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2018 โดยสินค้าหลักส่งออกไปตลาดสหรัฐคือ เครื่องประดับเงินและเครื่องประดับทองปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่การส่งออกพลอยเนื้อแข็งเจียระไนและเพชรเจียระไนก็เติบโตได้ไม่ดีนัก สาเหตุที่การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯลดลงนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น ส่งผลกระทบทำให้ร้านค้าปลีกซึ่งรวมถึงร้านอัญมณีและเครื่องประดับต้องปิดตัวลง ทำให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯลดการนำเข้าสินค้าจากไทย อย่างไรก็ดี การส่งออกในปีนี้ยังคงได้รับปัจจัยบวกอยู่บ้างจากการซื้อขายออนไลน์ในตลาดสหรัฐฯ ที่ยังเติบโตได้ดี ทั้งนี้ จากข้อมูลการวิเคราะห์ของIBISWorld ระบุว่า ตลาดออนไลน์เครื่องประดับและนาฬิกาในสหรัฐฯ ปี 2019 เติบโตสูงขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.9% (หรือมีมูลค่าราว 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2020 นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ที่เป็นคนรุ่นใหม่หันไปสนับสนุนและซื้อสินค้าที่ให้คุณค่าเรื่องความยั่งยืน รวมถึงระบุแหล่งที่มาที่ไปของอัญมณีและเครื่องประดับได้ ฉะนั้น ใครที่ปรับตัวได้และนำเสนอคุณค่าที่ตรงใจ ตรงความต้องการของลูกค้าได้มากกว่า ก็จะสามารถดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดได้ดี ปัจจุบันยอดขายปลีกออนไลน์ในสหรัฐฯ ครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 16% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 2026 โดย UBS ได้มีการวิเคราะห์ว่าการเพิ่มยอดขายออนไลน์ขึ้น 1% จะทำให้ร้านค้าปลีกดั้งเดิมปิดตัวลง 8,000 – 8,500 แห่ง ซึ่งจะทำให้มีร้านค้าปลีกปิดตัวลงราว 75,000 แห่งในปี 2026 ขอขอบคุณ: ข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ

Read More

31/01/2563

ไขปริศนาประวัติศาสตร์ จากรูปปั้นหัวม้าทองคำ


ทีมนักโบราณคดีชาวเยอรมันขุดพบรูปปั้นหัวม้าทองคำได้ที่ waldgirmesใกล้กับเมืองแฟรงก์เฟิร์ตในปัจจุบัน การค้นพบครั้งนี้ช่วยไขปริศนาทางประวัติศาสตร์ว่าอาณาจักรวรรดิโรมันไม่ได้ใช้ยุทธวิธีทางทหารอย่างเดียวในการเอาชนะขนเผ่าเยอรมัน แต่รูปปั้นทองคำและท่อส่งน้ำ หรือ Waldgirmes ต่างหากที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนแห่งชัยชนะที่จักรวรรดิโรมันมีเหนือเผ่าเยอรมันเดิมนักประวัติศาสตร์เชื่อว่าจักรวรรดิโรมันมุ่งทำลายชนเผ่าเยอรมันด้วยกองกำลังทหารที่มีศักยภาพ เพื่อชิงพื้นที่ใหม่ทางตอนเหนือและตะวันออกของแม่น้ำไรน์ หลังการสู้รบครั้งใหญ่ที่ป่าทอยโทบวร์ก (Teutoburg Forest) ในปีคริสต์ศักราชที่ 9 กองกำลังทหารโรมันจำนวน 15,000 นายพ่ายแพ้แก่ชนเผ่าเยอรมันอย่างยับเยิน ส่งผลให้จักรวรรดิโรมันล้มเลิกการส่งทหารไปบุกตีพื้นที่ของชนเผ่านานถึง 300 ปี และสร้างป้อมปราการขึ้นที่บริเวณชายแดนทางตอนเหนือของอาณาจักรแทนแต่การค้นพบรูปปั้นหัวม้าและข้าวของอื่นๆ ใน Waldgirmes ระหว่างปี 1994 – 2009 กลายเป็นหลักฐานใหม่ที่แสดงให้เห็นว่ายุทธการทางทหารหาใช่แผนการเดียวของจักรวรรดิโรมันไม่ เพราะพื้นที่ตั้งถิ่นฐานที่มีขนาดราว 20 เอเคอร์ มีแนวกำแพงป้องกัน แต่กลับไม่มีอาคารทางการทหารอยู่เลย สิ่งเหล่านี้นำไปสู่สมมุติฐานใหม่ว่าชาวโรมันที่อาศัยอยู่ยังบริเวณชายแดนอาจค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับชนเผ่าเยอรมันอย่างเงียบสงบหลายปี จนกระทั่งเกิดยุทธการป่าทอยโทบวร์ก นอกจากนี้ยังพบหลักฐานอาคารที่ใช้ตั้งถิ่นฐานล้วนทำจากไม้ เมื่อวิเคราะห์จากวงปีของไม้พบว่า เมืองเล็กๆ แห่งนี้น่าจะก่อตั้งในปีคริสต์ศักราชที่ 4 หลังแนวกำแพงไม้ความสูง 3 เมตร พบเครื่องปั้นดินเผา ร่องรอยของสิ่งปลูกสร้างสไตล์โรมัน ตลอดจนท่อส่งน้ำโบราณ แสดงให้เห็นว่าพลเรือนมีชีวิตอยู่กันอย่างไร และอาจเข้าใจผิดก็ได้ที่ว่าจักรวรรดิโรมันพยายามล้างบางพื้นที่นี้ไม่กี่ปีหลังยุทธการที่ป่าทอยโทบวร์ก วิถีชีวิตในเมืองโบราณแห่งนี้ต้องหยุดชะงัก แต่ไม่มีร่องรอยว่าเกิดการสู้รบหรือสังหารหมู่ เป็นไปได้ว่าชาวเมืองถูกอพยพออกไปอย่างสงบในปีคริสต์ศักราชที่ 16 หลังกองกำลังโรมันได้รับคำสั่งให้ละทิ้งพื้นที่ทางตอนเหนือและทางตะวันออกของแม่น้ำไรน์ หลังเมืองนี้ถูกทิ้งร้าง รูปปั้นจำนวนมากถูกทุบทำลายโดยชนเผ่าเยอรมัน บ้างนำเหล็กมารีไซเคิลไปทำประโยชน์อื่น แต่หัวม้ากลับได้รับการยกเว้นตามความเชื่อนั่นเองหัวม้าทองคำจาก จักรวรรดิโรมัน น้ำหนัก 12.7 กิโลกรัม มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 60 ล้านบาท) ขนาดเทียบเท่ากับหัวม้าจริงสร้างขึ้นราวศต.ที่1 ทำจากบรอนซ์เคลือบทองคำนี้ ถูกขุดค้นขึ้นมาจากระดับความลึก 9 เมตร ล้อมรอบด้วยก้อนหินหนัก 8 ก้อน ถังไม้ เครื่องมืออื่นๆ เช่นแอกวัว สันนิฐานว่านี่คือรูปปั้นเพื่อบูชายัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมชนเผ่าทางตอนเหนือของยุโรปที่มักบูชายัญม้า ด้วยการฝังพวกมันในที่ลุ่มหรือในแม่น้ำ จึงเป็นเหตุผลที่มันจึงไม่ถูกทุบทำลาย

Read More

31/01/2563

พิสูจน์แล้ว ทองคำแท่งอายุ 5 ศต.กลางกรุงเม็กซิโก ซิตี้


เมื่อปี พ.ศ.2524 มีการขุดพบทองคำแท่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของเม็กซิโก หลังจากนั้นก็มีการพิสูจน์หาคำตอบเรื่อยมาว่าทองคำแท่งที่พบนั้น มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมมันจึงถูกฝังอยู่กลางเมืองหลวงเช่นนี้ ผ่านมา 39 ปีวันนี้จึงได้คำตอบ สถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติเม็กซิโก เป็นผู้เปิดเผยผลการวิเคราะห์นี้ โดยใช้วิธีการเอกซเรย์แบบพิเศษกับแท่งทองคำโบราณ จนสามารถยืนยันได้ว่า ทองคำมันน้ำหนัก 1.93 กิโลกรัม ที่ถูกพบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสมบัติชาวแอซเท็ก (Aztec) ที่ถูกแย่งชิงไปโดยเอร์นัน กอร์เตซ นักสำรวจชาวสเปน เพราะพบองค์ประกอบของแท่งทองคำตรงกับชิ้นส่วนของสมบัติอื่นๆ ในยุคจักรวรรดิแอซเท็ก ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการไขปริศนาของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ช่วงเวลานั้นมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่าในคืนวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2063 ชาวแอซเท็กที่โกรธแค้นได้ขับไล่ขุนนาง นักบวชและผู้บุกรุกชาวสเปนออกจากเมืองหลวงเตนอชตีตลัน โดยนักสำรวจชาวสเปนได้หลบหนีไปพร้อมสมบัติชของาวแอซเท็กมากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะนำไปได้รวมถึง ทองคำแท่งจำนวนมาก ทองคำแท่งบางส่วนนำไปไม่ได้จมลงไปในคลองของเมืองเตนอชตีตลันจนกระทั่งถูกขุดพบในอีก500 ปีต่อมาชาวแอซเท็ก(Aztec Empire) อาศัยอยู่ในทะเลทรายด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเม็กซิโก ในช่วงปลายคริสต์ศักราช 1200 พวกเขาเริ่มอพยพลงไปทางใต้ จนในที่สุดก็มาถึงที่ราบสูงแห่งเม็กซิโก ตามตำนานบอกว่า ชาวแอชเท็กซึ่งเคยเป็นนักล่าเร่ร่อนจะอยู่ในสถานที่ที่พวกเขาได้เห็นนกอินทรีเกาะอยู่บนต้นตะบองเพชรเสมอเท่านั้น และในปีคริสต์ศักราช 1325 พวกเขาได้ค้นพบสถานที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นเกาะอยู่ในทะเลสาบขนาดใหญ่ ที่นี่พวกเขาสร้างเมืองหลวง ชื่อเตนอชตีตลันอาณาจักรแอซเท็ก เจริญรุ่งเรืองกินอาณากว้างขวางบริเวณอเมริกากลางและประเทศเม็กซิโกในปัจจุบัน มีอำนาจเต็มที่ในช่วง ปี ค.ศ. 1428 - 1521 ก่อนที่จะถูกกลุ่มกองกิสตาดอร์ หรือนักสำรวจดินแดนชาวสเปนนำโดย เอร์นัน กอร์เตส เข้ารุกรานและยึดครองจักรวรรดิแอซเท็ก จนกระทั่งล่มสลายไปในปี ค.ศ. 1521

Read More

31/01/2563

ทองคำพลาสติกคืออะไร


วงการอัญมณีก้าวไปอีกขั้นด้วยการใช้เส้นใยโปรตีนและน้ำยางโพลิเมอร์ฝั่งมันลงบนผลึกนาโนทองคำ ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จนได้ทองคำ 18 กระรัต (ทอง18K) ที่มีน้ำหนักเบากกว่าทอง18K แบบเดิมและคาดว่าทองชนิดนี้จะกลายเป็นที่ต้องการในวงการเครื่องประดับและนาฬิกาต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้วารสาร Advanced Functional Materials ได้รายงานผลการวิจัยจากสถาบันSwiss Federal Institute of Technology in Zurich หรือETH Zurichว่าคณะวิจัยสามารถสร้างทอง 18K ชนิดใหม่ที่มีน้ำหนักน้อยกว่าทอง 18K แบบเดิม 5 - 10 เท่าได้เป็นผลสำเร็จแล้ว โดยใช้เส้นใยโปรตีน (protein fibres) และโพลิเมอร์ลาเทกซ์ (polymer latex คือลาเทกซ์ที่เป็นองค์ประกอบของโพลิเมอร์กระจายตัวอยู่ในน้ำ)ฝั่งมันลงบนผลึกนาโนทองคำ ที่มีลักษณะเหมือนแผ่นจานบางๆ ก็จะได้ทอง 18K ชนิดใหม่ที่มีน้ำหนักเบาเพราะมีช่องว่างอากาศขนาดเล็กที่ตามนุษย์มองไม่เห็นกระจายอยู่ทั่วไป ทีมนักวิจัยจากนักวิจัยชาวสวิส อธิบายขบวนการได้มาของทอง18K แบบใหม่นี้ว่า ขั้นแรกคือการเพิ่มส่วนผสมลงไปในน้ำและสร้างการกระจายตัว หลังจากนั้นเติมเกลือเพื่อเปลี่ยนการกระจายตัวเป็นเจล ต่อมาก็แทนที่น้ำในนั้นด้วยแอลกอฮอล์ ขั้นตอนต่อไปคือวางเจลแอลกอฮอล์ไว้ในห้องแรงดันที่มีแรงกดดันสูง และอยู่ในสภาวะเหนือจุดวิกฤติในบรรยากาศของคาร์บอนไดออกไซด์ ที่จะทำให้ผสมแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนได้ เพื่อให้เกิดปฏิกิริยากระทั่งได้ก้อนทองคำออกมา ทอง 18K เป็นที่นิยมมากในยุโรปมันถูกนำมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับและนาฬิกา เนื่องจากความเหนียว อ่อนตัวและบิดงอได้ไม่ยากทีมวิจัยชี้ว่าทองคำพลาสติกนี้น่าจะมาแทนที่ทองคำ 18K แบบเดิมได้และอาจเป็นที่ต้องการในอนาคต โดยเฉพาะการผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับใช้เร่งปฏิกิริยาทางเคมี หรือการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการป้องกันรังสี ซึ่งเป็นผลงานที่ชัดเจนในการสร้างทองคำน้ำหนักเบา ที่สามารถนำไปแปรรูปและใช้จริงได้กับการทำงานส่วนใหญ่ที่ใช้ทองคำเป็นส่วนประกอบ.อนึ่ง งานวิจัยนี้สร้างความประหลาดใจได้มากเพราะองค์ประกอบส่วนใหญ่ไม่มีโลหะผสมเลย ทั้งหมดล้วนทำมาจากพลาสติก จึงทำให้มีน้ำหนักเบา ทั้งนี้สัดส่วนองค์ประกอบของทอง 18K แบบเดิมนั้นมีทองคำอยู่ 3 ใน 4 ส่วนและทองแดง 1 ใน 4 ส่วน ซึ่งมีความหนาแน่น 15 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตรโดยประมาณ แต่ทอง 18K ชนิดใหม่นี้มีความหนาแน่นเพียงแค่ 1.7 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร เท่านั้น

Read More

31/01/2563

ปริศนา“กริชตุตันคาเมน”


การค้นพบกริชในห่อพระศพของฟาโรห์ตุตันคาเมนเมื่อปี1925 สร้างความประหลาดใจให้กับนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์ไม่น้อย เพราะกริชเล่มนี้มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาล และเป็นโบราณวัตถุที่ถูกค้นพบในวัฒนธรรมอียิปต์โบราณเพียงไม่กี่ชิ้นที่ทำจากเหล็ก(ส่วนใหญ่ล้วนทำจากทองและอัญมณีมีค่า) ซึ่งเชื่อกันว่ายังไม่มีวิทยาการใดๆในการถลุงเหล็กได้จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาลความสงสัยนี้นำไปสู่การค้นหาคำตอบของนักวิทยาศาสตร์และหลักฐานสำคัญบางอย่างทำให้พวกเขาเชื่อว่า“กริชตุตันคาเมน” ทำจาก“เหล็กหินอุกกาบาต”เพราะมีส่วนประกอบของนิกเกิล 10 เปอร์เซนต์ และโคบอลต์อีก 0.6 เปอร์เซนต์ นักวิทยาศาสตร์ใช้วิเคราะห์วัสดุที่เรียกว่ากระบวนการ เอ็กซ์เรย์ฟลูออเรสเซนส์ (X-ray fluorescence) ซึ่งจะช่วยระบุธาตุที่ต่างกันด้วยสีเฉพาะตัวจากแสงเอ็กซ์เรย์ที่สะท้อนออกมา เมื่อวัตถุนั้นๆถูกกระทบด้วยคลื่นเอ็กซ์เรย์ที่มีพลังงานสูงกว่า ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า เนื้อกริชดังกล่าวมีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกับโลหะธาตุที่พบในหินอุกกาบาต นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ากริชเล่มนี้ถูกตีขึ้นอย่างปราณีตจากแร่เหล็กหินอุกกาบาต ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญหลายรายก็เคยตั้งข้อสังเกตว่า กริชเล่มนี้ทำจากหินอุกกาบาตมาก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีการพิสูจน์เพื่อยืนยันอย่างแน่ชัด โดยรายงานของทีมวิจัยระบุว่า แร่เหล็กซึ่งทำมาจากหินอุกกาบาตถือว่ามีมูลค่าสูงยิ่งกว่าทอง มักถูกใช้เป็นเครื่องประดับหรือเพื่อประกอบพิธีกรรม ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ยังทำให้เข้าใจว่าเหตุใดชาวอียิปต์ในกว่า 100 ปีให้หลังจึงบรรยายถึงแร่เหล็กว่าเป็น “เหล็กจากท้องฟ้า” แม้ว่า กริชเล่มนี้จะถูกพบในอียิปต์แต่หลายฝ่ายก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามันถูกทำขึ้นในอียิปต์หรือถูกนำเข้ามาจากต่างแดนกันแน่ อนึ่งทรัพย์สมบัติที่พบในสุสานของตุตันคาเมนมีมากกว่า 5 พันกว่ารายการที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุ “คือ”หน้ากากทองคำ” ที่ตีเข้ารูปของกษัตริย์หนุ่มตกแต่งด้วยเพชรพลอยอัญมณีมีค่าเท่าที่จะหาได้ หนักประมาณ 14 กิโลกรัม “โลงพระศพไม้ฉาบทองคำ” ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์หนักกว่า 100 กิโลกรัมฝังด้วยอัญมณีและแก้วหลากสี และ “กรองพระศอเป็นรูปนกแร้ง” ทำด้วยทองคำชิ้นเล็ก ๆ 256 ชิ้นเป็นต้น

Read More

31/01/2563

ใส่แหวนทองอย่างไร ให้เป็นมงคล


แหวนเป็นเครื่องประดับที่สวมติดนิ้วกันแทบทุกคน ซึ่งการใส่แหวนนอกจะเพื่อความสวยงามแล้ว คนโบราณยังเชื่อว่าการใส่แหวนยังช่วยเสริมสิริมงคลให้ผู้ใส่ได้ด้วย โดยเฉพาะแหวนทองคนสมัยโบราณเชื่อว่าการสวมแหวนทองที่นิ้วนางข้างขวาจะช่วยเสริมดวงด้านความรัก แต่ถ้าอยากให้ความรักมั่นคง ก็ต้องสวมแหวนทองที่นิ้วนางข้างซ้าย ถ้าต้องการเสริมดวงการเงินให้เงินคลองมือไม่ขาดให้สวมแหวนทองที่นิ้วกลางข้างขวาหรือซ้ายก็ได้ การสวมแหวนทองที่นิ้วกลางข้างซ้ายจะช่วยเสริมดวงเรื่องหน้าที่การงานอีกด้วยหากต้องการโชคลาภต้องสวมแหวนทองที่นิ้วกลางข้างขวา แต่ถ้าอยากเสริมเสน่ห์ เมตตามหานิยม ให้คนเอ็นดู ควรสวมแหวนทองที่นิ้วนางข้างขวา และนิ้วชี้ข้างซ้ายหรือขวา แต่หากต้องการคนอุปถัมภ์ ควรสวมแหวนทองที่นิ้วหัวแม่มือ นอกจากนี้ยังมีวิธีใส่แหวน ให้ตรงกับวันเกิดเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่อีกด้วยโดย คนเกิดวันอาทิตย์ควรสวมแหวนเกลี้ยงทำจากเงิน ทองหรือหยกก็ได้ที่นิ้วนางหรือนิ้วกลางข้างซ้าย และไม่ควรสวมแหวนหลายวงในนิ้วเดียว เพราะจะทำให้ชีวิตมีอุปสรรค์วันจันทร์สวมแหวนบางๆที่นิ้วกลาง นิ้วนาง หรือนิ้วก้อยสามารถสวมแหวนซ้อนกันสองวงได้จะทำให้มีคนรัก เอ็นดูวันอังคารสวมแหวนที่มีลักษณะหัวแหวนโตๆที่นิ้วนาง นิ้วกลาง หรือนิ้วชี้ก็ได้ และสามารถ สวมแหวนซ้อนกันหลายวงได้ไม่มีปัญหาเรื่องความรักวันพุธสวมแหวนที่มีลักษณะพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือนิ้วนาง เพิ่มความโดดเด่นที่แหวนด้วยสีเขียวได้ก็จะดี วันพฤหัสบดีให้ใส่แหวนที่มีประกายที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง และอย่าสวมแหวนหลายวงในนิ้วเดียว อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องความรักได้วันศุกร์ ให้ใส่แหวนเงิน หรือแหวนทองที่นิ้วไหนก็ได้ แต่ระวังอย่าสวมหลายวงวันเสาร์ให้สวมแหวนเงิน หรือแหวนทองเกลี้ยง ที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะสวมแหวนแบบแฟชั่น หรือเพิ่มเสริมสิริมงคล ก็อยู่ที่ความเชื่อของผู้สวมใส่แต่ทั้งนั้นการสวมแหวนที่ดีก็ไม่ควรสวมหลายๆวงในนิ้วเดียวกัน เพราะเห็นว่าจะมีปัญหาทั้งในเรื่องความรัก และจะทำให้ชีวิตมีอุปสรรค์นั่นเอง

Read More

31/01/2563

ปี63 ธนาคารกลางทั่วโลกยังลงทุนทองคำต่อเนื่อง


เมื่อปีที่ผ่านมา(2562) ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยลบหลายด้านทั้งความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เป็นผลมาจากการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐถึง 3 ครั้งในรอบปี ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงเนื่องจากสงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐกับจีน ที่กินเวลายาวนานถึง 20 เดือน ซึ่งนอกจากทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นแล้ว ธนาคารกลางทั่วโลกยังแห่ซื้อทองคำเพิ่มกว่า 20% อีกด้วย โกลด์แมน แซคส์ ธนาคารชั้นนำระดับโลกในสหรัฐ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาธนาคารกลางทั่วโลกเข้าลงทุนทองคำแท่งรวมกันคิดเป็น 1 ใน 5 หรือราว 20% ของปริมาณทองคำแท่งที่มีในตลาดโลก ทำสถิติความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกมากที่สุดนับตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดีนิกสันแห่งสหรัฐ โดยธนาคารกลางของรัสเซียและจีนเป็นผู้ซื้อสูงสุดธนาคารกลางรัสเซียเข้าซื้อทองคำแท่งตลอดทั้งปีรวมทั้งสิ้น 106 เมตตริกตัน ถึงแม้ว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี2561 แต่ก็เป็นปริมาณทองคำแท่งที่มีมากกว่าธนาคารกลางทุกแห่งทั่วโลก นอกจากนี้ ทองคำแท่งสะสมของธนาคารกลางรัสเซียก็มีปริมาณเพิ่มเป็น 2,200 เมตตริกตัน ซึ่งมีมูลค่าเป็น 20.7% ของทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมดของรัสเซีย หรือทองคำแท่งมีสัดส่วนมากที่สุดในทุนสำรองระหว่างประเทศรัสเซียอีกด้วย สำหรับปีที่ผ่านมานั้น มูลค่าของทองคำแท่งที่อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียทะยานขึ้น 42% ส่งผลให้มูลค่าทองคำแท่งในธนาคารกลางรัสเซียเพิ่มเป็น 109,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.4 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าทะยานขึ้นกว่า 4 เท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เช่นเดียวกับธนาคารกลางจีนที่ได้เข้าซื้อทองคำแท่งเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนในกองทุนสำรองระหว่างประเทศจีน โดยมีปริมาณทองคำแท่งทะยานขึ้นกว่า 100 เมตตริกตัน นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี2561ที่ธนาคารกลางจีนเริ่มกลับมาซื้อทองคำแท่ง สำหรับสาเหตุที่ธนาคารกลางจีนซื้อทองคำแท่งเพิ่มมากขึ้น ล้วนมีเหตุผลที่ใกล้เคียงกันกับธนาคารกลางรัสเซียทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ มองราคาทองคำตลาดโลกในปี 2563 จะอยู่ที่ระดับ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ นั่นหมายถึง มีความเป็นไปได้สูงมากที่ราคาทองคำตลาดโลกในปีหน้าจะยังมีสถิติสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงให้น้ำหนักในการเพิ่มการลงทุนในทองคำเพื่อชดเชยกับการลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรองระหว่างประเทศลงอย่างต่อเนื่อง

Read More

31/01/2563

เครื่องประดับมงคล รับปีหนูทอง


ในวัฒนธรรมตะวันออก มีความเชื่อว่าหนูเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เช่นในวัฒนธรรมของชาวฮินดู หนูได้รับการเคารพนับถือในฐานะสัตว์ที่เป็นสัตว์พาหนะของพระพิฆเณศ เทพแห่งศิลปวิทยาการ โดยชาวฮินดูบางคนเชื่อว่าการได้ดื่มน้ำ หรือกินอาหารต่อจากหนู ถือเป็นการได้รับพรวิเศษจากเทพ ในขณะที่ชาวจีนเชื่อว่าหนูเป็นสัตว์นำโชค เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย อันเนื่องมาจากความสามารถในการผลิตลูกหลานที่เพิ่มพูนอย่างรวดเร็วนั่นเองนอกจากนี้ ชาวจีนยังเชื่อว่าหนูเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความคล่องแคล่ว และความเฉลียวฉลาดอีกด้วย ดังนั้นในปี 2020 ซึ่งเป็นปีชวดนี้ชาวจีนจึงเชื่อว่าเป็นปีหนูทองที่จะนำความมั่งคั่งร่ำรวยมาให้ทุกคน การหาเครื่องประดับรูปหนูทองจึงเป็น คอลเลคชั่นที่น่าจะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในปีนี้ นักออกแบบเครื่องประดับจำนวนมากเชื่อว่า การหาสัญลักษณ์ หรือเครื่องประดับรูปหนูมาประดับหรือมีไว้ในครอบครองนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังเปรียบได้กับการมีเครื่องรางเสริมมงคลรับปีหนูทองได้เป็นอย่างดี เช่น จี้รูปหนูทำจากทอง 18 กะรัตประดับเพชร และทับทิม จากฝีมือการออกแบบของแบรนด์เครื่องประดีบสุดหรูTiffany & Co. หรือจี้หยกตกแต่งด้วยทอง เพชรมีหนูตัวเล็กๆที่ประดับด้วยเพชรและพลอยสีเกาะอยู่ ผลงานสุดน่ารักจาก Cartier และ จี้รูปหนูทำจากทอง 18 กะรัตประดับเพชร และพลอยสี โดย Van Cleef and Arpels ตำนานผู้ผลิตอัญมณีจากประเทศฝรั่งเศสอายุเก่าแก่กว่า 110 ปีนอกจากนี้ แพนดอร่า (PANDORA) แบรนด์เครื่องประดับและจิวเวลรีดังสัญชาติเดนมาร์กยังออกแบบคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับปีหนูทองด้วยสร้อยข้อมือและชาร์ม โดยนำคติความเชื่อของชาวจีนที่ว่า สีเหลืองทองเป็นสีของจักรพรรดิจีน แสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง และสูงส่ง และสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความสุข มาผสมผสานกัน ออกมาเป็นเครื่องประดับหนังทอสีแดง คู่กับชาร์มสีทองที่ทำจากวัสดุชุบทอง18k แวววาวตามจักรราศีเพื่อเสริมสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่ แม้บางครั้งหนู จะเป็นสัตว์ที่ไม่พึงปรารถนาสำหรับผู้คนนัก เพราะมักก่อความเดือดร้อนรำคาญ กัดแทะทำลายข้าวของ อาหาร รวมถึงเป็นพาหะนำโรคต่างๆ แต่ในมุมหนึ่ง หนู ก็เป็นตัวการ์ตูนแสนน่ารักขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลกอย่างมิกกี้ เม้าส์ที่สร้างความบันเทิงมานานกว่า 90 ปี และสำหรับผู้มีความเชื่อเรื่องโชคลางและสิ่งมงคล การสวมเครื่องประดับรับปีหนูทองก็อาจทำให้ได้รับแต่สิ่งดีๆตลอดปี 2020 นี้

Read More

31/01/2563

ส่องตลาดทองใน สปป.ลาว


สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นหนึ่งในประเทศย่านอาเซียนที่มีแหล่งแร่มีค่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ เงิน ทองแดง ดีบุก สังกะสี โดยเหมืองแร่สำคัญเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ในลาวได้แก่ เหมืองเซโปน เหมืองภูคำ และเหมืองอัตตะปือ เป็นต้น แหล่งแร่เหล่านี้มีมูลค่ารวมกันกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า3 ล้านล้านบาท เลยทีเดียว สปป.ลาวส่งออกสินค้าในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ มากกว่าการนำเข้า โดยมีตลาดที่สำคัญคือ เบลเยี่ยม สหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย และสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ เป็นการส่งออก โดยโรงงานใหญ่กลับไปยังประเทศของผู้ผลิตเอง เช่น ทองคำแท่ง ส่งกลับไปยังประเทศออสเตรเลีย และจีน ส่วนเครื่องประดับประเภททองคำ และทองคำขาว จะมีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของลาวอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าลาวจะมีเหมืองที่ผลิตทองคำได้มากแต่จากข้อมูลของสภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่าลาวถือครองทองคำสำรองในประเทศเพียง 8.9 ตันซึ่งน้อยกว่าประเทศไทยกว่า 17 เท่าตัว และการซื้อขายทองคำทองคำแท่งในสปป.ลาวก็ยังถือว่ามีไม่มากนัก ในส่วนของอุตสาหกรรมทองคำรูปพรรณ ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน โดยมีโรงงานขึ้นรูปตัวเรือนกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทองที่นำมาแปรรูปซื้อจากธนาคารแห่งชาติลาว เน้นการผลิตแบบ handmade ที่โชว์ลวดลายแบบดั้งเดิม ซึ่งร้านจำหน่ายเพชรและทองส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กกระจายอยู่ตามแขวงต่างๆ รูปแบบการขาย ก็ใช้วิธีชั่งน้ำหนักเป็นกรัม และใช้น้ำหนักทองเป็นบาทและสลึง เช่นเดียวกับประเทศไทยการกำหนดราคาทองคำรูปพรรณของสปป.ลาวจะอ้างอิงราคาของตลาดโลก และบวกค่ากำเหน็จ ประมาณ 200 – 500 บาท ขึ้นอยู่กับลวดลาย หากมีเพชรหรือพลอยประดับ ก็จะมีค่ากำเหน็จสูงขึ้นประมาณ บาทละ 1,000 บาท ส่วนต่างของราคาทองคำแท่งขายออกกับรับซื้อคืน โดยประมาณจะอยู่ที่ 200 – 300 บาท ร้านค้าที่ขายทองคำแท่ง ก็จะมีน้ำหนักตั้งแต่ 5 บาท ไปจนถึง 65.6 บาท หรือประมาณ 1 กิโลกรัม โดยสถานการณ์การซื้อขายทองคำในลาวนั้นจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาต่างๆ เช่น เทศกาลใหญ่ประจำปี หรือช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวก็จะมีการซื้อขายทองกันอย่างคึกคัก

Read More

31/01/2563

ผลกระทบจากการเก็บภาษีอัญมณีและเครื่องประดับUAE


สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เป็นผู้ส่งออกและผู้บริโภคสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับอย่างทองคำ เพชร และเครื่องประดับแท้สำคัญเป็นลำดับต้นๆ ของโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายแต่ละปีมากกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากชาว UAE มีกำลังซื้อสูง และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากถึงปีละกว่า 17 ล้านคน แต่หลังจากมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% และภาษีนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในอัตรา 5% ก็ส่งผลต่อการการเติบโตของตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับใน UAE ไม่น้อย การเรียกเก็บภาษีส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับในตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างมาก โดยพบว่าปริมาณความต้องการบริโภคเครื่องประดับทองในประเทศลดลงมากที่สุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากราคาเครื่องประดับทองที่พุ่งสูงขึ้นจนผู้บริโภคตั้งตัวไม่ทัน ประกอบกับราคาทองคำในตลาดโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การนำเข้าทองคำลดลงตามไปด้วย ซึ่งสถานการณ์นี้ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยด้วย ทั้งนี้เพราะ UAE เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลางนั่นเอง ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม ปี 2019 การส่งออกของไทยไป UAE ลดลงหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับทอง ที่มีมูลค่าลดลง 3.78% รองลงมาเป็นพลอยสีและอัญมณีสังเคราะห์มีมูลค่าลดลงมากที่สุดถึง 50.25% ซึ่งการส่งออกไป UAE นี้ลดลงเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2018 หรือตั้งแต่มีการเรียกเก็บภาษีนั่นเองเมื่อดูภาพรวมตัวเลขการนำเข้า-ส่งออกของ UAE ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมาก็พบว่ามีสัดส่วนลดลงโดยUAE ส่งออกทองคำ เพชร และเครื่องประดับแท้ ไปยังประเทศคู่ค้าหลัก ได้แก่สวิตเซอร์แลนด์ อินเดีย ตุรกี ฮ่องกง และเบลเยียม เป็นมูลค่ากว่า 21ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.88% แต่การนำเข้าทองคำ เครื่องประดับแท้ และเหรียญกษาปณ์ จากอินเดีย ฮ่องกง อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ และตุรกีมูลค่ากว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับพฤติกรรมการบริโภคสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับใน UAE นั้นชาวอาหรับพื้นเมืองนิยมเครื่องประดับทองคำแบบโบราณ 21 กะรัต แต่หากเป็นเครื่องประดับสมัยใหม่จะนิยมทองคำ 18 กะรัต ส่วนชาวเอเชียใต้ที่อาศัยในUAE นิยมทองรูปพรรณสไตล์อินเดีย 22 กะรัต ขณะที่ชาวตะวันตกที่เข้ามาทำงานและท่องเที่ยวในแถบนี้นิยมเครื่องประดับทองคำสมัยใหม่ 14 กะรัต และ 18 กะรัต ส่วนตลาดบนของชาวมุสลิมนิยมแพลทินัมประดับเพชร และพลอยเจียระไนมากกว่าทองคำ

Read More

31/01/2563

“ทองคำ” เอาไปใช้ทำอะไรบ้าง


สภาทองคำโลกรายงานว่า ปัจจุบันมีทองคำที่ขุดขึ้นมาแล้วทั้งโลกราว 171,300 ตัน หรือคิดเป็น 171,300,000 กิโลกรัม นับเป็นทองคำจำนวนมหาศาลแต่ทราบหรือไม่ว่าทองคำเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนหรือใช้เอาไปทำอะไร แล้วถ้าจะบอกว่า ผู้หญิงอินเดียคือผู้ที่ครอบครองทองคำมากที่สุดในโลก จะเชื่อหรือไม่นี่คือข้อมูลที่สภาทองคำโลกได้รายงานการนำทองคำไปใช้ในด้านต่างๆดังนี้มากที่สุดอันดับ1 นำไปทำเครื่องประดับ โดยทองคำ โดยทองคำจำนวน 84,300 ตัน หรือ 49.2% ของทองคำทั้งหมดถูกนำไปแปรรูปเป็นเครื่องประดับ ว่ากันว่า ผู้หญิง อินเดียเป็นผู้ถือทองคำรายย่อยมากที่สุด นั่นเท่ากับว่า อินเดียเป็นประเทศที่มีปริมาณการซื้อสะสมเครื่องประดับ จากทองคำมากที่สุดในโลกนั่นเองอันดับสอง คือ นำไปใช้เพื่อการลงทุน ทองคำในส่วนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของทองคำแท่งตัวเลขอยู่ที่ 33,000 ตัน หรือคิดเป็น 19.26% อันดับสาม คือ เก็บอยู่ในธนาคารกลางของประเทศต่างๆเพื่อใช้เป็นทุนสำรอง โดยธนาคารกลางทั้งโลกมีทองคำรวมกันราว 29,500 ตัน หรือ คิดเป็น 17.2% โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นธนาคารกลางซึ่งถือครองทองคำมากที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนราว 3 ใน 4 ของทุนสำรองเงินตราของสหรัฐ รองลงมาคือเยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศสและรัสเซียอันดับสี่ คือการใช้ในภาคอุตสาหกรรม ในส่วนนี้มีปริมาณการใช้ทองคำราว 20,800 ตัน หรือคิดเป็น 12.14% โดยทองคำถูกนำมาใช้ในวงการอิเล็คทรอนิกส์และการสื่อสารโทรคมนาคม อาทิเช่น สวิตซ์โทรศัพท์ที่ใช้เป็นแผงตัด เพื่อให้กระแสไฟฟ้าเดินได้สะดวก การใช้ลวดทองคำขนาดจิ๋วเชื่อมต่อวัสดุกึ่งตัวนำและทรานซิสเตอร์ การใช้ลวดทังสเตนและโมลิบดีนัมเคลือบทองคำ ใช้ในอุตสาหกรรมหลอดสูญญากาศ การเคลือบผิวเสาอากาศด้วยทองคำเพื่อการสื่อสารระยะไกล การใช้ตาข่ายทองคำเพื่อป้องกันการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในระบบการสื่อสารการบินพาณิชย์ การใช้อลูมิเนี่ยมเคลือบทองในเครื่องถ่ายเอกสารเพื่อทำหน้าที่สะท้อนรังสีอินฟราเรด การใช้โลหะทองคำเจือเงิน และนิกเกิลประกบผิวทองเหลืองสำหรับใช้ในปลั๊ก เป็นต้นส่วนที่เหลืออีกราว 2.2% หรือ 3,700 ตัน ทองคำถูกนำไปใช้ในด้านอื่นๆเช่นวงการอาหาร ความสวยความงาม เป็นต้นจะเห็นได้ว่ามีการนำทองคำไม่เพียงเป็นเครื่องประดับ หรือเป็นทรัพย์สินหรือเป็นทุนสำรองเท่านั้น แต่ทองคำนั้นสามารถนำไปใช้ได้อีกในหลายๆด้าน ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้ทำอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้นเอง

Read More

31/01/2563

5 เหมืองทองคำที่สำคัญของโลก


การทำเหมืองแร่ทองคำ มีอยู่ใน ๘๒ ประเทศทั่วโลก ประเทศผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ ประกอบด้วย แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน อินโดนีเซีย รัสเซีย แคนาดา และเปรู โดยประเทศที่มีแหล่งแร่ทองคำมากที่สุดในโลก คือ แอฟริกาใต้ รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา และบราซิล แต่เหมืองแร่ทองคำขนาดใหญ่กลับไม่ได้อยู่ในประเทศที่มีแหล่งแร่ทองคำมากที่สุด และนี่คือ 5 เหมืองแร่ทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก5. เหมืองคอร์เตซ (Cortez)เป็นหนึ่งในเหมืองทองของ Barrick Gold ตั้งอยู่ในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา เหมือง Cortez ผลิตทองคำได้ 1.059 ล้านออนซ์ในปี 2559 และบริษัท ยังมีโครงการในการพัฒนาจำนวนมากที่เน้นการขยายเหมืองเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตทองคำให้ได้ต่อเนื่องทุกปี เพื่อให้เป็นเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในอนาคต 4. เหมืองกราสเบิร์ก (GRASBERG)ตั้งอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย รัฐบาลอินโดนีเซียเป็นเจ้าของร่วมกับบริษัทข้ามชาติ Freeport-McMoRan ผลิตทองคำได้ 1.061 ล้านออนซ์ในปี 2559 สร้างรายได้ 1.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ได้มีการหยุดทำเหมืองชั่วคราวเนื่องจากเกิดปัญหาเหมืองถล่มทำให้คนงานเสียชีวิตจำนวนมาก 3. เหมืองโกลด์สไตรค์ (Goldstrike)เป็นอีกหนึ่งเหมืองทองคำใหญ่ของกลุ่มบริษัทตั้งอยู่ในเขต Carlin Trend รัฐเนวาดา ซึ่งเป็น "เขตการขุดทองคำที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในซีกโลกตะวันตก" ในปี 2559 Goldstrike ผลิตทองคำได้ 1.096 ล้านออนซ์เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบเป็นก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าเหมืองแห่งนี้จะมีปริมาณทองคำ 8.08 ล้านออนซ์ 2. เหมืองพูเอโบล วิเอโจ้ PUEBLO VIEJOตั้งอยู่ในสาธารณรัฐโดมินิกัน Pueblo Viejo เป็นของบริษัทร่วมทุนระหว่าง Barrick Gold ซึ่งถือหุ้น 60% และ Goldcorp เหมือง Pueblo Viejo ซึ่งเป็นเหมืองเปิดมีมูลค่าการผลิตทองคำ 1.167 ล้านออนซ์ในปี 2559 จากปริมาณทองคำที่คาดว่าจะมีทั้งหมด 13.48 ล้านออนซ์ นอกจาก Barrick และ Goldcorp แล้ว Royal Gold ก็มีความสนใจใน เหมือง Pueblo Viejo เช่นกัน 1. เหมือง มุรันทา (Muruntau)Muruntau ซึ่งเป็นเหมืองแร่ทองคำอันดับต้น ๆ มีรัฐบาลอุซเบกิสถานเป็นเจ้าของ ผลิตทองคำได้ประมาณ 2.15 ล้านออนซ์ในปี 2558 โดยสันนิษฐานว่าผลิตได้ในปริมาณที่ใกล้เคียงกันทุกปีจนถึงปัจจุบัน

Read More

31/01/2563

“ลงทุนทองคำ”อย่างไร? เรื่องที่มือใหม่ควรรู้


การลงทุนทองคำ เป็นทางเลือกใหม่ของการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากสร้างผลตอบแทนที่ดี ซื้อ-ขายง่าย มีความปลอดภัยสูงและมีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนหรือหุ้น แต่การลงทุนทองคำก็มีหลายเรื่องที่นักลงทุนหน้าใหม่ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพื่อให้การลงทุนเหมาะสมกับเงินทุนและได้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุด 1.การลงทุนใน ทองคำรูปพรรณ-ทองคำแท่งการลงทุนทองคำทำได้หลายแบบ ที่คุ้นเคยที่สุดคือการ ลงทุนในทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณ ซึ่งสิ่งแรกที่จำเป็นต้องรู้คือน้ำหนักของทองคำแท่งกับทองรูปพรรณ แม้จะนับเป็นทอง “1 บาท” เท่ากัน แต่น้ำหนักจริงไม่เท่ากัน โดยทองคำแท่ง 1 บาท หนัก 15.244 กรัม ส่วนทองรูปพรรณ 1 บาท หนัก 15.16 กรัม ทำให้ทองคำทั้งสองแบบที่ความบริสุทธิ์เท่ากันมีราคาต่อ 1 บาทไม่เท่ากัน การลงทุนในทองคำรูปพรรณเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บเป็นสินทรัพย์ระยะยาว หรือเป็นมรดกตกทอดมากกว่าการลงทุนเพื่อทำกำไรระยะสั้น สามารถซื้อตามน้ำหนักที่ต้องการได้เลย แต่มีข้อเสียคือมีค่ากำเหน็จ หรือค่าแรงในการทำทองที่เพิ่มเข้ามาทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับร้านและลวดลายของทองที่ซื้อ นอกจากนี้เมื่อนำไปขายคืนจะถูกหักค่าเสื่อมประมาณ 5% ด้วย ส่วนทองคำแท่งต้องใช้เงินทุนที่มากกว่าในการซื้อเพราะมักกำหนดการซื้อขั้นต่ำเช่น 5 บาท, 10 บาท, 20 บาท และ 50 บาท แต่ไม่มีค่ากำเหน็จจึงมีราคาถูกกว่าทองคำรูปพรรณและไม่โดนหักราคามากเวลาขายคืน ทองคำแท่งจึงทำกำไรได้มากกว่าทองรูปพรรณและเป็นที่นิยมของนักลงทุนที่ลงทุนในทองคำอย่างจริงจัง 2. การลงทุนโดยตรงกับร้านที่ได้มาตรฐานสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น สัญญาถือครองหรือตั๋วทอง, ซื้อทองคำมาเก็บรักษาเอง หรือฝากไว้กับร้านทองที่ไว้ใจได้ นอกจากนี้ร้านทองยังมีบริการซื้อทองแบบ“ออมทอง” คือการให้นักลงทุนซื้อทองเป็นการเก็บออมได้ในจำนวนเงินทีละน้อยๆเช่นออมเดือนละ 1,000 บาทเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ จนครบบาทก็สามารถ ”ถอน” ทองที่ออมไว้จากร้านในรูปแบบทองคำแท่ง หรือขายคืนเป็นเงินสดเพื่อทำกำไรก็ได้ 3. การลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำกองทุนรวมจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนนำเงินไปลงทุนในทองคำแทนนักลงทุน ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ วิธีนี้นักลงทุนไม่ต้องเดินไปซื้อทองคำที่ร้านทองด้วยตัวเอง แต่ใช้วิธีการติดต่อผ่านกองทุนรวมให้ทำหน้าที่แทน การลงทุนผ่านกองทุนรวมนี้เป็นการลงทุนที่ง่ายและใช้งบน้อย แต่สำคัญคือต้องเลือกตัวแทนที่เชี่ยวชาญคอยดูแลเรื่องการลงทุนให้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นลงทุนในทองคำจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนตลอดเวลาตามปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก เช่น ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ และนโยบายการเงินของธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลก ดังนั้นการลงทุนในทองคำจึงมีความเสี่ยงเหมือนกับการลงทุนในด้านอื่น ๆ

Read More

Loading...
More